ศีล 5 คุณธรรมขั้นต้นของมนุษย์
สีเลนะ สุคะติง ยันติ
ศีลเป็นปัจจัยให้มีความสุข

สีเลนะ โภคะสัมปะทา
ศีลเป็นปัจจัยให้มีโภคสมบัติ

สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระนิพพาน

ตัสมา สีลัง วิโสธะเย ฯ
เพราะฉะนั้น จงทำจิตให้สะอาดหมดจดด้วยศีลตลอดกาลทุกเมื่อเถิดฯ

ศีล ๕ โดยการขยายความ
ศีลข้อที่ ๑ เจตนางดเว้นจากการฆ่าสัตว์
ปาณาติบาต
สัตว์ในที่นี้หมายถึงสัตว์มีชีวิตทุกชนิด ทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน และที่ว่ามีชีวิตนั้น นับตั้งแต่สัตว์นั้นมีปราณ หรือลมหายใจ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรือในไข่
จนกระทั่งสิ้นลมหายใจคือตาย สัตว์ทุกชนิดย่อมมีสิทธิ์โดยชอบในการมีชีวิตของตนไปจนตายเอง ผู้ใดทำให้เขาเสียชีวิตด้วยเจตนา ศีลข้อที่ ๑ ของผู้นั้นขาด

ฉายาปาณาติบาต
ผู้รักษาศีลข้อนี้
นอกจากระวังไม่ให้ศีลขาดเพราะปาณาติบาตแล้ว ถ้าวัดจากการกระทำที่เป็นฉายาของปาณาติบาตได้ด้วย ก็จะทำให้ศีลของตนบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ถ้าเว้นไม่ได้ศีลของเขาก็ด่างพร้อยเหมือนผ้าที่ไม่ขาดแต่สกปรก

ฉายาปาณาติบาต คือ
ก. การทำร้ายร่างกายคือทำให้ร่างกายของเขาเจ็บปวดพิกลพิการ
ข. การทรมาน คือ ทำความลำบากแก่สัตว์เกินเหตุ เช่น
- ใช้งานหนักเกินกำลัง
- กักขังในที่คับแคบจนเปลี่ยนอิริยาบถไม่ได้
- นำสัตว์ไปโดยวิธีทรมาน เช่น ลากไป
- ผจญสัตว์ เช่น เล่นกัดปลา ชนไก่ ชนโค
การงดเว้นจากการทำเหล่านี้เป็นบริวารของการรักษาศีลข้อที่


ศีลข้อที่ ๒ เจตนางดเว้นจากการลักทรัพย์โจรกรรม

การลักทรัพย์ หมายถึง การละเมิดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของคนอื่น ของหมู่คณะหรือของส่วนรวมเอามาเป็นของตนโดยวิธีของโจร ที่เรียกว่า โจรกรรม
การรักษาศีลข้อนี้ก็คือ การเว้นจากการกระทำโจรกรรม๑๔ อย่าง ดังต่อไปนี้


๑. ลัก ได้แก่ การขโมยเอาลับหลัง

๒. ฉก ได้แก่ ชิงเอาซึ่ง ๆ หน้า

๓. กรรโชก ได้แก่ ขู่ให้เขากลัวแล้วให้ทรัพย์

๔. ปล้น ได้แก่ การรวมหัวกันหลายคนตีปล้นเอาทรัพย์

๕. ตู่ ได้แก่ การอ้างหลักฐานพยานเท็จเอาทรัพย์ของคนอื่น

๖. ฉ้อ ได้แก่ การทำอุบายฉ้อฉลให้เจ้าทรัพย์ตามไม่ทันแล้วเอาทรัพย์

๗. หลอก ได้แก่ การปั้นเรื่องขึ้นหลอกให้เขาหลงเชื่อแล้วให้ทรัพย์

๘. ลวง ได้แก่ การใช้เครื่องมือแลกเปลี่ยนผิดมาตรฐานตบตาคนอื่น

๙. ปลอม ได้แก่ การทำของปลอมใช้ของปลอมแลกเปลี่ยนได้ทรัพย์มา

๑๐. ตระบัด ได้แก่ บิดพริ้วคำมั่นสัญญาเพื่อเอาทรัพย์

๑๑. เบียดบัง ได้แก่การปกปิดซ่อนทรัพย์จนเจ้าของทอดอาลัยแล้วเอาเสีย

๑๒. สับเปลื่ยน ได้แก่การสลับทรัพย์ของตนกับของคนอื่นถือเอาที่ตนต้องการ

๑๓. ลักลอบ ได้แก่ การหลีกเลี่ยงไม่จ่ายตามพิกัด เช่น เลี่ยงภาษี

๑๔. ยักยอก ได้แก่การใช้อำนาจหน้าที่จำหน่ายทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยมิชอบ


ผู้ใดกระทำโจรกรรม ๑๔ อย่างนี้ ได้ทรัพย์มา ศีลขาดและขอให้สังเกตด้วยว่า ที่ว่าได้ทรัพย์มานั้นหมายถึงการได้ทรัพย์ของตนเองก็มีเช่น ข้อที่ ๑๓
ตนควรจะจ่ายเงินเสียภาษีไปเท่าไรแต่หลบเลี่ยงไม่เสียภาษีตามกำหนด
ทรัพย์ส่วนที่ตัวไม่เสียไปนั้นถือว่าได้มาด้วยโจรกรรม


ฉายาโจรกรรม

ผู้รักษาศีลข้อนี้นอกจากระวังไม่ให้ศีลขาดเพราะทำโจรกรรมแล้ว
ถ้างดเว้นจากการกระทำที่เป็นฉายาโจรกรรมเสียได้ก็จะทำให้ศีลบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งขึ้นถ้าเว้นไม่ได้ศีลของผู้นั้นก็ด่างพร้อย

ฉายาโจรกรรม ในที่บางแห่งท่านแยกลักษณะออกเป็น ๒ อย่าง
คือ เป็นอนุโลม โจรกรรม ๑ เป็นฉายาโจรกรรม ๑ ดังนี้


ก. อนุโลมโจรกรรม ได้แก่

(๑) การสมโจร คือการสนับสนุนให้คนอื่นทำโจรกรรม

(๒) ปอกลอก คือ การคบคนอื่นเพื่อหวังหลอกเอาทรัพย์
(เช่นทำเป็นรักเขา)

(๓) รับสินบน คือ รับสินจ้างให้ตนกระทำผิดหน้าที่


ข. ฉายาโจรกรรม (บางแห่งว่า การผิดในทรัพย์) ได้แก่

(๑) ผลาญ คือ การทำให้ทรัพย์สินของคนอื่นเสียหาย เช่นเผาบ้านเรือนเขา

(๒) หยิบฉวย คือเอาสิ่งของของคนอื่นมาด้วยความมักง่าย ทำนองถือวิสาสะ
โปรดสังเกตว่า

ตามข้อ (๑) การผลาญทรัพย์เป็นการทำให้ทรัพย์ของคนอื่นเสียหายด้วยความขัดเคืองใจหรือด้วยความคะนอง ไม่ถือเอาทรัพย์นั้นเป็นของตน
แต่ก็เป็นเรื่องที่อาจร้ายแรงยิ่งกว่าการถือเอาทรัพย์ก็ได้เช่น การวางเพลิง เป็นต้น


ศีลข้อที่ ๓ เจตนางดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม

กาม ในที่นี้หมายถึงเมถุน คือการส้องเสพระหว่างชายหญิงการผิดในกาม หมายถึง การเสพเมถุนกับบุคคลที่ต้องห้ามผู้ใดเสพเมถุนกับคนที่ต้องห้าม ผู้นั้นทำผิดประเวณีศีลข้อนี้ขาด


บุคคลต้องห้ามของศีลข้อนี้ กล่าวรวม โดยสรุป ดังนี้

- สำหรับชายมีภรรยา หรือ หญิงมีสามี, หญิงอื่นหรือชายอื่นนอกจากภรรยาหรือสามีของตนเป็นหญิงหรือชายต้องห้ามสมสู่ทั้งหมด

- สำหรับชายไม่มีภรรยา หรือ หญิงไม่มีสามีถ้าเป็นคนที่มีผู้ใหญ่ปกครองดูแล มิใช่ผู้เป็นอิสระแก่ตนหญิงหรือชายทุกคนย่อมเป็นบุคคลต้องห้ามสมสู่ทั้งสิ้น

- สำหรับชายหรือหญิงที่เป็นอิสระแก่ตนและยังไม่มีภรรยาหรือสามี หญิงหรือชายต้องห้าม คือ

(๑) หญิงมีสามีหรือชายมีภรรยา
(๒) ชายหรือหญิงมีญาติรักษา คือมีผู้ใหญ่ปกครองไม่เป็นอิสระแก่ตน

(๓) ชายหรือหญิงที่จารีตรักษา คือมีจารีตห้ามมิให้สมสู่

ได้แก่

- ชายหรือหญิงที่เป็นเทือกเถาเหล่ากอของตน
- ชายหรือหญิงหวงห้ามโดยข้อบังคับและอื่น ๆ เช่น ภิกษุภิกษุณี สามเณร สามเณรี ชายหรือ หญิงรักษาอุโบสถศีลผู้เยาว์ เป็นต้น

ผู้ใดสมสู่กับหญิงหรือชายต้องห้ามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ศีลขาด


ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงหลักการในทางปฏิบัติต้องพิจารณาโดยใช้หลักโยนิโสมนสิการคือพิจารณาอย่างแยบคาย ร่วมด้วย (ความจริงแล้ว ก็ไม่ควรละเมิดในคู่ครองคนอื่น นอกจากตนจะแต่งงานแล้วกับคนนั้นโดยชอบธรรมเท่านั้น)


ฉายาแห่งกาเมสุมิฉาจาร

โดยที่ศีลข้อนี้มีความมุ่งหมายในการรักษาจารีตประเพณีป้องกันการเสียหาย เพราะเรื่องรักๆ ใคร่ ๆ ผู้รักษาจึงควรงดเว้นจากการกระทำทุกอย่างอันเป็นการลุอำนาจแก่ความรักใคร่ระหว่างเพศ(ความกำหนัด) เช่น การลวนลามเพศตรงข้าม การหยอกล้อต่อกระซิกคู่ครองของคนอื่น ฯลฯ เพราะการทำเช่นนั้นทำให้ศีลเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส

ศีลข้อที่ ๔ เจตนางดเว้นจากการพูดเท็จ


การพูดเท็จ หรือมุสาวาท ซึ่งเป็นข้อห้ามในการรักษาศีลข้อนี้หมายถึงการแสดงออกด้วยเจตนาบิดเบือนความจริงให้คนอื่นหลงเชื่อ


- การแสดงออกทางวาจา คือ พูดให้ผิดจากความจริง โกหก
- การแสดงออกทางกาย คือ การกระทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดจากความเป็นจริง เช่น เขียนรายงานเท็จ หรือแกล้งพยักหน้า แกล้งสั่นศรีษะ แกล้งแสดงกิริยาอย่างอื่นซึ่งเป็นที่รู้กันให้คนอื่นหลงเชื่อผิดไปจากความจริง


ผู้ใดเจตนากระทำมุสา เมื่อผู้ที่ตนต้องการโกหกนั้นเข้าใจความหมาย ศีลขาด


มุสาวาท ๗ วิธี
เพื่อสะดวกในการศึกษาและการปฏิบัติ ท่านจำแนกกิริยาที่เป็นมุสาวาทไว้ ๗ วิธี ดังต่อไปนี้


๑. ปด คือ โกหกชัด ๆ เช่น ไม่รู้ว่ารู้ไม่เห็นว่าเห็น

๒. ทนสาบาน คือ แสดงตัวฝืนความจริง เช่น พูดว่า ถ้าทำจริงขอให้รถชนตาย

๓. ทำเล่ห์กระเท่ห์ คือ โกหกด้วยการแสร้งทำกิริยาอาการให้คนอื่นตีความผิดไปเอง เช่น ทำทีว่าเป็นคนพิการ ให้ไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร

๔. มารยา คือ แสดงท่วงทีลวงคนอื่นให้เข้าใจผิด เช่นเจ็บน้อยแต่ครวญครางมาก (หรือทำทีกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนทำ)

๕. ทำเลส คือ แสดงนัยให้คนอื่นเข้าใจผิด เช่น พูดเล่นสำนวนวกไปวนมา

๖. เสริมความ คือ เรื่องมีมูลน้อย แต่พูดให้เห็นเป็นมาก

๗. อำความ คือ เรื่องมากแต่พูดให้เห็นเป็นน้อยปิดความบกพร่องของตน


ฉายาแห่งมุสาวาท

นอกจากงดเว้นจากมุสาวาท ๗ อย่างนั้นแล้วผู้รักษาศีลข้อนี้ควรเว้นจากการแสดงอันมีลักษณะประหนึ่งมุสาวาทซึ่งจะทำให้ศีลของตนมัวหมอง คือ

- อนุโลมมุสา ได้แก่
การแสดงที่อาจทำให้ฟังหรือเห็นเข้าใจผิดจากความจริง เช่น การคุยโวโอ้อวดเกินสมควร

- ปฏิสสวะ ได้แก่ การรับคำคนอื่นแล้ว ไม่ทำตามรับและไม่อยากคืนคำให้เป็นกิจลักษณะแม้จะมีเหตุจำเป็นก็ไม่พ้นทำให้เป็นคนโกหกเขา

ข้อยกเว้น

มีการแสดงออกบางอย่างที่ไม่เป็นความจริง แต่ไม่ผิดศีลเพราะผู้แสดงออกไม่มีเจตนาจะกล่าวเท็จ คือ

(๑) ยถาสัญญา พูดไปตามที่ตนจำได้อย่างนั้นเข้าใจอย่างนั้น

(๒) โวหาร พูดไปตามแบบฟอร์มของการพูดในสังคม เช่น
ลงท้ายจดหมายว่า “ ขอแสดงความนับถืออย่างสูง ” ทั้ง ๆที่ตนมิได้นับถือเขาเลย

(๓) นิยาย เล่านิทานซึ่งผูกขึ้นเพื่อฟังกันเพลิน ๆ

(๔) พลั้ง พูดพลั้งไป เช่น มีคนถามว่าวันนี้เป็นวันอะไร ไพล่เผลอบอกเขาไปว่าเป็นวันจันทร์ทั้งที่เป็นวันอังคาร อย่างนี้ไม่ผิดศีล


ในทางปฏิบัติของศีลข้อนี้ นอกจากงดเว้นจากมุสาวาทท่านควรงดเว้นจากการพูดส่อเสียด(ยุยง) พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อไปด้วย เพราะเป็นบาปกรรมเหมือนกัน

ศีลข้อที่ ๕ เจตนางดเว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

น้ำเมาอันเป็นวัตถุต้องห้ามในสิกขาบทนี้ท่านจำกัดไว้ว่า เฉพาะสิ่งที่เป็นตั้งแห่งความประมาทคือ เมื่อเสพเข้าไปในร่างกายแล้วทำให้สติเลื่อนลอย
ขาดการควบคุมตนเองตรงกับที่ร้องเรียกในสมัยนี้ว่า สิ่งเสพติดให้โทษ
ในตัวสิกขาบทท่านยกขึ้นเป็นตัวอย่าง ๒ ชนิด คือ สุรากับเมรัย, สุราได้แก่ น้ำเมาที่กลั่น เมรัยได้แก่น้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น หรือ เหล้าดิบ,
ตรงกับศัพท์ในคำสมาทานศีลที่ว่า “สุราเมรย….”ที่ท่านระบุไว้เพียงสองอย่างนี้


ขอให้เข้าใจว่าท่านระบุเพียงตัวอย่าง ในทางปฏิบัติเราต้องถือหลักการใหญ่เป็นหลัก คืองดเว้นจากการเสพสิ่งมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาททุกชนิดจะเสพด้วยวิธีดื่ม สูบ ฉีด หรือวิธีใดก็ตามและไม่ว่าจะมีผู้ค้นพบสิ่งดังว่านี้ใหม่หรือประดิษฐ์ขึ้นใหม่และเรียกชื่ออย่างไรก็ตามหากทำให้ผู้เสพเกิดความมึนเมาถึงประมาทขาดสติเป็นอันห้ามทั้งสิ้น

ขอขอบคุณท่าน SpiritWithin_HolyStream แห่งห้องศาสนาครับ






Create Date : 02 ธันวาคม 2550
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 10:54:21 น.
Counter : 1381 Pageviews.

13 comments
หลักของสติ **mp5**
(16 เม.ย. 2567 12:14:57 น.)
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
เติมให้ความมี เติมให้ความไม่มี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 20:54:29 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 34 : กะว่าก๋า
(12 เม.ย. 2567 05:52:40 น.)
  

สาธุค่ะ ...

วันนี้วันพระ

มีแต่ความสุขนะคะ
โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:11:11:14 น.
  
ชอบมากๆเลยคับ แต่สงสัยอย่างนึง ว่า ถ้าในห้องมียุงลายเราตบได้รึปล่าวคับ ปล่อยให้มันกัดก็เป็นไข้เลือดออก เคยลองพูดกับมันดีดีแล้วว่าให้ออกจากห้องไปมันก็ไม่ออก
โดย: deponj วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:12:13:04 น.
  
ชื่นชมคนมีศีลมีธรรมค่ะ
โดย: Aisha วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:20:34:14 น.
  
ถึงไม่เข้าใจในบทความแต่ก็คิดว่า
คนเราหากทำดี สิ่งดีๆก็คงเกิดกับตัวค่ะ.....
โดย: Herzspezialist วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:14:44:53 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปที่อวยพรนะครับ
ผมอัพรูปหน้าร้านขึ้นแล้วครับ ยังไงก็แวะไปดูได้นะครับ :)
โดย: nohnbook วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:18:27 น.
  
ผู้ใดมีคุณธรรม ผู้นั้นย่อมมีความเจริญและความสุขนะคะ คุณหมอ
โดย: nLatte วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:9:38:53 น.
  
พระธรรมคำสอนทั้งข้อห้ามและข้ออนุญาตต้องพิจารณาว่าสมควรแก่เหตุหรือไม่ ทำแล้วเกิดโทษหรือประโยชน์แก่ตนและคนอื่นหรือไม่อย่างไร?
สรุปความได้แล้วจัดการได้เลย.
" ชีวิตคนๆหนึ่งแลกกับยุงตัว1หรือหลายตัว คุ้มหรือไม่?"
เมืองไทยคือเมืองพุทธแต่ยาฆ่ายุงและอุปกรณ์ฆ่ายุงมีขายเกลื่อน มากยี่ห้อด้วย ทรายอะเบทแจกทั้งนอกวัดและในวัด มาแต่ใหนแต่ไร คิดดูๆให้ละเอียดกลับไปกลับมาๆๆๆ
แต่อย่าซีเรียสสสส นะจ๊ะ
โดย: จุ๊บแจง IP: 114.128.180.30 วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:21:58:57 น.
  
It seems from my hearing.I 've heard that before the Buddha will passing away,he said that some unimportant rules can cancel and up to your right
agreement ( suitable place & time & event ).Isn't it?
How differnt between Buddhist Monks in Asia and
Europe? Something the same or not.
โดย: Mark IP: 114.128.180.30 วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:22:29:46 น.
  
ขอบคุณนะคะที่พากำลังใจไปให้
โดย: somebodyINpast วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:22:17:06 น.
  
แวะมาทักทายคุณหมอคับ
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:18:32:35 น.
  
สวัสดียามบ่ายค่ะ

Photobucket
โดย: ตะเกียงป่า วันที่: 31 ตุลาคม 2552 เวลา:15:07:21 น.
  
ผู้ประพฤติปฏิบัติศีล 5 ย่อม ให้คุณแก่ตนและผู้อื่น รวมถึงให้ความสุขสงบเย็นกว่าสุขใดๆ ฝากความระลึกถึงมายังคุณหมอ
โดย: november IP: 58.136.30.73 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:33:46 น.
  
ไปเที่ยวมาสนุกมั้ยครับ
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:1:47:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Drstit.BlogGang.com

drstit
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]