ความพลัดพราก โศกอันเกษม "ผู้ใฝ่สุขแก่ตัว พึงระงับความคร่ำครวญรำพัน ความโหยหาและโทมนัสเสีย พึงถอนลูกศรที่เสียบตัวทิ้งไป ผู้ที่ถอนลูกศรได้แล้ว เป็นอิสระ ก็จะประสบความสงบใจ จะผ่านพ้นความโศกเศร้าไปได้หมด กลายเป็นผู้ไร้โศกเย็นใจ" พระพุทธพจน์* ความโศกเศร้า จากการพลัดพราก หรือการสูญเสียผู้เป็นที่รักนั้น เป็นความทุกข์อันยิ่งใหญ่ที่สุดประการหนึ่ง ของชีวิตมนุษย์ ในความมืดมนเจ็บปวดของความทุกข์นั้นเอง ย่อมมีคุณค่าแฝงอยู่อย่างลึกซึ้ง ความทุกข์อันยิ่งใหญ่ย่อมทำให้ผู้ที่เป็นทุกข์ มองชีวิตต่างไปจากเดิม การได้สัมผัสกับความทุกข์ การได้พยายามปลอบโยนตนเองและผู้อื่น ให้คลายจากทุกข์ ย่อมทำให้จิตนั้นซาบซึ้งกับ สัจธรรมว่า "ชีวิตเป็นทุกข์" มากขึ้น ความซาบซึ้งใน "ทุกข์" น้อมนำให้มนุษย์ มีจิตอันอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันก็เกิด "ปัญญา" หยั่งรู้ธรรมชาติ แห่งชีวิตอย่างประณีตขึ้น ความทุกข์โศกจึงเปรียบประดุจ เครื่องมือเจียระไนจิตให้อ่อนโยนประณีต เป็นภาชนะที่รองรับ "ธรรมะ" ได้อย่างวิเศษ เพราะเมื่อมีปัญญาเห็นทุกข์ จิตจะเริ่มใฝ่หาความดับทุกข์ อันจะเป็นจุดเริ่มต้น ของการค้นหาความเกษมแห่งชีวิต นั่นคือ ความสุขอันเป็นอิสระหลุดพ้นโดยสมบูรณ์ ปัญญาของมนุษย์จึงเป็นเครื่องมือให้มนุษย์ พ้นจากทุกข์ พ้นจากโศก เพราะเมื่อมีปัญญา โศกอันใหญ่หลวงก็จะกลายเป็น" โศกอันเกษม " ได้ จาก " โศกอันเกษม " คุณหญิง จำนงค์ศรี รัตนิน การพลัดพราก จากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์ เป็นหนึ่งสัจธรรม ที่มิอาจเป็นอื่นไปได้ แต่การ รับรู้ การพลัดพราก ด้วยสติ นั้น อาจ ทำให้เกิด มี เกิดเป็น และ บังเกิดขึ้นได้ ด้วย ปัญญา แห่งตน มิใช่ จากใครที่ไหน จงเผชิญ และรับรู้ สภาวะนี้ ด้วยใจที่ องอาจ กล้าหาญ และ เข้มแข็ง อย่าง คนที่ รับรู้ ทั้ง ทุกข์ ทั้ง สุข เฉกเช่นเดียวกัน " พิมลา" เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เพลงขลุ่ยผิว ใบไม้ไหวตะวัน แดดดั้นสำแดงแต่งร่าง ฉลักลายร่างเงาเบาบาง พร่างพร่างพรูใบสยายลม ชีวิตไหวว่อนร่อนคว้าง ท่ามกลางความเงียบเรียบร่ม ความตื่นความตายไม่ตรม เกลียวกลมกลิ้งไปในกาล มายาเย้าหยอกหลอกยั่ว ลืมตัวหลงเต้นเพ่นพ่าน ไขว่คว้างกลางอุปาทาน นานราวนรกหมกมิด สะอาด สว่าง สงบ จงพบเสียเถิดดวงจิต ชีวิตคือสรรพสิ่ง นิดนิดน้อยน้อยร้อยเรียง ![]() ![]() โดย: . IP: 202.176.124.99 วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:4:49:48 น.
|