เป็นเรื่องใกล้ๆตัวมาก! รู้หรือไม่เปิด Wi-Fi ทิ้งไว้เวลานอนมีผลเสียมากกว่าที่คุณคิด



เป็นเรื่องใกล้ๆตัวมาก! รู้หรือไม่เปิด Wi-Fi ทิ้งไว้เวลานอนมีผลเสียมากกว่าที่คุณคิด 

ขณะที่เราใช้อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคอยู่นั้น ร่างกายของเราจะได้รับคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากสิ่งเหล่านี้และผลกระทบของมันจะทำให้ร่างกายเราอ่อนล้ามากกว่าปกติถึงสองเท่า นักเรียนเดนมาร์คชั้นมัธยมปลาย 5คนได้ทำการทดลองที่สุดยอดออกมา และผลที่ได้นั้นจะทำให้เพื่อนๆเลิกเปิด Wi-Fi ทิ้งไว้ตอนกลางคืนแน่นอน

พวกเขาพบว่าหากเปิดมือถือทิ้งไว้ในเวลากลางคืนแล้ววางไว้ใกล้ๆ ร่างกายเราในเวลานอนหลับพักผ่อนล่ะก็จะทำให้ร่างกายเรารู้สึกไม่สดชื่นเมื่อเราตื่นขึ้นมา

พวกเขาได้ทำการทดลองโดยการปลูกถั่วงอกในห้องที่มีสัญญาณไวฟายและไม่มีไวฟาย

ผ่านไป 12 วันผลที่ได้นั้นน่าตกใจเป็นอย่างมาก

ห้องที่ไม่มีสัญญาณไวฟายนั้นถั่วงอกได้เจริญเติบโตเป็นปกติ แต่ห้องที่มีสัญญาณไวฟายนั้นถั่วงอกกลับไม่เจริญเติบโตซ้ำยังตายลงอีกด้วย การทดลองนี้ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลด้านวิทยาศาสตร์ระดับท้องถิ่น และทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์มากมาย

ก่อนนอนก็อย่าลืมปิดหรือนำมือถือไปวางให้ห่างจากตัวนะครับ นอกจากจะช่วยรักษาสภาพร่างกายแล้วยังสามารถตัดสิ่งรบกวนเวลาพักผ่อนเราได้อีกด้วย

พอดีผมเห็นมีเพื่อนแชร์โพสต์นี้ในเฟซ ก็เลยมีข้อสงสัยบางอย่าง อยากฟังความคิดเห็นท่านทั้งหลายครับ

************************************************************************

คลื่นมือถือ ทำลายสมองเด็ก มากกว่าที่คิด!!


หลังจากมีการแชร์ผลวิจัยของ Dr.Om Ghandhi ถึงผลกระทบจากคลื่นโทรศัพท์ ซึ่งมีผลต่อสมองของเด็กไปทั่วเฟซบุ๊ก และเว็บเพจต่างๆ ในขณะนี้นั้น ทาง Mthai ได้ตรวจเช็คเพิ่มเติม ว่าผลงานวิจัยของ Dr.Om Ghandhi ปี 1996 มีอยู่จริงหรือไม่ ก็พบว่า มีตัวตนและผลงานดังกล่าวอยู่จริง โดยได้กล่าวว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือ ทะลุทะลวงสู่ชั้นสมองของเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

เนื่องจากกระโหลกศีรษะบางกว่า (ที่คนเฒ่าคนแก่ เรียกว่า กระหม่อมบาง) การทะลุทะลวงดังกล่าวสู่ชั้นสมอง ทำให้เกิดอาการ ปวดร้าวศีรษะได้ และเป็นไปได้ว่าทำให้เกิดการดัดแปลงระดับชั้นพันธุกรรม DNA และชั้น เซลส์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งได้

ทั้งนี้ Natural Health Strategies.com ได้แนะนำข้อควรระวังคือ

1. ห้ามเด็กใช้ โทรศัพท์มือถือ หรือใช้ให้น้อยที่สุด

2. โทรศัพท์บ้านไร้สาย ปล่อยคลื่น EMR (Electromagnetic Radiation) มากกว่าโทรศัพท์มือถือเสียอีก แม้ว่าจะวางอยู่เฉยๆ

3. ใช้โทรศัพท์บ้านปกติ ปลอดภัยที่สุด

4. คนมีครรภ์ ควรใช้ โทรศัพท์มือถือให้น้อยที่สุด

5. หูฟังที่มากับโทรศัพท์มือถือ ทางวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่เป็นเสาอากาศ (สังเกตว่า เมื่อใช้สายหูฟังถึงจะฟังวิทยุได้) จึงเป็นตัวนำสัญญาณ EMR เข้าสู่สมองได้ ให้หลีกเลี่ยง

6. อย่าเหน็บ โทรศัพท์มือถือไว้ที่เอว เพราะเอวมีอวัยวะสำคัญๆที่ผลิตเม็ดเลือดแดงมากกว่า 80% ของทั้งร่างกาย

7. อย่าวาง โทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ศีรษะตลอดเวลา (บางคนชอบวางไว้ใกล้ๆ ระหว่างที่นอนหลับ)

8. หูฟังแบบพิเศษ Ferrite จะช่วยป้องกันคลื่นได้

โดยที่ได้มีกรณีศึกษาของเด็กที่ป่วย และสันนิษฐานว่าเกิดจากสาเหตุนี้


หลังจากเกิดกระแสการแชร์ภาพและข้อมูลในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่ระบุว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองของเด็กและก่อให้เกิดผลเสียมากมาย โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุ 5 ขวบ ที่คลื่นมือถือสามารถทำลายเนื้อเยื่อสมองได้มากกว่าผู้ใหญ่ถึง 5 เท่า นั้น

ก็เกิดกระแสจากผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างมากมาย และบางคนยังโยงไปถึงผลที่จะเกิดขึ้นเนื่องจาก นโยบายแท็บเล็ต ป.1 ว่า ไม่ควรให้เด็กๆ พกมือถือหรือกระทั่งแท็บเล็ต เพราะสัญญาณ wifi ก็อาจเป็นตัวทำลายสมองของเด็กได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวและพบว่า มีรายงานเรื่อง “Cell Phones For Kids Death Traps To Hasten Their Deaths” จริง โดยเป็นผลการศึกษาวิจัยของ Dr.Om Ghandhi จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ ในปี ปี 1996 ซึ่งในรายงานระบุว่า คลื่นที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือนั้นจะทะลวงเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ และอาจทำให้เกิดการดัดแปลงระดับชั้นพันธุกรรม (DNA) และชั้นเซลล์ ซึ่งอาจเป็นเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
*
ขอบคุณแหล่งที่มา : liekr
https://pantip.com/topic/30212115
cr.https://rugyim.com/1262
*
เครดิต ข้อและภาพ https://goo.gl/WHtVNk



///ภาพไลน์ ญามี่
///ภาพไอคอน ชมพร
//กรอบ goffymew



Create Date : 08 มีนาคม 2561
Last Update : 8 มีนาคม 2561 6:23:36 น.
Counter : 833 Pageviews.

0 comments
แคดเมียม Cadmium ความอันตรายของมัน สมาชิกหมายเลข 4149951
(8 เม.ย. 2567 07:11:22 น.)
สรุปวิชาโลกดาราศาสตร์และอวกาศชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.5) เรื่องทรัพยากรธรณี นายแว่นขยันเที่ยว
(28 ก.พ. 2567 00:03:41 น.)
มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 347 Rain_sk
(28 ก.พ. 2567 08:43:19 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Angelonia17.BlogGang.com

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]

บทความทั้งหมด