เริ่มแรก พอเราตัดสินใจได้ว่า ชั้นจะไปเรียนต่อ!! ก็หาข้อมูลมาว่าจะต้องสอบภาษาเยอรมันให้ผ่านก่อน ถึงจะสมัครมหาลัยได้

ดูไปดูมา คิดว่า TestDaf นี่แหละ เหมาะสุดละ เปิดสอบประมาณ 2 เดือนครั้ง ตัวข้อสอบจะคล้ายๆ IELTS ก็คือมี 4 พาร์ท ฟังพูดอ่านเขียน
โดยเรียงลำดับตามนี้ 

1. พาร์ทอ่าน มี 3 ชุด เรียงลำดับความยากขึ้นไปเรื่อย ๆ  แต่ปกติเราชอบอ่านหนังสือ อ่านทั้งไทยและอังกฤษอยู่แล้ว แกรมม่าก็เข้าใจ เพราะฉะนั้นพาร์ทนี้ไม่มีปัญหา ฉลุย! 

2. พาร์ทฟังมี 3 ชุด เหมือนพาร์ทอ่าน คือชุดแรกง่ายสุด ชุดแรกฟังบทสนทนาระหว่างนร.แล้วเขียน (!!) เป็น keyword ตอบ ชุดที่ 2 ฟังแล้วกากบาทว่า ถูก ผิด หรือไม่มีคำตอบ ชุดสุดท้ายให้ฟังบทความทางวิทยาศาสตร์ แล้วเขียนตอบ (เขียนอีกแล้ว!!) ชุดสุดท้ายนี่ยากสุด ชุดนี้เลยให้ฟัง 2 ครั้ง แต่ไม่ช่วยอะไรเลย 

3. พาร์ทเขียน จะมีข้อสอบชุดเดียว มีกราฟ ให้อธิบายและเขียนเหตุผล  ข้อดีข้อเสีย และเหตุการณ์ในประเทศ Heimat (ประเทศบ้านเกิด) ตอนแรกกลัวพาร์ทนี้ที่สุด เพราะเราเป็นคนเขียนเรียงความด้วยภาษาง่าย ๆ ตั้งแต่ภาษาอังกฤษละ ตอนฝึกทำก็เลยพยายามใช้แพทเทิร์นที่ดูดี เริ่ด มาใช้บ้าง ก็ผ่านไปได้ด้วยดีทุกครั้ง (ก็คือไม่ได้สอบครั้งเดียวผ่านไง ฮ่า ๆ เสียตังวนไป)

4. พาร์ทพูด อันนี้ก็แอบน่ากลัว เพราะเราเคยไปแลกเปลี่ยนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว (นับจากปีที่สอบ TestDaf) ถึงแม้จะจบเอกเยอรมัน และใช้ภาษาเยอรมันในการทำงาน และสอนภาษาเยอรมันด้วยก็ตาม สกิลพูดเราแย่มาก แถมจับเวลาด้วย พูดกับคอมพิวเตอร์ ต้องรีบคิด รีบพูด แต่ยังดีกว่าข้อสอบ Toefl หน่อย ที่มีเวลาให้เตรียมพูด 1-3 นาที แล้วแต่ข้อ ซึ่งมีทั้งหมด 7 ข้อ ง่าย ยาก สลับกันไป 

ข้อสอบเยอรมัน ชอบให้แสดงความคิดเห็น หาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็นเรา เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้ และชอบถามถึงเหตุการณ์ในประเทศบ้านเกิดของคนสอบ

ส่วนคะแนน จะมี 3 ระดับ นั่นคือ 3 4 5 เราต้องสอบให้ได้ 4 ทุกสกิล (4 สกิล สกิลละ 4 คะแนนรวมก็คือ 16) เพราะเราจะไปเรียนเอกภาษา ก็ต้องสอบให้ผ่าน บางคณะบางมหาลัยก็อาจจะเอาระดับคะแนนต่างกันไปนะคะ 

พอได้ข้อมูลคร่าวๆ เราก็เปิดเว็บ แล้วสมัครออนไลน์ ค่าสอบประมาณ 5,000 บาท จะมาสอบเล่น ๆ ไม่ได้นะ เพราะมันแพง 

สอบครั้งแรก

ก่อนสอบ ก็ฝึกทำข้อสอบไปประมาณนึง แต่ทุกครั้งที่ฝึกพาร์ทฟังจะไม่ค่อยได้เลย ผลสอบก็เลย ออกมา 4 3 4 4 พาร์ทฟังนั่นเอง ที่ได้ 3 แง้ ๆ พาร์ทอื่นอุตส่าผ่านหมด

พอรู้ว่าไม่ผ่าน ก็สมัครรอบถัดไปไม่ทันแล้ว ต้องรอถัดไปอีกรอบ ครั้งนี้ก็พยายามทำพาร์ทฟังเยอะ ๆ พอถึงวันสอบ จำได้ว่าฝนตก ต้องนั่งมอไซรับจ้าง ตากฝนไปสอบ คิดดูว่าหัวเปียก ตัวเปียก ห้องสอบก็หนาว แถมยังข้าง ๆ ตึกสอบในเกอเธ่ กำลังก่อสร้างอีก -.- พอถึงพาร์ทพูดที่เป็นพาร์ทสุดท้าย ก็เริ่มเบลอละ จำได้ว่าตอนดูผลสอบ เราเอามือปิดจอ ค่อย ๆ เลื่อนลงมา พาร์ทแรกที่เห็นคือพาร์ทฟัง

5  !!! เย่ ถ้าได้ 5 เราเอาไปถัวกะพาร์ทอื่นได้ (ก็คือให้ได้คะแนนรวม 16 นั่นเอง บางมหาลัยยอมให้ถัว บางที่ก็ไม่ยอมนะ) ตอนเห็นคะแนนพาร์ทนี้ เราลิงโลดมาก เพราะเราสามารถมี 3 ได้ตัวนึง และคิดว่าฟังเนี่ย น่าจะ 3 เหมือนเดิม

ซึ่งก็จริงดังคาด พาร์ทฟังได้ 3 จ้า 

เอ๊ออ เอาน่า ได้อยู่ ต่อไปต้อง 4 ล้วนนะ

ต่อไปพาร์ทเขียน อันนี้ค่อนข้างมั่นใจ ว่าเขียนโอเค ก็แน่นอนว่าได้ 4 เลย เย่ ๆ

แต่พอเลื่อนฝ่ามือมาดูพาร์ทพูดเท่านั้นแหละ แง่งงงง 3 !!! 

เท่ากับว่าเราได้ 5 3 4 3 คะแนนรวมแค่ 15 ไม่ผ่านอยู่ดี ต้องเสียตังอีกรอบแล้วสิกรู

เอ้า ฝึกทำข้อสอบวนไป พอถึงวันสอบ ดิชั้นเตรียมตัวอย่างดี ทุกข้อสอบก็ทำได้ตามเกณฑ์เดิม พาร์ทฟังก็ด้วย ทำได้ตามเกณฑ์เดิม ก็คือตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำพาร์ทนี้เสร็จก็รู้สึกว่า ทำได้เท่า ๆ  กับที่เคยทำมาเลยอะ จะผ่านมั้ยเนี่ย (ถอนหายในเฮือก ๆ )

ผ่านไป 6 สัปดาห์ คะแนนก็ออก คราวนี้ไม่ดูเองละ ให้ผู้ชายดูให้ ปกติคะแนนตัวแรกคือพาร์ทอ่านใช่มะ แต่เค้าแกล้งเราอะ บอกจากล่างขึ้นบน พอเราได้ยิน 4 แล้วก็ตามด้วยเลข 5 หลายตัว เราก็งง เฮ้ยยย เราจะทำพาร์ทอ่านได้แค่ 4 เรอะ เป็นไปไม่ได้ ตอนทำมั่นใจมากว่าถูกเกือบหมด ก็เลยดึงไอแพดมาดูเอง 

5 5 5 4 เว้ยยยเฮ้ยยยย อ่าน ได้ 5 อันนี้รู้อยู่แล้ว (อุวะฮะฮะ) แต่เขียนก็ได้ 5 ด้วยแฮะ พอดูดี ๆ พาร์ทฟังได้ 5 มาได้ยังไงนะะะะ โอ๊ยยย ดีใจ 

ผ่านแล้วจ้าาา เย่ ยื่นใบสมัครได้แล้ว หลั่ลล้า เปิดดูเว็บมหาลัยอย่างมีความสุข ฮี่ ๆ