หายนะของหมาป่าที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด หายนะของหมาป่าที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็นคำว่าหายนะ หรือวิกฤต หรือโศกนาฏกรรม อะไรก็เอามาใช้กับโรม่า ที่เราเห็น ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันอังคารที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาได้ทั้งหมด ก่อนลงสนาม ทีมหมาป่ากำความได้เปรียบจากชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ที่ทำได้ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรกมาที่ โอลิมปิโก สตาดิโอ บ้านของตัวเอง ตอนนั้นขุนพลจัลโล่รอสซี่ ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์พาตัวเองมาไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลถ้วยใหญ่สุดของยุโรปได้ในรอบ 23 ปี กำลังฝันหวานถึงรอบตัดเชือก และอาจเลยเถิดไปถึงนัดชิงที่เอเธนส์ ทว่าทุกอย่างพังทลายไปตั้งแต่ยังไม่ทันจบ 45 นาทีแรกในเกมนัดสองที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดด้วยซ้ำ สกอร์ที่ผีแดงนำห่างสุดกู่ 4-0 ในครึ่งแรกแสดงให้เห็นถึงชั้นที่เหนือกว่า โดยไม่ต้องดูผลงานการเล่นในสนาม และเมื่อย้อนกลับมาดูรูปเกมเข้าจริงๆจังๆ ก็ง่ายดายมากว่า ลูกทีมของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำได้ยอดเยี่ยมทุกกระบวนท่า ต๊อตติ แอนด์ โค เล่นดีสูสีเด็กๆของป๋าเฟอร์กี้ได้แค่ต้นๆครึ่งแรกราวๆ 10 นาที และหลังจากโดน ไมเคิ่ล คาร์ริค ส่องประตูไซด์เสียบมุมแคบเข้าไปอย่างสุดมหัศจรรย์ในนาทีที่ 11 ความอกสั่นขวัญแขวนก็เกิดขึ้นในใจแข้งหมาป่า และถ่ายทอดออกมาสู่เท้า บังเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย ไปจนถึงความผิดพลาดมหันต์ที่นำมาซึ่งการเสียประตูที่สอง สาม สี่ ห้า หก และเจ็ด !!! ปุๆๆๆๆ อย่างไม่หยุดยั้ง จาก ไมเคิล คาร์ริค 2 เม็ด หนูโด้ 2 ตุง บวกด้วยเวย์น รูนี่ย์, อลัน สมิธ และปาทริซ เอวร่า คนละหนึ่ง (เอวร่าที่ลงมาเป็นสำรองยังยิงเข้า!) ปล่อยให้ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ยิงสวยๆ แต่ไร้ความหมายให้โรม่า 1 ประตู ส่งผลให้แมนฯยูฯเข้ารอบด้วยสกอร์รวมท่วมท้น8-3 รูปเกมไม่ต้องบรรยายกันแล้ว บอกแค่เพียงมันคือวันของยูไนเต็ดเท่านั้น เพราะยิงยังไงก็เข้า อเล็กซานเดอร์ โดนี่ นายด่านแซมบ้ากำลังใจหดเหลือศูนย์ เพราะโดนแต่ละดอกเหมือนผีจับยัดทั้งสิ้น หมดปัญญาจะต้านทานได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้โชว์สเต็ปสมใจ และให้บทเรียนกับแข้งหมาป่าว่าหากคิดจะปล่อยให้เขาลากเลื้อยโดยไม่เข้ามารุมสกัดมากกว่า 2 คนล่ะก็ จะต้องเจอแบบนี้ ว่าแล้วหนูโด้ก็จัดการสอยคนเดียวเสีย 2 เม็ดสบายใจ ก่อนเกมไม่มีใครคาดหรอกว่า ทีมหมาป่าจะเละตุ้มเป๊ะขนาดนี้ เพราะแค่รั้งผลเสมอเอาไว้ได้เป็นอย่างน้อย พวกเขาก็ลอยลำเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้ว แต่แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เชี่ยวชาญในถ้วยยุโรปมากกว่า แถมยังมีกุนซือที่สั่งสมประสบการณ์มายาวนาน และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนังก็แสดงให้เห็นว่า ทีมหมาป่ายังต้องไปทำการบ้านอีกเยอะ หรือพูดง่ายๆ "อ่อนว่ะ" พร้อมตอกย้ำให้บรรดาบอร์ดบริหารของโรม่าได้รู้สำนึกเสียบ้างว่า หากอยากจะยิ่งใหญ่ คุณก็ต้องมีกำลังเสริมที่ทดแทนกับตัวหลักได้ดีกว่าที่เห็น และที่เป็นอยู่ รายได้จากการมาไกลถึงรอบนี้ในถ้วยยุโรป น่าจะทำให้ตระกูลเซนซี่ เจ้าของสโมสรลงทุนซื้อดาวเตะดีๆมาเสริมทัพอย่างจริงจัง ก่อนลงสนาม มีกลิ่นไม่ดีลอยเตะจมูก เมื่อโรม่าจำต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ส่งลง 11ตัวจริงอย่างกะทันหัน เพราะโรดริโก้ ตาดเด มิดฟิลด์ตัวกลั่นเกิดมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าในการวอร์มอัพ ว่ากันว่า เป็นอาการเจ็บที่เรื้อรังมาจากเกมแรกที่ชนะผีแดงมานั่นเอง เสร็จแล้วพวกเขาก็ต้องเอามีร์โก วูซินิช มาขัดตาทัพยืนห้อยต่ำจากฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เพื่อประสานงานกับอเลสซานโดร มันชินี่ และคริสเตียน วิลเฮล์มส์สันแทน สืบเนื่องจากเจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้าก็ดันมาโดนแบนไปเสียด้วย ปรากฏว่าอย่างที่เห็น เละกับเละ วูซินิช ไม่ใช่ตัวเก็บบอลที่ดี และไม่อาจสอดประสานสร้างเกมบุกให้โรม่าได้ หน้าที่ถนัดของเขาคือจบสกอร์ แต่โรม่าไม่มีใครแล้ว ต๊อตติเห็นท่าไม่ดีต้องลงต่ำมาช่วยเพื่อน แล้วใครจะยิงกันละคราวนี้ นอกเสียจากรอลุ้นลูกยิงไกล หรือลูกเปิดจากริมเส้น หรือจากดาวิด ปิซาร์โร่ ที่พยายามแล้วพยายามอีกที่จะเปิดบอลจากกลางสนามขึ้นมา แต่ยังไงก็ไม่เข้าเป้า บอลไม่ถึงเพื่อน ไม่ได้ตำแหน่งที่เหมาะสมเสียที ส่วนแนวรับ ก็ช่วยๆกันแบ่งรับความผิดกันไป ให้คริสเตียน คิวู มากหน่อยตรงที่สกัดพลาดชัดแจ้งไปเข้าเท้า อลัน สมิธ ได้ยิงสบายในประตูขึ้นนำ 2-0 แล้วก็ช็อตสกัดไม่โดนในอีกหลายๆประตูที่โดนเจาะ พอดีวันนี้ เป็นคิวสกู๊ปของฟุตบอลอิตาลี เนื้อที่วันนี้จึงเทให้กับการไว้อาลัยโรม่า ที่ล่วงลับไปจากวงโคจรยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเสียมากหน่อย พร้อมกับความพยายามหาเหตุผลที่ทำให้ทีมหมาป่ากรุงโรม ซึ่งเป็นทีมที่เล่นได้ตื่นตาตื่นใจที่สุดในอิตาลียามนี้ ถึงได้ตายอนาถแบบที่เห็น แต่คำตอบง่ายๆก็คือ เพราะเจอของจริง คู่แข่งคือทีมที่แกร่งสุดๆอย่าง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ทีมที่มีสถิติชนะในบ้านติดต่อกันมา4 นัดในเกมยุโรป และแพ้คารังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดแค่ครั้งเดียวในรอบ 31 เกมหลังสุด ขุนพลปีศาจแดงลงเล่นในเกมนี้ด้วยความทุ่มเทเต็มกำลัง บวกกับกึ๋นและการวางหมากของกุนซือ ผลงานจึงออกมาห้าดาว และแสดงให้เห็นถึงชั้นเชิงที่เหนือกว่าโรม่าเห็นๆ ในวัย 65 ปี ป๋าเฟอร์กี้คือเจ้าของ 32 แชมป์ โดยมีพรีเมียร์ชิพอังกฤษปาเข้าไป 8 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 ครั้ง ขณะที่ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เทรนเนอร์หัวเหม่งของโรม่ายังไม่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย และดูท่าว่าปีนี้ สปัลเล็ตติ คงจะมีวาสนาทำโรม่าได้แค่รองแชมป์เซเรีย อา, รองแชมป์โคปปา อิตาเลีย และมาไกลแค่รอบก่อนรองฯแชมเปี้ยนส์ลีก...เท่านั้นจริงๆ ตัวเลขที่ปรากฏบนสกอร์บอร์ด ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คงตอบคำถามได้ดี ว่า "คลาส" ของ ผีแดง กับ หมาป่า อยู่ห่างกันเพียงใด... |