เขาไท่ซัน มรดกโลกแดนมังกรปี 1987 ![]() ศิลปินพิณสมัยชุนชิว(770-221 ก่อนคริสตศักราช) นามว่า ป๋อหยา มีฝีมือดีดพิณเป็นหนึ่งในแผ่นดิน เมื่อใจป๋อหยาปรารถนาถึงสิ่งใด ก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างหมดจด ครั้งหนึ่งเขาได้เดินทางไปเข้าญานในป่า คืนวันไหว้พระจันทร์ได้แวะพักเรือใต้โตรกผาแห่งหนึ่ง ประจวบเหมาะกับฝนซาฟ้าเปิด แสงจันทร์สุกสกาว ชวนให้ป๋อหยาครึ้มอกครึ้มใจใคร่บรรเลงพิณ ขณะนั้นเอง ชายตัดฟืนจงจื่อชี ซึ่งหลบฝนอยู่ใต้ชะโงกผาแห่งเดียวกันนั้น ก็ได้สดับเสียงพิณของป๋อหยาอยู่เคลิบเคลิ้ม ป๋อหยา ถามขึ้นว่า ขณะเราดีดพิณอยู่นี้ สหายจะสามารถล่วงรู้ถึงความในใจของเราหรือไม่ จงจื่อชี ตอบรับว่าได้ ครั้นแล้ว ป๋อหยาก็ตั้งจิตคิดคำนึงไปถึงเขาสูงที่ไท่ซัน ขณะที่ปลายนิ้วก็วาดลวดลายลงบนพิณคู่ใจ เนรมิตท่วงทำนองความงามอันน่าอัศจรรย์ของขุนเขามเหาฬาร จงจื่อชี ฟังแล้วถึงกับกล่าวชื่นชมขึ้นว่า เสียงพิณสะท้านอื้ออึง ราวกับภูผาโอฬารน่ายำเกรงแห่งไท่ซัน ป๋อหยาไม่ตอบว่ากระไร ยังคงแน่วแน่อยู่กับสายพิณ คราวนี้ ภาพน้ำตกผุดขึ้นในห้วงคำนึงของป๋อหยา พิณคู่ใจก็ครวญคร่ำสำเนียงเป็นท่วงทำนองน้ำไหล จงจื่อชี ชมขึ้นอีกว่า เสียงพิณพลิ้วไหว สลับซัดซ่า ดั่งสายน้ำไหล จิตท่านคิดกระหวัดอยู่ใต้สายน้ำตก เมื่อบรรเลงจบ ป๋อหยาถึงกับตะลึงในการเข้าถึงเสียงพิณของชายตัดฟืนผู้นี้ ทั้งสองจึงนับถือกันเป็นเพื่อนรู้ใจ(知音)นับแต่นั้น ภายหลังเมื่อจงจื่อชีตายจากไป ป๋อหยาก็ขาดเพื่อนรู้ใจ และไม่เล่นพิณอีกเลย ![]() ความใหญ่โตสง่างามของเทือกเขาไท่ซัน เป็นสัญลักษณ์พิเศษที่มีความสำคัญต่อจิตใจชาวจีนนับแต่อดีตมา แม้แต่ขงจื๊อยังเคยอุทานขึ้นว่า โลกนี้หนอ ดูช่างเล็กลงไปถนัดใจ เมื่อครั้งปีนขึ้นสู่ยอดไท่ซัน และด้วยความงามทางสุนทรียศาสตร์ จึงเป็นแหล่งกำเนิดทางจิตวิญญาณของศิลปิน และนักคิดชาวจีนทั้งหลาย ดังเช่นเรื่องราวของป๋อหยาและจงจื่อชี สองสหายรู้ใจ ไท่ซันได้กลายเป็นเทือกเขาแห่งตำนาน และชาวจีนเอง ก็นิยมนำเทือกเขาแห่งนี้มาเป็นตัวแทนคำจารึก เพื่อสดุดีคุณงามความดีของบุคคล ที่ได้ประกอบคุณูปการ เป็นเกียรติคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ ยิ่งไปกว่านั้น การปีนขึ้นเขาไท่ซันยังเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คน ให้มีจิตใจที่มุ่งมั่นแสวงหาความก้าวหน้า ภูมิทัศน์อันงดงามน่าชมที่สุด ที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาไท่ซัน คือภูไท่ซันยามพระอาทิตย์ขึ้น ยอดไท่ซันส่องประกายสีทองของวันใหม่ ท่ามกลางสายหมอก เสมือนภาพฝันในเทพนิยาย ส่วนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ และทัศนียภาพอันกลมกลืนรอบๆนั้น ก็ตระหง่านท้าทายและยั่วยวนนักไต่เขาหัวใจนักสู้ทั้งหลายให้มาสัมผัส ![]() ![]() นอกจากนี้ พุทธศาสนายังได้แผ่ขยายเข้ามาสู่ดินแดนถิ่นนี้ ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยในปี ค.ศ.351 ภิกษุผู้ใหญ่หลางกง เริ่มเข้ามาสร้างวัดหลางกงและวัดหลิงเหยียน ต่อมาเมื่อเข้าสู่สมัยราชวงศ์วุ่ยจิ้นเหนือใต้ มีการสร้างวัดขนาดใหญ่ เช่น วัดหุบเขาอี้ว์หวง วัดจิ้นเจ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังปรากฏศิลาสลักพระไตรปิฎก ที่พวกแคว้นฉีทางเหนือทำขึ้น เรียก คัมภีร์จินกัง เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญ ภายหลังผ่านพ้นสมัยฉินและฮั่นไปแล้ว ศาสนาเฟื่องฟู วัดวาอารามก็มั่งคั่ง ที่เขาไท่ซันมีวัดเก่าแก่ที่ยังคงรักษาสภาพมาจนถึงปัจจุบันมากมาย เช่น วิหารหลงเฉวียน วัดปี้เสียที่โด่งดัง และสระเจ้าแม่หวังหมู่(วัดฉวินหวัง) ซึ่งสร้างขึ้นก่อน ค.ศ.220 เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุด ![]() เขาไท่ซันมีพื้นที่ป่าปกคลุมถึง 80 % เป็นแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์ และทรงคุณค่าทางชีววิทยา เนื่องจากอุดมด้วยพันธุ์พืชหายาก และพืชสมุนไพรกว่า 144 ตระกูล และด้วยร่องรอยการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ปรากฏ รวมถึงซากฟอสซิลที่ขุดพบบนเทือกเขาแห่งนี้ ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ล้านปี จึงเป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง |