ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ผมได้ไปเที่ยว "สถานตากอากาศบางปู" มาอีกแล้วครับ หลังจากที่ห่างหายไม่ได้ไปมานานเกือบสามปี จริงๆ แล้วในช่วงที่ผ่านมา ผมก็มีความคิดอยากจะแวะไปทานอาหารทะเลสดๆ และเก็บภาพนกนางนวลที่บางปูอยู่หลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่หาเวลาว่างได้ค่อนข้างยาก เลยต้องผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ไปๆ มาๆ กว่าจะได้กลับไป "บางปู" อีกครั้ง ก็ค่อนข้างเนิ่นนานจากครั้งที่แล้วไปหลายปี .....


          เดือนพฤษภาคม นับเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้ชมฝูงนกนางนวลโบยบินเต็มฟ้าที่บางปู เพราะถ้าพ้นจากเดือนนี้ไป นกนางนวลส่วนใหญ่ก็จะอพยพกลับไปวางไข่ขยายพันธุ์ในเมืองหนาวแถวๆ ไซบีเรีย มองโกเลีย ฯลฯ กว่าจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ก็ต้องรอกันอีกนานหลายเดือน และตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนเป็นต้นไป นกนางนวลที่โตเต็มวัยจะมีการผลัดขนป็นชุดขนฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งมีหัวเป็นสีน้ำตาลเข้ม ดูแปลกตาไปจากครั้งที่ผมเคยแวะไปถ่ายภาพในช่วงฤดูหนาวเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นผมก็เลยต้องรีบหาเวลาแวะไปเที่ยว "บางปู" ในทันที เพราะไม่อยากพลาดโอกาสสุดท้ายนี้ไป .....




+++ ช่วงปลายเดือนที่แล้ว ผมแวะไปเที่ยวสถานตากอากาศบางปูมาอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ไปมานานเกือบสามปี +++




+++ ไปคราวนี้ก็ตั้งใจจะไปชมฝูงนกนางนวล ซึ่งจะอพยพมาทุกปีในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤษภาคมปีถัดไป +++




+++ เพราะถ้าหากพ้นเดือนพฤษภาคมไปแล้ว ก็คงต้องรออีกหลายเดือน กว่านกนางนวลจะอพยพกลับมาใหม่ +++


          "สถานตากอากาศบางปู" ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองอำนวยการสถานพักผ่อน กรมพลาธิการทหารบก ที่นี่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานนับถึงปัจจุบันก็เกือบ 80 ปีเข้าไปแล้ว เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2480 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้ดำริให้สร้างเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับประชาชนทั่วไป เนื่องด้วยพื้นที่ติดชายทะเล และระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก .....


          ต่อมาก็ได้มีการสร้าง "สะพานสุขตา" ทอดยาวลงไปในทะเลปากอ่าวไทย ยาวประมาณ 500 เมตร ปลายสะพานสร้างเป็นอาคารในทะเล ตั้งชื่อว่า "ศาลาสุขใจ" เปิดดำเนินการเมื่อ พ.ศ. 2482 ซึ่งนอกจากจะเปิดเป็นร้านอาหารแล้ว ภายในศาลาสุขใจยังมีลานลีลาศ ที่จัดเตรียมไว้สำหรับให้บรรดานักเต้นเท้าไฟ ได้ออกมาวาดลวดลายกันบนฟลอร์ทุกวันเสาร์ ซึ่งในวันที่ผมไปเที่ยว ก็มีนักเต้นหลากหลายวัย มาเต้นลีลาศกันที่นั่นจนเต็มฟลอร์เลยทีเดียว .....




+++ ถ้าพูดถึงบางปู หลายๆ คนก็คงจะนึกถึง "นกนางนวล" เป็นอย่างแรก +++




+++ สถานตากอากาศบางปู เป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของคนกรุง มานานกว่า 80 ปีแล้ว +++




+++ ปัจจุบันที่นี่อยู่ในความดูแลของกองอำนวยการสถานพักผ่อน กรมพลาธิการทหารบก +++




+++ สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของบางปู ก็คือ "สะพานสุขตา" ซึ่งเป็นสะพานที่ทอดทอดยาวลงไปในทะเลปากอ่าวไทย +++




+++ เสาไฟฟ้าโบราณตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ต้นนี้อยู่บริเวณวงเวียนหน้าสะพานสุขตา +++




+++ ปลายสุดของสะพานสุขตา สร้างเป็นอาคารในทะเล ใช้ชื่อว่า "ศาลาสุขใจ" +++




+++ ด้านในศาลาสุขใจ นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้ว ยังมีฟลอร์ลีลาศสำหรับนักเต้นเท้าไฟด้วย +++




+++ มุมถ่ายภาพสวยๆ ในศาลาสุขใจ +++


          "สถานตากอากาศบางปู" นับเป็นแหล่งดูนกนางนวลซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดในบ้านเรา นกนางนวลเหล่านี้เป็นนกที่อพยพย้ายถิ่นมาจากทวีปเอเชียตอนกลาง เช่น จีน ทิเบต มองโกเลีย ไซบีเรีย ซึ่งจะอพยพเข้ามาในประเทศไทยช่วงหน้าหนาว พบเห็นได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป การอพยพย้ายถิ่นของนกนางนวล คือการเคลื่อนย้ายซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำระหว่างพื้นที่เดิม ที่ใช้เป็นแหล่งสร้างรังวางไข่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กับพื้นที่ที่นกใช้เป็นแหล่งหากิน .....


          ดังนั้นเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวอุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง พืชหยุดการเจริญเติบโต สภาพที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมและอาหารเริ่มลดน้อยลง นกจึงจำเป็นต้องอพยพเคลื่อนย้ายลงไปยังซีกโลกทางใต้ ซึ่งมีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ และจะอยู่อาศัยตลอดฤดูหนาว เมื่อถึงฤดูร้อนก็อพยพกลับไปยังถิ่นบ้านเกิดเดิม เพื่อสร้างรังวางไข่เลี้ยงลูกน้อยให้เติบโตแข็งแรง และจะกลับมา "บางปู" อีกครั้งในช่วงฤดูหนาวของปีถัดไป .....




+++ สถานตากอากาศบางปู นับเป็นแหล่งดูนกนางนวลยอดนิยมของบ้านเรา +++




+++ ช่วงที่เราไปเที่ยว แม้จะเข้าสู่ปลายฤดูร้อนแล้ว แต่อากาศก็ยังคงร้อนจัดอยู่ไม่ใช่น้อย +++




+++ ในวันนั้นจำนวนนกนางนวลเหลืออยู่ไม่มากนัก เพราะบางส่วนน่าจะอพยพกลับถิ่นฐานเดิมไปแล้ว +++




+++ นกนางนวลที่เราเห็นที่บางปู จะเป็นนกที่อพยพย้ายถิ่นมาจากทวีปเอเชียตอนกลาง +++




+++ นกนางนวลอพยพเหล่านี้ จะอยู่ที่เมืองไทยตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมปีถัดไป +++




+++ นกนางนวลแกลบเคราขาว (Whiskered Tern) พบเห็นปะปนอยู่กับฝูงนกนางนวลธรรมดาด้วย +++


          นกนางนวลที่พบเป็นจำนวนมากที่บางปู ส่วนใหญ่เป็น "นกนางนวลธรรมดา" (Brown-headed Gull) ซึ่งสามารถพบเห็นได้ง่ายทั่วโลก เนื่องจากเป็นนกที่ปรับตัวได้เก่ง สามารถอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ดี กินอาหารได้หลากหลาย ตั้งแต่ปลาขนาดเล็ก สัตว์น้ำต่างๆ ซากสัตว์ รวมถึงเศษอาหารจากมนุษย์ด้วย ลักษณะของนกนางนวลธรรมดา ก็จะมีปากแหลมตรงสีแดงอมส้ม ปลายปากดำ มีแถบสีดำที่ขนคลุมหู ลำตัวส่วนบนบริเวณหลังและปีกมีสีเทาอ่อน ลำตัวส่วนล่างสีขาว หางสีขาว ขาสีส้มอมแดง .....


          ส่วนนกนางนวลที่พบได้บ่อยรองลงมา ก็คือ "นกนางนวลขอบปีกขาว" (Common Black-headed Gull) นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาว ยังอาจพบนกนางนวลหายาก ซึ่งในแต่ละปีจะพบเจอเพียงไม่กี่ตัว ได้แก่ นกนางนวลปากเรียว (Slender-billed Gull), นกนางนวลหลังดำพันธุ์รัสเซีย (Heuglin's Gull), นกนางนวลหางดำ (Black-tailed Gull), นกนางนวลหัวดำใหญ่ (Pallas's Gull) น่าเสียดายในช่วงที่ผมไปเที่ยวบางปูเป็นช่วงปลายฤดูร้อน นกนางนวลเหลือจำนวนค่อนข้างน้อย และพบเห็นแต่นกนางนวลธรรมดา ไม่พบนกนางนวลชนิดอื่นๆ เลย ไว้ถ้ามีโอกาสผมคงต้องแวะไปบางปูช่วงฤดูหนาวอีกสักครั้ง เผื่อจะได้เห็นนกนางนวลพันธุ์หายากกับเค้าบ้าง .....




+++ นกนางนวลที่พบเห็นส่วนใหญ่ที่บางปู จะเป็นนกนางนวลธรรมดา (Brown-headed Gull) +++




+++ หากมาบางปูในช่วงฤดูหนาว เราอาจได้พบนกนางนวลหายากชนิดอื่นๆ ด้วย +++




+++ น่าเสียดายช่วงที่ผมไปเที่ยว ได้เห็นแต่นกนางนวลธรรมดา เพราะนกส่วนใหญ่อพยพกลับถิ่นไปแล้ว +++




+++ นอกจากนั้นก็ได้พบนกนางนวลแกลบเคราขาว บินปะปนอยู่กับฝูงนกนางนวลธรรมดาด้วย +++




+++ หนึ่งในนกนางนวลธรรมดากลุ่มสุดท้าย ที่ยังเหลืออยู่ที่บางปูช่วงเดือนพฤษภาคม +++




+++ นกนางนวลหัวสีน้ำตาลเข้มตัวนี้ ก็เป็นนกนางนวลธรรมดาเช่นเดียวกัน +++




+++ การที่หัวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพราะมีการผลัดขนเป็นชุดขนฤดูผสมพันธุ์ +++




+++ นกนางนวลที่โตเต็มวัย จะเริ่มผลัดขนที่หัว ในช่วงราวๆ เดือนเมษายนเป็นต้นไป +++




+++ ถ้าใครไปเที่ยวบางปูช่วงเดือนเมษายน ก็คงจะได้เห็นนกนางนวลธรรมดาที่มีหัวสีน้ำตาลบินอยู่เต็มฟ้าไปหมด +++




+++ แต่ก็ยังมีนกนางนวลบางส่วนที่ยังไม่ถึงเวลาผลัดขน +++




+++ ชุดขนนอกฤดูผสมพันธุ์ของนกนางนวลธรรมดา หัวจะยังคงเป็นสีขาวอยู่แบบนี้ +++




+++ นกนางนวลที่ยังไม่ผลัดขน ผมคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นนกที่ยังไม่โตเต็มวัย +++




+++ อีกไม่นานนกพวกนี้ ก็คงจะอพยพกลับถิ่นเดิมไปจนหมด +++




+++ "นกยางเปีย" ในภาพด้านซ้าย เป็นนกประจำถิ่นที่พบเห็นได้ทั่วไปที่บางปู +++




+++ ดื้อเล็กกำลังสนุกกับการโยนกากหมูให้นกนางนวลโฉบไปกิน +++




+++ ยามเย็นบน "สะพานสุขตา" เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยไม่แพ้ที่ไหนๆ +++




+++ หากใครยังไม่รีบกลับบ้าน ก็จะได้ชมแสงสีทองสวยๆ เป็นรางวัลสำหรับการรอคอย +++


          สำหรับในช่วงนี้ ถ้าใครคิดจะไปดูนกนางนวลที่บางปู ก็คงจะช้าไปเสียแล้วล่ะครับ เพราะส่วนใหญ่คงจะอพยพกลับไปเกือบหมดแล้ว ต้องรอจนถึงเตือนตุลาคมกว่านกจะอพยพกลับมาใหม่ แต่ถึงแม้บางปูจะไม่มีนกนางนวลเหลือให้ชม ก็ยังคงมีกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจให้ทำอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการวาดลวดลายโชว์เสต็ปบนฟลอร์ลีลาศ การชิมอาหารทะเลสดๆ ในร้านอาหาร "ศาลาสุขใจ" หรือจะเป็นการชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็นกับคนรู้ใจบน "สะพานสุขตา" ซึ่งผมขอคอนเฟิร์มว่าสวยและโรแมนติกไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยทีเดียว แต่ถ้าจะให้ดีผมว่าอดใจรอไว้ไปช่วงฤดูหนาวปลายปีน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะนอกจากอากาศจะเย็นสบายแล้ว ยังมีนกนางนวลอพยพจำนวนมากมายนับพันตัวให้ชมกันอย่างจุใจ สำหรับบล็อกเอนทรี่นี้คงต้องขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ .....

+++ ลากันไปด้วยภาพกังหันลมในบรรยากาศแสงสุดท้ายที่บางปูก็แล้วกันนะครับ สวัสดีครับ +++