มาเลเซีย สิงคโปร์ (วันที่สาม) ต่อจากมะวานนะครับ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=errorza&month=05-2008&date=13&group=3&gblog=5 9 พ.ค.51 วันนี้จะพาไปเที่ยวสิงคโปร์ เมืองที่มีกฎหมายเข้มงวดมาก หลังจากกินอาหารเช้าที่โรงแรมนิวยอร์ก ฝั่งมาเลเซีย แปดโมงเช้าก็ได้เวลาขึ้นรถพร้อมเดินทาง ก่อนเดินทางหัวหน้าคณะได้เตือนหลายเรื่อง เช่น ห้ามนำหมากฝรั่งติดตัวไป ห้ามให้อาหารนก ถ้านกกินเหลือจะกลายเป็นทิ้งขยะ ถูกปรับ 1000 ดอลล่าร์ (ประมาณ 23,000 บาท) ห้ามเผลอเด็ดดอกไม้อะไรเงี้ยเยอะแยะไปหมด ถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ได้เรื่องเลย พาสปอร์ตของเจ้าหลีเจ้าหน้าที่ของมาเลเซียปั๊มวันที่ออกผิดเป็นวันที่ 10 ทั้งๆ ที่วันนั้นเป็นวันที่ 9 แต่มันเจรจาจนเค้ายอมให้เข้าได้ เก่งนิ (จริงๆ แถวที่มันเข้าคิวที่ด่านมาเลเซียก็ผิดกันทั้งแถวแหละ) สังเกตคำเตือนหลังใบขอเข้าเมืองสิงคโปร์ดิ่ "WARNING DEATH FOR DRUG TRAFFICKERS UNDER SINGAPORE LAW" โหดสมคำร่ำลือไม๊ล่ะ รถพาเข้าไปในเมืองแล้วพาไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเดินทางไปแถวโอชาด สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเหมือนกับบ้านเราเปี๊ยบ ไม่รู้ใครก๊อบใคร อ้อ ระหว่างเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า นกกะป้อมกิ๊วก๊าวกันใหญ่ เพราะมี VJ หนุ่มชื่อดังจากเมืองไทยแห่งช่อง MTV เดินดุ่มๆ สวนมา ถึงย่านโอชาดหัวหน้าทัวร์ก็ปล่อยให้ชอปปิ้งและหาของกินกันตามสบาย แถวนี้มีแต่ศูนย์การค้าเต็มไปหมด คล้ายๆ ย่านสยามบ้านเรา พวกเราก็เดินเข้าเดินออกอยู่ระหว่างห้างลัคกี้ ที่คล้ายๆ กะมาบุญครอง กะห้างตังพลาซ่า คล้ายๆ กะเซ็นทรัล ของที่นี่แพงโคดๆ แต่บังเอิญไปเห็นผ้าพันคอเป็นผ้าไหมที่ห้างลัคกี้ ก็อดซื้อไปฝากแม่ไม่ได้ เพราะรับปากไว้ว่าจะหาผ้าพันคอไปฝาก ซื้อมา 2 ผืน ราคา 30 ดอลล่าร์ ต่อเท่าไหร่แม่ค้าก็ไม่ยอม เดินไปเดินมากันจนเหนื่อยก็ไปหาของกินกัน ชั้นล่างห้างลัคกี้มีศูนย์อาหาร ไม่รู้จะกินอะไรก็เลยสั่งข้าวหน้าเนื้อเกาหลี ราคา 4.9 ดอลล่าร์ (113 บาท) ส่วนน้ำดื่มหัวหน้าทัวร์เตรียมน้ำจากเมืองไทยไว้ให้ใส่กระเป๋ากันตั้งแต่อยู่ในรถและ เพราะที่นี่ขวดนึงตั้งเกือบ 3 ดอลล่าร์ แพงสะใจจิงๆ จากนั้นก็เดินเล่นไม่ได้ซื้ออะไรกันอีก บ่าย ๆ คณะก็พาไปย่านธุรกิจ ตอนนี้ก็มีไกด์สาวชาวสิงคโปร์ ชื่อคุณคิม มาเป็นคนนำเที่ยว คุณคิมพูดไทยได้นิดหน่อยพอสื่อสารกันรู้เรื่อง สังเกตว่าสองข้างทางในสิงคโปร์มีต้นไม้ใหญ่อายุราว 80 ปี เรียงรายเยอะมาก ไกด์บอกว่าต้นไม้พวกนี้ไปซื้อมาจากอินโดนีเซีย ย่านนี้มีแต่ตึกระฟ้า แล้วก็ไปถ่ายรูปกะสิงห์พ่นน้ำ อาคารที่เห็นไปหนามๆ นั่นเรียกว่าอาคารทุเรียน เป็นคล้ายๆ กะโอเปร่าเฮ้าส์ของออสเตรเลีย จากนั้นก็พาไปชอบปิ้งที่ร้านปลอดภาษีแถวไชน่าทาวน์ ชอบย่านไชน่าทาวน์แฮะ ถ่ายรูปไว้เยอะมาก เอาเป็นว่าเปิดห้องรวมรูปไชน่าทาวน์อีกบล๊อกดีกว่า ค่อยตามไปดูนะครับ ที่นี่เลย //www.bloggang.com/mainblog.php?id=errorza&month=14-05-2008&group=2&gblog=3 จากย่านไชน่าทาวน์ ก็เดินทางต่อไปสถานีกระเช้าไฟฟ้า เพื่อข้ามไปเกาะเซนโตซ่า ที่สถานีกระเช้าไฟฟ้าก็เจอประกาศจับหัวหน้ากลุ่ม JI รีบหันดูรอบๆ เผื่อเจออาจจะได้รางวัล คนเยอะมาก ต้องเข้าคิวกันประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะได้ขึ้นกระเช้า ที่นี่หวาดเสียวกว่าที่เกนติ้งเยอะ เพราะมันต้องข้ามทะเลสูงมาก ตอนกระเช้าโผล่จากสถานีเสียวสันหลังวาบๆ แถมมีการเข้าไปรับผู้โดยสารในตึกด้วยแน่ะ งานอดิเรกของสิงคโปร์ คือถมทะเล ถึงเกาะเซนโตซ่าก็พากันไปที่ศูนย์วัฒนธรรมสิงคโปร์ ที่นี่มีการโชว์แสงสีเสียงเล่าประวัติความเป็นมาของเกาะแห่งนี้ มีหุ่นขี้ผึ้งแสดงถึงชนชาติต่างๆ ตั้งแต่สมัยพบเกาะใหม่ๆ จนถึงปัจจุบัน ชอบ Theme ของนี่นี่นะ "One Family Many Traditions" ถึงได้รู้ว่าทำไมเค้าต้องมีกฎหมายที่เข้มงวด เพราะที่นี่มีหลากหลายเชื้อชาติและหลากหลายวัฒนธรรมมาก ทำให้อยู่กันได้อย่างสงบสุข ใช้เวลาในศูนย์วัฒนธรรมประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ได้เวลามาถ่ายกับสิงห์โตตัวพ่อ แล้วก็พากันไปขึ้นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวไปที่ Sentosa Beach ได้ขึ้นรถไฟรางเดี่ยวแล้วรู้สึกว่ามันโอนเอน ต้องทรงตัวให้ดี สบายสู้รถไฟฟ้า BTS บ้านเราไม่ได้ แต่ของเค้าดูเดิ้นกว่าแฮะ ที่นี่มีหาดทรายยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ให้ได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งกัน อีกฝั่งจะเป็นภูเขาที่มีป่าไม้สมบูรณ์มาก ส่วนที่เป็นหาดทราย ไม่แน่ใจว่าเค้าไปซื้อทรายมาวางไว้รึป่าว ส่วนในทะเลก็จะเห็นแต่เรือลำบะเร่งเต็มไปหมด ค่ำๆ แถวชายหาดก็มีโชว์ Songs of the sea พวกเรารีบไปเข้าแถวเป็นคนแรกๆ เพื่อจะได้เลือกที่นั่งดีๆ ก่อน ซึ่งก็ได้ที่นั่งตรงกลางชั้นบนสุดพอดี ที่นั่งชมเค้าทำเป็นอัฒจรรย์ จุคนประมาณ 5000 คนได้ รู้สึกว่าจะเต็มทุกที่นั่ง เป็นการโชว์แสงสีเสียงผ่านม่านน้ำพุนะเอง ดูไปดูมาคล้ายๆ กะงานเปิดกีฬาแห่งชาติบ้านเราเนาะ เผลอๆ ของเราอาจจะอลังการกว่าอีก ใช้เวลาโชว์ 1 ชั่วโมง Theme ของโชว์ก็ประมาณให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับโชว์ โดยช่วยกันร้องเพลงให้ดังๆ แล้วเจ้าหญิงจะปรากฎตัวอะไรประมาณเนี้ย ผู้แสดงก็พยายามบิ๊วให้คนดูช่วยกันร้องอยู่หลายที แต่ก็ กริบ แถมโชว์ยังไม่ทันจบมีคนลุกเดินออกซะและ สรุปว่าเป็นโชว์ที่ดูได้เพลินๆ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่ไม่มีไรให้น่าจดจำ จบจากโชว์หัวหน้าทัวร์พาไปทานอาหารค่ำที่โรงแรมแกรนด์ ที่นี่มีปูผัดพริกจากศรีลังกา เนื้อแน่น เสิร์ฟพร้อมหมั่นโถวทอด อร่อยมักๆ หลังจากตายอดตายอยากกะอาหารจืดๆ มาหลายวัน ล่อซะพุงกาง อิ่มแล้วก็เดินทางกลับเมืองโจโฮบารู ที่มาเลเซีย กว่าจะเข้าคิวผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและกลับถึงโรงแรมนิวยอร์กที่เดิมก็ปาไปเที่ยงคืน เพราะว่าเป็นวันศุกร์ด้วย คนสิงคโปร์ก็จะแห่กันไปนอนที่โจโอบารูกันเยอะ เพราะมีผับเยอะ และค่าใช้จ่ายไม่แพง พรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวเมืองแห่งประวัตศาสตร์ชื่อ มะละกา และเมืองหลวงใหม่มาเลเซีย ปุตราจายา และอำลากัวลาลัมเปอร์ราตรีที่ตึกแฝดปิโตรนาส to be continue............... เล่าซะอยากไปเลยค่ะ
โดย: krading IP: 203.150.49.101 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:17:54 น.
ดูทั้งภาพและคำบรรยาย เหมือนได้ไปเองเลยอ่ะ วันหน้าอย่าลืมเก็บเรื่องราวดีๆมากฝากใหม่นะค๊ะ..
โดย: aun_ang IP: 203.150.49.101 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:37:00 น.
สวยจังเลย สิงค์โปร์น่าไปเที่ยวมากๆ เลย ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ครับ
โดย: artist2 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:54:14 น.
รถไฟไทยไม่ทันสมัยมากต่างประเทศไปไกลมากแล้วไทยล้าสม้ยอยู่กัยที่สมอง
ความดิดทํากันไม่เป็นเลยต้องหยุ่ดอยู่ที่ 1.จะคิดพัฒนาไปมากแล้ว 2.จะให้มันเก่าให้พัน 3.ต่างพัฒนาไปไกลมากแล้ว โดย: นาย ชนะชัย อยู่สุขสม IP: 222.123.88.209 วันที่: 21 ตุลาคม 2552 เวลา:18:06:56 น.
|