....ขับมอไซค์ ลุยเทือกเขาหิมาลัย ที่อินเดีย Himalayan Odyssey2016....












ฝันไว้ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต
จะได้ขับมอไซค์ไปบนเทือกเขาหิมาลัย  
ไปบน ถนนที่สูงที่สุดในโลก
แต่แล้ว ความฝันอยู่ๆมันก็ลอยมาให้เราคว้า
นั่นคือ   "โอกาส"

จขกท. ก็เหมือนคนทั่วไป ที่เห็นภาพสวยๆของเทือกเขาหิมาลัย
แล้วเกิดพลังอยากเดินทางไปเห็นด้วยตาของตัวเอง
ได้พากล้องถ่ายรูปออกเดินทางไปด้วยกัน
ได้พาผู้ชายคนนึงไปส่ง......
ในดินแดนที่เรียกว่าสรวงสวรรค์
และไปด้วยรถ 2 ล้อ ที่ขับด้วยพลังจากตัวเองในตอนที่ยังมีเรี่ยวแรง

.........................................

แนะนำตัวก่อน จขกท. ชื่อ นก  ค่ะ
เป็นผู้หญิงธรรมดา ที่ชอบถ่ายรูป เดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์กับกล้องคนเดียว
ไปทั่วประเทศไทย

แต่ทริปนี้เป็นทริปขับมอไซค์ต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต
เกิดจากมีการรับสมัครจาก Royalenfield มีโควต้าคนไทย 6 คน 
ให้ไปร่วมทริป Himalayan odyssey 2016 กับคนอินเดียและต่างชาติ
และนกก็ได้เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้ไป
ดีใจมากๆ
ถึงเป็นผู้หญิงคนเดียว แต่ก็อุ่นใจเพราะมีเพื่อนคนไทยไปด้วย

แต่พอถึงวันออกทริป  มีเซอร์ไพรส์สสสสสส
ผู้หญิงแยกขับคนละทางกับผู้ชาย
ไม่ได้ไปกับเพื่อนคนไทย
ไม่มีเพื่อน
ต้องไปขับรถกับคนแปลกหน้า  คนต่างชาติที่ไม่รู้จัก
จะเอาตัวรอดไหม
แต่โอกาสเจ๋งๆแบบนี้ จะยอมแพ้ได้ไง
ก็ต้องไปสิ
สู้สุดตัวววววววว

..................................................

เดินทาง 15-25 กค.59
บินจากไทยสุวรรณภูมิ-ลง New delhi ประเทศอินเดีย-ต่อเครื่องไป Leh Ladakh
เริ่มขับรถจาก Leh-Tsokar-Jispa-Manali-Gushaini-Chandigarh
บินกลับจาก Chandigarh-Chennai-Thailand กลับบ้านเรา

พึ่งผ่านมาแค่ 1 เดือนเอง  
เป็นทริปที่ทำให้ตื่นเต้น มีเซอร์ไพรสทุกวัน ลุ้นทุกวัน 
แม้แต่ตอนนี้ กำลังเขียนกระทู้  หัวใจมันเต้นแรง

อุปกรณ์ถ่ายภาพ
canon 6D sigma10-20, canon 50 f1.8, canon85f1.8
กล้องติดหมวก Sjcam m10mini wifi
iphone 6s










....................................................

ภาพถ่ายพร้อมแล้ว......เดินทางง

ถึงสุวรรณภูมิแต่เช้า
สัมภาระเอาไปแค่ 15 kg. หมวกกันน็อค รองเท้า เสื้อการ์ดครบชุด เสื้อฟรีซกันหนาว
กล้องติดตัวไป
ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างใน 10 วันหลังจากนี้
ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ


ถึงประเทศอินเดียแล้ว
ที่ New Delhi  
มีแต่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก


เช้าวันใหม่บินไป Leh dalakh

ทุกคนบนเครื่องแห่กันไปที่หน้าต่าง

เพื่อมองสิ่งนี้

..............หิมาลัย.......................


ตื่นเต้นทะลุกระจก  ทุกคนเอาหน้าแนบหน้าต่างเครื่องบินจนไม่มีที่เหลือ
ส่วนเราก็ เดินไปเข้าห้องน้ำพอดี  มีลุงใจดีนั่งชั้นbusiness เรียกให้มาถ่ายรูปตรงที่เขานั่ง



เครื่องลงแล้ว

นี่คือเมืองภูเขาของแท้

พร้อมกับเลือดออกจากจมูก  เพราะความสูงและความดันที่ไม่ปกติ

นึกในใจ จะรอดไหม  ได้โปรดอย่าป่วยย




เก็บของเข้าโรงแรม
รีบวิ่งออกมาสำรวจเมือง Leh 
นี่คือตลาดใจกลางเมือง  ค่าครองชีพต่ำ ของราคาถูกเพียบ


เดินทุกซอกทุกมุมที่ขาจะไปถึงได้


เมืองนี้มีแต่ภูเขาสีน้ำตาล  รอบเมืองงง


ไม่รู้คือที่ใด  เดินไปจนสุดถนน


สวัสดี............คนหน้าแปลก



จนเวลาค่ำแล้ว  

กลับมาที่พัก

ท้องฟ้าที่นี่ยังสว่าง

เวลาช้ากว่าไทย 1.30ชม.

เรามาตรงช่วงพระจันทร์เต็มดวง  อดถ่ายทางช้างเผือก


วิวจากห้องนอน  มองจนเพ้อไปเลย

ความหนาวจากหิมาลัย ก็ไหลเข้ามาในห้อง


มืดแล้ว ออกไปเดินถ่ายรูป  หาชาร้อนๆดื่ม  พรุ่งนี้คือวันออกทริปแล้ว

เจอเจ้าลา2แม่ลูกที่ตลาด

เป็นเรื่องปกติที่เห็น วัว ม้า ลา  เดินเล่นบนนถนน  

เราต้องเกรงใจสัตว์พวกนี้



ตื่นแต่เช้า เห็นวิวนี้จากที่นอน

นอนต่อ...........


พึ่งได้เห็นรถตัวเป็นๆ ในเช้าวันนั้น  เลือกคันสีขาว  มี่แค่ดำกะขาว
ไม่มีเวลาให้ลองซ้อมขับก่อนเลย
ได้ปุ๊บ ออกทริปปั๊บ
ขาตั้งกล้องเอาแบบเบาๆราคาถูกพร้อมพังแล้วทิ้ง  ไม่เป็นภาระ
เตรียมธงชาติไทยมาเพื่อการนี้
เผื่อได้เจอคนไทยด้วยกันมาทัก  มันดีใจบอกไม่ถูก
บอกตรงๆว่ามาขับรถกับใครไม่รู้จัก  ไม่สนิทใจ เท่าคนไทยด้วยกัน


ผู้หญิงต้องแยกขับคนละทางกับผู้ชาย  พึ่งรู้ในเช้าวันนี้
แล้วไปเจอกันวันสุดท้าย   
นี่เราต้องไปขับรถกับคนไม่รู้จัก ต่างชาติหมดเลย
วันแรกของทริป เราจะขับไปบนถนนที่สูงที่สุดในโลก
Khardungla
กับรถ RoyalEnfield ขนาด 400cc รุ่น Himalayan 


ขึ้นเขาาแล้ววววว
รถน้ำมันก็จะหมด  ทีมงานไม่มีการพาไปเติมก่อน  
หมดกลางทางจะทำไงดีล่ะเนี่ย
ลุ้นอีกแล้ว


นี่คือถนนที่เราขับขึ้นผ่านมา
ขึ้นเขาอย่างเดียวเลย   
ท่องไว้ให้มองแต่ข้างหน้า  อย่ามองด้านข้าง  มันเป็นหน้าผา
อดใจถ่ายรูปไม่ไหววว


วิวอลังการณ์มากกก  เห็นหิมะบนเขาแล้วว



ช่วงทางขึ้น   มีนักท่องเที่ยวคนไทยเห็นเราแว้บๆ ถามว่าคนไทยรึเปล่า
เราก็ชี้ไปธงท้ายรถ  น้องก็เฮกันใหญ่
เสียงเชียร์จากน้องๆนี่  ให้กำลังใจดีมาก
ประทับใจ
แค่มาวันแรกก็เหงาแล้ว  ไม่มีเพื่อน
และคนไทยคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในทริปนี้
ถนนบนนี้น่ากลัวมาก  ไม่มีอะไรกั้นขอบทาง พลาดไปก็หายไม่ต้องกลับบ้าน
ดังนั้น  สติ สมาธิ  สำคัญที่สุด



แต่แล้วก็ ล้มจนได้

มัวกังวลกับน้ำมันรถที่จะหมด  เลยไม่กล้าบิดรถมาก
กำลังขึ้นทางชันพอดี  แรงส่งรถไม่พอ  
และไม่ชินกับตัวรถด้วย รถสูงพอสมควร เพราะได้รถปุ๊บ ก็ออกทริปทันที 
ล้มไป 2 แปะ   กระโดดออกเกือบร่วงตกเขา
หัวใจนี่ตกไปที่ตาตุ่ม......
เพื่อนอินเดีย รีบดึงตัวออกมาจากหน้าผา  ช่วยกันยกรถให้
ขอบคุณพวกเธอมาก
ก็พึ่งรู้ว่ารถคันนี้จอดเกียร์ N ไม่ได้ แบบรถบ้านเรา
ต้องลดไปเกียร์ 1 แล้วดับสวิชค่อยจอดรถได้
นี่ก็อีกสาเหตุที่ล้ม


ยกรถจะขับต่อ
เอ๊ะ...........ครัชมือหายไปไหน

มองพื้นเจอซากหลุดอยู่ 

หักไปครึ่งนึง

!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ทางทีมงานถามว่า  คุณขับต่อไหวไหม

เราตอบไปว่า

........ต่อสิ    

ขับไปแบบหักๆงี้ล่ะ   แค่ออกแรงบีบเยอะหน่อยเท่านั้น



ทางก็โหด ครัชก็หัก

กล้องก็อยากหยิบมาถ่าย

โถ......ชีวิตไบก้อน  เอ๊ย ไบเก้อรรรร


อ้าวถึงแล้วหรอ................Khardungla

ถนนที่สูงที่สุดในโลก

ทำไมไม่ตื่นเต้นเลย    เราว่าออกแรงบีบครัชเปลี่ยนเกียร์ยังน่าตื่นเต้นกว่า555+

ทำไมดูคนอื่นเขาตื่นเต้นกันจัง

ตื่นเต้นก็ได้  อ่ะ............ตื่นเต้นนน


ลมพัดพริ้ว  หนาวจับใจ


บนนี้มีหิมะน้ำแข็ง


ณ บนนี้  คือถนนที่เป็นจุดหมายของนักเดินทางมากมาย

ทั้งมอเตอร์ไซค์  จักรยาน  นักเดินเท้า  นักท่องเที่ยวทุกคนที่มา Leh

ทุกคนต้องได้มาที่นี่


เจอน้องคนไทยที่นี่พอดี  น้องถ่ายรูปนี้ให้ ขอบคุณมากค่า

นี่แค่วันแรกของทริป  ยังเจอทางโหดขนาดนี้  เหลืออีกตั้ง6วัน

แต่ก็มาถึงแล้ว  ถนนที่สูงที่สุดในโลก


แล้วก็วกรถกลับทางเดิม

เห็นโค้งก็ตั้งสติดีๆ


เจอมุมนี้ ต้องหยุดจอดถ่ายทันที

มาเพื่อถ่ายภาพ  ใครขับเร็ว เชิญป้ายหน้า.....น่าเสียดาย

เพราะตรงหน้าเรานี้คือ  เทือกเขาหิมาลัย


หยุดมองดูสักพัก    พักความกังวลออกไป

แค่ได้จอดรถสัก 3 นาที  ตรงนี้มันมีค่ามาก

เพราะสไตล์การขับทริปนี้  ขับกันอย่างเดียว ไม่ค่อยจอดถ่ายรูปกัน

เราพยายามขับรถให้อยู่กลางๆของกลุ่ม  ไม่รั้งท้าย  จะได้มีเวลาจอดถ่ายรูป


ลงจากเขาแล้ว  ทีมงานก็นำรถไปซ่อมครัชที่หักให้
เช้าวันใหม่  ออกเดินทาง


สิ่งแรกที่ขอทีมงาน คือ พาไปเติมน้ำมันหน่อยย

พร้อมเตรียมน้ำมันสำรองให้


เส้นทางเช้านี้  มุ่งหน้าจาก

leh-tsokar


วันนี้ถนนดีลาดยางเรียบบ  



ความฟิน คือ ระหว่างทาง

ขับเลียบลำธารไปจนสุดเขา


วันนี้เป็นทริปขับข้ามเลียบเขา


ทางดีไม่โหดเหมือนเมื่อวาน


ชมวิวเขาอลังการณ์ตลอดทาง
อยากจะจอดถ่ายทุกที่  แต่ต้องทำเวลาไม่ให้ถึงที่พักมืด


เจอทุ่งหญ้าเขียวริมทาง  
การขับรถ ตปท. มันสนุกตรงที่  เจออะไรแปลกตามันสวยงามไปหมด


จอดพักริมทาง  สูดอากาศเต็มที่


หลังจากนี้ขับขึ้นเขาผ่านหลายลูก

จนมาเจอวิวสูงบนนี้   สวรรค์ของนักถ่ายภาพของช้านนนนนน

หยิบกล้อง dslr ออกมา   กล้อง error !!!!

ตายๆๆ งานเข้าาาา   จอดรถได้แค่แป๊บเดียวอีก   หยิบ ไอโฟนกดไปก่อน

แต่วันที่ขับรถนี่ ความฟินไม่ค่อยมีนะ  กดรัวๆๆ อย่างเดียว


เพราะ ความกลัว มาเหนือ ความฟิน....555+

ฟินที่สุด ก็ตอน กลับไทย แล้วเปิดภาพในคอม

ส่วนคนที่ฟินที่สุด  คือ เพื่อนที่ fb ที่ติดตามทริปตอนถ่ายทอดสด

หยั่งกะมาแข่งโอลิมปิค


ที่นี่ไม่ใช่เส้นชัย

เส้นชัยของเราคือ  บ้านของเรา

นี่แค่วันที่2ของทริป   ร้องไห้อยากกลับบ้านแล้ว


บนนี้แดดแรง  แต่ลมหนาว

เราขับขึ้นมากับเพื่อนสาวโคลัมเบีย กับอินโด  3 คัน


นี่คือถนนในฝัน  ครึ่งนึงของทริปนี้เป็นทางลูกรัง ทางหิน
เจอทางลาดยางสวยๆ วิวเทพแบบนี้
ขับเพลินนลืมทุกอย่าง


กำลังเพลินอยู่ดีๆ

รถเซอร์วิสก็หักเลี้ยวเข้าไปในทางที่ไม่มีถนน

พาเราขับเข้าไปในทราย

แล้วเราก็ไม่เคยมีทักษะขับทางทรายเลย

ขับลื่นนนเป็นงูเลื้อย

จนได้ทักษะ ยืนขับ ทิ้งน้ำหนักตัวไว้ข้างหน้า  ห้ามกดเบรค  

ที่เจ๋งกว่านั้น คือ เจอพายุทะเลทรายเล้กๆ 

เราขับพุ่งเข้าไป   สุดยอดจิงๆ ประสบการณ์นี้



นี่มันทริปสำหรับสายโหด

อยุ่ไทยสายอ่อน ขับแต่ทางเรียบ

มาที่นี่   เลื่อนขั้นหลาย level 5555+


เจอขบวนม้าตัดหน้า


ถึงที่พักแล้ววววววววว

tsokar   วันนี้เรามานอนเต็นท์กัน   ถูกตัดขาดจากโลกinternet 


ทั้งทริปใน 10วันนี้ ชอบที่นี่ที่สุด มีความสุขที่สุด

เพราะได้ถ่ายรุป ไม่ต้องสุงสิงกับใคร  ได้อยู่กับธรรมชาติ



หายเหนื่อยเลยล่ะ


ถึงไม่มีinternet แต่มีกล้องถ่ายรูปเป็นเพื่อน  มีวิวดีๆให้ถ่ายรูป  

ดีใจ



นั่งมุดหญ้ามุดดินอยู่ตรงนั้น  อากาศหนาวต่ำกว่า20องศา
ลำธารเย็นเจี๊ยบบ


ดอกไม้ชวนฝัน


นอนถ่าย อิอิ


พาชมแคมป์ต่างๆ  เจอนักเดินทางหลายคน  เช่าเต้นท์นอนที่นี่  บางคนแบกเต็นท์มากางเอง



อิจฉาครอบครัวนี้จัง


กลุ่มนี้แบกเต็นท์มากางเอง

แรงบัลดาลใจอยากแบกเป้อีกแล้ว



ความสวยของที่นี่ คือ ภูเขาสีน้ำตาลที่มีหิมะทรงโค้ง
พอได้แสงเงาจากแสงตอนบ่ายกระทบ
เหมือนภาพวาด งานศิลปะดีๆชิ้นหนึ่ง


กลางทะเลทราย แต่มีที่นี่มีสิงมีชีวิต


ถ่ายคู่กับรถคู่ใจหน่อย

รถมันลุยได้หมด  แต่คนสิ  จะไหวหรือเปล่า



อย่าไปคิดไรมาก

หยิบหมวกใส่.....ก้าวขา....ขึ้นรถ.....ออกเดินทาง


ความรู้สึกในวันนั้น

คิดถึงบ้าน  คิดถึงคนไทย


ไม่มีเพื่อนคนไทยให้คุย ให้ระบาย 

วัฒนธรรมที่ต่างกัน   ยากที่จะเข้าใจ



รอฟ้ามืด   แสงจากในเต็นท์ก็สว่าง

อากาศลดเหลือ 10 องศา


คืนนี้  มีแสงจันทร์เป็นเพื่อนแล้ว


ไกด์ทริปอื่น นอนกันในรถ  เพราะอุ่นกว่านอนเต็นท์


อุส่าห์เซ็ตรถจอดลานโล่งๆเพื่อถ่ายรถกับดาว

ทีมงานก็มาย้ายรถมาจอดกับคันอื่น

เศร้าแพร่บบ  


คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง  

นั่งมองแล้วคิดถึงคนบนฟ้า   คุ้มครองนกด้วย



เช้าแล้วเดินทาง

จากที่คิดว่าขับรถเที่ยว  กลายเป็นต้องรับผิดชอบให้จบทริป


หาความสุขจากสิ่งเล็กน้อย

ชานมที่นี่อร่อยมากกก  หอมชา หอมเครื่องเทศ


ลุยต่อ ออกถนนทางเดิน

เจอพื้นทรายไม่กลัวอีกต่อไปปปปป 5555+



ล้มกันไป พลาดกันไป  ช่วยกันไป

ส่วนเราชิงล้มมาก่อนนั้นแล้ว    

ล้มก่อนได้เปรียบ  อิอิ


ไปแล้วนะ  ที่ๆชอบที่สุดทริปนี้ tsokar


เส้นทางอีกยาวไกล   


แวะจอดถ่ายรูปกับกลุ่มสาวๆทั้งหมด
ส่วนใหญ่คนอินเดีย  


วันนี้เราเดินทางต่อไปที่  Jispa

ทางโหดขึ้นทุกวัน   เจอทางหิน ลูกรัง  ฝ่าน้ำตก  


ติดธงนี่แล้วจะโชคดี   ติดอยู่คนเดียวในทริป

สายอ่อน กลัวมาก


เน่าตั้งแต่หัวยันหาง   หนูไปออกรบมาค่ะ



เข้าสู่ pang

นี่ คืดสุดยอด ถนนในฝันของนักปั่นจักรยาน

ใครสายปั่น เชียร์ให้มา  ถนนปราบเซียน

จอดเข็นกันเป็นแถวว


เริ่มเจอเขาสีเขียวแล้ว


เจอนักปั่นทัวร์ริ่งเยอะมาก   อยากเห็นคนไทยที่นี่บ้าง


หลายมุมอยากจอดถ่าย ทำไม่ได้  ได้แต่บ่นคนเดียวในหมวก

ไม่งั้นหลุดกลุ่ม หลงทาง  เก็บไว้ในความทรงจำพอ



เส้นทางวันนี้ แย่ขึ้นๆๆๆกว่าวันก่อน

นั่งขับไม่ได้   มันสะเทือนหนักมาก  ตับไตไส้พุงหลุดกระจาย555+

ยืนขับอย่างเดียว

ช่วยควบคุมรถง่ายกว่า  โอกาสล้มน้อยกว่า


ธรรมชาติที่นี่ ดิบจริงๆ

พร้อมเจอกับสวรรค์  ก็ต้องพร้อมเจอนรกพร้อมกัน


เจอถนนแบบนี้  อย่าหยุด  พุ่งใส่มันเลยย


เส้นทางนี้น่ากลัวมาก

ต้องจอดรถพักหายใจสักครู่    

เพราะจะพลาดชนขอบทางไปทีนึง


จอดพักทานข้าว    สีหน้าทุกคนเหนื่อยล้ามากกับวันนี้




ห้องน้ำที่วิวสวยที่สุด  

ได้ใช้บริการเรียบร้อยแล้ว 555



แล้วก็มาถึงที่พักที่ jispa แล้ววว

รอดตายไปอีก 1 วัน



ออกมาชมดาวชัดๆในคืนนี้


เช้าวันใหม่  ยังคงเดินทางต่อไม่จบสิ้น


เพื่อนใหม่ฮะ  น่าหิ้วกลับ


โน็ตนี่สำคัญมาก

ไม่คุ้นกับชื่อเมือง ภาษา  จดไว้  กันหลงทาง


ลุยต่อ  อีกแค่ 3 วันเท่านั้นนน

ยาวไกลเหลือเกิน

วันนี้เราจะไป  Manali


วันนี้ลุยทางหิน ทางฝุ่น

หมดแรงถ่ายรูป  เก็บแรงขับรถแทน  ขอให้รอดปลอดภัยไปวันๆนึงก็พอใจละ



พักทานข้าว  ทานอาหารอินเดียไม่ได้เลย 
สั่งแต่ไข่เจียว


ส่วนอาหารอินเดียที่ชอบที่สุด คือนี่

โรตีกรอบ กะถั่ว  


ลุยฝุ่นกันตลบ  วันนี้เจอแต่ทรายกับฝุ่นและหิน


วันนี้ทางโหดมากกก  ขับเร็วไม่ได้

ทำให้หลุดจากกลุ่มหน้า  และกลุ่มหลังตามไม่ทัน

กลายเป็นขับรถอยู่คนเดียว    คิดว่าตัวเองหลงทาง

เจอทางแยก2ทาง  ไม่รู้เลี้ยวตรงไหน

รถเก๋งมาพอดี  ขับตามมมม



ทางนี้ให้ลุ้นตลอด



จอดถามทางคนแถวนั้นเลย



ถามคนนี้บอกว่า ทางนี้ถูกแล้ว


แพะภูเขาน่ารักกก


เส้นทางนี้สู่ manali ถนนแห่งสายหมอก


ถึงที่พักแล้ว    นอนฟังเสียงน้ำตกให้กลบความเหงา ความกลัว


แสงในห้องพักค่อยๆดับลงคืนนี้

ความเหงา  ความกลัว  มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ

เหลืออีก 1 วันจะได้กลับบ้าน

การอยู่ตัวคนเดียวกับคนแปลกหน้า

แล้วต้องพยายามต่อสู้กับเส้นทางโหดแบบนี้ติดต่อกันทุกวัน

มันไม่สนุก....


ธรรมชาติทั้งสวยงาม และ โหดร้าย


แล้วเช้าวันใหม่ ก็ได้พบกับเจ้าก้อนหินก้อนนี้

ข้อความสั้นๆ ที่เปลี่ยนมุมมองชีวิตได้



มาหลายวัน พึ่งเจอแมวอินเดีย

น่าอุ้มกลับบ้าน




วันสุดท้าย  หมดไฟถ่ายรูปแล้วล่ะ

หมดจริงๆ

วันนี้ขับรถยาว 8 ชม. ฝ่าเข้าเมือง chandigarh

เจอทั้งถนนโคลน  ลูกรัง  และที่น่ากลัวที่สุด คือ

ขับรถเข้าเมืองอินเดีย

ลงเขา เจอรถบัสสวน  มาชน แต่หลบทัน

เจอวัว เดินกลางถนน

เจอ  รถขับแซงทางโค้ง

บีบแตรกันน่าหนวกหู

ขับรถชนเก๋งไฟท้ายแตก  รถล้มอีก1ที

คือ ความบัดซบทั้งหมดในวันนี้


เช้าวันนี้ฝนตก

กลับเจอสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ

เจอไอหมอกลอยบนแม่น้ำ 

อยากจะจอดถ่ายรูป  แต่จอดไม่ได้

เพราะการออกทริปกับกลุ่ม ไม่ได้มีอิสระเหมือนมาคนเดียว  หรือมากับคนที่สไตล์เดียวกัน

เก็บไว้ในความทรงจำต่อไป



มีหญิงอินเดียในกลุ่มคนนึง  เขาเรียกเราให้ขับประกบกันไป 3 คัน

เธอน่ารักมาก    เราอยากจอดถ่ายรุปตรงไหน เธอก็จอดด้วย

เพราะด้วยเส้นทางขับข้ามเขา รถเยอะ  ขับแยกกลุ่มเล็กๆแบบนี้น่าจะดีกว่า

เราขับกันไป 3 คัน   คอยจอดรอกันตลอด


จนถึงที่หมายที่ chandigarh

ทุกคนรวมตัวกันที่นี่   ต่างกอดกัน ดีใจกัน  สู้กันจนจบทริป

สิ่งแรกที่นกทำคือ  ไปอาบน้ำ  พร้อมเปิดเพลง circle of life ของ elton john

ระยะทางทริปนี้ 953 km.

ใช้เวลาเดินทาง 6 วัน  

โหดร้ายจริงๆ


ถึงโรงแรมแล้ว  สิ่งต่อไปที่นกตามหาต่อ

คือ เพื่อนคนไทย

ที่นกถูกแยกขับออกมา    คิดถึงพวกเขามากกก

ทำไมไม่เกิดเป็นผู้ชายยยยยยย


เช้าวันใหม่ ถึงเวลา คืนกุญแจรถแล้ว

ขอบคุณที่ให้ประสบการณ์ดีๆ  พร้อมบาดแผลทั้งกายและใจ หึหึ


แล้วเราก็เก็บของเพื่อบินไปเมือง chennai 
แวะจอดส่งผู้โดยสารที่ มุมไบก่อน
หลังคาสีฟ้าทั้งเมือง


ระหว่างนั่งแทกซี่ไปดูโรงงานผลิตรถ royalenfield

มองชีวิตคนอินเดียไปเรื่อย


ชีวิตที่น่าสงสาร


ที่หมายต่อไป ชมโรงงานผลิตรถ



เวลานั้นนกไม่ไหวแล้ว  เหนื่อยกับการขับรถ  เจออากาศร้อน 

แทบจะเป็นลม



เก็บของ ขึ้นเครื่องกลับบ้าน

ขอให้เขาจัดที่นั่งริมหน้าต่างให้

ลาก่อนนะ  อินเดีย

พลังมันหมดแล้ว


หลับสักพัก

ตื่นมาเจอ  แสงเช้ามืดที่เมืองไทย

กลับบ้านปลอดภัยแล้ว

ที่ผ่านมามันคือบททดสอบที่หินมาก

ภาระกิจสำเร็จแล้ว  




รีบกลับบ้านหาครอบครัว หาแม่ หาแมว

ขับรถมาแบบง่วงมาก  จอดนอนริมถนน  ขับไปจนกว่าจะถึงบ้าน

แม่รีบมากอดก่อนใคร

วันนั้นนอนหลับ มีเจ้าแมวสุดที่รักนอนตัวอุ่นอยู่ข้างๆ

เป็นคืนที่นอนหลับมีความสุขที่สุด

เวลาที่ขาดกำลังใจ  ครอบครัว  คนที่รักคุณ  และสัตว์เลี้ยง คือสิ่งเติมพลังใจที่ดีที่สุด



สุดท้ายแล้ว

นกก็ได้พาผู้ชายคนนึงมาเที่ยวด้วยกัน

พาเขามาส่งดินแดนแห่งสรวงสวรรค์   หิมาลัย

ผู้ชายคนนััน

คือ พ่อของนกเอง

ขอบคุณป๊าที่คุ้มครองให้นกขับรถปลอดภัยตลอดทริป






ขอบคุณ Royalenfield   ให้โอกาสกับบททดสอบการเดินทางครั้งนี้

#HO2016
#RoyalEnfield
#Himalayanodyssey
#foofriday















Create Date : 18 สิงหาคม 2559
Last Update : 19 สิงหาคม 2559 2:46:05 น.
Counter : 2479 Pageviews.

9 comments
ป้ามาลี ตามหาตำนานห้วยพลู ก๋วยเตี๋ยว น้ำใส ต้มยำ รสเด็ด นายแว่นขยันเที่ยว
(3 พ.ค. 2567 00:45:03 น.)
เดินเล่นในเมืองพินอูลวิน, วัดฮินดู, หอนาฬิกา Purcell Tower สายหมอกและก้อนเมฆ
(1 พ.ค. 2567 16:36:06 น.)
ประวัติศาสตร์ริมท่าน้ำนนท์ ชีริว
(1 พ.ค. 2567 21:46:33 น.)
ทริปอเมริกา #3 - ทัวร์นิวยอร์ค-ฟิลาเดลเฟีย-วอชิงตันดีซี ฟ้าใสทะเลคราม
(30 เม.ย. 2567 19:34:08 น.)
  
เห็นภาพแต่ละภาพ โหด..มาก น่ากลัว แต่น่ารักที่พารูปคุณพ่อ
ไปด้วย..ครับ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 19 สิงหาคม 2559 เวลา:11:20:01 น.
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 20 สิงหาคม 2559 เวลา:11:05:06 น.
  
แวะมาอ่านเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว
รูปแยะดีนะคะ ดูเพลินเลย พยายามอ่านคำ
บรรยายแต่อ่านค่อนข้างลำบาก เพราะพื้นสีฟ้า
เข้มมาก ตัวหนังสือเลยไม่เด่นเท่าที่ควร ถ้าปรับ
ปรุงให้อ่านได้ง่ายขึ้น ก็จะแจ๋วกว่านี้ค่ะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 22 สิงหาคม 2559 เวลา:8:54:02 น.
  
ขมอบโหวตหมวดการท่องเที่ยวให้เป็นกำลังใจค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ข้ามขอบฟ้า Music Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
Raizin Heart Movie Blog ดู Blog
คนดีผีคุ้ม Klaibann Blog ดู Blog
คนหัวฟู Travel Blog ดู Blog
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 22 สิงหาคม 2559 เวลา:8:55:11 น.
  
สวัสดีค่ะคุณนก

เปลี่ยนสีพื้นแล้วแจ๋วขึ้นจริงๆเลยค่ะ ชัดแจ๋วแหววไปเลย
วันนี้เข้ามาอ่านใหม่ทั้งหมด พร้อมดูรูปประกอบไปด้วย
ได้อรรถรสแตกต่างไปจากเมื่อวานนี้คนละโลกเลยค่ะ
เส้นทางมหาโหดจริงๆ คุณนกเก่งจัง เหมือนแข่งกีฬา
วิบากเลยนะคะ ทึ่งมากๆค่ะที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงสา
มารถทำได้ขนาดนี้ ต้องทั้งเก่งและใจสู้มากๆเลยขอ
ปรบมือให้ ทริปหน้าจะไปไหนคะ อย่าลืมส่งข่าวกัน
บ้างนะคะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 22 สิงหาคม 2559 เวลา:23:07:47 น.
  
คนหัวฟู Travel Blog ดู Blog
ยังอ่านไม่จบขอโหวตให้ก่อนเพราะรู้ว่า เจ้าของบล็อกนี้เจ๋งมากๆค่าาาา
โดย: Opey วันที่: 23 สิงหาคม 2559 เวลา:20:53:39 น.
  
น้องนกขา

เขียนอะไรใหม่ๆอีกก็อย่าลืมมาตามด้วยนะคะ
ชอบอ่านค่ะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 23 สิงหาคม 2559 เวลา:22:18:35 น.
  

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนหัวฟู Travel Blog ดู Blog

ชอบมากกกกกกก
สุดยอดเลยค่ะ...นับถือในเรื่องใจมากค่ะ
ว่าแล้วขออนุญาตแอคลงเฟรนลิงค์
แหล่มเลย โหวต
โดย: อุ้มสี วันที่: 25 สิงหาคม 2559 เวลา:6:50:53 น.
  
ยิ่งใหญ่มากครับ
โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:22:40:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nokclub.BlogGang.com

คนหัวฟู
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]

บทความทั้งหมด