รักแห่งสยาม รักแห่งคริสตศาสนา อารัมภบท ก่อนที่จะดูภาพยนตร์"รักแห่งสยาม"และบทความนี้ ขอให้คุณเปิดใจถอดแว่น"อคติ"ก่อนดูเช่นเดียวกับโต้งในวัยเด็ก ตามคำสอนของพระเยซูที่ว่า ตาคือความสว่างของร่างกาย ถ้าตาท่านปกติ ทุกสิ่งก็จะใสสว่าง แต่ถ้าตาท่านไม่ดี ทุกสิ่งก็จะพลันมืดไป (พระวรสารโดยนักบุญมัทธิวบทที่ 6ข้อที่23) "...แด่ทุกความรักที่สร้างเรา" พระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง ทรงเป็นความรัก (1ยอห์น4:8) และทรงสร้างทุกสิ่งที่ทรงเห็นว่าดี เมื่อทรงสร้างอดัม ก็ทรงสร้างเอวาเพื่อเป็นคู่อุปถัมภ์ แสดงให้เห็นว่า ความรักมิได้มีแค่แบบชายกับหญิง:สามีภรรยา หากยังมีความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ รวมทั้งยังความรักที่เรามีต่อพี่น้องเพื่อนมนุษย์ทุกคน ดั่งที่พระเยซูทรงสอนบรรดาอัครสาวกในพระกระยาหารมื้อสุดท้ายว่า "จงรักกันและกัน ดั่งที่เรารักท่าน" (ยอห์น15:12) พระตรีเอกภาพพระเจ้าแห่งความรัก "เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาเมน" แม้ว่ามนุษย์จะถูกมารผจญล่อลวงให้ตกในบาป จนต้องพลัดพรากจากพระเจ้าผู้วิสุทธิ์ ความรักของพระองค์ไม่หยุดยั้ง ยังบอกให้เรามนุษย์เรียกพระองค์เป็น "พระบิดา/พ่อ" ทั้งเสด็จลงมาเกิดเป็นพระเยซูร่วมสภาพ"พระบุตร"แห่งมนุษย์ เพื่อชำระความบาปให้สินไป "เพราะพระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงได้ประทานพระบุตรแต่องค์เดียว เพื่อให้ผู้ที่เชื่อวางใจในองค์พระบุตรนั้น จะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร" (ยอห์น3:16) พระเยซูยังเผยแสดงเรื่อง"พระจิต"ผู้สถิตอยู่กับเรา จะคอยชี้แนะและเป็นพลังนำเราสู่การเป็นผู้ชอบธรรม เพื่ออยู่ร่วมกับพระองค์ในวิมานสวรรค์ ความรักไม่ใช่สิ่งงมงาย แต่เป็นสิ่งที่ต้องแสวงหา "จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะเถิด แล้วเขาจะเปิดรับท่าน (มัทธิว 7:7) "...มีความจริงอยู่ในความรักตั้งมากมาย และที่ผ่านมาฉันใช้เวลาเพื่อหาความหมาย..." มิวใช้เวลาอยู่นานที่จะหาชิ้นส่วนของตุ๊กตา แต่นั่นก็กลับเพิ่มพูนความรักมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องราวที่ถูกสื่อผ่านละครคริสต์มาส โหราจารย์ทั้งสามที่คำนวนดาราศาสตร์ หาดาวแห่งความหวัง อดทนเดินทางอยู่หลายปีเพื่อพบพระเยซูเจ้า ท่านทั้งสามได้ถวายของขวัญ3ประการคือ "ทองคำ กำยาน และมดยอบ" (มัทธิว2:11) ซึ่งข้าพเจ้าขออุปมาเป็นนิยามความรักของตัวละครใน3วัยที่ต่างกันได้ดังนี้ 1.วัยชรา:อาม่า ความรักประดุจทองคำไร้กาลเวลาเสื่อมสลาย "ค่ำคืนนี้บนท้องฟ้า มีดวงดาวอยู่พราวพราย หวนคิดถึงร้อยเรื่องราว ที่ผ่านมาดุจความฝัน คิดแล้วหวัง อยากให้มันกลับคืนมา ในบัดนี้ สองเราอยู่ห่างไกล นับพันลี้ ไม่อาจติดต่อ สื่อสารได้ ทำใจฉันหมองเศร้าเสียหนักหนา วอนแสงจันทร์ที่เจิดจ้า ฝากถามทุกข์สุขแทนฉันที คราใดคิดถึงเธอ น้ำตาก็ไหลริน ค่ำคืนนี้ รอบกายฉันช่างเงียบเหงา มีเพียงแสงสลัว ให้ฉันหมอง คิดถึงเธอเพียงลำพัง สองเราอยู่ ห่างไกลกัน ไม่อาจยินเสียงสำเนียง ฝากแสงจันทร์ส่งบอกความคิดถึง แด่เธอผู้ห่างไกล" :คำแปลเพลงจีน"แสงจันทร์ส่องรัก"(ming yue qian li ji xiang si) โดย นิรนาม ในสายตาอาลัยของอาม่า ขณะฟังมิวเล่นเพลงนี้ ก็ชวนคิดถึงสิเมโอน ผู้เฒ่าในวิหารที่ได้มีบุญเห็นพระกุมารเยซูก่อนตายและอุทานว่า "พระเจ้าทรงปล่อยข้าพเจ้าเดินทางสู่แดนมรณาอย่างเป็นสุข ด้วยว่าข้าพเจ้าได้เห็นองค์ความหวังของผู้คนเป็นอันมากประทับอยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า" (ลูกา2:29-31) อากงสอนให้อาม่ารู้จักความรักผ่านการเล่นเพลงนี้ ซึ่งมิวก็ได้แสดงอาม่าให้เห็นว่า มิวรู้ความหมายของความรักซึ่งจะต้องมอบให้คนอื่นแล้ว เพลงนี้ถือเป็น ตั๋ว/"ticket" ให้อาม่า"เดินทาง"อย่างเป็นสุข 2.วัยผู้ใหญ่:สุนีย์ ความรักประดุจควันกำยาน ที่นำคำภาวนา(ของผู้เป็นแม่)สู่สวรรค์เบื้องบน เช่นเดียวกับรถToyota"Wish" สุนีย์ตั้งเป้าหมายที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดจนต้องเสียใจ หลายครั้งเราได้ละเลยเป้าหมายของการภาวนา(Pray)ไป การภาวนาที่แท้จริงก็คือ"การสนทนา"ที่จะต้องมีการสื่อสารทั้ง2ทาง" ในปาฎิหาริย์แรกที่พระเยซูทรงกระทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนนั้น ก็เพราะการภาวนาอย่างถูกต้องของพระแม่มารีย์ เวลานั้นมีงานมงคลสมรสเกิดขึ้นที่หมู่บ้านคานา(ในปาเลสไตน์ในปัจจุบัน) แต่อนิจจา เหล้าองุ่นเกิดหมดกลางงาน พระนางมารีย์จึงไปทูลขอพระเยซูด้วยความเชื่อว่า "เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว" พระเยซูตรัสปฎิเสธว่า "เป็นธุระอะไรของลูกหรือของแม่ ? เวลานั้นยังมาไม่ถึง" แม่พระก็น้อมรับคำปฎิเสธนั้น แล้วบอกกับคนงานว่า "บุตรฉันว่าอย่างไร ก็จงทำดังนั้นเถิด" ครั้นเมื่อถึงเวลาแล้ว พระเยซูก็ให้คนงานเตรียมตุ่มน้ำเปล่า และพระองค์ก็ได้เสกให้เป็นเหล้าองุ่น ซึ่งก็เป็นที่สะดุดใจบรรดาผู้กินเลี้ยง ด้วยว่าเหล้าองุ่นที่มาทีหลังกลับรสดีกว่าของเดิมเสียอีก (จากพระชีวประวัติตามคำบอกเล่าของยอห์นบทที่2) ด้วยเหตุนี้ เราคริสตชนจึงมีบทภาวนาเพื่อขอนางมารีย์ช่วยสอนแบบอย่างการภาวนาที่ถูกต้อง "วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรษทานพระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ และพระเยซูโอรสของท่านทรงบุญนักหนา สันตะมารีอามารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาเมน " ในท้ายที่สุด สุนีย์ก็ยิ้มรับในสิ่งที่ลูกชายตัดสินใจเลือก "สตรีจะลืมบุตรที่ดื่มกินน้ำนมของนางได้หรือ? จะไม่เมตตาบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ? แม้กระนั้นเรา(พระเจ้า)ก็จะไม่ลืมเจ้า" (จากหนังสือประกาศกอิสยาห์49:15) (บทคั่น) 3.วัยสาว:หญิง ความรักประดุจมดยอบ สมุรไพรเยียวยาแผลใจที่เจ็บช้ำ แม้จะล้มเหลวกี่ครั้งเธอก็พยายามซ้ำแล้วซ้ำอีก และแม้ เธอจะไม่มีทางเป็นของมิวได้ เธอก็ยังทำในสิ่งเจ็บปวดแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องมโนธรรมในใจตัวเอง คือการเห็นคนที่เธอรักมีความสุขกับคนที่เขารัก เราภูมิใจในความทุกข์ เพราะรู้ว่า ความทุกข์ก่อให้เกิดความพากเพียร ความพากเพียรก่อให้เกิดคุณธรรมที่แท้จริง คุณธรรมที่แท้จริงก่อให้เกิดความหวัง ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเป็นของประทานจากพระเจ้า (โรม10:3-5) ดั่งใจความบอกในกวี "ความรัก ให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง " (1โครินธ์ 13:7) ลูกแกะของพระเจ้า:โต้ง แกะเป็นสัตว์ที่ปราศจากมลทิน ชาวอิสราเอลจะใช้แกะเป็นเครื่องบูชายัญชดเชยบาป พระเยซูเปรียบตัวเองเป็นลูกแกะบูชายัญชดเชยบาปของโลก พระองค์ยอมตายเพื่อยืนยันศรัทธา(Believe) เช่นเดียวกัน โต้งก็ทุ่มเทในความรักที่มีต่อมิว ไม่มีรักใดยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนให้มิตรสหาย (ยอห์น15:13) ทูตสวรรค์:มิว มิวเป็นบุคคลที่รวมทั้งเพศชายและเพศหญิงในด้านความรู้สึก หรือจะกล่าวในอีกแง่ก้คือไม่มีเพศ ซึ่งพระเยซูได้ตรัสถึงเขาเหล่านี้ว่า "ผู้ที่บรรลุถึงโลกหน้าแล้วจะไม่สนใจพันธะสามีภรรยาอีกต่อไป เขาจะไม่ตายอีก แต่จะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ เป็นบุตรที่พระเจ้าทรงรัก เขาจะมีชีวิตใหม่คือชีวิตนิรันดร " (ลูกา20:36) มิวเป็นทูตสวรรค์ที่มาเสริมกำลังใจให้ลูกแกะของพระเจ้าในยามที่อ่อนแอ ณ คืนพระเยซูกำลังระทมทุกข์ถืงความตายที่ใกล้เข้ามา(ลูกา 22:43 ) August:เดือนแห่งความเบิกบานของบรรดาอัครสาวก ในแง่นักเรียนโรงเรียนคาทอลิคแม้ไม่ได้เป็นคริสตชน ก็ย่อมจะเป็นปลื้ม หลังจากหยุดวันที่12สิงหาคม(วันแม่) ก็ยังได้หยุดต่อในวันที่15สิงหาคมเนื่องเป็นวัน"อัสสัมชัญ/Assumption" ตามประวัติศาสตร์ ยอห์นอัครสาวกได้ดูแลพระแม่มารีย์ตามคำของพระเยซูเจ้าบนกางเขน ยอห์นก็ได้พาแม่พระไปอาศัยอยู่ ณ เมืองเอเฟซัส ประเทศตุรกี เมื่อแม่พระใกล้จะตายก็ได้มีการประชุมบรรดาอัครสาวกเฝ้าอาการ พอตกกลางคืนนางก็สิ้นลม เหล่าสาวกเสียใจฝังพระศพอย่างสมเกียรติ ในเช้าวันต่อมาก็ได้ยินเสียงโลงศพแตกออก เมื่อออกมาก็เห็นเหล่าทูตสวรรค์บนท้องฟ้า กำลังอัญเชิญแม่พระขึ้นสู่สวรรค์ เป็นการยืนยันคำตรัสของพระเยซูที่ว่า "เราเป็นการกลับคืนชีพและชีวิต ใครเชื่อในเราแม้จะตายไปแล้วก็จะมีชีวิต ส่วนคนที่มีชีวิตก็จะไม่มีวันตายเลย " (ยอห์น11:25-26) วงaugustเอง ก็เหมือนอัครสาวกทั้ง11คน ที่"รู้"ว่ามิวเป็นอะไร แต่ก็ยอมรับซึ่งกันและกัน เมื่อมิวได้นำจมูกตุ๊กตาจากโต้งแยงเข้ารูจมูก ผมคิดถึง เช้าวันใหม่เมื่อพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพนั้น อัครสาวกโทมัสไม่ยอมเชื่อว่าเป็นพระองค์ พระองค์จึงยื่นพระหัตถ์ที่มีรอยตะปูให้โทมัสแยง และตรัสว่า "เชื่อเถอะ" (ยอห์น20:27) "ตราบใดที่มีรัก ย่อมมีหวัง" ไม่มีความกลัวในความรัก ความรักที่สมบูรณ์ย่อมขจัดความกลัวสิ้นไป 1ยน 4:18 อาเมน!!! โห!!!! ลึกซึ้งมากๆ
โดย: sine_zaa วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:39:11 น.
โดย: นายแจม วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:40:12 น.
โดย: ริวคิ-mawin-maji-minic วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:32:13 น.
|