===Chocolate Raspberry Mousse Cake===
lozocat.lozocat



เค้กก้อนนี้หลีทำดองไว้นานมากแล้วค่ะ ต้นฉบับเป็นของ พี่จุ๋ม แม่สลิ่ม พี่เค้าทำไว้น่าทานมากกกกกก แต่ของหลีไม่ได้ทำลายด้านข้างนะคะ ฝีมือยังไม่ถึงขั้นจริงๆค่ะ


หลีมีการปรับเปลี่ยนจากต้นฉบับนิดหน่อย คือไม่ได้ทำเป็นเค้กชิฟฟอน แต่ทำเป็นเค้กสปันจ์สูตรดัดแปลง (อีกแล้ว) มาจากเค้กยอดฮิตของ พี่แหม่ม tiara ค่ะ หลีขอลงสูตรที่ปรับ (ฉบับสุดมั่ว) แล้วนะคะ




* ผงโกโก้ ต้องใช้แบบ alkalized cocoa หรือ Dutch Processed นะคะ เพราะจะมีการค่าความเป็นกรดมาแล้ว จึงไม่ต้องเติมเบกกิ้งโซดาอีกค่ะ ปกติหลีใช้ตรา นางพยาบาล ค่ะ





วันนี้หลีสไลด์เค้กเป็น 2 ชั้น แล้วก็ใช้พิมพ์วงแหวน 2 ปอนด์มาตัดให้เค้กเล็กลง จากนั้นก็วางเค้กชิ้นแรกลงในพิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ อย่าลืมพันพลาสติกเตรียมไว้ด้วยนะคะ และถ้าใครใช้พิมพ์วงแหวนแบบหลี ก็แนะนำให้ห่อพลาสติกแรปที่ก้นด้วยนะคะ เวลาเทมูสจะได้ไม่ไหลออกหมดค่ะ แล้วทีนี้ก็หันมาทำตัวมูสกันค่ะ




หลังจากทำตัวมูสชอกโกแลตเสร็จแล้ว ก็เทลงไปในพิมพ์ที่เราวางเค้กเตรียมไว้นะคะ มูสที่ดี (จากประสบการณ์) ควรมีลักษณะค่อนข้างเหลว เวลาเทลงในพิมพ์ มูสจะไหลลงไปคลุมด้านข้างเค้กเอง และปาดง่ายค่ะ ถ้าใครทำมูสแล้วออกมาค่อนข้างข้นเป็นครีม น่าจะเกิดจากการตีวิปครีมฟูมากเกินไปค่ะ

พอเทมูสลงไปในพิมพ์แล้วก็เอาเข้าตู้เย็นไว้นะคะ อย่างเพิ่งรีบวางเค้กชั้นที่สองลงไป เพราะมันอาจจะจมลงไปในเนื้อมูสมากเกินไปค่ะ แช่ให้มูสเซ็ทตัวสักเล็กน้อยก่อน แล้วค่อยวางเค้กชั้นที่สองลงไปจะได้ชั้นเค้กที่สวยกว่า (อันนี้ก็จากประสบการณ์ตัวเอง แล้วแต่ถนัดนะคะ) ทีนี้ก็หันมาทำมูสราสเบอร์รี่กันค่ะ เย้ๆ ใกล้เสร็จแล้ววว





หลังจากเทมูสส่วนที่สองลงไปแล้ว ก็จับเข้าตู้เย็น แล้วก็ทำเป็นแกล้งลืมไปเลยค่ะ ให้มูสมีเซ็ทตัว ของหลีทิ้งไว้ข้ามคืนค่ะ


หลังจากผ่านไป 1 คืน เราก็จะมาทำตัวเจลลี่ราดหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่ก่อนอื่นก็ต้องเอาเค้กออกจากพิมพ์ก่อนนะคะ หลีใช้ไดร์เป่าผม เป่ารอบๆพิมพ์วงแหวน ค่ะ พิมพ์จะหลุดออกง่ายมาก แต่อย่าเป่านานเกินนะคะ อากาศบ้านเรายิ่งร้อนๆอยู่ เดี๋ยวเค้กที่อุตส่าห์แช่มาทั้งคืนจะละลายไม่รู้ตัว


Raspberry Jelly
1. น้ำ Rasberry 150 ml.
2. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
3. เจลลาตินผง 3 ช้อนชา

วิธีทำ
1. โปรยเจลาตินลงในน้ำราสเบอร์รี่ ทิ้งไว้สักครู่ให้เจลาตินพองตัว
2. เติมน้ำตาลทรายลงไป นำทั้งหมดขึ้นตั้งไฟ คนจนน้ำตาล และเจลาตินละลายดี ยกลงพักเย็น ก่อนนำไปราดหน้าเค้ก


ตัวเจลลี่เนี่ย ขอย้ำนะคะว่าต้องรอให้เย็นจริงๆ ของหลีไม่ได้รอให้เย็น พอเทลงไป เจลลี่มันไหลลงไปด้านข้างเค้กหมดเลยค่ะ ก็เลยได้หน้าเจลลี่บางๆอย่างที่เห็น






รสชาดอร่อยมากๆ คุ้มค่ากับการเฝ้ารอเลยค่ะ รสชอกโกแลตเข้มๆ ตัดกับมูสราสเบอร์รี่เปรี้ยวๆหวานๆ ยิ่งกินเย็นๆ โอ้ววว สวรรค์


ขอขอบคุณพี่แหม่ม Tiara, พี่จุ๋ม แม่สลิ่ม สำหรับสูตรเค้กแสนอร่อย แถมขั้นตอนการทำอย่างละเอียดนะคะ และขอบคุณเพื่อนๆทุกคนสำหรับการติดตาม เจอกันใหม่บลอคหน้าค่า



ดูบลอคเก่า : ของเก่าเล่าใหม่กับ ...OrEo BrOwNiE ChEEsECaKe...

lozocatlozocat



Create Date : 12 กันยายน 2552
Last Update : 15 กันยายน 2552 1:24:23 น.
Counter : 1340 Pageviews.

11 comments
  
น่าทานมากคะ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะทำได้ไม่ยากแบบนี้ ลูกไก่ชอบไปซื้อที่ร้านเค้กญี่ปุ่นทานประจำ
โดย: lovelylk วันที่: 12 กันยายน 2552 เวลา:12:52:20 น.
  
สวยเนี้ยบค่ะ
โดย: dew_monamoji IP: 125.25.74.25 วันที่: 12 กันยายน 2552 เวลา:18:44:28 น.
  
สวยงามน่ากินมากค่ะ
โดย: ceacar salad วันที่: 12 กันยายน 2552 เวลา:18:54:46 น.
  
อ้าว รูปไม่คล้องจองกับคำพูดวะแระ

น่ากินค่ะ น่ากินๆๆๆ
โดย: ceacar salad วันที่: 12 กันยายน 2552 เวลา:18:56:13 น.
  
น่าทานมากๆเลยค่ะ เค้กกับมูสเป็นชั้นๆ สวยจริงๆ เก่งจังเลยค่ะ
โดย: mma_mmi วันที่: 12 กันยายน 2552 เวลา:20:16:25 น.
  
น่ากินที่สุดเลยค่ะ....

เดี๋ยวกลับไปทำบ้างดีกว่า
โดย: NuHring วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:1:11:51 น.
  
กรี๊ดดด น่ากินที่สุดเลย
โดย: ซามอ วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:5:43:36 น.
  
สีสันแจ่มมาก ๆ เลยคะ น่าทานมาก
โดย: Sweet Forever วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:9:39:08 น.
  
น่ากินจังค่ะ
โดย: แม่น้องฟลุ๊ค (นู๋จิตห่ะ ) วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:15:09:24 น.
  
น่าทานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!
ถึงมากที่สุดค่ะ

บล๊อคก็น่ารัก เค้กก็น่ารักน่ากิน

รูปแบบการนำเสนอน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ

สรุปว่า ... เก่งจัง
โดย: LeaDGlasS วันที่: 15 กันยายน 2552 เวลา:13:02:30 น.
  
ทำขนมน่าทานบล็อคก็น่ารัด
โดย: หญิงแม่ IP: 10.1.27.67, 203.146.11.109 วันที่: 15 กันยายน 2552 เวลา:14:06:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilee.BlogGang.com

LiLeE DiArY
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด