....ในเดือนนี้เรารู้สึกว่าเราไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าที่ควรในเรื่องของบ้าน  ทั้งๆที่ เดือนพ.ย. ก็จะต้องตรวจรับโอนบ้านแล้ว

เดือนนี้ เราเพิ่งทำเรื่องยื่นกู้กับ ธนาคาร ทางหมู่บ้านนัดให้ส่งเอกสารการกู้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค. 52 แต่เรากลับรู้สึกห่อเหี่ยวไม่ตื่นเต้นดีใจเหมือนอย่างเคย  อาจเป็นเพราะปัญหาหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับการก่อสร้างบ้านของเรา เรื่องสัญญาการซื้อขายบ้าน  บางครั้งเราก็อดสงสัยกับตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมเราต้องยอมในทุกๆเรื่อง  บางครั้งคิดว่าเราเป็นผู้ซื้อ เงินของเรา เราเป็นหนี้ตั้งเยอะ  (มันอาจดูน้อยสำหรับคนบางคนแต่สำหรับเราแล้ว การเป็นในหนี้ในหลักล้าน มันดูเป็นภาระที่หนักใจนะ) ทำไมเราเหมือนโดนมัดมือชกทุกทีเลย

เราน่ะทำใจเอาไว้ตั้งแต่เริ่มทำสัญญาซื้อขายแล้วว่า  สิ่งต่างๆที่อยู่ในสัญญาเนี่ยมันช่างเอื้อประโยชน์ต่อผู้ขายเหลือเกิน  เราก็ทำใจยอมรับไปแล้ว  และอีกอย่าง  เราก็รู้ว่าบ้านเราเนี่ย มันก็แค่ทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ  มันคงไม่มีสิทธิในการเลือกกระเบื้องหรืออะไรทั้งนั้น  ในสัญญามันก็บอกไว้อย่างนั้น 

แต่  ทางโครงการนี่ก็แปลกนะ  โทรมาบอกให้เราไปเลือกกระเบื้อง เรายังถามเลยว่าเลือกได้ด้วยเหรอ  เราก็ไปเดินเลือกคือ ว่าทางหมู่บ้านเนี่ยยังทำบ้านตัวอย่างไม่เรียบร้อย เขาเหมือนเลือกกระเบื้องมาลองปูประมาณ 3-4 แบบ ทำในบ้านอื่นๆเป็นตัวทดลอง แล้วให้เราเดินดู เราก็เกิดความสงสัยในใจว่า ถ้าเราเลือกได้ เขาจะทำให้เราจริงเหรอ

สุดท้ายเรากับแฟนตัดสินว่าอยากได้สีเดียวกันทั้งหลังได้ไหม คือ สีเขียวอ่อน(ที่นู่นเขาบอกว่า มันคือ ลายรุ้งเขียว) ห้องน้ำก็สีเดียวกัน

แต่.... คนที่น่าจะเป็นคนรับผิดชอบโครงการนี้เขากลับบอกว่ากระเบื้องมันจัดไว้แล้วให้สีมันเข้ากัน แล้ว ชั้นบนและล่างเนี่ยต้องคนละสีกัน  ห้องน้ำก็ต้องเป็นไปตามสีของกระเบื้องของชั้นนั้นๆด้วย เช่น

กระเบื้องเหลือง ห้องน้ำก็ต้องเหลือง

กระเบื้องเขียว ห้องน้ำก็ต้องเขียว

ถ้าทำอย่างที่เราต้องการเนี่ยเกรงว่ากระเบื้องจะไม่พอ

ต้องเลือกมาว่า ชั้นบนสีอะไร  ชั้นล่างสีอะไร

เรากับแฟนก็คิดหนัก แล้วคุยกันว่า แล้วจะให้เลือกทำไมวะ ก็บอกมาเลยว่าทำเป็นแบบนี้ แล้วให้เซ็นต์ รับรู้ก็พอ  เรียกมาให้เสียอารมณ์ 

สุดท้าย เขาก็พูดจาชักแม่น้ำทั้งห้า ว่าสีกระเบื้องมันเข้ากันนะคะ

ให้ชั้นบนสีเหลือง ห้องน้ำก็ออกสีน้ำตาลเหลืองๆ 

ส่วนชั้นล่างสีเขียว  ห้องน้ำก็สีเขียว 

จนเรากับแฟนรำคาญ แล้วคิดว่า ช่างมันมันอยากทำอะไรก็ช่างมัน ก็เลยยอมเซ็นต์ตามที่เขาบอก  แล้วตั้งใจไว้ว่า มันต้องเป็นอย่างที่เขาบอกเรา....

แต่แล้ว...มันก็ไม่เป็นไปตามสัญญาที่บอกเรา  เราไปดูบ้านเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค. 52 ที่ผ่านมา มันน่าหงุดหงิดจริงๆ ที่รู้ว่า เขาไม่ทำตามที่คุยกัน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

มันกลายเป็นว่า 

ห้องน้ำชั้นบน และ ล่าง  กระเบื้องเขียวทั้งหลัง

แต่กระเบื้องชั้นบนในส่วนของห้องข้างนอกที่ไม่ใช่ห้องน้ำเป็นสีเหลือง

ไหนบอกเราว่า ต้องเป็นสีเดียวกันทั้งชั้น

ชั้นบน ห้องเหลือง ห้องน้ำก็ต้องเหลือง

ชั้นล่างเขียว ห้องน้ำก็ต้องเขียว

แต่....ที่เห็นเนี่ย

ชั้นล่างกระเบื้องเขียว  ห้องน้ำเขียว

ชั้นบน กระเบื้องเหลือง ห้องน้ำเขียว

พอเราถาม  รู้มั้ยเขาตอบว่าอะไร

เขาบอกว่า  "ก็เข้าใจนะคะว่า ทำสัญญาไว้ว่าจะทำสีนั้น แต่ช่างเขาปูไปแล้ว

และอีกอย่าง  มันก็ดูเข้ากันดีนี่คะ  เขียวกับเหลือง สวยออก " พอได้ยินคำนี้ ปี๊ด...ในหัวเลย  หงุดหงิดทันที  เขาบอกว่า"แล้วน้องจะเอายังไงจะเปลี่ยนเหรอคะ พี่ว่ามันก็สวยอยู่แล้ว ลองคิดดูอีกทีไหมคะ "  เราโมโหมาก ได้แต่พูดนำเสียงที่เก็บอารมณ์สุดๆ

"แต่ในสัญญาเราตกลงกันไปแล้วนี่คะ ก็ช่วยเปลี่ยนให้หน่อยแล้วกัน เพราะอยากให้ทำตามข้อตกลง" แล้วเราก็เดินหนีไปเลยกลัวยั้งอารมณ์ไม่อยู่ ทิ้งคำพูดแสดงจุดยืน แล้วให้แฟนคุยต่อเอง เพราะดูเขาจะใจเย็นกว่า

สรุปว่า  เราก็ต้องยอม เพราะแฟนเราให้เหตุผลว่า สีกระเบื้องมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมาก  อีกอย่างสงสารช่าง เขาปูไปเยอะแล้ว ถ้าให้เขาทุบ เขาคงไม่พอใจ กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี  แฟนบอกว่าให้ทำใจยอมไปก่อน  เดี่ยวอยู่ไปถ้าไม่ชอบค่อยเปลี่ยนเอง  เราก็เข้าใจนะแต่ มันอดหงุดหงิดไม่ได้  ที่ทางหมู่บ้านพูดกลับกลอก เราก็เลยบอกแฟนว่า ไม่เป็นไร  แต่ขอคุยกับทางสำนักงานขายหน่อยนะ

เราก็เข้าไปหลอกถามเขาถึงเรื่องสัญญาซื้อขายที่ให้เราเซ็นต์รับรู้เรื่องสีกระเบื้อง

 เขาก็ตอบเราเหมือนกับตอนแรกที่เรามาเลือกกระเบื้อง

ตกลงกันเหมือนตอนแรก

เราก็เลยยิงคำถามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 ว่าทำไมมันไม่เป็นไปตามที่ตกลง  เขาดูอึ้งๆไปนะเพราะเขาคงไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้คงไม่เคยใส่ใจอะไรเลย ไม่เคยรู้เรื่อง ในการก่อสร้างของหมู่บ้าน

เราคาดว่า เขาคงไม่ค่อยประชุมกัน หรือทำข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนจะคุยกับลูกค้าในแง่มุมเดียวกัน 

ทางสำนักงานเขาบอกเราว่า "สีกระเบื้องห้องน้ำเปลี่ยนไม่ได้ ต้องเป็นไปตาม บ้านตัวอย่างค่ะ "  เราก็เลยบอกว่า "ตอนให้มาเลือกบ้านตัวอย่างยังปูกระเบื้องไม่เสร็จเลย ให้ไปดูบ้านด้านหลังที่ทำไว้ให้ดู มีกระเบื้องตั้งหลายแบบ ห้องน้ำก็ทำหลายแบบ ไม่เห็นบอกเราเลยว่า ต้องเป็นรูปแบบนี้ " เขาก็อึกอัก ตอบเราไม่ได้ 

เราก็เลยตัดบทเพราะไม่อยากอารมณ์เสีย  " คือที่มาพูดเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอก จะบอกว่า บ้านทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆแค่เนี้ย ไม่ใช่บ้านเดี่ยว ไม่ต้องให้เลือกกระเบื้องหรอก ทางโครงการเลือกมาให้เลย แล้วเรียกให้มารับรู้และเซ็นต์ยินยอม แค่นั้นพอแล้ว  เพราะในสัญญามันก็ระบุอยู่แล้วว่า เลือกสีกระเบื้องไม่ได้ 

 ทางโครงการทำแบบนี้ อยากเอาใจลูกค้า แต่พวกคุณไม่มีความสามารถพอที่จะดูแลและทำตามข้อตกลงได้ตามที่บอกกับลูกค้าได้

 จะเนื่องจากเหตุผลใดๆก็ตาม เมื่อมันเกิดเหตุการณ์อย่างนี้แล้วเนี่ย

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่มันก็ทำใหลูกค้าเสียความรู้สึกนะคะ

 แล้วตัวพวกคุณเองก็วุ่นวายเองด้วย ต่างคนก็ต่างหงุดหงิด

เพราะตัวลูกค้าเองก็อยากให้เป็นไปตามที่ตกลงไว้

แต่ทางพวกคุณก็จะมารำคาญหาว่าเราเรื่องมาก

เพราะฉะนั้น....  อยากให้เก็บไปคิดว่า ถ้าไม่พร้อมจะทำก็อย่าทำ

ส่วนเรื่องจะเปลี่ยนกระเบื้องไหม ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกค่ะ สงสารช่างเขา เขาไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าจะผิดก็ผิดที่คนควบคุมงานและรับผิดชอบดูแลเรื่องจัดหาวัสดุในงานก่อสร้างต่างๆ อยากให้เข้าใจตามนี้ด้วยนะคะ"  แล้วเราก็เดินจากมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด ในใจจนถึงวันนี้ .............

เรากำลังคิดว่า การมีบ้านมันช่างวุ่นวายจริง แต่ถามว่าตอนนี้ไม่อยากได้บ้านหลังนี้แล้วหรือ  ก็ไม่ใช่นะ  ยังได้อยู่แต่ไม่ค่อยกระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน  จะออกแนวเบื่อๆเท่านั้นเอง  เฮ้อ....  แต่ก็พยายามสู้เพื่อบ้านต่อไปนะจ๊ะ  บ่นสักยาวเชียว

สู้ๆๆนะจ๊ะ แม่บุญทิ้ง...........