รับมือโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่
รับมือโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่
นับย้อนหลังไป 10 ปี องค์การอนามัยโลกได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้นใหม่รวมทั้งสิ้น 30 โรค ซึ่งสาเหตุของการระบาดมาจาก เชื้อโรคปรับตัวเองให้ทนทานมากขึ้น การอพยพของสัตว์เพาะเชื้อโรค วิถีชีวิตมนุษย์เปลี่ยนไป ความแออัดของประชากร รู้เช่นนี้อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เอาเวลามาเตรียมรับมือกับเชื้อร้ายสายพันธุ์ใหม่กันดีกว่า
10 กฎทองที่ต้องท่องให้ขึ้นใจและปฏิบัติตาม
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขให้ครบถ้วน ตามแพทย์นัดหมาย
- รักษาความสะอาด ตัวคุณเองและที่อยู่อาศัย, หมั่นล้างมือ ทั้งก่อนและหลังกินอาหาร, หลังไอ จาม สั่งน้ำมูก, หลังใช้ห้องน้ำ,หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก,หลังดูแลผู้ป่วย,หลังจับต้องสัตว์
- ใส่ใจกับอาหารและวิธีปรุง ได้แก่ การเก็บอาหารในอุณหภูมิที่พอเหมาะก่อนปรุง, ปรุงอาหารให้สุก, ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนกิน, ล้างอุปกรณ์ในครัวให้สะอาด
- ออกกำลังกาย และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
- ใช้ถุงยางอนามัย ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และเลี่ยงการฉีดยาเสพย์ติด
- หลีกเลี่ยงบริเวณเสี่ยงต่อโรค ถ้าจำเป็นต้องเข้าใกล้บริเวณเสี่ยง ต้องรีบอาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาด และซักล้างเสื้อผ้า(ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อได้ก็ดี) แล้วนำไปตากแดดจัดๆ ให้แห้งสนิท และอย่าเข้าใกล้สัตว์ที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะสัตว์ป่า
- ถ้าต้องเดินทางปฏิบัติภารกิจข้ามประเทศ หรือจำเป็นต้องเดินทางไกล ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดต่อของประเทศนั้นๆ และแนวทางป้องกัน
- ถ้าป่วย โดยเฉพาะหลังกลับจากในประเทศที่มีโรคระบาด, เคยเข้าใกล้สัตว์กลุ่มเสี่ยง,หรือใกล้ชิดผู้ป่วย ควรรีบพบแพทย์ และแจ้งรายละเอียดให้ครบถ้วน
- กินยาปฏิชีวนะให้ถูกต้องตามแพทย์สั่งจนหมด ไม่ควรแบ่งจากผู้อื่นหรือซื้อยากินเอง
- พบแพทย์ด่วน ถ้ากินยาปฏิชีวนะแล้วไม่ดีขึ้น
รู้จักกับโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่ 1. โรคซาร์ส (โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน รุนแรง) ติดต่อจาก คนสู่คนโดยการหายใจหรือสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย อาการ ระยะแรกมีไข้สูง ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ ระยะที่2 จะมีการไอแห้ง หายใจเร็วและลำบากเพราะปอดอักเสบ อาจมีภาวะหายใจวาย และเสียชีวิตได้ ซึ่งระยะที่ 2 เป็นระยะที่แพร่เชื้อได้มาก อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 4 % ผู้ป่วย 96 % จะหายป่วยภายใน 2-3 สัปดาห์ การรักษา โรคนี้ทำได้เพียงรักษาตามอาการ ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
2. โรคไข้สมองอักเสบเวสต์ไนล์ ติดต่อจาก สัตว์มาสู่คน มีสัตว์เพาะเชื้อโรค คือ นก และพาหะนำโรคคือ ยุง อาการ เริ่มปรากฏใน 2-21 วันหลังติดเชื้อ แต่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ อาการเฉพาะ คือ มีอาการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว ผู้ป่วยซึมลง, สับสนเอะอะโวยวาย, แขนขาเป็นอัมพาต และโคม่าในที่สุด ซึ่งเหล่านี้เป็นผลจากสมองอักเสบ อย่างไรก็ดียังมีผู้ป่วยอีกร้อยละ 35 ที่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบเพียงอย่างเดียว คือ มีไข้ ปวดหัวรุนแรง คอและหลังแข็ง แต่ระดับความรู้สึกตัวไม่เปลี่ยนแปลง การรักษา รักษาตามอาการ เพราะไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ขณะนี้อเมริกาได้ทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไวรัส เวสต์ไนล์มาใช้ในการศึกษาวิจัย ซึ่งได้ผลดีพอสมควร 3. โรคสมองเสื่อมในคนที่เกิดจากเชื้อวัวบ้าตัวใหม่ (vCJD) ติดต่อจาก การบริโภคเนื้อของสัตว์ที่ติดเชื้อ มีรายงานว่าสามารถติดต่อโดยการได้รับเลือดของผู้ติดเชื้อด้วย แต่ไม่พบรายงานการติดเชื้อจากการดื่มนม หรือผลิตภัณฑ์จากนม อาการ มีลักษณะอาการทางจิต ซึมเศร้า ประสาทรับความรู้สึกผิดปกติ เช่น รู้สึกว่าผิวเหนียวเหนอะหนะ มีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ สับสน เสียการทรงตัว เดินลำบาก ท้ายสุดจะเคลื่อนไหวไม่ได้ และเสียชีวิตในที่สุด การรักษา ไม่มีการรักษาที่จำเพาะ และมีอัตราการตายถึง 100 เปอร์เซนต์ แนวทางป้องกัน ป้องกันการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ในประเทศที่มีการระบาด
4. เชื้อไวรัสนิปาห์ ติดต่อจาก การสัมผัสกับสารคัดหลั่ง และเนื้อเยื่อของหมูที่ติดเชื้อ อาการ เป็นเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบ จะเกิดอาการประมาณ 2 วันจนถึง 2 สัปดาห์หลังจากสัมผัสโรค ทุกรายมีอาการไข้สูง กินยาลดไข้ไม่ได้ผล ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อเมื่อยตามตัว อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 12-24 ชั่วโมง ตามด้วยอาการซึม สับสน ชัก โคม่า และทำให้เสียชีวิตภายใน 48 ชั่วโมง เนื่องจากสมองไม่ทำงาน การรักษา ทำได้เพียงรักษาตามอาการ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาต่อสู้กับเชื้อไวรัสเท่านั้น ทั้งนี้มีการใช้ยา ไรบาวิริน (ribavirin) กับผู้ป่วยบางรายพบว่าช่วยลดความรุนแรงของโรคได้บ้าง ในรายที่รอดชีวิตหรือหายจากโรคอย่างเฉียบพลันอาจเกิดโรคทางสมองซ้ำได้อีก และผู้ป่วยมักมีอาการทางสมองเนื่องจากส่วนของเนื้อสมองบางส่วนถูกทำลาย แนวทางป้องกัน เชื้อโรคนี้ถูกทำลายได้ง่ายด้วยการใช้สบู่ หรือผงซักฟอก หรือยาฆ่าเชื้อ
5. ไข้เลือดออกอีโบล่า ติดต่อจาก ติดต่อจากคนสู่คนได้ ด้วยการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง อวัยวะภายใน และอสุจิของผู้ป่วย อาการ ระยะฟักตัวของเชื้อตั้งแต่ 2 -21 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูงทันทีทันใด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะมากและกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ตาพร่ามัว ตามด้วยอาเจียน ท้องเสีย มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ในช่วงท้ายจะมีเลือดออกตามจมูก ปาก ตัวและใต้ผิวหนัง อวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก ทำให้ตับและไตวาย ผู้ป่วยช็อค และเสียชีวิตได้ในเวลาตั้งแต่ 4 -10 วัน การรักษา ไม่มีวัคซีนเฉพาะทำได้เพียงรักษาตามอาการ ถ้าป่วยรุนแรงต้องรีบแก้ไขการขาดน้ำโดยให้น้ำเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำ
6. ระวังไข้หวัดนกกลายพันธุ์ ติดต่อจาก สันนิษฐานว่า นกในธรรมชาติบางสายพันธุ์โดยเฉพาะ "นกเป็ดน้ำ" เชื้อนี้จะอยู่ในสารคัดหลั่งของสัตว์ที่ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เมื่อคนสัมผัสเชื้อจะติดมากับมือ และเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุของจมูกและตา รวมถึงการกินสัตว์ที่ป่วยแบบไม่ปรุงให้สุก อาการ ระยะฟักเชื้อประมาณ 1-3 วัน หลังจากรับเชื้อ 3-7 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไอ มีน้ำมูก น้ำตาไหล ถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดีจะมีอาการรุนแรง คือ หอบ หายใจลำบาก ปอดอักเสบรุนแรง ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึงร้อยละ 70 การรักษา แพทย์จะใช้ยา โอเซลทามิเวีย โดยเริ่มกินภายใน 48 ชม. หลังมีอาการ โดยกินติดต่อกันประมาณ 5 วัน และรักษาตามอาการ เช่น ให้ออกซิเจนหากหายใจหอบ หรือพบว่าระดับออกซิเจนในร่างกายต่ำ ซึ่งอาจส่งผลให้หัวใจวายได้ และให้สารน้ำในกรณีที่รับประทานอาหารไม่ได้ รวมถึงให้ยาปฏิชีวนะถ้าสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อร่วมของแบคทีเรีย
7. ไข้เหลือง ติดต่อจาก พบการติดเชื้อได้ทั้งในคนและลิง โดยติดต่อจากคนสู่คนได้ เชื่อว่ายุง Addes และ Haemogogus (พบในทวีปอเมริกาเท่านั้น) เป็นพาหะของโรค อาการ เชื้อมีระยะฟักตัว 3-6 วัน และหลังจากนั้นจะเริ่มปรากฏอาการระยะแรก คือ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อร่วมกับปวดศีรษะ หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ชีพจรเต้นช้าผิดปกติ หลังจาก 3-4 วันอาการจะดีขึ้นเอง แต่มีผู้ป่วยอีก 15 % ที่จะเข้าสู่ระยะที่สองภายใน 24 ชม. โดยมีไข้กลับ โลหิตเป็นพิษ ตัวเหลือง ปวดท้อง อาเจียน มีเลือดออกปาก จมูก ตา กระเพาะอาหาร ทำให้อาเจียนและถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากไตวาย มีโปรตีนในปัสสาวะ (ลักษณะคล้ายไข่ขาวปนมากับน้ำปัสสาวะ) และปัสสาวะไม่ออก ในระยะนี้ผู้ป่วยครึ่งหนึ่งจะเสียชีวิตภายใน 10-14 วัน ส่วนที่เหลือจะหายเป็นปกติโดยอวัยวะต่างๆ ไม่ถูกทำลาย การรักษา โชคดีที่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสนี้ ซึ่งฉีดเพียงครั้งเดียวจะได้ผลร้อยละ 99 และมีภูมิคุ้มกันในร่างกายอยู่นานอย่างน้อย 30-35 ปี ทั้งยังพบว่าผู้ป่วยที่หายจากโรคจะมีภูมิคุ้มกันขึ้นเอง และยังไม่มีรายงานการป่วยซ้ำ
8. โรคอาหารเป็นพิษจากเชื้ออีโคไลน์ ติดต่อจาก วัว และคน โดยเชื้อจะอยู่ในอุจจาระ ติดต่อโดยการปนเปื้อนในอาหารโดยเฉพาะเนื้อวัวบด นมดิบ กินอาหารที่ไม่สะอาดมีแมลงวันตอม หรือล้างมือไม่สะอาดหลังถ่ายอุจจาระแล้วหยิบจับอาหาร อาการ แบคทีเรียชนิดนี้จะก่อพิษที่ชื่อว่า Verotoxin ทำให้ท้องเสียเป็นน้ำ อุจจาระเป็นเลือด เม็ดเลือดแดงแตกตัวจนไตถูกทำลาย มีผื่นจ้ำเลือดตามตัว แต่อาการที่แตกต่างจากอาหารเป็นพิษทั่วไปคือ ไม่มีไข้ การรักษา รักษาตามอาการ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะอาจทำให้เกิดอาการไตวายตามมา
9. โรคมือเท้าปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ติดต่อจาก การสัมผัส น้ำลาย น้ำมูก ตุ่มโรค ของผู้ป่วย, การไอจามรดกัน, การล้างมือไม่สะอาดหลังถ่ายอุจจาระแล้วหยิบจับสิ่งของเข้าปาก หรือสัมผัสผู้อื่น อาการ 3-6 วันหลังได้รับเชื้อจะมีไข้ มีตุ่มและแผลในปาก และอาจมีตุ่มหัวใสเล็ก ๆ ไม่คันแต่แดงและเจ็บที่ฝ่ามือฝ่าเท้า หากติดเชื้อสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรงจะทุเลาเองภายใน 7-10 วัน แต่ถ้าเป็นเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 อาจทำให้ ซึม อ่อนเพลีย เหนื่อย เบื่ออาหาร ไม่ยอมดื่มน้ำ อาเจียนบ่อย เกิดภาวะสมองหรือก้านสมองอักเสบ ร่วมกับภาวะน้ำท่วมปอด และเลือดออกที่ปอด หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ทำให้เด็กเล็กๆ เสียชีวิตได้ การรักษา รักษาตามอาการเพราะไม่มียารักษา แต่ควรให้ยาฆ่าเชื้อตามผิวหนังเพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน
10. โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires disease) ติดต่อจาก ติดต่อได้ด้วยการหายใจเอาเชื้อเข้าไป แบคทีเรียชนิดนี้จะชอบอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิค่อนข้างอุ่น ซึ่งพบมากในระบบน้ำร้อนที่เป็นฝักบัว, ส่วนระบายความร้อนของเครื่องปรับอากาศ , เครื่องทำความชื้น, อ่างน้ำวน, อ่างน้ำร้อน, เครื่องมือช่วยหายใจ, และน้ำพุสำหรับตกแต่งอาคารต่างๆ แต่ไม่มีรายงานว่าติดจากคนสู่คน อาการ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ภายใน 1วันจะมีไข้หนาวสั่นตัวร้อนอุณหภูมิถึง 39-40 องศาเซลเซียส ไอ แต่ไม่มีน้ำมูก และเสมหะ ปวดท้อง อุจจาระร่วง หากเอ็กซเรย์ดูปอดจะพบว่าอักเสบเป็นปื้นหรือจุดขาว ซึ่งสามารถส่งผลให้การหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ มักพบผู้ป่วยที่ป่วยพร้อมๆ กันเป็นกลุ่ม การรักษา เนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรีย จึงสามารถใช้ยาปฏิชีวนะได้ แพทย์จะใช้ยากลุ่ม อิริโทรมัยซิน แนวทางป้องกัน หลีกเลี่ยงละอองจากน้ำพุในที่สาธารณะเพราะอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อได้, หมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ และควรตั้งอุณหภูมิระบบน้ำร้อนให้สูงกว่าหรือเท่ากับ 50 องศาเซลเซียส เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ
11. โรคติดเชื้อไวรัสฮันทา ติดต่อจาก การสัมผัสโดยตรง หรือสูดดม สารคัดหลั่งของสัตว์ฟันแทะที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะหนู อาการ หลังจากรับเชื้อ 2-4 สัปดาห์ จะเริ่มมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เกล็ดเลือดต่ำ มีจุดเลือดออกตามผิวหนังคล้ายไข้เลือดออก ระยะที่ 2 อาจกินเวลาเพียงแค่ชั่วโมงหรือเป็นวัน ผู้ป่วยจะปัสสาวะออกน้อย, ความดันเลือดต่ำ ถ้าเจาะเลือดตรวจจะพบว่ามีเกล็ดเลือดต่ำและความเข้มข้นของเลือดสูง เป็นสาเหตุให้มีเลือดออกทั่วร่างกาย ระยะที่ 3 ไตจะทำงานลดลง และเกิดไตวาย ซึ่งใช้เวลาราว 3-7 วัน ซึ่งในระยะที่ 2 และ 3 ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่สุด ระยะที่ 4 ถ้าไม่เสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ผู้ป่วยจะเริ่มปัสสาวะออกมาก เพราะไตเริ่มฟื้นตัวถือว่ามีโอกาสรอดสูง การรักษา ทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น เช่น ถ้าความดันต่ำแพทย์จะให้สารน้ำ และให้เกล็ดเลือดในกรณีที่เกล็ดเลือดต่ำ เพราะปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
12. อหิวาตกโรคสายพันธุ์ O139 และ O 1 ติดต่อ โดยการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ติดเชื้อ อาการ ท้องร่วงอย่างรุนแรง แต่อาจไม่ปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระ และสีน้ำอุจจาระเป็นสีเหมือนน้ำซาวข้าว เพราะน้ำชะเอาเยื่อบุทางเดินอาหารออกมาด้วยทำให้มีกลิ่นคาว ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเสียน้ำ และเกลือแร่อย่างรุนแรง หากได้รับทดแทนเข้าร่างกายไม่ทันจะทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ ภายใน 1 วัน การรักษา ดื่มน้ำและเกลือแร่ทดแทนให้เพียงพอ หากเสียน้ำมาก ๆ อาจต้องให้น้ำเกลือ และเนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรียจึงรักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ โดยกลุ่มยาที่แพทย์ใช้ คือ เตต้าซัยคลิน หรือ ควิโนโลน
13. กาฬหลังแอ่น ติดต่อจาก การคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือผู้ที่เป็นพาหะ อาการ มีไข้สูงทันทีทันใด ปวดหัวมาก อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เจ็บคอ ปวดข้อ กล้ามเนื้อ ขา และหลัง ต่อมาจะมีเลือดออกใต้ผิวหนังเป็นจุดแดงขึ้นตามตัว แล้วกลายเป็นจ้ำเลือดสีคล้ำและตกสะเก็ดดำ มักมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ คือ มีอาการคอแข็งร่วมด้วย ในรายที่รุนแรงจะซึม ชัก ช็อก และเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ ส่วนในรายที่หาย เลือดจะไปเลี้ยงปลายนิ้วมือนิ้วเท้าไม่พอ ทำให้นิ้วเน่า แห้งดำ การรักษา มีวัคซีนที่ฉีดป้องกันได้ และหากมีอาการควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
14. ไข้หวัดใหญ่ ติดต่อจาก ส่วนใหญ่ติดต่อกันทางการหายใจ โดยเฉพาะในชุมชนที่อยู่กันหนาแน่น ในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะในช่วงอากาศเย็น ความชื้นต่ำเชื้อจะอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน อาการ ปวดหัว หนาวสั่น มีไข้ทันทีทันใด ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก ไอแห้ง ๆ แล้วมีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล เจ็บคอ อาจมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารร่วมด้วยเช่น ท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น และยังสามารถเกิดโรคแทรกซ้อน ทั้งปอดบวมจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ซึ่งถ้าป่วยรุนแรงสามารถเสียชีวิตได้ การรักษา แม้จะมีวัคซีนป้องกันก็ตาม แต่เนื่องจากไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์จึงเสี่ยงต่อการติดสายพันธุ์อื่นอยู่ดี
15. อาวุธจากไข้ทรพิษ (Small pox) หรือฝีดาษ ติดต่อทาง ลมหายใจ และการสัมผัสผู้ป่วย เมื่อได้รับเชื้อจะทำให้เป็นไข้ มีตุ่มขึ้นตามตัว อวัยวะต่างๆ อักเสบ หากไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันก็ต้องอาศัยภูมิคุ้มกันในตัวต่อสู้กับโรค ปัจจุบันโรคนี้ได้สูญพันธุ์จากโลกนี้แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าอาจมีบางประเทศเก็บเชื้อนี้ไว้เพื่อการบางอย่าง
16. อาวุธจากเชื้อแอนแทรกซ์ ติดต่อ สู่คนได้ด้วยการกินเนื้อวัว ควาย หรือแกะเหล่านั้นที่ปรุงไม่สุก หรือผู้ชำแหละเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ อาการ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ลำไส้อักเสบ ท้องเสีย ถ้าเชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้เลือดเป็นพิษ อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว และเสียชีวิต หากติดเชื้อทางบาดแผล จะทำให้เกิดเป็นตุ่มติดเชื้อ แล้วลามสู่กระแสเลือด แบคทีเรียชนิดนี้มีความพิเศษคือ หากสภาพไม่เหมาะกับการดำรงชีวิต จะเปลี่ยนตัวเองเป็นสปอร์และลอยไปตามลมเพื่อเพาะเชื้อใหม่ได้ มนุษย์จึงติดเชื้อนี้จากการสูดดมได้ เช่น การติดเชื้อในกลุ่มสตรีที่ทอพรมขนแกะในอดีตเป็นต้น ซึ่งการติดด้วยวิธีนี้เป็นการติดต่อที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเชื้อเข้าสู่ปอดโดยตรง ทำให้ปอดปวม หายใจไม่ได้ รวมถึงกินเยื่อหุ้มหัวใจทำให้หัวใจบีบตัวไม่ได้ มีเลือดตกในเพราะเลือดเป็นพิษ ทำให้เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ
อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 5 ฉบับที่ : 54 เดือน : กรกฎาคม 2548
From: //healthandcuisine.com/health.aspx?cId=7&aId=572
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 15:09:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 131 Pageviews. |
|
|
|