ประวัติท่านอาลี บินอะบีตอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ
ท่านอาลี บินอะบีตอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ

ฮิจเราะฮฺศักราชที่ 35 - 40



ชาติตระกูล


คือท่านอาลี บุตร อะบีตอลิบ บุตรของลุงของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ภรรยาคือนางฟาติมะห์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา คือบุตรีของท่านร่อซูล เขาเป็นคอลีฟะห์คนที่ 4 และเป็นหนึ่งในสิบของผู้เข้าสวรรค์ก่อนใคร เขากำเนิดก่อนการแต่งตั้งของท่านร่อซูล ประมาณ สิบปี บิดาของเขาคือ อบูอับดุลมานาฟ บุตรของอับดุลมุตตอลิบ บุตรของฮาชิม บุตรของอับดุลมานาฟ ฉายาของอาลีว่าอบีซซิบตอยนี่ หมายถึงฮาซันและฮูเซน ถูกขนานนามว่า อะบูฮาซัน และท่านร่อซูล ได้ให้ขนานนามว่าอบีตุรอบ มีรายงานจากบุคอรีว่าท่านอาลี ได้เข้าไปหานางฟาติมะห์ หลังจากนั้นก็ออกมาและนอนเอกเขนกในมัสยิด ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่าลูกของลุงของท่านหายไปไหน? นางพูดว่า อยู่ในมัสยิด ดังนั้นท่านจึงออกไปหาที่มัสยิด และพบว่าผ้าตกจากหลังของเขาและฝุ่นได้ติดบนหลังของเขา ดังนั้นท่านจึงปัดฝุ่นที่หลัง ท่านพูดว่าจงนั่ง
โอ้พ่อฝุ่น ถึงสองครั้ง



การเข้ารับอิสลาม


ท่านอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เป็นเด็กคนแรกที่เข้ารับอิสลามและอาศัยอยู่ในความดูแลของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านอุปการะเลี้ยงดู เพื่อลดภาระที่ลุงของท่านได้แบกไว้ขณะที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ถูกแต่งตั้งท่านอาลียังอยู่ในการดูแลของท่านดังนั้นท่านได้เรียกร้องให้เข้ารับอิสลาม เขาได้เข้ารับอิสลามและเชื่อฟังปฏิบัติตามขณะที่ท่านอายุได้8 หรือ10ปี เท่านั้น


คุณสมบัติทางโครงสร้าง


ท่านอาลี เป็นคนรอบรู้และฉลาดเป็นที่ร่ำลือกัน ด้านความฉะฉาน และเป็นคนกล้าหาญ ซื่อสัตย์สุจริต เป็นสุภาพบุรุษ ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา และเคารพรักษาสัญญาให้เกียรติผู้อื่น ท่านอาลี มีความชื่นชมต่อโลกดุนยาและความ เพลิดพลิ้ว และเพลิดเพลินในตอนกลางคืน และมีความพอใจในการสวมใส่เสื้อผ้าที่สั้นและอาหารที่แข็งและให้ความสำคัญต่อผู้ที่ยึดมั่น ในศาสนาและเข้าใกล้คนอนาถา และจะรำพันต่อโลกดุนยาเสมอเขาพูดว่าอายุของเจ้าสั้น ที่นั่งสนทนาของเจ้าน่าสังเวช และอันตรายของเจ้าก็น้อยเหลือเกิน อันเนื่องจากเสบียงน้อย และการเดินทางอันแสนไกลและหนทางที่โดดเดี่ยว


ความประเสริฐของท่านอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ


ท่านอาลี ร่อฎิญัลลอฮุอันฮุ มีความประเสริฐอยู่มากมาย เช่น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของฉันและฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของท่าน และท่านอุมัรบินค๊อตต๊อบ กล่าวว่าท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สิ้นชีวิตไปเขาเป็นที่พอใจจากท่านและในสงครามคอยบัร ขณะที่กองทัพของมุสลิมไม่สามารถที่จะตีฝ่าป้อมปราการอันแข็งแกร่งทั้งสองแห่งไปได้ ท่านนบี กล่าวว่าพรุ่งนี้ฉันจะให้ธงแก่คนหนึ่งซึ่งพระองค์อัลลอฮฺ ทรงประทานความสามารถในการพิชิตได้โดยน้ำมือของเขา เขากล่าวว่า บรรดาผู้คน ต่างถกเถียงกันว่าใครจะเป็นผู้รับธงจากท่านร่อซูล ในคืนนั้น จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นผู้คนต่างก็มาชุมนุมกันต่อหน้าท่าน ร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หวังว่าจะได้รับธงจากท่าน ท่านร่อซูล พูดว่า ท่านอาลี บินอะบีตอลิบ อยู่ไหน? พวกเขาพูดว่า เขาเจ็บตาทั้งสองข้าง โอ้ ท่านร่อซูลุลลอฮ ท่านพูดว่า ฉันได้ส่งพวกเขาไปหาท่านอาลีและให้พามาหาฉัน เมื่อท่านอาลีมาถึงท่านได้เป่าไปในตาทั้งสองของเขา และก็ขอพรแก่เขา เขาจึงหายจนเหมือนกับว่าไม่เคยเจ็บมาก่อนเลย ท่าน นบีจึงให้เขาถือธงดังนั้นอัลลอฮฺทรงให้อาลี นำกองทัพเข้าพิชิตด้วยน้ำมือของเขา


การเสียสละตัวเอง

ท่านอาลี เปรียบดังเช่นเดียวกับบรรดาซอฮาบะฮฺที่ประเสริฐทั้งหลายจะไม่สนใจสิ่งใด จะกระทำในหนทางของการเผยแพร่ดังนั้นท่านได้เชือดสัตว์และทรัพย์สมบัติของเขาเป็นคนแรก ที่ ได้นำตัวเองพลีแทนท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เขาได้นอนบนเตียงของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในคืนที่ท่านอพยพ ทั้งๆที่รู้ว่าพวกมุชริกีน ลงมติที่จะสังหารท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเข้าร่วมกับท่านในทุกๆสงคราม นอกจากสงคราม ตะบูก เพียงสงครามเดียว

การเป็นคอลีฟะห์ของท่านอาลี


หลังจากที่ท่านอุสมานได้ถูกสังหาร บรรดามุสลิมได้เลือกเขาเป็นผู้ปกครอง แต่เขาไม่ยอมรับและชอบที่จะมีรัฐมนตรีแทนที่จะเป็นผู้ปกครองรัฐมากกว่า เว้นแต่บรรดาซอฮาบะฮฺยืนกรานว่าให้เขาดำรงตำแหน่งเพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่นั้น เนื่องจากพวกปฏิวัติได้เข้ามาครอบงำมีอิทธิพลเหนืออำนาจการปกครองในเมืองมะดีนะห์ภายหลังจากที่ท่านอุสมานถูกสังหาร อย่างอธรรม และเหี้ยมโหด ยิ่งไป กว่านั้นพวกปฏิวัติได้เข้า มาข่อขู่ ชาวเมืองมะดีนะห์ ว่าจะสังหารคณะที่ปรึกษา และซอฮาบะฮฺชั้นผู้ใหญ่ และผู้ใดเล่าที่สามารถจัดการกับพวกอพยพนี้ได้ หากเขาไม่พบใครสักคนที่จะรับตำแหน่งเป็นคอลีฟะห์ พวกเขาพูดว่าฟังให้ดีนะโอ้ชาวเมืองมะดีนะห์ เราได้ให้เวลาแก่พวกเจ้าสองวันขอสาบานต่อ อัลลอฮฺ หากพวกท่านหาไม่ได้เราจะสังหารอาลีพรุ่งนี้ ฏอลฮะฮฺ กับซุเบร และผู้คนทั้งหลายมากมายในวันถัดไปเมื่อพวกมุฮาญีรีนและชาวอันศอรตั้งใจเลือกเขา เขาจึงเห็นถึงความจำเป็นต่อเขาจึงยอมรับในวันเสาร์ที่19 เดือน ซุลฮิจยะฮฺ ท่านอาลีได้ออกไปมัสยิดและขึ้นบนมิมบัร ดังนั้นพวกอพยพและชาวอันศอรได้ทำการให้สัตยาบันและผู้คนได้ให้สัตยาบันแก่เขา ก็มี ซุเบร บินเอาวาม ฏอลฮะฮฺ บินอุบัยดิลลาฮฺ



งานที่สำคัญของท่านอาลี บินอะบีตอลิบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุหลังจากที่ได้รับการแต่ง
ตั้งเป็นผู้ปกครอง


เป็นความประสงค์ของอัลลอฮฺที่จะให้เกิดฟิตนะห์ ความวุ่นวายหลังจากที่ท่านอุสมานถูกสังหารที่ยืดเยื่อ และพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นด้วยกับเล่ห์เหลี่ยมของศัตรูของอิสลามเป็นการทดสอบความสามารถของมุสลิม คือมหาบริสุทธิ์สำหรับพระองค์ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่งเป็นผู้ที่ตัดสินในกรณีต่างๆของเขาหลังจากที่อาลีได้รับการให้สัตยาบัน เป็นคอลีฟะห์ เขาได้ดำเนินงานต่อไปนี้

ประการที่1 การที่อาลีได้ถอดถอนผู้ปกครองของอุสมานที่มีประชาชนได้ร้องทุกข์ต่อเขาและได้ถอดถอนเช่นเดียวกันคือผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของเขา

ประการที่ 2 ท่านอาลี เลื่อนการสำเร็จโทษต่อผู้ที่สังหารอุสมานโดยตัดสินให้เนรเทศไปที่เมืองอื่นจนกว่าจะมีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ของบรรดามุสลิมจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ
ท่าทีของซอฮาบะฮฺบางคนจากการทำงานนี้
เจ้าหน้าที่บางคนมีการตอบรับการปลดครั้งนี้ และบางคนไม่ตอบรับ ซึ่งมีผู้ปกครองแคว้นชาม คือมุอาวียะฮฺ บิน อะบีซุฟยาน รวมอยู่ด้วย ทั้งๆที่เขายอมรับถึงความประเสริฐของอาลี และจำนนต่อความสูงส่งของเขา และสาเหตุที่ไม่ตอบรับเขา คือการยืนกรานที่จะสำเร็จโทษต่ออาชญากร ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งนี่คือจุดเริ่มต้นของการขัดแย้ง และสิ่งที่เขาได้ดำเนินไประหว่างอาลีกับมุอาวียะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา เป็นบ่อเกิดแห่งการใช้วิจารณญาณ ที่ไม่มีการขัดแย้งเลยจาก
มุอาวียะฮฺ ในการเป็นผู้นำดังนั้นอะหฺลุซซุนนะฮฺและอัลยะมาอะฮฺ ได้มีมติว่าทั้งสองพวกได้รับการตอบแทน ผู้ถูกได้สองเท่าและผู้ผิดได้หนึ่งเท่า เช่นเดียวกับที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า เมื่อผู้ปกครองตัดสินได้ตัดสินให้ใช้วินิจฉัยหลังจากที่ได้รับความถูกต้องจะได้รับสองเท่า และเมื่อตัดสินจงใช้วินิจฉัยหลังจากที่ผิดพลาด เขาจะได้รับการตอบแทนหนึ่งเท่า

ดังนั้นผลที่ออกมาเป็นการฉวยโอกาสของผู้อิจฉาริษยาต่อการขัดแย้งกันจนเกิดทำสงครามที่น่าเศร้าสลดสองครั้งระหว่างมุสลิมเป็นการป้องกันจากสิ่งที่เขายึดถือในแต่ละฝ่ายจากความจริงและความถูกต้องครั้งแรกจะดีกว่า


สงครามอูฐ(ฮ.ศ. 36)
สาเหตุเนื่องมาจากพระนางอาอีชะห์ รอฎิยัลลอฮุอันฮา พร้อมด้วยฏอลฮะห์และซุบัยรฺ รอฎิฯ
ได้มุ่งหน้าสู่บัสเราะห์ ซึ่งมีประชาชนมากมายร่วมด้วย โดยมีเจตนาประสานใจและคลีคลายสถานการณ์ที่ปั่นป่วนให้สงบลงและประนีประนอม ระหว่างประชาชนทั้งหลาย ขณะที่ได้มีการขัดแย้งกันหลังจากที่อาลี ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ โดยปฏิบัติตามคำดำรัสของอัลลอฮฺ (ไม่มีความดีในการชุมนุมของพวกเขาส่วนมากนอกจากผู้ที่ใช้ให้บริจาคหรือทำความดี หรือประนีประนอมระหว่างผู้คนทั้งหลาย) หลังจากอาลีได้ยินว่า นางอาอีชะห์ ออก ไปบัสเราะห์ เขาได้นำทหารออกไปโดยมีเป้าหมายประนีประนอมเช่นเดียวกัน ด้วยหลักฐานที่เป็นคำพูดของเขา ขณะถูกถามว่า สิ่งใดที่ท่านต้องการ? และที่ไหนที่ท่านจะไป? เขากล่าวว่า สิ่งที่เราต้องการและตั้งใจคือการประนีประนอมหากฝ่ายอาอีชะห์รับจากเรา และตอบสนองเรา เขากล่าวว่าแล้วหากไม่ตอบรับการประนีประนอม เขาพูดว่าเราจะปล่อยพวกเขาตามข้ออ้างของพวกเขาและให้สิทธิแก่พวกเราและเราจะเดินทางจากไป เขากล่าวว่า หากพวกเขาไม่ยินยอม เขาพูดว่า เราจะปล่อยพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาไม่ยุ่งกับพวกเรา เขาพูดว่า หากพวกเขาไม่ปล่อยพวกเรา เขาพูดว่า เราจะยับยั้งพวกเขา เขาพูดว่า หมายถึงผู้ถาม ถ้าเช่นนั้นก็ใช่ และการสนทนาและการทำความเข้าใจระหว่างเขากับอาอีชะห์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา และผู้ที่อยู่ฝ่ายนางก็ดำเนินไป ทหารทั้งสองฝ่ายค้างแรมด้วยความสงบ แต่ทว่าความวุ่นวายของอับดุลลอฮ บุตรของสะบะอฺ และพรรคพวกของเขากลัวว่าตัวเองจะมีอันตรายหากมีการตกลงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย จึงได้ลุกขึ้นในช่วงรุ่งอรุณและแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มได้เข้าจู่โจมค่ายทหารของอีกฝ่าย บรรดาทหารได้จับอาวุธโดยคิดว่ามีการหักหลังกัน และ มีการปะทะกันอย่างขมขื่นทั้งสองฝ่ายจนกระทั่งอูฐของนางอาอีชะห์ ถูกเชือด กองทหารจึงแตกทัพกระเจิงและการต่อสู้ จึงได้สิ้นสุดลง
และนางอาอีชะห์ได้กลับมักกะฮฺ หลังจากที่อาลี ได้ตระเตรียมทุกสิ่งที่นางต้องการให้กับนางและเขาได้เดินเคียงข้างที่นั่งบนหลังอูฐของนางจนถึงนอกนครมะดีนะห์ และได้ให้พี่ชายของนางคือ
มูฮำหมัด บุตรของอบูบักร เดินไปพร้อมกับนาง และได้ให้ลูกของนางเดินไปกับนาง เป็นระยะทางหนึ่งวัน


ครั้งที่สอง สงครามซิฟฟิน ฮ.ศ.37
ซึ่งเป็นสงครามครั้งที่สอง เป็นผลมาจากการขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างอาลีกับมุอาวียะฮฺ
และบรรดาผู้อิจฉาริษยาได้ฉกฉวยโอกาส ซึ่งเราได้แจกแจงสาเหตุของการขัดแย้งครั้งนี้มาก่อนแล้ว ฝ่ายอาลี และฝ่ายมุอาวียะฮฺ ได้ทำสัญญาเป็นระยะเวลาหกเดือนก่อนทำสงคราม และนี่เป็นการบ่งชี้อย่างชัดเจนถึงการประนีประนอม แต่ทว่าไม่สามารถบรรลุถึงผลลัพธ์ใดๆในระหว่างระยะนี้ได้ สงครามจึงได้เกิดขึ้นตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. การทดสอบกำลังของศัตรูก่อนการสู้รบของทั้งสองฝ่าย
เป็นการนำน้ำที่อยู่ภายใต้การครอบครองของกองทหารของมุอาวีฮฺทั้งสองฝ่ายจึงสู้รบกัน และทหารของอาลีได้รับชัยชนะและได้ขับไล่ทหารของมุอาวียะฮฺถอยร่นออกไปจากพวกเขา แล้วอาลี ได้ให้ทหารของเขานำน้ำเท่าที่จำเป็นไปใช้และปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใช้ด้วย

2.การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายเริ่มต้นด้วยกำลังที่แตกต่างกัน
โดยไม่มีฝ่ายใดได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด แม้น้ำหนักจะเอนเอียงไปทางอาลี ก็ตาม ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น สมาชิกของทหารทั้งสองฝ่ายจำนวนมากจะพบปะกันในเวลากลางคืนและพูดคุยกันก็ตาม
สิ้นสุดเหตุการณ์และยุติการนองเลือดระหว่างชาวอีรักกับชาวชาม
ผู้มีความจริงใจกลัวว่าบรรดามุสลิมบางส่วนจะทำให้อีกบางส่วนล้มตาย จึงปรารถนาที่จะช่วยเหลือพวกเขาต่อการยุติการประหัตประหารกันโดยอัมรฺ บุตรของอัลอาศ ได้ตรึกตรองเรื่องราวเหล่านั้นเป็นเวลานานจนนำไปสู่ความคิดที่จะใช้ อัลกุรอานตัดสินเพื่อยุติการประหัตประหารต่อกันครั้งใหญ่ เวลานั้นเขาได้ให้ทัศนะต่อมุอาวียะฮฺ เขาดีใจกับทัศนะนี้ และทหารของชามได้ชูอัลกุรอานขึ้น ทหารของอาลี จึงเกิดความกลัวที่จะรบกับพวกเขา การสู้รบจึงยุติลลงและทหารทั้งสองฝ่ายจึงแตกกระจายหลังจากตัดสินปัญหา และทุกคนก็กลับไปเมืองของเขา
อาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ตายชะฮีด

อาลี ได้ตายชะฮีดในวันที่ 17 เดือน รอมฎอน ปี ฮ.ศ. 40 ด้วยน้ำมือของพวกคอวาริจคนหนึ่ง มีชื่อว่า อับดุลเราะห์มาน บุตรของมุลญิม เขาคิดว่าการที่เขาสังหารอาลี จะทำให้เขาเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ เขาได้ประชุมกับเพื่อนสองคนของเขา และทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับบรรดามุสลิม พวกเขากล่าวว่า พวกเราน่าจะสังหารผู้นำที่หลงทางและทำให้ประเทศหลุดพ้นจากพวกเขา อับดุลเราะห์มาน บุตรของมุลญิมกล่าวว่า ฉันจะจัดการอาลีเอง เพื่อนของเขาคืออัมรฺ บุตรของอับดุลลอฮฺ กล่าวว่า ฉันจะจัดการกับมุอาวียะฮฺเอง อัมรฺบุตรของบักรกล่าวว่า ฉันจะจัดการกับอัมร์ บุตรของอาศเอง พวกเขาลงความเห็นว่าจะต้องาจัดการภายในคืนเดียวกัน ซึ่งอับดุลเราะห์มาน บุตรของมุลญิม สามารถสังหารอาลี ได้ด้วยดาบอาบยาพิษ ขณะที่อาลีไปละหมาดซุบฮิ โดยร้องว่าละหมาด ละหมาด ในขณะที่เพื่อนทั้งสองของเขาล้มเหลวในการสังหารมุอาวียะฮฺและอัมรฺ บุตรของอาศ ขออัลลอฮฺทรงเมตตาอมีรุลมุมินีนอย่างกว้างขวาง และตอบแทนเขาที่ทำเพื่ออิสลามและมุสลิมอย่างดียิ่ง


ปีแห่งการรวมเป็นเอกภาพ ฮ.ศ.41


ชาวอีรักได้ให้สัตยาบันแก่ฮาซัน บุตรของอาลี ในวันที่อาลี ตายชะฮีด และ มีข่าวถึงมุอาวียะฮฺ ว่าฮาซันเตรียมหารมากมาย เพื่อสู้รบกับเขา เขาจึงเตรียมทหารของเขาเป็นการระวังและเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ต่างๆ บุคอรีได้รายงานในซอฮีฮฺของเขาจากฮาซัน อัลบัสรีย์กล่าวว่า ขอสาบานต่อ อัลลอฮฺ ฮาซัน บุตรของอาลี ได้ต้อนรับมุอาวียะฮฺ ด้วยกองทหารจำนวนมากมายที่ไม่ยอมหันหลังกลับแน่จนกว่าจะสังหารฝ่ายตรงกันข้าม มุอาวียะฮฺจึงกล่าวกับเขาว่า อัมรฺ เอ๋ย หากพวกนั้นสังหารพวกนั้น พวกนั้นสังหารพวกนั้น ผู้ใดจะดูแลเรื่องราวของประชาชนให้ฉัน? ผู้ใดจะดูแลลูกๆของพวกเขาให้ฉัน?ผู้ใดจะจัดการผู้สูญหายจากพวกเขาให้ฉัน? เขาจึงส่งชายสองคนจากพวกกุเรสจากบนีอับดิชัมส์ ไปหาเขาคือฮาซัน ทั้งสองคนก็คืออับดุลเราะห์มาน บุตรของสะมิเราะห์กับอับดุลลอฮฺ บุตรของอามิรเขาพูดว่า จงไปหาชายคนนี้แล้วเสนอแก่เขาและจงพูดคุยกับเขาและจงขอคือข้อตกลงทั้งสองมาหาเขา เข้าไปหาเขา พูดคุยกับเขาและขอร้องเขา ฮาซันบุตรของอาลีกล่าวกับคนทั้งสองว่า เรามาจากบนูอับดุลมุตตอลิบได้รับทรัพย์นี้แต่ประชาชรตินี้ต้องเสียไปในกองเลือด คนทั้งสองกล่าวว่า เขาเสนออย่างนี้ กับท่าน ขอร้องท่านและให้ถามท่าน เขากล่าวว่า แล้วใครจะรับประกันสิ่งนี้ให้แก่ฉัน?คนทั้งสองกล่าวว่า เราจะรับประกันให้แก่ท่านไม่ว่าเขาจะขอสิ่งใดกับคนทั้งสอง และคนทั้งสองกล่าวว่า เราจะรับประกันให้แก่ท่าน เขาจึงนำข้อตกลงประนีประนอมและสละอำนาจให้กับเขา และเช่นนี้แหละความวุ่นวายจึงได้ยุติลงและอัลลอฮฺทรงให้เกิดการประสานรอยร้าวระหว่างบรรดามุสลิมด้วยกับฮาซัน อันเนื่องมาจากศาสนาของเขา สติปัญญาของเขา และความยำเกรงของเขาแล้วคำพูดของท่าน นบี ที่บุคอรีย์รายงานไว้ในซอฮีฮฺจึงประจักรความจริงออกมา " แท้จริงหลานของฉันคนนี้ เป็นผู้นำและหวังว่าอัลลอฮฺจะทรงให้เขาประสานรอยร้าวระหว่างสองฝ่ายที่มีจำนวนมหาศาลจากมุสลิมีน"


ที่มา : วารสารศูนย์อิสลามศึกษา พญาไท ปีที่ 1 ฉบับที่ 7
วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2549
( ตรงกับวันที่ 3 ร่อบีอุซซานี ฮ.ศ. 1427 )
โดย โดย อ.ซอลีฮีน มานะ



Create Date : 26 กรกฎาคม 2550
Last Update : 26 กรกฎาคม 2550 11:30:10 น.
Counter : 12181 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของความว่าง : กะว่าก๋า
(22 เม.ย. 2567 05:16:32 น.)
ว่างเปล่า นาฬิกาสีชมพู
(22 เม.ย. 2567 00:01:05 น.)
กฎหมาย สาเหตุของปัญหาและความทุกข์ การเก็บ ปัญญา Dh
(22 เม.ย. 2567 02:15:11 น.)
봄 처녀(Virgin spring) by 홍난파(NanPa Hong) ปรศุราม
(17 เม.ย. 2567 10:09:12 น.)

Narok.BlogGang.com

นะ(รก)
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]