ผมเดินทางไปท่องเที่ยวกับคณะ ที่ประเทศเวียดนาม (กรุงฮานอย) เมื่อวันที่ 20-23 กันยายน 2550 และมีโอกาสไปชมความงามของอ่าวฮาลองหรือ Halong bay วันที่ 21 กันยายน 2550 จึงขอนำสิ่งที่ได้พบเห็นมาบันทึกไว้ ณ ที่นี่ครับ
หลังจากลงเครื่องบินที่สนามบินนอยไบ กรุงฮานอย แล้ว ได้เดินทางด้วยรถบัสปรับอากาศต่อไปยังจังหวัดกว่างนิงห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอ่าวฮาลอง (ระหว่างทางแวะพักเข้าห้องน้ำและชมผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ป่วยด้วยโรคฝนเหลือง) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึงตัวจังหวัด คณะของเราเข้าพักที่โรงแรม Grand Halong Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (มีจำนวนดาวที่ชื่อโรงแรมด้วย)
โรงแรมนี้ตั้งหันหน้าสู่อ่าวฮาลอง ผู้ที่ได้ห้องพักด้านนี้จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวได้อย่างชัดเจน และในตอนเช้าประมาณ 05.30 น. จะเห็นแสงเงินแสงทองทอจับขอบฟ้า และอีกไม่นานก็จะได้มีโอกาสชมตะวันขึ้นที่อ่าวฮาลอง (ภาพนี้ผมถ่ายจากหน้าต่างห้องพัก)
ในวันที่มีอากาศดีเช่นนี้ ภาพตะวันขึ้นที่ทอแสงส่องพื้นน้ำในอ่าวฮาลองที่เงียบสงบ ช่างสวยงามและมีมนต์ขลังต่อผู้พบเห็นเสมอ
ได้เวลาเหมาะสมแล้ว (8.00 น.) ล้อหมุน คณะของเราเดินทางออกจากโรงแรมไปที่ท่าเรือ เพื่อลงเรือท่องอ่าวฮาลองกัน มีเรือมากมายรอนักท่องเที่ยวอยู่ที่นี่
เรือเริ่มออกเดินทางสู่อ่าวฮาลองแล้ว คำว่า "ฮาลอง" ในภาษาเวียดนามหมายถึงสถานที่ที่มังกรดำดิ่งสู่ท้องทะเล
ตามตำนานเล่ากันว่า มีมังกรตัวหนึ่งพร้อมบริวารได้ลงมาจากสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือชาวเวียดนามจากข้าศึกที่มารุกราน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับใจไม่กลับสวรรค์ (เป็นงั้นไป)
และได้กลายร่างเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ไปทั่ว บ้างก็ว่าหางที่สะบัดไปมาระหว่างทางของมัน ทำให้เกิดร่องเขาลึกมากมาย
เมื่อมังกรทิ้งตัวลงสู่ทะเล น้ำที่กระฉอกขึ้นมาก็ไหลท่วมท้นไปตามหุบเขา เกิดเป็นยอดเขาสูงนับพันเหนือคลื่น และหน้าผาเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยถ้ำ เช่นถ้ำพระราชวังสวรรค์ (Dau Co) ซึ่งคณะของเราจะขึ้นไปชมความงามกัน
การเดินทางเข้าไปยังถ้ำนี้ จะต้องปีนบันไดที่จัดทำใหม่ ขึ้นไปหลายขั้น บันไดค่อนข้างชันและแคบ แต่มีราวให้เกาะเดิน จึงไม่น่ากลัวมากนัก ทางเข้าถ้ำและทางออกถ้ำอยู่คนละทางกัน จึงไม่มีปัญหาที่นักท่องเที่ยวจะเดินสวนทางแล้วชนกัน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก สามารถจินตนาการเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้มากมาย ทางการนำไฟสีต่าง ๆ มาประดับไว้ด้วยทำให้เกิดสีสรรสวยงาม
ออกจากถ้ำพระราชวังสวรรค์ ลงเรือเดินทางต่อไป จะพบแพที่เลี้ยงปลาในกระชังอยู่ในอ่าว เป็นระยะ ๆ ทราบจากไกด์ว่าเขามีไว้จำหน่ายให้เรือนักท่องเที่ยว ซื้อและนำขึ้นไปปรุงบนเรือเลยเพื่อความสดจริง ๆ
นอกจากปลาแล้ว ในแพเหล่านี้ยังมีปู กุ้ง หอย และปลาหมึก ไว้จำหน่ายอีกด้วย เรียกว่าเป็น Sea food ครบสูตรเลย
เรือของผมมีอาหารกลางวันประเภทซีฟู๊ดอยู่แล้ว จึงไม่มีใครต้องลงไปซื้อของในแพกันอีก คงรอเสริฟอาหารกันอย่างเดียว ระหว่างนั้นก็ดูเครื่องประดับจากไข่มุก และแร่ลิกไนท์ ที่มีจำหน่ายในเรือไปพลาง ๆ ก่อน (ไกด์บอกว่าเป็นของจริงจึงมีราคาค่อนข้างสูง แต่ต่อรองราคากันได้ จ่ายเป็นเงินบาทก็ยอม ขอให้ซื้อเถอะ)
ในที่สุดก็มาถึงเกาะไก่ชน ที่เป็นสัญลักษณ์ของอ่าวฮาลอง เรือมาจอดให้ชมความงามของเกาะรูปร่างแปลก ๆ นี้ (ชาวเวียดนามบอกว่ารูปร่างเหมือนไก่สองตัวชนกัน) ใกล้เที่ยงแล้ว เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง นั่นคืออาหารกลางวันแบบซีฟู๊ดจริง ๆ มีทุกอย่าง ทั้งปูปลากุ้งหอยและปลาหมึก แถมด้วยผัดผักและข้าวสวยร้อน ๆ รับประทานเสร็จ ก็เป็นเวลาของการจับจ่ายซื้อของในเรือกันอีก จนกระทั่งกลับไปถึงท่าเรือโดยสวัสดิภาพ ทุกคนรู้สึกตัวเบา(แต่ละคนจ่ายไปหลายแสนดอง-หนึ่งหมื่นดองเป็นเงินประมาณ 22 บาท) และมีความสุขที่ได้ล่องเรือชมความงามของอ่าวฮาลอง(และได้ซื้อของฝากด้วย) อ่าวฮาลองสวยงามมาก เหมาะสมแล้วที่องค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น "มรดกโลก"
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ