แกก็วาดได้ ถ้าไม่ถือกล้อง...(สิงคโปร์)
Photobucket

เปิดกรุ๊ปบล็อกใหม่ 'ที่ว่างใหม่...' ชื่อดูงงๆ แต่เป็นกรุ๊ปที่เกี่ยวกับ
การท่องเที่ยวต่างประเทศจ้ะ พยายามจะให้เข้ากับชื่อกรุ๊ป
Outdoor Space ที่เป็นเรื่องท่องเที่ยวในไทย(แต่ตั้งชื่อเสียฝรั่ง)
พอจะไปสัมผัส Space ใหม่ๆ ในต่างประเทศ ดันแปลชื่อเป็นภาษาไทย
เสียอย่างนั้น ก็ New Space มันไม่เท่นี่หว่า...ฮ่าๆ

แต่สำหรับบล็อกนี้ไม่แน่ใจว่าจะจัดอยู่ในหมวดท่องเที่ยวได้
น่าจะเป็นหมวดศิลปะมากกว่าแฮะ แต่ตั้งใจจะเขียนถึงทริปอื่นๆ
ในกรุ๊ปนี้ต่อจริงๆ นะ

เว้นว่างจากการเขียนเรื่องท่องเที่ยวไปนาน เพราะมัวแต่ไปเที่ยวอยู่
เอ๊ย ไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียงนะ ถ้าไปเที่ยวติดกันถี่ๆ ก็จะไม่มีอารมณ์
อัพบล็อค พอว่างๆ ก็ดันมีกิจกรรมอื่นให้ทำที่เร่งด่วนกว่า
เช่น การตั้งใจเรียนให้จบ มีวิทยานิพนธ์ส่งอย่างสวยงามเป็นต้น

เสียดายเหมือนกันที่ชะล่าใจ ไม่เขียนให้ละเอียดตั้งแต่กลับมาแรกๆ
โน้ตไว้บ้าง แล้วก็ถ่ายรูปเยอะๆ กะว่าเอาไว้เตือนความจำกันแบบ
นาทีต่อนาที แต่ตอนนี้พบแล้วว่ามันเทียบกันไม่ได้เลย กับการจดบันทึก
รวมถึงการ sketch ภาพ ที่มันจะมอง ผ่านสมอง แล้วก็กรองเฉพาะ
สิ่งที่เราประทับใจออกมา ต่างจากการถ่ายภาพที่กะกวาดสถานที่มา
ครบถ้วน แต่สุดท้ายจำอะไรเกี่ยวกับภาพนั้นไม่ได้เลย

อันนี้ไม่ได้หมายรวมทุกกรณีนะ เพราะช่วงเวลาที่เก็บภาพแบบ
ละเมียดละไมมันก็มี แต่แบบกดรัวๆ เวลาเดินผ่านน่ะใช่เลย


ยิ่งตอนนี้ยิ่งเดือดร้อนใหญ่ external hard disk พัง ภาพหายไปหลายทริป
ยังดีมีหลงๆ อยู่บ้างตามเฟสบุ๊ค ตอนนี้ชักทำใจได้ว่าอย่างน้อยยัง
หลงเหลือความทรงจำ แม้ว่าหลักฐานต่างๆ จะหายไปหมด

ทริปสิงคโปร์นี่ไปมาตั้งแต่ ตุลาคม 2553 กับเพื่อนๆ มีแต่สาวๆ
รวมเราเป็น 7 คน ประเทศนี้อยู่ใกล้ไปง่าย คนไทยเดินว่อนอยู่เยอะ
ไม่ค่อยรู้สึกถึงความเป็นต่างประเทศเลย

ทริปนี้มันคล้ายคลึงกับการทัศนศึกษามาก เพื่อนๆ ตัวเนิร์ดเยอะ
แลเน้นเก็บปริมาณสถานที่ จนเร่งรีบไม่ค่อยได้มีเวลาซึมซับบรรยากาศ
สักเท่าไหร่ เลยกลายเป็นทริปที่ถ่ายรูปเยอะมาก แต่ไม่ค่อยประทับใจ
เราเองก็เป็นเช่นกัน เพราะปกติๆ เที่ยวแต่ประเทศตามชายแดน
ดูแนววัฒนธรรม ไม่ค่อยได้มาเมืองที่มีการออกแบบดีๆ
ตามที่เป็นในบทเรียนเท่าไหร่ เห็นอะไรก็ตื่นเต้นถ่ายไว้หมด

แต่ก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่เป็นเช่นนั้น เค้าไม่ได้เดินช้าไปกว่าเรา
แต่เพราะไม่ได้เอาแต่มองผ่านเลนส์อย่างเรา จึงนับว่าเค้ามีเวลา
มองอะไรรอบๆ ตัวมากกว่า บางที่พอไปถึง เค้าก็ไม่ดันทุรัง
ต้องเดินให้รอบ เหมือนตอนไป Botanical Garden เค้าก็ขอตัว
นั่งอยู่แถวๆ ปากทาง นั่ง sketch ภาพอย่างยิ้มแย้ม เป็นที่น่าอิจฉา

บางคนอาจบอกว่าทำอย่างนั้นมันไม่คุ้ม นานๆ มาเที่ยวที
ก็แล้วแต่คนจะเลือก เก็บอะไรไว้เป็นความประทับใจ
เราเข้าไปแกล้งแซวว่า 'แกอินดี้ว่ะ อยากวาดได้บ้างจัง'
เพื่อนตอบว่า 'แกก็วาดได้ ถ้าแกไม่ใช้กล้อง'


เดี๋ยวนี้การเก็บภาพด้วยกล้องเป็นความเคยชิน ไปทริปไหนก็รัว
เพราะไปกันหลายคน กองทัพต้องเคลื่อน เราไม่มีเวลามาละเมียด
แต่จริงๆ เราเลือกได้ พอคิดว่าจะไม่ถ่ายก็เสียดายอีก กลัวไม่มีรูปไป
โชว์ใครๆ เขา เฟสบุ๊คนี่แหละตัวดีเลยบ่มเพาะพฤติกรรมแบบนี้

เหมือนกลัวด้วยว่าถ้าเราไปนั่งวาด ดันไม่สวย ไม่ได้ถ่ายรูปอีก
จะเป็นการเสียโอกาส แต่อย่างเพื่อนเค้า sketch มาตลอด
มันก็สวยสิ คิดอย่างนั้นมันไม่ใช่เลย บอกแล้วว่าต้องเลือกไง

Photobucket

การวาดภาพมันเก็บอารมณ์ความรู้สึกได้มากกว่า ในหลายๆ จุด
วันแรกที่ไปถึงเราก็ sketch เครื่องดื่มอย่างแรกที่ได้ดื่มในประเทศนั้น
เอาไว้เล็กๆ ในสมุดโน้ต

Sugar Crane with Lemon Juice น้ำอ้อยผสมมะนาวรสประหลาด
ไปกินที่ Maxwell Food Center ใกล้ๆ ที่พักในย่าน China Town
เป็นรสที่ถ้าไม่จดไว้ แค่ถ่ายรูปมาอธิบายไม่ถูกจริงๆ และถ้าไม่มาเปิดดู
ตอนนี้ก็ลืมไปแล้วด้วย

Photobucket

ไม่คิดว่าจะมีเวลา sketch รูปอย่างเป็นจริงเป็นจังอีกในทริปนี้
แต่แล้วโชคดี(หรือร้ายก็ไม่รู้) ก็มาเยือนแบบไม่ตั้งตัว
เป็นเพราะการจัดการเรื่องกล้องอันไม่ได้มาตรฐานของข้าพเจ้าเอง

ค่ำวันที่สามขณะที่พวกเราเดินไปถ่ายภาพบันไดหนีไฟหลากสีแถว
Bugis และหาอาหารเย็นใส่ท้อง แบตเตอรี่กล้องก็กระพริบเตือน
และชิงหลับไปหน้าตาเฉย เพราะความชะล่าใจที่วันก่อนชาร์ตแบตไว้เต็ม
ผ่านไปหนึ่งวันหายไปขีดเดียว ซึ่งปกติถ่ายได้อีกทั้งวัน
วันนี้เลยออกมาทั้งอย่างนั้นปรากฏคืนนี้แบตหมดเสียนี่ คงเพราะเรา
ถ่ายรูปมากกว่าปกติ และชั่วโมงในการท่องเที่ยวก็ยาวนานกว่าปกติ
(เพื่อความคุ้มค่าตั๋ว ค่าที่พักของเสียงส่วนใหญ่) เราออกจากที่พัก
ตั้งแต่เก้าโมง กว่าจะกลับกันก็เที่ยงคืนไปแล้วทุกวัน

เพิ่งหนึ่งทุ่มราตรียังอีกยาวไกล ข้าพเจ้ากลายเป็นคนขาดอาวุธไปเสียแล้ว
กำหนดการวันนี้เป็นค่ำคืนแห่งแสงสีเสียด้วยซี ทั้งน้ำพุที่ Suntec City
แถบๆ ตึกทุเรียน Esplanade แล้วก็ Clarke Quay เราจึงหงอยไป
อย่างเห็นได้ชัด แถมกล้องเพื่อนๆ คนอื่นที่เอาไป ก็ถ่ายภาพกลางคืน
ได้ไม่ค่อยดีเสียด้วย เลยกินอาหารเย็นแบบแกนๆ แล้วขึ้นรถใต้ดิน
ไป Suntec City กัน

เพื่อนหาข้อมูลมาบอกว่าน้ำพุ Fountain of Wealth จะมีการแสดงตอน
สามทุ่มครึ่ง เราไปถึงก่อนเวลาพอสมควร นั่งตรง terrace ด้านบน
มีคนมานั่งดูประปราย เห็นมันเปิดอยู่แล้วมีไฟสีๆ น้ำพุใหญ่มาก
เค้าว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีโครงสร้างหน้าตาประหลาดสีแดง จี๊นจีน ตั้งอยู่

ตอนนี้กล้องกลายเป็นแค่ก้อนโลหะที่เราต้องแบกไปมา
แต่ยังดีได้นั่งพัก เพื่อนบางคนหลับไปเพราะความเหน็ดเหนื่อยก็มี
โชคที่เราว่าก็คือ ตอนนี้หละมีเวลา sketch แล้ว สถานการณ์บังคับ
เสียด้วย กล้องก็ไม่มีจังหวะนี้แหละได้วาดแล้ว :)

เลือกกระดาษหน้าสีแดงแทนสีสถาปัตยกรรมเด่นของน้ำพุ
วาดๆ ไป ชักสงสัยว่านี่มันเริ่มแสดงหรือยังหว่า ทริปนี้
เราไม่ได้หาข้อมูลเลย วันที่เค้าประชุมกันเราดันไปทีลอซู
ตอนนี้ก็สามทุ่มครึ่งแล้ว ไหนล่ะแสงสีเสียงที่เค้าว่า(คิดกันไปเองว่า
มันต้องการแสดงอะไรที่มากกว่านี้) มีนักท่องเที่ยวเดินมาถามบ้าง
เหมือนกัน ว่านี่เริ่มแสดงหรือยัง เลยบอกไปว่าไม่ทราบค่ะ
แต่ในเว็บเค้าว่า 9.30 PM นะ

เราก็ sketch ไปดูไปจนใกล้สี่ทุ่ม อ่าวเค้าปิดน้ำพุแล้วแฮะ
สรุปนี้แสดงไปแล้วใช่มั้ย สักพักคนก็เริ่มเข้าไปตรงน้ำพุเล็กๆ
กลางลานเค้าเปิดให้เข้าไปสัมผัสได้ เพื่อความเป็นสิริมงคล
อ่อ นี่หรือแสงสีเสียงที่ว่า ก็มีแสง มีสีมีเสียง จริงๆ แหละนะ มีน้ำด้วย

Photobucket

ลง MRT อีกรอบ คราวนี้ไปโผล่ Esplanade นั่งเล่นตรง Waterfront
เห็นว่าวันนี้มีเทศกาลประดับไฟอะไรสักอย่าง แต่หาไม่เจอ มีเพื่อนๆ
ส่วนหนึ่งเดินไปดู แถวนี้มีร้านบรรยากาศน่านั่งมาก แต่มาแบบนิสิตอย่างเรา
คงไม่ไหว ต้อนนี้ล้าเหลือเกิน(จริงๆ อยากกลับที่พักแล้ว) แต่ต้องกัดฟันทน
มาเที่ยวอย่าบ่นให้หมดสนุก(แต่โปรแกรมแน่นจริงๆ น้า)

ไหนๆ ก็มานั่งตรงที่มีวิวสวยยอดนิยมอยู่ตรงหน้าแล้ว จะปล่อยไปเฉยๆ
ก็กระไรอยู่ ลมเย็นๆ เลือกกระดาษสีฟ้าขึ้นมาวาด
Singapore Art Science Museum ที่เค้าว่ามีแนวคิด 'welcoming hand'
แต่เราว่ามันเหมือนเปลือกส้มโอที่ปอกออกมาแล้ว กับโรงแรมหรู
Marina Bay Sands hotel towers ที่มีสระว่ายน้ำ cutting edge
สุดจะหวิว อยู่สูงไม่พอขอบบ่อยังเนียนกับวิวรอบนอกอีก


สรุปทริปนี้วาดไปสามภาพ เล็กๆ โป๊ะเชะมากที่หยิบเล่มมีกระดาษหลายสีไป
ภาพน้ำอ้อยมะนาวกระดาษสีเหลือง ช่วยระลึกได้ดีมาก น้ำพุกระดาษแดง
ตามสีโครงสร้าง Marina Bay Sand ก็สีฟ้าเข้ากับบรรยากาศริมน้ำ
จริงๆ ต้องมีสีเขียวอ่อนเรืองๆ เป็นภาพโครงสร้างสัตว์ใต้ทะเลที่
Clarke Quay อีก จริงๆ อยากได้สีชมพูอมม่วงแต่กระดาษไม่มี
พอดีไฟมันเปลี่ยนสีได้เลยหยิบเขียวขึ้นมา แต่จะเที่ยงคืนแล้วรถใต้ดิน
จะปิด เลยต้องรีบๆ เดิน sketch ไม่ทัน เลยไม่มีภาพดังกล่าว

วิ่งกันแทบตายสุดท้ายไม่ทันรถใต้ดินจริงๆ เลยเดินกลับ China Town
เข้าใจคำว่า 'เหนื่อยสายตัวแทบขาด' เลยจริงๆ

ไปเที่ยวไหนถ้ามีเวลาลองอดใจไม่ยกกล้องดูบ้าง พกสมุดเล่มเล็กๆ
กระดาษหลายๆ สี sketch เล็กๆ สนุกกว่าใหญ่ๆ เขียนบรรยายว่า
ตรงไหนคือะไร รู้สึกอย่างไร ณ ตอนนั้นสั้นๆ ก็สามารถเก็บความประทับใจแทนที่กดชัตเตอร์รัวไปห้าสิบภาพได้เป็นอย่างดี

ปล.1 วิธีนี้เลือกใช้ตามสถานการณ์นะจ๊ะ
ปล.2 อย่าลืมตรวจสอบแบตเตอรี่กล้องและเมมโมรี่การ์ดดีๆ ด้วยน้า









Create Date : 09 มกราคม 2555
Last Update : 9 มกราคม 2555 18:01:21 น.
Counter : 2161 Pageviews.

15 comments
: รูปแบบของความรู้สึก : กะว่าก๋า
(19 เม.ย. 2567 05:12:42 น.)
ตลาดเช้า, สถานีรถไฟพินอูลวิน สายหมอกและก้อนเมฆ
(18 เม.ย. 2567 17:06:42 น.)
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ haiku
(13 เม.ย. 2567 10:13:33 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 31 : กะว่าก๋า
(9 เม.ย. 2567 05:58:44 น.)
  
Photobucket

Happy New year
โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:18:42:29 น.
  
เหมือนจะเป็นโชคดี ในโชคร้ายนะคะ ^v^

เวลาไปเที่ยว ก็เคยเจอนักท่องเที่ยวที่ชอบนั่งวาดรูปเพื่อซึมซับบรรยากาศเหมือนกันนะคะ บางครั้ง ก็แอบถ่ายรูปพวกเขาบ้าง สีหน้าแบบนั้น ตอนวาดรูป ดูเขาจะอินกับบรรยากาศรอบข้างอย่างเห็นได้ชัดเลย เป็นสีหน้าที่ยากจะหาในหมู่นักถ่ายรูปอย่างเรา ๆ
โดย: peachgirl_pp วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:19:03:18 น.
  
เป็นความประทับใจไปอีกแบบ ไปเที่ยวคราวหน้าจะลองดูมั่งค่ะ
โดย: Suc (Suc2502 ) วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:19:04:02 น.
  
ุุุ้สวัสดีปีใหม่จ้ะ ใกล้เรียนจบแล้วสินะ :D

ถ้าพี่วาดรูปเก่งๆก็อยากทำแบบนี้บ้างค่ะ

โดย: nanida วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:20:02:58 น.
  
อ่านไปได้ครึ่งเรื่องขอพี่เม้นท์ซักนิดแล้วค่อยอ่านต่อและเม้นท์อีกนะค่ะน้องเจื้อยแจ้ว

พี่ก็มีทริปไปสิงคโปร์กับเพื่อน ๆ ป.โท กลางเดือน ก.พ.นี้เหมือนกันค่ะ ไปในทำนองทัศนศึกษา

บอกตามตรงว่าพี่ไม่ชอบการเที่ยวลักษณะนี้เท่าไหร่ เพราะมันเป็นการเที่ยวแบบว่าต้องเที่ยวให้ทั่ว ให้รอบ ให้คุ้ม

มากกว่าที่จะมานั่งเก็บรายละเอียด ซึมซับ กับสถานที่ กับสิ่งที่มองเห็น อย่างที่เราอยากให้เป็น

การเสก็ตภาพเป็นสิ่งหนึ่งที่ตอนนี้พี่อยากหัดให้ได้เป็นที่สุดเลยค่ะน้องเจื้อยแจ้ว เพราะตอนนี้วาดได้แต่การ์ตูนตลก ๆ

อยากไปนั่งเสก็ตภาพอยู่เงียบ ๆ นั่งดูผู้คนผ่านไปมาอยู่เงียบ ๆ
โดย: minporee วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:20:24:48 น.
  
อ่ะนะอ่านจนจบแล้ว

หุๆๆ ที่ดี ๆ ที่พอจะแนะนำได้อยู่ด้านบนนั่นถูกต้องแล้วใช่มั๊ยค่ะน้องเจื้อยแจ้ว

เพราะเค้ามีเวลาให้เราได้ล่อง 1 วันด้วย เผื่อพี่แอบแว้บไป แต่จะหาทางกลับไปที่พักได้หรือไม่นั่นอีกเรื่องหนึ่ง หุๆๆ

ช่วงนี้คงใกล้จะจบแล้วใช่รึป่าว
ตกลงเอายังไงกับชีวิตต่ออ่ะ
ตัดสินใจได้รึยัง

แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เน้อ สู้ ๆ จ๊ะ

ปล.อยากไปเวียดนามมั๊ย (พี่อยากไปอ่ะ) หุๆๆ ปลุกเร้านิด ๆ
โดย: minporee วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:20:31:41 น.
  
สเก็ตช์สวยเก๋มากเลยค่ะน้องเจื้อย ใกล้จบจริง ๆ เต็มทีแล้วสิคะ พี่เคยไปแบกเป้เที่ยวสิงค์โปร์ก็น้านนานมาละ จำได้ลาง ๆว่านั่งรถบัสข้ามไปเกาะ Sentosa ไม่เสียตังค์สักบาท แล้วก็จำได้อีกว่าน้ำดื่มที่นั่นราคาแพงมาก ๆ ด้วย บ้านเมืองเขาสะอาดสะอ้านดีเน๊าะ แต่ไม่มีอะไรจริงเลยสักอย่าง 555 artificial ล้วน ๆ
โดย: prunelle la belle femme วันที่: 10 มกราคม 2555 เวลา:0:40:33 น.
  
สวัสดีครับแวะมาเยี่ยมชมผลงานครับ
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 10 มกราคม 2555 เวลา:18:10:56 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องเจื้อยแจ้ว

พี่ก๋ากำลังไปเดินเที่ยวอินทนนท์
กำลังคิดเหมือนกันครับ
ว่าจะติดสมุดเสก็ตท์กับปากกาหมึกดำสักด้าม
ไปนั่งเสก็ตท์รูปบนนั้นครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:6:06:30 น.
  
มาทางเหนือ
ต้องมาหน้าหนาวนะครับน้องเจื้อยแจ้ว
จะสวยมากเป็นพิเศษเลยครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:08:49 น.
  
ถึงไหนแล้วนะ

ปล.ไม่ได้แวะทักทายที่ FB ก็เลยแวะมาที่นี่ (พี่ใกล้จะได้ออกเดินทางแล้วหละ ไปสิงคโปร์หลังวันที่ 15 เดือนนี้อ่ะ)
โดย: minporee วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:22:42:43 น.
  
เห็นด้วยค่ะว่า
การวาดภาพ
มันเก็บอารมณ์ความรู้สึกได้มากกว่า
ในหลาย ๆ จุด
แต่มันใช้เวลามาก
ถ้าสถานที่ที่ต้องทำเวลาเร็ว ๆ
ก็กดชัตเตอร์รัว ๆ
แล้วเก็บเอาไปดื่มด่ำที่บ้าน
แต่คนที่ไม่มีกล้องสามารถมองของจริง
ได้ดื่มด่ำกว่าหลังเลนส์
เพียงแต่กลับไปบ้าน
เขาไม่มีภาพแทนความทรงจำ
นอกจากภาพในสมอง

ก็ให้ความรู้สึกและผลลัพธ์
ที่แตกต่างกันไปนะคะ
โดย: โสดในซอย วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:19:05 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องเจื้อยแจ้ว





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:6:06:03 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:5:53:36 น.
  
หวัดดียามดึกค่ะน้องเจื้อยแจ้ว ..
นั่นแน่ หนูก็ดองบล็อกเหมือนกันน้า .. แต่ก็ยังดีกว่าพี่ เล่นทิ้งไว้เป็นปีเลย วันนี้นึกเสียดายความทรงจำ ถ้าไม่มาเขียนบันทึกไว้ต่อไปลืมหมดแน่ๆ เลย ..

Happy Saturday kha ..
โดย: Devonshire วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:22:42:51 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Cruduslife.BlogGang.com

cruduslife
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]