Bloggang.com : แมวเหลือง : ปักกิ่ง ภาคแรก

ปักกิ่ง ภาคแรก

เพลงโปรด Perhap Love

สวัสดีปีใหม่ หายไปนานแสนนาน ฤกษ์ดีปีใหม่ กลับมาแล้ว ขอให้ทุกคนมีความสุข ร่ำรวย ไร้โรคภัย ในปี 2007 น่ะครับ

เมืองจีน พูดถึง ใครใครก็จะคิดถึง เซี่ยงไฮ้ สัวเถา วันนี้ แมว จะมาเล่าให้ฟัง ความทรมาณ 4 วัน 5 คืน (16 - 20 ) ในเมืองหลวงปักกิ่ง

การเดินทาง เราและคณะอีกสองคน ตกลงว่าจะไปเที่ยวเอง กินเอง นอนบ้านน้องเพื่อนที่ไป เรียกว่า Backpack

การเดินทาง เราเดินทางด้วย อียิปต์แอร์ คนน้อยมาก ความหนาแน่นพื้นที่ 1 คนต่อ 10 ที่นั่ง ด้วยเหตุนี้ Business Class เลยกลายเป็น Bed Class

โม้ซ่ะนาน มาถึงปักกิ่ง ก้าวแรกที่สัมผัสออกจากสนามบินคือ อากาศสะท้านกาย ( หนาวกว่าเยอรมันอีก ) -7 จ้า ก้าวสองที่รู้สึก สาวสะท้านใจ ( สาวขาว หมวย สูง )

มีรูปประกอบด้วยตอนท้าย

มุมบนเครื่องบิน หิมะแปะ ขอบฟ้ากำลังจะลับไป

อาหารมื้อแรก มื้อมืด ที่ดูน่าจะแปลกตามากสุดก็คือจานนี้

มันก็คือ ปลาแช่ในน้ามันแล้วใส่ หมาร่า เป็นเม็ดสีแดง ขนาดเท่าพริกไทยแต่กินไปแล้วชาไปทั้งปาก เหมือนโดนหมอฟันฉีดยาเลย อาหารแทบทุกมื้อในจีนจะมีไอ้เม็ดนี้อยู่ ( อาหารแต่ล่ะอย่างของจีน ค่อนข้างมันส์และเลี่ยนมาก สู้ส้มตำบ้านเราไม่ได้

หลังจากปากชา ตัวก็ชาด้วยความหนาว เราก็รีบกลับไปนอนเอาแรงเพื่อวันพรุ่ง

วันที่สอง ของการเดินทาง
หอเถียนทาน สถานที่บูชาพระเจ้าของจักรพรรดิจีน

นอกจากจะเป็นที่ไหว้ของ อาเตี่ย อากง ที่ลาลับของฮ่องเต้แล้ว ยังบูชาพระเจ้าเพื่อการเกษตร ( เหมือนสนามหลวงบ้านเรา วันพืชมงคล แต่ของเขาสร้างเป็นหอเลย ) ลักษณะหอมียอดทองอยู่ ช่วงสงครามโลก ญี่ปุ่นได้มาเผาเอาไป ต่อมาเลยซ่อมโดยใช้ทองไม่แท้

หลังจากนั้น เราก็เดินทางมายังหอเล็กเล็กด้านหลัง , หอสะท้อนเสียง คนยืนข้างซ้าย ตะโกนเสียงจะสะท้อนเป็นรูปวงกลม ไปดังอีกปลาย เราจะเห็นคนบ้าตะโกนน้ำลายกระเด็นใส่กำแพง แบบไม่เข้า รพ บ้า ก็ที่นี้แหละ,

ระหว่างตามสาว เอ้ย ตามทาง ก็ไปเจอต้นไม้ประหลาด
มีความเชื่อว่า ต้นไม้นี้มีรูปเหมือนมังกรเก้าตัวกำลังพันตัว พุ่งขึ้นฟ้า

ที่สุดท้ายของวัน ที่เราไปเจอก็คือ จุดที่ได้ชื่อว่าฮวงจุ้ยดีที่สุด เป็นแหล่งศูนย์กลางของโลกตามความเชื่อของคนจีน ที่นี้ ใครอยากได้แฟน งาน ความรักให้ยืนแล้วพนมมือไปบนฟ้าแล้วขอ ทุกคนจะรอยืนบนวงกลมแท่นพลัง ( เหมือนจุดเติมพลัง ของ ร็อกแมน )

ตานี้ ขออะไรเนี้ย

หลังจากเดินเถียนทานจบ คณะเราก็เดินอ้อมกลับไปยังข้างหน้า เจอขนมหน้าตาประหลาด มันก็คือ ผลไม้ราดด้วยน้ำเชื่อมและโดนอุณหภูมิข้างนอกแช่แข็ง มีสตอเบอรี่ ลูกพรุน มากมาย ราคาสามสิบบาท และ ก็เกาลัคร้อนร้อน ครึ่งโล ยี่สิบกว่าบาท ถูกมาก หน้าหนาวการกินเกาลัคไป เดินข้างถนนเห็นจักรยาน ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

หลังจากนั้นเราก็ไปเดิน ช็อปปิ้งกัน ใครไปเมืองจีน ก็ย่อมรู้เรื่องต่อราคา ตั้งไว้ร้อยให้ต่อเหลือยี่สิบบาท ไม่ได้เดินออก คนขายจะวิ่งตามมา ( ด่า ไม่ช่าย ตามมาล็อกคอไปซื้อ ) ถ้าใครไม่ต่อก็ถือว่าแปลกประหลาดในเมืองจีน สไตล์นี้ สาวสาวไทยและหรือหนุ่มภารตะ ชอบยิ่งนัก

มื้อดึก เราก็ไปกินเนื้อแพะตุ๋นกัน

ก้าวเข้าร้านปุ้ป จะมีให้เราเลือกสองแบบ หม้อเล็กส่วนตัวหรือหม้อร่วมกินแบบ พี่น้อง

แต่ที่เราเลือกกินกัน เลือกหม้อเล็ก โดยจะมีน้ำอยู่ในหม้อ เอาไว้จุ่มเนื้อแพะ แล้วก็จุ่มซอสถั่วหรือซี้อิ๋วกินกัน แรกแรก ก็อร่อย แต่หลังหลังเริ่มกินไม่หมด ราคาก็ไม่แพง หกคน ตกคนล่ะ 150 บาท มีน้ำลูกพรุน ครั้งแรกที่เคยดื่ม ติดใจเลย อร่อยดี หาซื้อได้ที่ไทยน่ะ

เนื้อแพะอ่ะ จานบ้ะเอ็ก

??? = อะไรวร่ะเนี้ย

จบสองวันแล้ว ไว้ว่างว่างมาเขียนภาคต่อน่ะครับ กำแพงเมืองจีนอันทอดยาว พระราชวังต้องห้าม เทียนอันเหมืน และ ที่สวยสุดสุด ในทริป บ้านซูซีไทเฮา พร้อมหมูย่างเกาหลีต้นตำรับด้วย