ตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 190" " ควรมีใครสักคน" - ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการผ่าตัด




ตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 190"
"  ควรมีใครสักคน"
 "การตัดสินใจเกี่ยวกับการผ่าตัด"


"ควรมีใครสักคน......"
โจทย์โดยคุณต่อ(toor 36)

 "ควรมีใครสักคน" สุภาษิตที่ว่าคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย...
ก็ยังใช้ได้จนปัจจุบันแน่นอน บางคนชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว เรียกว่า
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเต็มร้อย แต่พออายุมากๆ การจะอยู่คนเดียว
ทำอะไรคนเดียวก็จะทำได้อยู่ระยะหนี่ง ถ้าสุขภาพดีก็ไม่มีปัญหา
แต่พออายุเข้าสว. ปัญหาสุขภาพ ก็ตามมาทั้งทางสุขภาพทั่วไป
ทุกอย่างทรุดโทรม ความจำก็จะเลอะเลือน
ถ้าอยู่คนเดียวไม่มีใครเลย ก็จะลำบากเหมือนกัน
ไปไหนก็ไม่สะดวกแม้แต่เรื่องหาอาหารประจำวัน
แถมบางที่จะถูกทำร้ายหรือถูกหลอกด้วย เพราะคนร้าย
เห็นอยู่คนเดียว เป็นโอกาสอย่างดี
คนเมืองไทยระยะนี้ก็ยังดีอยู่กับลูกหลาน แต่ก็เริ่ม
จะอยู่เองกันบ้างแล้วเหมือนกัน
ยังไงๆการมีใครสักคนที่สนิทไว้ใจได้ก็เป็นการดีแน่นอน

วันนี้ขอพูดเรื่องสุขภาพ การตัดสินใจเลือกวิธีรักษาโรคต่างๆที่เกิดขี้น
ตามที่แพทย์แนะนำบางท่านก็คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่อยากให้ใครรู้เรื่อง
เจ็บป่วยของตัว คิดเอง ตัดสินใจเอง ไม่มีใครปรีกษาหรือไม่อยากปรีกษาใคร
บางทีก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่ใช่ดีที่สุดก็ได้ และจิตใจก็ทุกข์คนเดียว การเจ็บ
ป่วยก็จะหายยาก เพราะจิตใจทุกข์ ไม่มีเพื่อนที่จะไว้ใจระบายความทุกข์ให้ฟัง


คนที่อเมริกาส่วนมาก จะพูดกันว่าว่าเวลาไปหาหมอควรมีเพื่อนไปด้วย
เราจะได้ช่วยกันซักถามต่างๆ และยังแนะนำว่าเราควรจดคำถามต่างๆ
ที่อยากถามไว้ด้วย เวลาไปหาหมอจะได้ไม่ลืมเดี่ยว เพราะบางทีกลับมาบ้าน
แล้วก็เสียดายว่าไมได้ถามเรื่องนั้นเรื่องนี้

สำหรบการผ่าตัดที่ไม่ฉุกเฉิน บางอย่างที่เป็นเรื่องที่ผลออกมาอาจจะอันตราย
ควรปรีกษาแพทย์คนอื่นอีกด้วย เรียกว่า Second Opion ซี่งบริษัทประกันสุขภาพก็สนับสนุนให้คนไข้ทำ เพื่อจะได้เป็นการแน่นอนว่าการผ่าตัดที่แพทย์แนะนำ จำเป็นจริงๆ
การผ่าตัดใหญ่ๆเช่นผ่าตัดสันหลัง ผ่าตัดหัวใจ ผ่าตัดเข่า .... การผ่าตัดแต่ละอย่าง
ไม่ใช่ว่าผ่าตัดแล้วจะหายเลย เช่นการผ่าตัดหลัง หลังผ่าตัดก็ต้องทำกายบำบัด และต้อง
รู้ด้วยว่าผลเสียจากการผ่าตัดเป็นอย่างไร อาจจะดีขี้นหรือเลวลง และผลที่ได้ดีกว่าเสีย
กี่เปอร์เซ็นต์

ถ้าไปคุยกับแพทย์โดยไม่มีใครไปด้วย แพทย์บอกอะไรก็รับไปเรื่อยๆ พอกลับมาบ้าน
ก็กลุ้มใจว่า เอ ทำดีไหม ทำแเล้วเป็นไง คิดไปสารพัด และก็เสียดายว่าอ้าวไม่ได้ถามแล้ว
ก็ตกลงจะทำผ่าตัดไปแล้ว...

ฉนั้นการมีเพื่อนไปเป็นการดีเป็นทั้งกำลังใจและที่ปรีกษา ช่วยซักถามแพทย์และยังช่วยจำ
ได้ด้วยว่าเวลาแพทย์อธิบาย ตอนนั้นกำลังกังวลก็ฟังๆไป จำได้บ้างจำไม่ได้บ้าง
และยิ่งตัดสินใจว่าตกลงทำผ่าตัดแล้ว ก็ควรมีเพื่อนไปส่งและรอด้วย อย่างน้อยก็เป็น
กำลังใจอีกด้วย

วันนี้จขบ.(เจ้าของบล็อก)ได้มีโอกาสไปเป็นเพื่อน เพื่อนทำผ่าตัด ฃหลังจากที่ผ่านการปรีกษาแพทย์และฟังแพทย์อธิบายจนเข้าใจและพร้อมที่จะทำการผ่าตัด
การมีเพื่อนไปวันที่ทำผ่าตัดเป็นกำลังใจที่สำคัญมากทีเดียว จขบ.ไปเป็นเพื่อนเพื่อนก่อนเข้าห้องผ่าตัดจนออกจากห้องผ่าตัดและแวะไปเยี่ยมเพื่อนทุกวันจน
เพื่อนกลับบ้านปลอดภัยและพักฟื้นอย่างดี

วันผ่าตัดจขบ.ไปกับเพื่อนอีกสองคน เป็นกำลังใจกันอย่างเต็มที่




 เพื่อนมีปัญหาทางระบบลำไส้
( เป็นกฎของที่นี่ เรื่องสุขภาพ เป็นความลับส่วนบุคคล)
หลังจากที่ลุ้นว่าไม่อยากทำผ่าตัดมาสองสามอาทิตย์
คุณหมอพยายามดูอาการ
จาก ​CT scan หลายครั้ง สรุปผลจากการตรวจหลายครั้ง
คุณหมอบอกว่าต้องทำผ่าตัด

***การตรวจ CT scan (Computerized Tomography)
หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
เป็นการตรวจหาความผิดปกติอวัยวะต่างๆ ในร่างกายด้วยลำแสงเอกซ์
โดยฉายลำแสงเอกซ์ผ่านอวัยวะที่ต้องการตรวจในแนวตัดขวาง
และให้คอมพิวเตอร์สร้างภาพ ภาพที่ได้จึงเป็นภาพตัดขวาง
ส่วนที่ต้องการตรวจอย่างละเอียด



จขบ.กราบขอพรพระก่อนออกจากบ้าน ขอให้เพื่อนผ่านการผ่าตัดปลอดภัย
ถ่ายรูปไว้ให้เพื่อนดูที่รพ.ด้วย ไปถึงรพ.ก็บอกเพื่อนว่าไหว้พระให้แล้ว
เพื่อนดูรูปและไหว้พระด้วย เพื่อนก็ไหว้พระด้วย (เพื่อนมาอยู่รพ.ก่อน
หนี่งคืน) เพื่อนกังวลถึงการผ่าตัดอย่างหนี่งคือกลัวจะเป็นมะเร็งลำไส้
 (คุณหมอไม่ได้บอกว่าเป็น แต่ก็กลัวอยู่ดี ) และกลัวต้องที่ต้องทำผ่าตัดcolostomy
(โคลอสโตมี หมายถึง การผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่ออกมา
เปิดทางหน้าท้องเพื่อเป็นทางออกของอุจจาระ
โดยมีรูเปิดบริเวณหน้าท้องเรียกว่า stoma)

คุณหมออธิบายวันก่อนผ่าตัดว่า อาจจะต้องทำผ่าตัดและอาจจะต้องทำ โคลอสโตมี
ภายใต้การการดมยาแบบ Epidural Anesthesia ( Anesthesia, Epidural
ความหมายคือ ระงับความรู้สึกทางไขสันหลังชั้นนอก) และต้องอยู่ห้อง SICU
( ห้องไอ ซี ยู สำหรับคนหลังผ่าตัด) ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากทีเดียว
ถ้าไม่มีเพื่อนให้กำลังใจบ้าง ก็คงทุกข์ไม่น้อยที่เดียว


จขบ.ทำงานที่รพ.นี้ก่อนเกษียณ แต่ทำแผนกห้องคลอด วันนี้ไปเป็นเพื่อน
เพื่อนก็ยังได้พบกับคนที่รู้จักอยู่บ้าง โดยเฉพาะคุณหมอดมยา ที่จะมาดูแลเพื่อน
คุณหมอจำ จขบ.ได้ด้วย และทักทายกันอย่างสนิทสนม
ทำให้เพื่อนและเราอุ่นใจมากขี้น

จขบ.ไปถึงห้องที่เพื่อนอยู่ประมาณ 8.30 น
บอกเพื่อนว่าไหว้พระที่บ้านและขอให้ท่านคุ้มครองให้เพื่อนปลอดภัย
มีเพื่อนสนิทของเพื่อนอีกสองคน เป็นเพื่อนที่ทำงานพยาบาลด้วยกัน
เรานั่งคุยกับเพื่อนไปเรื่อยๆเผื่อเพื่อนจะได้ไม่กังวล 


ประมาณ 9.30 น. พยาบาลมาบอกว่าทางห้องผ่าตัดมารับแล้ว
เราเก็บของทุกอย่างออกหมด ย้ายออกจากห้องนี้เลย


เราสามคน เดินตามไปกับเพื่อนนอนไปกับเตียงเข็น(stretcher)
ไปห้องก่อนเข้าห้องผ่าตัดเพื่อนเริ่มกลัว(เป็นเราก็กลัว)
 เราก็พลอยใจไม่ดีไปด้วยบอกเพื่อนว่าทำใจสบายๆ 
สวดมนต์ไปเรื่อยๆจะได้ไม่คิดมาก

ห้องเตรียมก่อนเข้าห้องผ่าตัด พยาบาลมาแนะนำตัวว่าเป็นพยาบาลที่จะดูแล
คุณหมอดมยา เคยทำงานด้วยกันกับจขบ. ทักทายกันอย่างดี
และแนะนำตัวกับเพื่อน ซักประวัติสำคัญๆ ว่าแพ้ยาอะไรไหม ถามว่า
เพื่อนเข้าใจและยอมรับ การผ่าตัดครั้งนี้แล้วใช่ไหม 
คุณหมออธิบายถึงการให้ยาทางน้ำเกลือ จะให้ยาชาทางสายที่ใส่ไว้ข้างหลัง
เรียก Epidural และจะให้ยาแก้ปวดทางนี้ด้วย  ,จะมีน้ำเกลือ ,มีสายปัสสาวะ
มีสายสำหรับอ่านคลื่นหัวใจ EKG หลังผ่าตัดจะอยู่ห้อง ไอ ซี ยู ตามคุณหมอ
ที่ผ่าตัดบอก ให้โอกาสเพื่อนถามคำถามที่ข้องใจ จนเป็นที่พอใจ
แล้วก็ให้เพื่อนเซ็นต์ใบอนุญาติให้คุณหมอเป็นหมอ
ดมยาในการผ่าตัดครั้งนี้

คุณหมอที่ทำผ่าตัด มาข้างเตียง อธิบายถึงการผ่าตัดอีกครั้งและบอกว่า
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง  ให้ถามข้อสงสัยต่างๆ
และเซ็นต์ใบอนุญาติให้คุณหมอทำผ่าตัด
คุณหมอให้ความมั่นใจว่าจะดูแลคนไข้อย่างดีที่สุด
เราและเพื่อนรออยู่อีกที่หนี่ง ขณะที่คุณหมอดมยาทำ Epidural
เตรียมเข้าห้องผ่าตัด เสร็จเรียบร้อย ได้เวลาจะเข้าห้องผ่าตัด
พยาบาลที่ห้องผ่าตัดมาแนะนำต้วว่าจะเป็นพยาบาลในห้องผ่าตัด
เราเริ่มใจไม่ดี น้ำตาคลอกันทุกคน คุณพยาบาลก็พลอยน้ำตาคลอได้ด้วย
บอกพวกเราว่าไม่ต้องกังวลจะดูแลเพื่อนให้ดีที่สุด ฟังแล้วเรารู้สีกสบายใจ

คุณหมอพยาบาลและบุคคลากรทุกท่าน  ยิ้มแย้มต้อนรับอย่างอบอุ่น
 ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นสบายใจ คลายความกังวล 
เพื่อนเข้าห้องผ่าตัด พยาบาลอีกท่านพาเราไปรอ
ห้องสำหรับญาติรอคนไข้ขณะที่อยู่ห้องผ่าตัด
(Surgical Waiting Room)  หลังผ่าตัดคุณหมอจะมาพบญาติ
อธิบายถึงอาการคนไข้และผลการผ่าตัดให้ญาติรับทราบ

บรรยากาศที่เรารอเพื่อนขณะที่เข้าห้องผ่าตัด 
และออกจากห้องผ่าตัดกันค่ะ




เพื่อนเข้าห้องผ่าตัด เราสามคนรอที่ห้องรอคนไข้เข้าห้องผ่าตัด
ที่โต้ะมีผู้ต้อนรับ(ส่วนมากเป็นจิตอาสาที่เคยทำงานรพ.และมา
เป็นจิตอาสา) จะจดชื่อคนไข้ลงสมุดบันทึก และให้เบอร์เคส (case number )
ให้เราจำไว้จะได้เห็นที่บอร์ด จะไม่เขียนชื่อคนไข้บนบอร์ด
และอธิบายให้ดู case number ที่บอร์ด 
จะได้รู้ว่าขณะนี้คนไข้ กำลังอยู่ที่ไหน 

นับว่าเป็นการดีมาก เราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเอ ทำไมเข้าห้องผ่าตัด
ตั้งนานยังไม่ออกมาสักที และก็จะไปคอยถามคนที่โต๊ะ
คราวนี้เราดูได้ที่บอร์ดเลย เป็นพัฒนาการใหม่ที่เพิ่มขี้น
เพื่อความสะดวกสำหรับญาติด้วย ช่วยคลายกังวล




บอร์ดจะขี้นให้เห็นว่า case number แต่ละ caseกำลังอยู่ที่ไหน
และมีชื่อหมอผู้ทำผ่าตัดให้เห็น

ขณะนี้ เพื่อนเราอยู่ Pre - Op - ห้องรอเข้าห้องผ่าตัด 



 Pre Op ยังรอเข้าห้องผ่าตัด ดูจากเลข case  และชื่อคุณหมอที่ทำผ่าตัด
Intra Op ( Operation room) อยู่ห้องผ่าตัด
PACU  (Recovery Room)
SASU (Same day Sergery)



เรานั่งรอเกือบครี่งช้่วโมงจึงเห็น case number เพื่อนเรากำลังอยู่ห้องผ่าตัด
การเข้าในห้องผ่าตัด สมัยก่อนไม่มีบอร์ดให้เราดู เราคิดว่าเข้าไปข้างในแล้ว
ก็เข้าห้องผ่าตัดเลย ทำให้กังวลว่าทำไมเข้าห้องผ่าตัดตั้งนานยังไม่เสร็จอีก
ที่จริงคนไข้ต้องเข้าไปรอที่ห้องผ่าตัด เพื่อเตรียมพร้อมก่อน บางทีก็รอนาน
กว่าจะเข้าห้องผ่าตัด เพราะอาจจะมีเคสฉุกเฉินมา ก็ทำให้เคสเราช้าลงได้




ห้องสำหรับให้คนไปสวดมนต์ด้วย พอเพื่อนเข้าห้องผ่าตัด
เราสามคนคิดว่าต้องรออีกตั้งนาน เราไปขอพรให้เพื่อน
แล้วไปทานอาหารที่ห้องอาหารของรพ.
เสร็จแล้วกลับมารอที่ห้องเดิม มี TV ให้ดู
หนังสือต่างๆให้อ่าน



*********

เรารอไม่นาน รวมเวลาผ่าตัดประมาณหนี่งชั่วโมง ยี่สิบนาที่
คุณหมอออกมาบอกว่าการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี
เพื่อนไม่เสียเลือดมากจากการผ่าตัดและข่าวดีที่สุด
ไม่ต้องทำ Colostomy 

เราสามคนดีใจกันมาก
คุณหมอบอกว่าตอนนี้เพื่อนอยู่ห้องไอซียูแล้ว
เดี่ยวพยาบาลดูให้เพื่อนเข้าที่เรียบร้อย
จะมาพาเราไปเยียมเพื่อน



พยาบาลมาพาเราสามคนไปเยี่ยมเพื่อน เพื่อนนอนหลับๆตื่นๆ ถามว่าหมอทำ
 Colostomy เปล่า  เราบอกว่าไม่ได้ทำ และการผ่าตัดผ่านไปอย่างดี
เสร็จเร็วใช้เวลา แค่ชั่วโมงกว่าๆเอง เพื่อนดีใจมากยิ้มด้วยน้ำตา
เรานั่งข้างๆเตียง ให้บอกให้เพื่อนพักผ่อน ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
พยาบาลแนะนำตัวว่าเป็นพยาบาลดูแลเพื่อน เล่าถึงอาการของเพื่อน
ว่าการผ่าตัดเรียบร้อย ไม่เสียเลือดมาก ตอนนี้ให้ยาแก้ปวด ให้น้ำเกลือ
มีสายปัสสาวะ มีสาย Epidural สำหรับให้ยาแก้ปวดทางเครื่อง Pump
ซี่งตั้งไว้ตามคุณหมอดมยากำหนดไว้ การให้ยาทางเครื่อง Pump
เป็นการควบคุมให้ยาได้ตามที่คุณหมอสั่ง

คุณหมอดมยาแวะมาเยี่ยมถามถึงอาการเจ็บแผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง
มาดูว่ายาที่ให้พอสำหรับคนไข้ไหม คนไข้แพ้ยาหรือเปล่า



เครื่องปั้มสีฟ้าใหญ่ต่อด้วยท่อสีขาวใหญ่ๆ ต่อไปที่ผ้าห่มพลาสติก 
เป่าลมอุ่นห่มคนไข้ต่อจากผ้าห่มและมีผ้าห่มอีกหนี่ง
หรือสองผืนวางข้างบน เพื่อให้ความอุ่นแต่คนไข้
ตั้งอุณหภูมิให้อุ่นเป่าลมไปที่ผ้าห่มพาสติก
 พอคนไข้อุ่นพอแล้วก็ดับเครื่องหรือ
ลดอุณหภูมิลง

เครื่องสีฟ้าเล็กเป็นเครื่องปั้มสำหรับต่อกับที่หุ้มข้อเท้าถึงเข่า 
จะเป็นเครื่องปั้มผ้าที่หุ้มแน่นและปล่อยออก เป็นการกระตุ้นให้เลือดเดิน

 ขณะที่คนไข้อยู่บนเตียงไม่ได้เดิน มีเครื่องนี้ให้การเดินของเลือด
เพราะเครื่องจะปั้มบีบให้แน่นไม่มากและก็คลายออก เป็นจังหวะ อัตโนมัติ
คนไข้จะมีเครื่องนี้จนคนไข้ออกจากเตียงเริ่มเดินได้




ผนังทางปลายเท้าเคนไข้ มีนาฬิกา TV 
และเครี่องคอมพิวเตอร์สำหรับให้พยาบาล
เขียนบันทึกการพยาบาล การให้ยา และสิ่งต่างๆสำหรับคนไข้


ขณะที่คอมพิวเตอร์ไม่ได้ใช้งาน ก็จะมีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ
สลับกันขี้นมาให้คนไข้และญาติอ่าน  เปลี่ยนไปเรื่อยๆ 






บอร์ดสีฟ้าเล็กๆ จะเขียนย่อๆให้พยาบาล คุณหมอเข้ามาจะได้
รู้เรื่องเกี่ยวกับคนไข้ย่อๆ ชื่อพยาบาล และผู้ช่วยพยาบาลของคนไข้
คนไข้ทานอาหารหรือ ห้ามทานอาหาร คนไข้ออกจากเตียงได้หรือยัง?

วันที่สองเราไปเยี่ยมเพื่อน(คนไข้) ที่ห้องไอ​ซี ยู 
เพื่อนดูดีขี้นมากหน้าตาสดใส่ ตอนเช้าพยาบาลเช็ดตัว
และช่วยคนไข้ลุกมานั่งเก้าอี้

คุณหมอที่ทำผ่าตัดแวะมาเยี่ยมและอธิบายถึงการผ่าตัด
เช็คคนไข้ และบอกว่าจะให้ยาแก้ปวดทาง Epidural อีกหนี่งวัน
คนไข้ต้องอยู่ ไอ ซี ยู อีกหนี่งวัน เราดีใจกันมาก
เพราะที่นี่ไม่อนุญาติให้อยู่กับคนไข้ 
ญาติสามารถโทรศัพท์มาถามอาการคนไข้ได้ตลอดเวลา
แต่เฉพาะญาติที่คนไข้อนุญาติ
ให้รับรู้เรื่องการป่วยของคนไข้เท่านั้น 

เพื่อนอยู่ไอ ซี่ ยู สามวัน ตอนบ่ายวันที่สาม
ย้ายไปเข้าห้องคนไข้แผนกศัลยกรรมหนี่งคืน
เช้าวันรุ่งขี้น หมอให้กลับบ้านได้
เพื่อนไปพักผ่อนต่อที่บ้าน อาการทั่วไปดีขี้นมาก
ระยะนี้ คุณหมอให้ทานอาหารอ่อนๆ และ
นัดไปพบหมออีกสามวัน ที่คลีนิคอีกครั้ง

สรุปประสบการณ์ การผ่าตัดของเพื่อนครั้งนี้ 
เพื่อนสองคน ขื่นชมและพอใจกับการรักษาพยาบาลของคนไข้
บอกว่าทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสดูแลคนไข้ด้วยความเมตตากรุณา
และทำด้วยความเต็มใจ และคุณหมอเมตตาน่ารักมา
อธิบายทุกอย่างไม่รีบเร่ง เปิดโอกาสถามข้อสงสัยต่างๆด้วย

ระยะนี้เพื่อนหายเกือบปกติแล้ว
การผ่าตัดได้ผลดี ไม่เป็นมะเร็งและไม่ต้องผ่าตัดโครอสโตมี
เพื่อนดีใจมากๆ








สาขา Klaibann Blog


ขอขอบคุณ ภาพจากอินเทอร์เนต


newyorknurse





Create Date : 19 ตุลาคม 2560
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2560 3:07:28 น.
Counter : 2233 Pageviews.

24 comments
การ์ตูนจากกล่องอาหาร สมาชิกหมายเลข 4313444
(14 เม.ย. 2567 04:14:16 น.)
อย่ามาบ้ง!นะ peaceplay
(5 เม.ย. 2567 15:53:18 น.)
โรงงานผลิตอาหารเสริมผู้ชาย ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ได้คุณภาพ สมาชิกหมายเลข 7213059
(3 เม.ย. 2567 00:10:02 น.)
วิธีถามราคาสินค้าเป็นภาษาอังกฤษ khatha0808
(2 เม.ย. 2567 00:05:26 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณข้ามขอบฟ้า, คุณSweet_pills, คุณmambymam, คุณกะว่าก๋า, คุณโอพีย์, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณTurtle Came to See Me, คุณหงต้าหยา, คุณtuk-tuk@korat, คุณดาวริมทะเล, คุณJinnyTent, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณเริงฤดีนะ, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณThe Kop Civil, คุณเกศสุริยง, คุณALDI, คุณInsignia_Museum, คุณRinsa Yoyolive

  
สวัสดีค่ะพี่น้อย
ก็จริงนะคะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนถ้ายังอายุน้อยและสุขภาพแข็งแรง
แต่พออายุมากขึ้น และยิ่งสุขภาพไม่ดีด้วย
อะไรหลายอย่างก็ตามมา มีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนจะได้ช่วยกันปรึกษาเวลามีปัญหา

newyorknurse Klaibann Blog
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:5:58:34 น.
  
newyorknurse Klaibann Blog

พี่น้อยคอยอยู่เป็นเพื่อนและให้กำลังใจเพื่อนในทุกขั้นตอน
เพื่อนพี่น้อยคงอบอุ่นใจและมีกำลังใจมากทีเดียวนะคะ
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะที่การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี
ขอให้เพื่อนพี่น้อยมีสุขภาพปกติแข็งแรงโดยเร็วนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:50:07 น.
  
ก่อนอิ่นขอแสดงความยินดีกับเพื่อนพี่น้อยด้วยค่ะ
ที่การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี และไม่เป็นอะไรมาก
การผ่าตัด ถ้ามีใครสักนคอยอยุ่ใกล้ๆ ทำให้คนป่วยอุ่นใจคลายความกังวลไปได้เยอะเลย
กลุ่มเพื่อนพี่น่ารักมากค่ะ คอยดูแลเพื่อนไม่ห่าง
ชอบใจระบบที่ทันสมัยของรพ.ที่ให้เห็นว่าขณะนั้นคนไข้อยู่ที่ไหนบ้าง
ทำให้คนเฝ้าสบายใจเยอะเลยนะคะ อีกทั้งระบบยาที่ให้แก้ปวดก็ทันสมัยมาก
อยากให้รพ.ในเมืองไทยมีแบบนี้บ้างจังค่ะ

ขอบคุณโหวตที่บล็อกค่ะ

โดย: mambymam วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:18:25 น.
  
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
มาส่งกำลังใจให้ค่ะ
โดย: Gorjai Writer วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:43:16 น.
  
โหวตครับพี่น้อย

บล็อกนี้เป็นข้อมูลที่ดีมากๆเลยครับ
เห็นถึงความสำคัญในการให้ความรู้กับผู้ป่วย
และการให้ข้อมูลระหว่างผ่าตัดที่ดีมากๆสำหรับคนที่มาเฝ้าคนไข้

ช่วงก่อน่าตัดก็เต็มไปด้วยความกังวล
ช่วงระหว่างผ่าตัดก็ยิ่งรอด้วยความกระวนกระวาย
ถ้ามีข้อมูลให้รับรู้รับทราบทุกระยะ
ก็จะช่วยคลายกังวลไปได้มากจริงๆ

ผมไม่แน่ใจว่าเมืองไทยเราจะมีแบบนี้รึเปล่านะครับ
ส่วนใหญ่ที่เห็นคือ เป็นพยาบาลที่คอยตอบคำถามมากกว่าครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:47:38 น.
  
มาส่งกำลังใจคะพี่
โดย: เมษาโชดดี วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:10:22:20 น.
  
การมีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ช่วยเป็นกำลังใจได้มากจริง ๆ ค่ะ
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:15:38:01 น.
  
สวัสดี จ้ะ คุณน้อย

บล็อกนี้ ให้ประโยชน์แก่คนที่ยังไม่เคยผ่าตัดเป็นอย่างดีจ้ะ ครูเคยผจญมาแล้ว ทั้งเป็นคนไข้เข้าผ่าตัดเข่า และไปเป็นเพื่อนที่ผ่าตัดมะเร็งเต้านม จึงเข้าใจความรู้สึกตามที่คุณน้อยเล่าได้เป็นอย่างดี
ตอนที่ครูผ่าตัดเข่า เมื่อปี 38 ความเจริญทางการแพทย์ยังมีไม่มากนัก การอธิบายอย่างละเอียดไม่มีจ้ะ พยาบาลมาเข็นครูเข้าห้องผ่าตัด ครูไปคนเดียว ใหม่ ๆ ก็กลัวบ้าง แต่เนื่องจากครูเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง คิดว่า เราตัวคนเดียว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ความกลัว ก็เลยค่อย ๆ หายไป หมอวิสัญญี เก่งมาก ฉีดยาเข้าไขสันหลัง ใคร ๆ ว่า เจ็บมาก แต่หมอคนนี้ มือเบา ไม่เจ็บเลยไม่ถึงนาทีมั้ง ท่อนล่างไม่รู้สึกเลย แต่โชคร้ายแพ้ยา หายใจไม่ออก พยาบาลก็เก่งนะ รู้ว่าคนไข้แพ้ยา รีบฉีดยาอีกเข็มเข้าที่นิ้วมือ คราวนี้สลบเลย
การอธิบายต่าง ๆ เหมือนอย่างที่คุณน้อยเล่า ยังไม่มี ปัจจุบันจะมีหรือไม่ ไม่รู้จ้ะ

ส่วนการไปเป็นเพื่อน ที่ผ่าตัดมะเร็งเต้านม เหมือนอย่างคุณน้อยไปเป็นเพื่อน ครูก็รู้สึกกังวล เพื่อนยิ่งอาการหนัก มือเย็นเฉียบ ครูได้แต่ปลอบใจว่า การแพทย์สมัยใหม่ หมอเก่ง ไม่ต้องกลัว จะรออยู่หน้าห้องผ่าตัด จนกว่าเขาจะผ่าตัดเสร็จ
แต่ คนรออยู่ข้างนอก กังวลมาก เพราะเข้าไปนานเกินสองชั่วโมง ทำไมไม่ออกมา ไม่มีแผงป้ายบอกเรื่องการผ่าตัดอย่างที่คุณน้อยเล่าหรอก ครูต้องเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างห้องผ่าตัด จึงรู้ว่า มีเคสฉุกเฉิน ต้องผ่าก่อน อย่างที่คุณน้อยเล่านั่นแหละ จ้ะ เข้าไปตอนบ่ายโมงกว่า กว่าจะออกจากห้องผ่าตัดเข็นขึ้นห้อง ทุ่มกว่า เฮ้อ! คนรอก็ต้องกระวนกระวายอย่างคุณน้อยเล่านั่นแหละ
คุณน้อยและเพื่อนอีกสองคน เป็นเพื่อนที่น่ารักมาก ที่ให้กำลังใจเพื่อนที่ผ่าตัดตลอดเวลาทั้งก่อนผ่าตัด ตอนผ่าตัด และหลังผ่าตัด ขอชื่นชมอย่างจริงใจจ้ะ
โหวดหมวด ชีวิตต่างแดน

เรื่องบ้านที่คุณน้อยใฝ่ฝัน ก็จะเริ่มสร้างได้แล้วจ้ะ บ้านครูเป็นบ้าน 3 ชั้น เป็นตึกแถว ของที่ย้ายขึ้นไป เป็นของที่ไม่จำเป็นต้องใช้เท่าไหร่ จ้ะ ส่วนหนังสือ ครูก็ยังคงอยู่ชั้นล่าง แต่ชั้นสุดท้าย ก็จะไม่วางหนังสือเลย จ้ะ
และต้องย้ายเครื่องซักบ้านไว้ชั้นสอง เพราะเวลาซักเสร็จจะได้ตากที่ชั้นสองเลย หมอสั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามยกของหนัก จ้ะ
ขอบใจคุณน้อยที่ห่วงใยครูเสมอ จ้ะ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา:17:00:05 น.
  
ติ๋วมานั่งอ่านจนครบเนื้อหา
เคยเห็นวิธีการเช่นที่เล่าในซีรีส์เรื่องหนึ่ง
ญาติมองเห็นหมดทำให้เบาใจหรือตกใจ
ขึ้นอยู่กับบางเคส

แต่ตอนที่ตุ๊ผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชน
ไม่มีให้ดูแต่หมออธิบายอย่างละเอียด
เวลาไปตรวจร่างกายแต่ละครั้งจะไปด้วยกันเสมอ
ถ้าลูกสาวอยู่ด้วยจะเข้าไปฟังพร้อมกันทั้งสามคน
ช่วยกันจำรายละเอียดที่หมอบอก
คุณหมออนุญาตตั้งแต่วันแรกที่ไปพบ
เพราะวับของคนไข้อาจทำให้ลืมได้

ตั้งแต่เกษียณไม่เคยใช้บริการของการเบิกตรงเลย
เพราะติ๋วคิดว่าเราไปเที่ยวบางครั้งจ่ายเป็นแสนได้
ค่ารักษาชีวิตเราก็ควรได้เช่นกัน

พี่น้อยได้ทำกุศลให้เพื่อนที่ดีมาก
และเขียนได้ตรงกับโจทย์
เราควรมีใครสักคน จริงๆค่ะ
โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา:5:57:41 น.
  


สวัสดียามเช้าครับพี่น้อย

ผมเห็นคุณค่าของการฝึกสติ
และการฝึกมรณานุสติตอนที่พี่ชายเสียชีวิตเมื่อสองปีก่อนครับ

ธรรมะทั้งหมดที่เรียนรู้มา
ถูกใช้ในวันนี้
และเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมมากจริงๆ


ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับพี่


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา:6:38:13 น.
  
สวัสดีค่ะพี่น้อย
ตอนเรียนดมยาเคยเข้าห้องผ่าตัดค่ะ
บอกไม่ถูก
คนไข้คงฝ่อมาก ... ยกเว้นคนทำซีซ่าร์
และทุกวันนี้ก็ยังกลัวถูกผ่าตัดค่ะ ... กลัวไว้ก่อน
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา:7:20:38 น.
  
สวัสดีค่ะพี่น้อย

ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะคะ

ชอบโรงพยาบาลแบบนี้ค่ะ ทันสมัย หมอพยาบาลใส่ใจคนไข้ดี
ทำให้คนไข้และญาติรู้สึกอบอุ่นดีนะคะ
อยากให้เมืองไทยเป็นแบบนี้บ้าง ปัจจุบันโรงพยาบาลรัฐบาล
ในเมืองไทยทุกวันนี้ คนไข้ล้นมาก หมอมีไม่พอ
จะมาดูแลคนไข้ดีขนาดนี้คงไม่ได้ ก็เข้าใจนะคะ
จะเอาแบบนี้ ก็ต้องไปเอกชน แต่เข้าที่นึง ก็หลายเงินอยู่
เรียกว่าคนจนเข้าไม่ได้อ่ะคะ

การที่เราเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วมีใครซักคนเป็นเรื่องที่ดีมากๆนะคะ
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา:14:45:24 น.
  
สวัสดี จ้ะ คุณน้อย

แวะมาเยี่ยม ทักทาย และขอบใจคุณน้อยจ้ะ ที่ห่วงใยครูเสมอ ครูขึ้นบันไดก็จับราวบันได ทั้งขึ้นและลง ระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม อุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้ครูทำอะไรเชื่องช้าลง และต้องท่องอยู่ในใจเสมอ อย่าประมาท แก่แล้ว ห้าห้า

คิดถึงนะจ๊ะ มีโอกาส มีวาสนา เราจะได้เจอกันเนาะ เหมือนน้องติ๋วกับครู เรียนภาษาจีนมา 1 เดือน แยกย้าย กันไปเป็น 10 ปี มาเจอกันในบล็อกแกงค์ อิอิ

โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา:15:36:35 น.
  
สวัสดีค่ะพี่น้อย
อ่านเรื่องราวของพี่น้อย อดยิ้มไม่ได้ค่ะ
อบอุ่น น่ารัก ชื่นใจ หลากหลายความรู้สึก
การที่อยู่ไกลบ้าน แล้วมีเพื่อนที่แสนดี น่ารัก
ดูแลและเอาใจใส่กันและกันขนาดนี้
มันเป็นอะไรที่โชคดีมาก ๆ นะคะ

อย่าว่าแต่ไกลบ้านเลย อยู่เมืองไทยก็ใช่ว่าจะเจอเพื่อนที่ดี
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การมีเพื่อนดี ๆ เพียงแค่สักคนเดียว
ก็ถือว่าเราโชคดีแล้วค่ะ

ถ้าเจอเพื่อนแบบกลุ่มเพื่อนพี่น้อย
ถ้าเป็นจินจะรักษาให้ดีที่สุดเลยค่ะ
คนเราจะเห็นใจกันก็ตอนที่ไม่สบายเนี่ยแหละเนอะ
มันเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนที่สุด

ิจินเองเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง
มีลูกชายสองคน นี่ก็ยังไม่รู้ว่าแก่เฒ่ามาจะเลี้ยงดูแม่มั้ย
ยอมรับว่า ไม่กล้าคาดหวัง 555
แค่เค้าเอาตัวรอดก็ดีใจแล้วละค่ะ
ส่วนจะกลับมาดูแลเรามั้ย นั้นก็แล้วแต่เวรกรรมละ
ตอนนี้ ก็เลี้ยงเค้าให้ดีที่สุดเป็นพอ อนาคตจะยังไง
ก็ปล่อยให้มันเป็นไป^^
โดย: JinnyTent วันที่: 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา:19:28:17 น.
  
เหมือนมาเฝ้าไข้ เอ๊ย เยี่ยมเพื่อนพี่น้อยด้วยเลย

อธิบาย+ภาพประกอบฃัดเจนมาก

Vote ค่ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา:20:47:04 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา:4:45:08 น.
  


สวัสดียามเช้าครับพี่น้อย


เล่มนี้เป็นงานเขียนของจิตแแพทย์อเมริกันครับ
เค้าเขียนได้สนุกดี
อาชีพจิตแพทย์เป็นอาชีพที่ผมเองก็เคยสนใจมาก
หนังสือจิตวิทยาอ่านสนุกดีครับ


ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับพี่


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา:6:39:54 น.
  
สุขภาพนั้นสำคัญจริง ๆ ครับ พออายุเริ่มเยอะขึ้นโรคภัยก็ถามหา ผมชักจะกลัวเหมือนกันครับ 55
โดย: The Kop Civil วันที่: 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:55:16 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
มาส่งกำลังใจให้พี่น้อยค่ะ
โดย: เกศสุริยง วันที่: 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา:10:06:31 น.
  
สวัสดีค่ะพี่น้อย
อ่านเม้นส์พี่น้อยแล้วรู้สึกทึ่ง ในการวางแผนชีวิตค่ะ
จินก็วางแผนของตัวเองไปเรื่อย ๆ
พอสำหรับตัวเองและครอบครัว และก็ส่งให้พ่อแม่

กับอนาคตสิ่งที่ตั้งความหวัง กับการเดินไปตามแผนของจิน
มักจะมีต้องแวะนู๊นนี่นั่น ตั้งเป้าจะเก็บเท่านี้
ก็อาจมีอันตั้งจ่ายอย่างอื่น บางปีก็ตามที่ตั้งใจ

ส่วนการลงทุน จินเคยทำแบบทดสอบก่อนเลือกกองทุนที่ธนาคาร
ผลออกมาคือ จินรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำ ซึ่งมันก็จริง
เลยเลือกกองทุนที่มีผลตอบแทนแน่นอน น้อยแต่ทุนไม่หาย

เคยทดลองซื้อกองทุนแบบผลตอบแทนดี แต่บางไตรมาส
เงินต้นหาย ใจไม่ดี ผจก.เค้าบอกต้องใช้เวลา แต่จินไม่รอ ขายเลยค่ะ
ซื้อตัวที่ได้น้อยช่างมัน แต่ได้และต้นไม่หาย
ดอกเบี้ยงดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ ก็พอแระ สบายใจกว่า

ลักษณะการวางแผนชีวิตของงานที่เมืองไทยกับเมืองนอก
ต่างกันเยอะนะคะ ที่เมืองไทย
ถ้าไม่ใช่องค์กรมหาชน องค์กรใหญ่ ๆ หรือบริษัทร่วมทุนกับต่างชาติ
การหักเงินเกษียณอายุนั้น ไม่ค่อยมีค่ะ
มีแต่หักเงินประกันสังคมแค่นั้น อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากที่เห็นนะคะ

บริษัทพี่น้อยดีมากเลย เงินที่หักไปเอาไปลงทุนให้แล้วเราเลือกกองทุนได้อีกต่างหาก

มาสะดุดใจตรงเนิสซิ่งโฮมค่ะ เมืองไทยมีหลายที่เลยเหรอคะ
จินไม่เคยรู้ เป็นความรู้ใหม่จินจริง ๆ ค่ะ พี่น้อยรอบคอบจังที่ดู ๆ ไว้

ที่เชียงใหม่จินไม่รู้ว่ามีเนิสซิ่งโฮมมั้ย
แต่จินเคยไปแต่บริจาคพวกเงินซื้อข้าวสารกับซื้อเวชภัณฑ์ไปให้
ที่บ้านพักคนชรา บ้านบูรณูปกรณ์ ใกล้ ๆ แถวร้านจิน
ในความรู้สึกจิน ชีวิตความเป็นอยู่ในบ้าน จินก็ว่ามันค่อนข้างเงียบเหงา
แอบสงสารที่คนเฒ่าคนแก่ต้องมาอยู่ที่นี่ค่ะ
โดย: JinnyTent วันที่: 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา:11:18:25 น.
  
อ่านแล้วได้ความรู้มาก ๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะ
โดย: ALDI วันที่: 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา:19:06:21 น.
  
ได้ความรู้เรื่องธรรมเนียมการฏิบัติตัวทั้งคนไข้และเพื่อน
ถือเป็นแนวทางที่เอามาปรับใช้ในบ้านเราได้อย่างดีเลยครับ
โดย: Insignia_Museum วันที่: 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:00:05 น.
  
มีใครสักคนอย่างน้อย ก็เป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ
ขอให้สุขภาพดีค่่า


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Beauty Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
zungzaa Photo Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog


โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 7 พฤศจิกายน 2560 เวลา:0:25:53 น.
  
คุณแม่ของมี้เก๋เคยผ่านตัดหลังค่ะ ท่านกลัวมาก แต่วันที่ผ่าตัดได้คุณพ่อเพื่อนมี้ท่านเป็นผู้ช่วยหมอ จริงๆ เรียกว่าผู้ช่วยคนแม่มี้ดีกว่า ท่านเข้าไปเป็นเพื่อนคุณแม่ของมี้ ทำให้ท่านหายกังวลมากๆ ค่ะ ดีมากๆ ที่มีใครสักคนในตอนนั้น
โดย: kae+aoe วันที่: 7 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:44:01 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Newyorknurse.BlogGang.com

newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ...   United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]

บทความทั้งหมด