PLANET : จินตนาการเหนือโลก โดย Makoto Yukimura ค่าย Burapat Comics 4 เล่มจบ ฉากแรกของการ์ตูนเรื่องนี้ได้เริ่มขึ้น ณ อนาคตในปี ค.ศ.2075 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่พลังการผลิตของมนุษย์มีความก้ามล้ำและมีขีดความสามารถในการที่จะเอาชนะธรรมชาติได้สูงขึ้น แน่นอนว่าทรัพยากรของโลกได้มาถึงจุดที่โดนขูดรีดไปจนแทบไม่เหลือหรอ ยุคสมัยแห่งการขูดรีดทรัพยากรธรรมชาติบนโลกได้หมดลง ไปสู่ยุคสมัยแห่งการล่าอาณานิคมขยายขอบเขตดินแดนและการขูดรีดทรัพยากรไปยังห้วงอวกาศอันไกลโพ้น........... สำหรับเรื่องนี้ อ.มาโกโตะ ได้ใช้วิธีการเล่าเรื่องโดยผ่านตัวละครหลัก 4-5 คน โดยที่แต่ละคนล้วนมีสิ่งที่น่าสนใจก็คือตัวละครทุกคนล้วนมี เอกลักษณ์ ซึ่งสิ่งดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้แต่งได้ใส่บริบททางประวัติศาสตร์ให้กับตัวละครเหล่านั้น และมันก็ได้หล่อหลอมให้โลกทัศน์ ที่มีต่อโลก (รวมไปถึงอวกาศ) ของตัวละครแต่ละตัวมีความแตกต่างกัน และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือผู้แต่งได้สร้าง ปม ขึ้นภายในจิตใจของตัวละคร ซึ่งความสนุกของการ์ตูนเรื่องนี้ก็คงอยู่ที่การติดตามดูว่าปมของแต่ละตัวละครนั้นจะถูกคลี่คลายแบบใดหรือทิศทางไหน สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือวิถีการดำเนินชีวิตผู้มนุษย์อวกาศที่ ผู้แต่งได้จำลองขึ้นมา ตรงนี้ผมคิดว่า อ.มาโกโตะ ได้สร้างสรรค์ระหว่างจินตนาการ และความเป็นจริงได้อย่างลงตัว (พูดง่ายๆก็คือ โม้บนฐานของความจริงนั่นเอง เหอ เหอ) เราจะได้เห็นอาการแปลกๆ ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ดำเนินชีวิตอยู่บนอวกาศ ซึ่งสำหรับผมแล้วภาพดังกล่าวมันก็เหนี่ยวนำมาสู่การตั้งคำถามต่อจุดหมายปลายทางของมนุษย์ ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งทีเราต้องการคืออะไร แล้วภาพจำลองดังกล่าวนั้นคือสิ่งที่เป็นภาพในอุดมคติของเราเช่นนั้นหรือ??? บางคนอาจจะมองว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นแนววิทยาศาสตร์ แต่สำหรับผมเชื่อว่าเนื้อหาภายในการ์ตูนเล่มนี้มีความเป็นดรามาที่เข้มข้นมากเลยทีเดียว สิ่งที่ผมมองเห็นจากการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือการสื่อให้เห็นถึง ความรัก ในแง่มุมต่างๆ มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความรักระหว่างแม่และลูก ความรักแบบชายหญิง และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ (หรือจะไม่ใช่มนุษย์โลก??) ด้วยกันเอง แน่นอนว่าเรื่องราวความรักดังกล่าวไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่และเป็นอะไรที่หาได้ในการ์ตูนแนวดรามาโดยทั่วไป แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเนียนก็คือ การดำเนินความเป็นดรามาเหล่านี้โดยผ่านวิถีชีวิตมนุษย์ในยุคอวกาศ ซึ่ง อ.มาโกโตะสร้างสรรค์ได้อย่างน่าประทับใจ อีกสิ่งที่ผมชื่นชอบมากก็คือการสร้างภาพความขัดแย้งบางอย่าง ที่มันทำให้เรารู้สึก แปล๊บๆ และฉุกคิดอะไรบางอย่างได้เหมือนกันนะ เช่นฉากที่ ฮาจิมาจิ และ ทานาเบะ (พระเอกและนางเอกของเรื่อง) นั่งเหม่อมองดวงจันทร์ภายใต้ feel ที่มีความรักอบอวล แต่ฉากด้านหลังเป็นสนามหญ้าที่เต็มไปด้วยขยะ หรือฉากที่พระเอกของเราใคร่ครวญถึงความฝันโดยเหม่อมองไปยังทะเลที่หาดทรายเต็มไปด้วยขยะและมีปลาที่เสียชีวิตเพราะมลพิษเกยตื้นอยู่ หรือแม้แต่ฉากที่นางเอกบอกพระเอกว่า จรวดเป็นสิ่งที่ บริสุทธิ์ นะ ซึ่งเท่าที่ยกตัวอย่างมาผมคิดว่าแม้มันจะเป็นการนำเสนออะไรที่ไม่ซับซ้อนแต่ความหมายที่สื่อออกมาค่อนข้างลึกเลยทีเดียว (หรือจริงๆแล้วผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ 55) สำหรับผู้ที่สนใจลองไปหามาอ่านดูนะครับ ผมเชื่อว่ามันเป็นการ์ตูนที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะให้ความบันเทิงในฐานะที่มันเป็นการ์ตูนแล้ว มันยังแฝงข้อคิดอะไรอีกหลายๆอย่างที่น่าสนใจมากๆ (ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่าการ์ตูนทุกเรื่องล้วนมีข้อคิดแฝงอยู่ทั้งนั้นแหละ แล้วมันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราจะเสพมันอย่างไรด้วย) ก่อนจะจบลงตรงนี้ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่านี่คือการ review การ์ตูนครั้งแรกของผมเลย หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยทุกๆท่านไว้ ณ ทีนี้ด้วยนะครับ หากมี comment ติชมเพิ่มเติมเกี่ยวกับผม หรือเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ทีอยากจะมาแบ่งปันความคิดกันก็เชิญเลยได้เลย ผมจะยินดีมากๆเลยล่ะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า ไม่นานเกินรอแน่นอน เข้ามาถามว่าชื่อ gelgloog มีที่มาจขากไหนครับ Gundam ป่าวครับ?
โดย: นายเบียร์ วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:5:38:06 น.
แวะเข้ามาตอบที่ไปโพสต์ทิ้งเอาไว้นะครับ
เอ่อ ชื่อผมเอามาจากหุ่นกันดั้มครับ แต่เติมตัว L เข้าไปให้มันมีเสียงควบกล้ำหน่อยเท่านั้นเอง 555 แบบว่าตอนที่ตั้งขื่อมันสิ้นคิดมาก พอดีซื้อหุ่น gelgoog มาต่อเล่นพอดีก็เลยนะ ตั้งชื่อมันแบบนั้นไปเลย ส่วนเรื่องรีวิวการ์ตูน กำลังคิดจะเขียนวันนี้พอดีเลยครับ พอดีต่อมขี้เกียจมันทำงานมากไปหน่อยครับ แหะๆ ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจทั้งคุณ tanusz และคุณนายเบียร์นะครับ โดย: gelgloog (gelgloog ) วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:17:47:22 น.
|
บทความทั้งหมด
|
รออ่านตอนใหม่อยู่นะครับ