ประสบการณ์การใส่ถ้วยอนามัย
ฉันใส่ถ้วยอนามัยแทนผ้าอนามัยมาประมาณ 6 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ได้ยินว่า ผ้าอนามัยทั้งแบบแผ่นและแบบสอดทำให้เกิดขยะพลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ปีละประมาณ 150 กิโลกรัม ฉันก็ไม่อยากจะซื้อผ้าอนามัยแบบแผ่นอีกเลย ตอนนั้นฉันหารีวิวมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นของฝรั่ง ในปีหลัง ๆ มานี้ฝรั่งเขามีเทรนด์รักโลก ทำให้ถ้วยอนามัยเป็นเทรนด์ใหม่ที่มีรีวิวมากมาย แต่ตอนนั้นยังไม่มีภาษาไทยให้อ่านเลย โชคดีที่มีบางร้านใน Shopee กับ Lazada เอาเข้ามาขายบ้างแล้ว แต่ก็เทียบไม่ได้กับสมัยนี้ที่มีร้านให้เลือกเยอะมาก แล้วยังมีถ้วยอนามัยแบบแปลก ๆ เพิ่มมาให้เราตื่นตาตื่นใจอีกเยอะแยะ
ฉันซื้อถ้วยอนามัยถ้วยแรกของฉันมาจากร้านใน Shopee

ความพยายามที่ไม่เป็นผล
กว่าฉันจะใส่ถ้วยอนามัยได้ ต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่คิดมาก ๆ ด้วยความที่ ณ เวลานั้นฉันยังเวอร์จิ้นอยู่ด้วย และไม่เคยสอดอะไรเข้าไปนอกจากผ้าอนามัยแบบสอดชิ้นเล็ก ๆ ฉันไม่สามารถจะยัดถ้วยอนามัยเข้าไปได้เลย ครั้งแรกฉันอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อพยายามจะใส่ถ้วยอนามัย แต่ไม่เป็นผล ฉันก็เลยต้องกลับไปใส่แบบแผ่นเหมือนเดิม
ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นที่ขนาดของถ้วยอนามัยหรือเปล่านะ ฉันก็เลยหาซื้อรุ่นใหม่ที่เล็กลง และมีซิลิโคนที่นุ่มขึ้น แต่ก็ไม่ช่วยอะไร เดือนที่ 2 กับเดือนที่ 3 ผ่านไป ฉันก็ยังใส่ถ้วยอนามัยไม่ได้เหมือนเดิม
ในใจฉันคิดว่า การใส่ถ้วยอนามัยก็คงเหมือนกับการใส่คอนแท็กเลนส์แหล่ะ แต่มันไม่ใช่เลย เพราะคอนแท็กเลนส์เรายังเห็นว่าดวงตาของเราอยู่ที่ไหน แต่การใส่ถ้วย เราไม่เห็นเลยว่าปลายทางที่เราต้องยัดเข้าไปมันอยู่ที่ไหน ยากจังเลย

ประสบการณ์การใส่ถ้วยอนามัยครั้งแรก
ในที่สุดฉันก็ใส่ถ้วยอนามัยสำเร็จหลังจากการแต่งงาน T-T น่าจะเป็นเพราะฉันกลัวการเอาอะไรมาใส่ในช่องคลอดน้อยลง ฉันก็เลยยัดเข้าจนได้ แต่เจ้ากรรม พอใส่เข้าไปสำเร็จ มันไม่เห็นมีอะไรเหมือนกับที่รีวิวอื่นเขียนเอาไว้เลย ไหนบอกว่ามันจะไม่รู้สึกอะไรเลยไง ฉันรู้สึกถึงปลายถ้วยอนามัยตลอดเวลา แล้วก็รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ขยับตัวเดิน มันอธิบายไม่ถูก บอกสามีเขาก็บอกให้รีบไปถอดออก ทำไมกันนะ
ตอนถอดถึงได้รู้ คือถ้วยอนามัยที่ใส่มันไม่กางออก พอใส่เข้าไปมันก็เลยไปดันข้างในช่องคลอด แล้วมันก็เจ็บเวลาเดิน เวลานั่งกับยืนไม่เป็นอะไร แต่พอเดินมันจะเสียดสีกับมุมที่เกิดจากการพับ ฉันเลยหาข้อมูลเพิ่มเติม เขาบอกว่าการที่ถ้วยอนามัยไม่กางอาจจะเป็นเพราะว่าเรายังยัดมันลึกไม่พอ ส่วนเรื่องปลายถ้วย แก้ไขได้โดยการตัดปลายออก
ครั้งต่อมาฉันก็เลยจัดการยัดให้มันลึกขึ้น แล้วก็ตัดปลายถ้วยที่ยาวเกินไปออก สบายเลยคราวนี้ เหมือนที่เขาบอก ไม่รู้สึกอะไรเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลย สบายตัวมาก ไม่ต้องใส่ผ้าอนามัยแล้วด้วย อยู่จนจรดเย็นถึงเจอปัญหาอีกครั้ง
ปัญหาที่ว่าคือ มันดึงออกยากมาก ฉันคิดแว๊บในใจว่า ฮืออ ถ้าเอามันไม่ออก ฉันต้องไปให้หมอช่วยที่โรงพยาบาลไหมเนี่ย ช่วงนี้ยิ่งไม่น่าไปโรงพยาบาลอยู่ด้วย หมอพยาบาลไม่น่าจะว่างมาทำเคสอะไรแบบฉันนี่ เพราะตอนนี้ Covid-19 กำลังระบาดหนัก
แต่สุดท้าย ก็ดึงออกจนได้ ต้องใช้แรงมากพอสมควร เหมือนตอนแกะขวดน้ำที่มันแน่นมาก ๆ ถ้าใช้แรงพอ มันก็ออกมาได้


ประสบการณ์ถอดถ้วยอนามัย
ประสบการณ์ถอดถ้วย มันสยองขวัญเหมือนที่ทุกคนเขียนบรรยายไว้นั่นแหล่ะค่ะ เพราะมันก็คือเลือด ถ้าคนกลัวเลือดมาก ๆ ไม่เหมาะที่จะลองใช้ถ้วยอนามัยนะ
การดึงออกเราก็ต้องสอดมือเข้าไป ปกติฉันจะสอดสองนิ้วคือนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ที่สำคัญคือ ต้องตัดเล็บให้สั้น แล้วก็ล้างมือก่อนล้วงทุกครั้ง ย้ำว่า ทุกครั้ง! อันนี้เว็บบล้อกของทางฝรั่งเขาย้ำมา น่าจะเคยมีประสบการณ์ไม่ดี ^^;
พอสอดนิ้วเข้าไปได้จะเจอปลายถ้วยอนามัย ให้ดึงออกมา แล้วใช้มือบีบฐานถ้วยเอาไว้ นึกในใจว่า ฮึ้บ! แล้วดึงออกพรวดเดียว
ครั้งแรก ๆ สยองมาก T-T ครั้งแรก ๆ ฉันไม่สามารถจะฮึ้บ แล้วดึงพรวดเดียวได้ ผลคือ เจ็บมากกกก ตอนจะเอาออก แล้วรู้สึกว่าน้องช้ำไปหมด ก็เลยไม่เอาละ ครั้งต่อไปเราต้องทำตามที่เขาแนะนำ และมันก็ดีกว่ากันมาก ๆ ถ้าเราไปเก้ ๆ กัง ๆ ตอนดึงออก มันจะทำร้ายน้องสาวเรามากกว่ากลั้นใจแล้วดึงออกทีเดียว

การทำความสะอาดถ้วย
ถ้วยอนามัยสามารถทำความสะอาดได้ด้วยการต้ม แต่ปกติแล้วคนทั่ว ๆ ไปเขาจะต้มแค่ตอนเริ่มมีรอบเดือน คือต้มเดือนละครั้ง หลังจากนั้นตอนจะใช้เขาก็จะถอดออกมา ล้างน้ำ แล้วใส่เข้าไปใหม่เลย จนกว่ารอบเดือนจะหมด
แต่สำหรับฉัน ฉันรู้สึกไม่ไว้ใจน้ำประปาเมืองไทยมากพอที่จะล้างแค่อย่างเดียวแล้วเอาใส่กลับเข้าไปใหม่ ฉันก็เลยซื้อเครื่องฉายรังสี UV ฆ่าเชื้อสำหรับถ้วยอนามัยมาด้วย ทุกครั้งที่ถอด หลังล้างน้ำเสร็จแล้ว ฉันจะเอาเข้าเครื่องอบฉายหรังสี UV 1 รอบก่อน แล้วค่อยใส่เข้าไปใหม่
พอหมดรอบเดือน ฉันก็จะล้าง อบ UV 1 รอบ แล้วเก็บ เดือนต่อไปก็ต้มถ้วยก่อนใช้ใหม่อีกครั้งค่ะ
การต้มถ้วยอนามัย ฉันใช้หม้อเล็กใบเก่าที่ใช้ทำอาหารนี่แหล่ะ แต่ฉันเก็บไว้ในห้องนอนเพราะกลัวคนที่บ้านจะหยิบไปทำอาหาร ^^; ไม่เหมาะสม ๆ ถ้วยอนามัยไม่ควรต้มเกิน 10 นาทีนะ อาจจะทำให้ถ้วยอนามัยไหม้ได้ ทางที่ดี เราควรใส่ถ้วยอนามัยไว้ในที่ตีแป้งแบบในรูปข้างล่างนี้ เพื่อป้องกันการไหม้เวลาที่น้องถ้วยลงไปติดก้นหม้อนะคะ แต่ถ้าไม่อยากสละที่ตีแป้งทำขนมก็ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ฉันก็ใช้ตะเกียบคีบเอา ต้มประมาณ 5 นาทีค่ะ (รอน้ำเดือดก่อนค่อยใส่ถ้วยลงไปต้ม)


คำแนะนำสำหรับคนที่จะเริ่มใส่
ขอให้เรานึกไว้ว่าการที่เปลี่ยนมาใช้ถ้วยอนามัย ไม่แค่ได้ประหยัดเงินค่าผ้าอนามัยเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้โลกของเรามีขยะลดลงอีกด้วย ทุกวันนี้โลกของเราป่วยมาก ขยะจะล้นโลกอยู่แล้ว ทำให้สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่มีพิษ การที่เราเปลี่ยนมาใช้ถ้วยอนามัยก็เหมือนกับเรากำลังช่วยกอบกู้โลก
บางครั้งเวลาฉันใส่ถ้วยไม่เข้า ฉันก็ยังพยายามต่อได้ เพราะคิดว่ากำลังทำอะไรสักอย่างที่ดีต่อโลกใบนี้ ดีต่อสิ่งแวดล้อม เป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนธรรมดา ๆ อย่างฉันจะเปลี่ยนได้ เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง
หลังจากที่เจอความทุลักทุเลในครั้งแรก ๆ ที่ใส่บ้าง หลัง ๆ ก็เริ่มชิวแล้ว มันเหมือนกับการใส่คอนแท็กเลนส์จริง ๆ ยากในครั้งแรก ๆ แต่ทำเรื่อย ๆ มันจะเร็วและสบายเพราะความเคยชิน
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวค่ะ ลองซื้อมาลองใส่ดู เลือกไซส์เล็ก ๆ ก่อน หาหม้อเล็ก ๆ สักใบเอาไว้ต้มถ้วยด้วย
แนะนำว่าถ้าใส่ถ้วยอนามัยเป็นครั้งแรก ๆ อาจจะไม่ชิน อาจจะมีโอกาสที่ถ้วยไม่กางบ้าง ต้องพกผ้าอนามัยแบบแผ่นเผื่อต้องถอดระหว่างวันด้วยนะคะ การที่ถ้วยไม่กลางทำให้เลือดยังไหลออกมาได้อยู่ ลองสังเกตดูก่อนว่าเราต้องพับแบบไหน ยัดแบบไหน แล้วต้องจัดการยังไงให้ถ้วยกาง แต่ละคนมีเคล็ดลับไม่เหมือนกันค่ะ ส่วนตัวฉันจะลองแตะ ๆ ตรงฐานถ้วยหลังจากที่ใส่ดูว่ามันกลมเสมอกันหมดหรือเปล่า ถ้าเจอว่ามีจุดที่มันไม่กลมก็จะลองลุกนั่ง ลุกนั่ง สองสามครั้ง ถ้วยก็จะกางออกเองค่ะ หรือใช้มือกด ๆ บิด ๆ เอาก็ได้
 
ช่วงนี้เข้าไปดูในตลาดถ้วยอนามัย ก็มีสินค้าใหม่ ๆ และนวัตกรรมน่าสนใจมากมาย ถ้าว่าง ๆ และมีโอกาสฉันอาจจะเอามาเขียนรีวิวให้อ่านกันในครั้งหน้านะคะ
 



Create Date : 30 เมษายน 2564
Last Update : 30 เมษายน 2564 12:59:04 น.
Counter : 1254 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kurobina.BlogGang.com

Kurobina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]