3. ฟ้าสางที่กลางใจ - นราวดี ฟ้าสางที่กลางใจ - นราวดี  ฟ้าสางที่กลางใจ...เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่สละทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนโตต้องเป็นที่พึ่งให้กับน้องๆ ทั้งสามคนตามที่พ่อได้สั่งเสียไว้ และแม่ก็คอยตอกย้ำหน้าที่นี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อรพรรณไม่มีสิทธิ์ลิขิตทางเดินให้ชีวิตตัวเอง แต่เป็นแม่ที่คอยกำกับการเดินแต่ละก้าวของเธอ ชีวิตที่อยู่เพื่อแม่และน้องๆ ต้องแลกกับความสุขทั้งหมดทั้วมวลในชีวิต! "...ฉันเป็นคนที่ลำบากตรากตรำสำหรับครอบครัว โดยไม่มีใครรู้หรือยอมรับว่าฉันเหนื่อยยากหนักใจหรือหว่าเหว่ในใจแค่ไหน ต่างก็เห็นว่าฉันเป็นคนที่แข็งแรงและควรที่จะช่วยเหลือคนอื่นเสมอโดยเขาไม่ควรคำนึงถึงฉัน มิหนำซ้ำ อย่าว่าแต่จะได้รับความเอาใจใส่เป็นพิเศษหรือได้รับของขวัญของกำนัลเป็นกำลังใจจากแม่หรือน้องๆ ทั้งสาม แม้คำชมฉันก็ไม่เคยได้รับ..." อรพรรณคิดเสมอว่าแม่รักน้องๆ ทุกคนแต่แม่ไม่รักเธอ ไม่มีความรักทั้งแบบนามธรรมและรูปธรรมที่แม่หยิบยื่นให้เธอเลย ทว่าวันหนึ่งคุณงามความดีที่เธอได้กระทำ การตอบแทนบุพการีในวันที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ สุดท้ายสิ่งหนึ่งที่เธอโหยหารอคอยอยากได้จากแม่มาตลอดและแม่ก็มอบให้เธอในลมหายใจสุดท้ายของท่าน... ทำให้ชีวิตที่เคยมืดมนกลับมีฟ้าสางมีแสงสว่างที่กลางดวงใจ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราอ่านแล้วน้ำตาไหลพรากๆ สงสารและเห็นใจในโชคชะตาของอรพรรณมาก จะมีลูกสักกี่คนที่ตอบพระคุณแม่ได้ไม่มีที่ติอย่างอรพรรณ เสียสละความสุขของตัวเองไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานที่ดีและผู้ชายที่รักเพื่อดูแลแม่แทนน้องๆ แต่ละคนที่อ้างว่าไม่มีเวลา! "...ฉันอยากจะโกรธและอยากจะเกลียดแม่ แต่เมื่อเห็นแม่นอนซมอยู่บนเตียงไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะลุกขึ้นเดินเหินในบ้าน ฉันก็ใจอ่อน นพพรเป็นใครและแม่เป็นใคร? แม่เป็นคนอุ้มท้องฉันมา เผ็ดไม่เหลียวเปรี้ยวไม่แล เพื่อให้ลูกในท้องไม่เดือดร้อน เมื่อคลอดฉันแล้ว แม่ก็เฝ้าฟูมฟักประคบประหงม ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ยามฉันเป็นทารกและเวลาเจ็บไข้ แม่เป็นคนป้อนข้าวป้อนน้ำ หากเทียบฉันเป็นต้นไม้แม่ก็เป็นคนปลูก เป็นผู้รดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ย นพพรมาจากไหนก็ไม่รู้ ตรงเข้ามาจะเก็บเกี่ยวผลไม้จากต้นที่แม่ปลูก! ฉันโกรธแม่ไม่ลง และเกลียดแม่ไม่ได้..." อ่านเรื่องนี้แล้วเชื่อว่าทุกคนจะต้องแอบพยักหน้ากับตัวเอง และคงจะเห็นด้วยกับเนื้อเรื่องไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง ส่วนชบาหลอดได้ข้อคิดดีๆ นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต และมองโลกในบางแง่มุมได้กว้างขึ้นเยอะเลยค่ะ หมายเหตุ ตัวหนาในเครื่องหมายคำพูดคือบางส่วนจากหนังสือ ของคุณนราวดีเคยอ่านแค่ "รักเกิดในตลาดสด" เองครับ // ตอนนี้อยากอ่าน "นางอาย"
 โดย: อุ้มสม
 วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:9:01:50 น.เรื่องนี้เคยอ่านแล้ว แต่จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~
วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:9:53:50 น.ของนราวดี เคยอ่านแต่นางอายอย่างเดียวเองค่ะ
แล้วเรื่องนี้จบเศร้าหรือเปล่าคะ โดย: Serverlus
วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:10:15:01 น.ชอบเรื่องนี้ค่ะ อ่านแล้วรักแม่มากขึ้นเยอะเลยค่ะ
โดย: ดาวคะนอง IP: 118.173.20.222 วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:14:24:26 น.
เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านค่ะ เคยอ่านแต่นางอาย
อ่านรีวิวแล้วน่าสนใจจังค่ะ โดย: กล้ายางสีขาว
วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:19:14:11 น.เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านค่ะ...ดูๆแล้วดราม่าค่อนข้างหนักเลยนะคะ
โดย: Aneem
วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:19:24:26 น.ไม่เคยอ่านค่ะ แต่คิดว่าอ่านแล้วท่าจะบ่อน้ำตาแตกจริงๆ
โดย: Sab Zab'
วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:13:27:08 น.น้องอุ้มสม รักเกิดในตลาดสดเป็นนิยายเล่มบางๆ แต่อบอวลไปด้วยความน่ารักน่าหยิกตลอดทั้งเรื่อง ส่วนนางอายก็สนุกไม่แพ้กัน แนะนำให้อ่านจ้า
คุณพุดน้ำบุศย์ ชบาหลอดอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกนานแล้ว แต่ความรู้สึกประทับใจในตัวนางเอกยังฝังแน่นอยู่เลยค่ะ เลยเป็นอีกเรื่องที่หยิบมาอ่านอยู่บ่อยครั้ง  คุณ Serverlus เรื่องนี้จบไม่เศร้าค่ะ จบแบบ Happy Ending อย่างที่สุด... คุณดาวคะนอง อ่านแล้วรักแม่มากขึ้นเยอะเลยเหมือนกันค่ะ แม่ในเรื่องอาจจะแสดงความรักไม่เป็น...บางครั้งถึงแม้แม่จะไม่แสดงออกและไม่เคยบอกรักเราแต่เราก็รับรู้ด้วยหัวใจสัมผัสได้ทางสายตาว่าแม่รักเราเนอะ  คุณกล้ายางสีขาว แนะนำให้อ่านเลยค่ะ นอกจากสนุกแล้วยังได้ข้อคิดดีๆ มาใช้เยอะเลย อ้อ! เตรียมผ้าเช็ดน้ำตาไว้ด้วยนะคะ คุณ Aneem ระหว่างเรื่องดราม่าอย่างที่สุดค่ะ แต่ตอนจบนี่มีความสุขอย่างที่สุดเช่นกัน คุณ Sab Zab' ตอนอ่านชบาหลอดบ่อน้ำตาแตกโฮเลยค่ะ สงสารนางเอกมาก... คนที่เหนื่อยกายเหนื่อยใจมาตลอดชีวิตเมื่อพบทางออกและแสงสว่างแล้ว...สุดท้ายอาจจะมีความสุขที่สุดก็ได้เหมือนนางเอกในเรื่องนี้ค่ะ โดย: ชบาหลอด
วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:15:44:46 น. |
บทความทั้งหมด
|
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [