2018-09-02 Samosir Island, Lake Toba - ไปนั่งรถเล่นรอบเกาะ Samosir กัน! เช้าวันนี้ทุกอย่างเหมือนเกิดขึ้นแล้วเมื่อวาน เราตื่นนอนหกโมงกว่า แล้วต้องย่องไปห้องน้ำทำธุระส่วนตัว แล้วก็ย่องไปท่าเรือร้าง เพราะยังไม่มีใครตื่นแม้แต่คนเดียว... สายๆ มาเหตุการณ์ก็ยังซ้ำรอยเดิมคือน้ำไม่ไหล เจ้าของโรงแรมก็ตะโกนโหวกเหวกให้พนักงานหยุดซักผ้า...แล้วน้ำก็ไหลมาเอื่อยๆ.... ประโยคที่ว่า "You get what you pay for" always work! วันนี้ไม่ได้ไปทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารในโรงแรม เพื่อนในกลุ่มกินสลัดและผลไม้ที่ซื้อมาเผื่อไว้เมื่อวาน เราดื่มแต่กาแฟ, ชงเสร็จก็กลับไปนั่งที่ท่าเรือร้าง... ทำไมไม่หิวข้าวก็ไม่รู้สามสี่วันหลังมานี่เกือบไม่ได้ทานอะไรเลย!.... แต่เรี่ยวแรงก็ยังมีปกติไม่ได้อ่อนเพลียอะไรแต่อย่างใด... เมื่อวานให้เจ้าของโรงแรมจองรถให้มารับเพื่อนั่งรถเที่ยวรอบเกาะ ค่าเช่ารถรวมคนขับและน้ำมัน ทั้งหมด 800,000 รูเปียห์ หาร 5 คน ตกคนละ 160,000 รูเปียห์ ประมาณ 360 บาท ราคาไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะได้ราคาถูกกว่านี้ เพราะเมื่อวานตอนทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารของโรงแรม มีลูกค้าคนอื่นแนะนำให้นั่งรถเที่ยวรอบเกาะราคาที่เขาจ่าย 600,000 รูเปียห์. ตกลงนัดให้มารับตอน 10 โมงเช้า แต่คนขับรถมาก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง... เพื่อนที่ยังไม่ได้อาบน้ำก็โดนเร่งให้อาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จไวๆ... เมื่อทุกคนเสร็จแล้วก็ขึ้นรถ พวกเราออกจากโรงแรมประมาณเก้าโมงครึ่ง... ขับรถมาได้ประมาณ 10 นาทีก็ถึงที่แรกที่แวะ คือ Batu Kursi Raja Siallagan (Stone chair of king Siallagan) เก้าอี้หินของกษัตริย์เซียลลาแกน (อันนี้สะกดไทยเอาเอง, ผิดถูกอย่างไร ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย) ขอเล่าประวัติและความสำคัญของชุดเก้าอี้หินนี้อย่างสั้นๆ เพื่อจะได้ไม่น่าเบื่อ... ประมาณ 200 กว่าปีก่อน กษัตริย์ลากา เซียลลาแกน (King Laga Siallagan) ผู้ปกครองเผ่าบาทัค (Batak) ได้ก่อนตั้งหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งมีขนาด 2,400 ตารางเมตร หมู่บ้านแห่งนี้มีกำแพงสูง 1.5-2 เมตรล้อมรอบหมู่บ้าน สิ่งสำคัญในหมู่บ้านที่เป็นจุดเด่นทำให้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวคือ ชุดเก้าอี้หิน 2 ชุด... ชุดแรกเป็นชุดเก้าอี้หินประชุม มีไว้ประชุมพิจารณาคดี... และอีกชุดเก้าอี้หิน มีไว้เพื่อลงโทษ ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า execution เราจึงเข้าใจว่าเก้าอี้ชุดที่สองมีไว้สำหรับการประหาร. หลังจากถ่ายรูปและเดินเที่ยวชมจนทั่ว พอชมจนเสร็จแล้วต้องออกทางด้านหลัง ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึก พ่อค้าแม่ค้าต่างชักชวนให้ซื้อสินค้า เราก้มหน้าก้มตาเดินเพราะไม่ต้องการซื้ออะไรอยู่แล้ว เราเดินกลับมาที่รถพร้อมกับเพื่อนสนิทที่สุดในกลุ่ม แล้วนั่งรอเพื่อนคนอื่นๆ ที่ตามมาทีหลังเพราะมัวแต่เลือกซื้อของฝาก... พอทุกคนกลับมาพร้อมกันในรถแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ ![]() ![]() ![]() ![]() ทางเข้า Batu Kursi Raja Siallagan (Stone Chair of King Siallagan) ![]() ตรงทางเข้ามีหินสลักรูปชาวบาทัคคอยต้อนรับผู้มาเยือน ![]() บ้านสถาปัตยกรรมบาทัค (Batak Architecture) ในหมู่บ้านเซียลลาแกน ![]() Instagai.... ![]() ภายในบ้านเปิดให้เข้าไปดูข้างใน... นี่คือประตูบ้านเปิดจากพื้นขึ้นมา... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ส่วนนี้เป็นอาคารจัดแสดงเครื่องแต่งกายและเครื่องดนตรี ของชาวบาทัค... ![]() นักท่องเที่ยวผู้หญิงชาวอินโดเข้ามาขอถ่ายภาพด้วย... ถ่ายเสร็จบอกกับเราว่าเสียใจด้วย, ฉันแต่งงานแล้ว... แต่ฉันมีหลานสาวนะ, ยังโสด... แล้วก็จับหลานสาวมาถ่ายรูปกับเรา... 5555 ขอบคุณคัฟ... ![]() ![]() ปฏิทินโบราณ ทำจากไม้และไม้ไผ่... ของเลียนแบบ มีขายตรงร้านขายของที่ระลึกตรงทางออก... ![]() ทางกลับไปยังรถของเรา ต้องผ่านร้านขายของที่ระลึกข้างนอกอีก สุดแนวถนน... จุดหมายต่อไปคือ Museum Huta Bolon Simanindo.... แต่ระหว่างทางเห็นนักปั่นจักรยาน พากันปั่นให้เห็นเป็นระยะ, ก็อย่างที่บอกไว้เมื่อวานว่าวันนี้จะมีการแข่งขันปั่นจักรยานมาราธอน.... ก่อนถึงพิพิธภัณฑ์คนขับรถจอดรถให้พวกเราแวะชมสุสานของ Ompu Raja Rosuhul เป็นสุสานเก่า แต่ไม่มีประวัติที่แน่นอน คนขับรถจอดให้เราเข้าชม เราหาป้ายเพื่ออ่านข้อมูลแต่ไม่มีอะไรเลย นอกจากป้ายชื่อสุสานตรงด้านหน้า... ถามเพื่อนชาวอินโดก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย... ได้แต่บอกว่า ฉันไม่ใช่คนที่นี่.... อืม..ก็จริง ถ้าเราพาเพื่อนชาวต่างชาติไปเที่ยวอีสานแล้วเขาถ้าข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่ที่เราไม่รู้จัก, เราก็ตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้จริงๆ... โลงศพหินแกะสลักเป็นรูปหน้าคน เราไม่มีรายละเอียดว่ายังมีร่างเจ้าของโลงอยู่ข้างในหรือไม่ รู้แต่ว่าเจ้าของน่าจะเป็นกษัตริย์หรือหัวหน้าเผ่าที่ปกครองพื้นที่บริเวณนี้... และในบริเวณเดียวกันยังมีโลงหินอีก 4-5 หลัง... โลงหินที่อยู่ใกล้ๆ กัน เห็นได้ชัดว่าฝาโลงพังไปแล้ว แต่มีการก่อคอนกรีตปิดทับ. จากนั้นทุกคนก็รวมตัวถ่ายรูปหมู่ที่ป้ายหน้าสุสาน แล้วก็ขึ้นรถ นั่งรถต่อไปเรื่อยๆ วิวสวยนั่งรถอย่างนี้นานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ รถจอดหน้าพิพิธภัณฑ์ ฮูตะ โบรอน สิมานินโด เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยุ่ในหมู่บ้านสิมานินโด โดยตัวพิพิธภัณฑ์เคยเป็นบ้านของราชาสิมาลันกัน (Raja Simalungun) ราชาชาวบาทัคผู้มีภรรยา 14 คน (ต้องขอโทษด้วยที่แปลออกมาตรงๆ เราแปลจากวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ซึ่งเขาใช้คำว่าบ้าน แทนที่จะใช้คำว่า วัง, ใช้คำว่าภรรยาแทนที่จะใช้คำว่ามเหสี) สิ่งของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์มีไม่มากนัก มีข้าวของเครื่องใช้ในยุคที่เป็นเมืองขึ้นของชาวดัตช์และของใช้ชาวจีน... นอกจากนั้นก็มีไม้แกะสลักศิลปะกรรมบาทัคจัดแสดงด้วย. พอชมพิพิธภัณฑ์ได้สักพัก ก็ถึงเวลาเดินทางต่อ จุดหมายคือข้ามสะพานไปฝั่งสุมาตราเพื่อไปเที่ยว น้ำพุร้อน Edistigor แต่ตอนนั้นเที่ยงกว่าเข้าไปแล้วเลยหาร้านอาหารทานเที่ยงกันก่อน... เพื่อนชาวอินโดอยากทานหมูย่างอีกแล้ว, วนหาร้าน... จอดถามข้างทาง, วนหาร้านอีกสองสามรอบ ก็หาไม่เจอตอนนั้นก็ใกล้จะบ่ายแล้วเลยตัดสินใจทานร้านอาหารไหนก็ได้... สรุป เป็นร้านปลาและไก่.. มีเมนูให้เลือกประมาณ 20 อย่าง.. ตอนแรกเราเลือกเป็นปลาจากทะเลสาบโทบาราดซอสพื้นเมือง...นั่งรอไปเกือบ 10 นาทีแม่ค้าก็วิ่งออกมาบอกเราว่าปลาไม่มี... อืม... ยิ่งไม่ค่อยหิวอยู่ด้วยแต่ทานแค่ผลไม้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าหลังจากนั้นก็ไม่ได้ทานอะไรอีกเลย... ยังไงก็ต้องทานสักหน่อย, สั่งเป็นไก่ราดซอสพริกพื้นเมืองก็แล้วกัน... ปรากฎว่าอร่อย ชอบมากๆ อร่อยมากๆ... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Ayam Napinadar... ไก่ราดซอสพริก... อาหารจานนี้ปกติจะเสิร์ฟตอนงานฉลองหรือเทศกาลต่างๆ ดีใจที่ได้ลองทาน, อร่อยมากๆ เมื่อสั่งเช็คบิลหารห้าเสร็จก็เดินทางต่อ... เมื่อวานเราเล่าเรื่องชาวดัตช์ได้ขุดคลองตรงคอคอดกระ ทำให้ Samosir กลายเป็นเกาะไปในที่สุด... ตอนนี้เราก็ได้ข้ามสะพานตรงที่เขาขุดคอคอดกระนั้น... เห็นไหม, ถ้าไม่เกริ่นนำประวัติของสถานที่ที่จะไปสักหน่อย, ก็จะไม่รู้เลยที่ที่เราไป มีความสำคัญอะไรอย่างไร... ขับรถขึ้นเนินมาจอดรถใกล้ๆ กับทางเดินขึ้นน้ำพุร้อน... ตอนลงรถเจอดอกบัวตองบานต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่มีจำนวนไม่มากนัก... พวกเราเดินขึ้นไปน้ำพุร้อนซึ่งอยู่บนเนินเขา ทางขึ้นค่อนข้างชัน แต่มีบันไดคอนกรีตไว้ให้ค่อยๆ เดินขึ้นไป... ถ้าไม่ค่อยๆ เดินขึ้นอาจจะพลาดตกดอย! พอขึ้นไปถึงด้านบนก็เจอหนุ่มวัยรุ่นชาวฝรั่งเศษ 2 คนกำลังแช่เท้าในแอ่งน้ำพุอุ่น...ทำให้เราตระหนักได้ว่าทำไมมันถึงกลายเป็นน้ำพุร้อนไปได้ 5555 เดินขึ้นไปอีกชั้นก็เจอสระว่ายน้ำที่ทาง Edistigor Hot Spring เขาจัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปว่าย. เดินกลับลงมาตรงร้านอาหาร พวกเราสั่งโค้กมาดื่มกันคนละขวด... สักพักก็เดินกลับมาขึ้นรถเพราะตอนนั้นบ่ายสองครึ่งแล้ว ยังเหลือระยะทางอีก 85 กิโลเมตรกว่าจะกลับถึงโรงแรม ถนนที่นี่แคบและคดเคี้ยวทำให้ขับรถไวเหมือนบ้านเราไม่ได้. ![]() ขับรถข้ามคลอง ที่ชาวดัตช์ขุดคอคอดกระเมื่อปี คศ.1906 ทำให้ Samosir กลายเป็นเกาะ ![]() ![]() ![]() ![]() สองหนุ่มชาวฝรั่งเศส ลงแช่เท้าในแอ่งน้ำพุร้อน, ทำให้น้ำเดือดปุดๆ ![]() นั่งรถซึ่งขับไปตามถนนแคบๆ บางทีก็คดเคี้ยว บางทีก็ชัน บางทีก็แบนราบ สลับกันไป... ทิวทัศน์สองข้างทางตระการตาดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ... ขับมาได้ 2 ชั่วโมง คนขับรถก็จอดตรงจุดชมวิว... คุ้มค่ากับการจอดมากๆ วิวสวยจนเสียดายแทนท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัยที่รูปที่ถ่ายมาไม่สามารถเทียบความงามกับวิวของจริงได้แม้แต่นิดเดียว... ดื่มด่ำกับความงามได้ประมาณ 15 นาทีก็โดนต้อนขึ้นรถ...ตอนนั้น 4 โมงครึ่งแล้ว คนขับรีบไปทำกับข้าวให้เมียกิน (อันนี้แต่งเอง 555) เพราะถนนแคบและคดเคี้ยว ฝนก็โปรยปรายลงมาบางช่วงก็แค่พรำๆ บางช่วงก็กระหนำลงมาแทบไม่เห็นทาง ในตอนนั้นได้เช็คแฮนด์กับเพื่อนใหม่ที่โดนถีบให้มานั่งเบาะหลังด้วยกัน... ถ้ากลับไม่ถึงโรงแรม, เราก็ยินดีที่ได้รู้จักนายนะ.... ขับมาอีกหนึ่งชั่วโมง เจอตลาดแถวท่าเรือเฟอร์รี่ คนขับโดนบังคับให้จอดเพราะหัวหน้าแกงค์ของกลุ่มเราต้องการซื้อของที่ตลาด... เราถือโอกาสซื้อกาแฟสำเร็จรูป...ปกติจะดื่มกาแฟดำ แต่ตอนนั้นกาแฟอะไรก็ดื่มได้... นอกจากนั้นยังไปซื้อมะละกอและส้มที่ร้านขายผลไม้เผื่อหิวตอนเย็น เพราะตั้งใจว่าเราจะไม่กินข้าวเย็น... ซื้อของเสร็จก็เดินทางต่อ.... จากตลาดที่จอดซื้อของ ถึงโรงแรมก็ประมาณ 6 กิโลเมตร พวกเรากลับมาถึงโรงแรมตอน 6 โมง... เป็นวันที่ไม่ได้เดินทาง แต่ระยะทางที่นั่งบนรถ ทั้งหมดประมาณ 130 กิโลเมตรเอง... ![]() ![]() วิวสวยๆ เยอะแยะมากมาย แต่ถ่ายมาได้แค่นี้... เราจะโทษที่ว่า เรานั่งเบาะหลังสุด และภาพวิวในมือถือเกือบทั้งหมดก็ถ่ายผ่านกระจกรถ... อืม...เหตุผลพอได้... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ท่าเรือเฟอร์รี่ไปฝั่งเกาะสุมาตรา... ![]() อันนี้แผนที่การนั่งรถเล่นรอบเกาะ Samosir กลับมาถึงโรงแรม.... เราเป็นคนแรกที่กระโดดเข้าห้องเตรียมของแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ... ชนะเลิศ! ห้องน้ำของข้า 5555 ได้อาบน้ำเป็นคนแรก รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างทันตาเห็น... พอออกมาก็ไม่เห็นว่ามีใครสนใจจะเข้าไปอาบน้ำต่อ!?!?!?!? อืม... ไม่เหนียวตัว, ไม่เหม็นกลิ่นตัว, ไม่อยากสดชื่นกันหรือยังไง! ไม่เป็นไร... หยิบเบียร์ไปดื่มที่ท่าเรือร้างดีกว่า นั่งได้ชั่วโมงกว่าๆ ฟ้าก็เริ่มมืด, ฝนก็ตกปรอยๆ ไม่มากนัก...ยังทนได้... คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้ใช้เวลาที่นี่, ตรงนี้... สักพักก็ได้คำสั่งจากฟากฟ้าให้กลับเรือน... ฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง... ทริปนี้โชคดีมากมาย, ฝนตกหนักตอนเครื่องลงที่เกาะนิแอส... จากนั้นก็ไม่ตกอีกเลย มีเมฆครึ้มบ้าง... และมาวันนี้, วันสุดท้ายที่เกาะ Samosir ฝนมาบอกลาพวกเรา... Selamat Malam.... ราตรีสวัสดิ์! ![]() Thank you for sharing
โดย: Thip IP: 163.172.136.205 วันที่: 16 กันยายน 2561 เวลา:21:12:17 น.
|
บทความทั้งหมด
|