Living on Earth is expensive but it includes an annual free trip around the sun

 
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 ตุลาคม 2549
 

วันพิชิตเปรโต๊ะลอซู และดอยมะม่วงสามหมื่น ..

วันหยุดปิยะที่ผ่านมา .. ได้โอกาสไปอุ้มผางอีกครั้งหลังจากที่เคยไปเยี่ยมชมมหาน้ำทีลอซู.. แต่กลับไปคราวนี้เรามีจุดมุ่งหมายไปยังน้ำตกที่นิตยสารอสท.เพิ่งลงไปเมื่อเดือนนี้เอง .. น้ำตกเปรโต๊ะลอซู.. ด้วยอารมณ์อยากไปสุด ๆ ก็เลยจัดแจงจองทริป .. ชักชวนเพื่อนไปเทียวกัน แต่สุดท้ายก็ได้มาแค่สองหน่อเท่านั้น ไม่เป็นไร ความอยากเที่ยวมีเหนือมากกว่าสิ่งอื่นใด
ก่อนหน้าการเดินทางหนึ่งอาทิตย์ได้เพื่อนแจมมาอีก 4 คน..เย้ ๆ .. ค่อยยังชั่วหน่อย..อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่สองคนเพื่อนตายแล้ว..
20ตุลา วันเดินทาง.. เริ่มออกเดินทางตอนทุ่ม ตอนแรกกะว่าจะไปขึ้นที่จุดนัดพบ แต่เจอรถอย่างหนัก เจอหน้าโลตัสดีกว่า ..กว่าจะโทรไปโทรมาจนเจอรถ..ก็อีกพักใหญ่ ๆ .. แล้ว .. ในที่สุดก็เริ่มออกเดินทาง..
รถมาถึงแม่สอดประมาณตีสามก็แวะเข้าห้องน้ำ.. ห้องน้ำสวยมากก.. น่าเข้าเป็นที่สุด .. ขอเข้าก่อนที่จะไม่ได้เจอห้องน้ำสวยอีกหลายวันแล้วกัน.. ก่อนที่จะแวะเข้า 7-11 เติมพลังก่อนเจอถนนลอยฟ้า ..หลายร้อยโค้งเพื่อที่จะไปถึงยังอุ้มผาง..
หลังจากผ่านสารพัดโค้งในที่สุดก็ถึงอุ้มผางจนได้.. ประมาณเจ็ดโมงเช้า แวะเติมพลัง ล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับการเดินขึ้นเขา ..และซื้อข้าวกล่องสำหรับอาหารเที่ยง ..เช้า ๆ ยังมะค่อยหิวแฮะ ..ขอข้าวไข่เจียวก่อนล่ะกัน..
ขึ้นรถอีกรอบเพื่อที่จะเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นของการเดินเท้า.. ซึ่งเส้นทางนี้จะเลยทางที่จะไปยังน้ำตกทีลอซูไปอีกไกลเลย.. เส้นทางก็แย่มาก.. เป็นหลุมเป็นบ่อ ยังคงต้องนั่งหัวโยกกันต่อไป. พี่สตาฟบอกว่า..หน้าฝนแย่กว่านี้อีกหลายเท่า แต่วันนี้อากาศดี ฟ้าใส แดดเปรี้ยงมากกๆๆๆ..
ผ่านไปอีกสามชม. ถึงจุดเริ่มต้นเดินเท้า จัดการยกสัมภาระออกมาจัด ..รวมกัน กรุ๊ปเราเป็นกรุ๊ปเดียวที่จ้างลูกหาบ ..แหะ ๆๆ .. ความสามารถไม่ถึงอ่ะ ขอแค่เอาชีวิตรอดอย่างเดียวล่ะกัน .. งานนนี้มีผู้ร่วมทางเป็น 18 ชีวิต ..สตาฟ 3 และลูกหาบอีก 6 ..
เริ่มต้นเดินทาง .. ทุกคนยังคงหน้าตายิ้มแย้มกันอย่างดี ..หนึ่งชม.ผ่านไป.. หน้าตายังพอยิ้มได้ (เพราะยังเป็นทางราบ ผ่านทางไร่ของชาวบ้านอยู่ ) แต่อากาศก้ร้อนเหมือนกันแฮะ .. วิวสองข้างทางสวยมาก.. ฟ้าสวย ๆ ตัดกับรวงข้าวสีเขียวขจี ..
เดินไปได้สักพัก เจ๊ของเรา.. ก็ทำรองเท้าขาด สกอร์ห้าปีเลยต้องจบชีวิตลง ณ อุ้มผางนี่เอง.. พอดีกับพี่สตาฟที่ใจดีของเราผ่านมาก็เลยได้รองเท้าสำรองมาใส่แทน ..
มาถึงจุดพักเหนื่อย อากาศร้อนมั่กมาก.. หน้าตาเริ่มเปลี่ยนไปอีกนิด.. เลยขอแวะลงไปเล่นน้ำกันหน่อย.. เย็นดีจัง..
แล้วเราก็เริ่มเดินทางกันต่อ.. ถึงเวลาที่ต้องปีนเขากันเสียที.. ทางชักเริ่มชันขึ้นเรื่อย ๆ เหนื่อยจัง แฮ่ก ๆๆ.. เดินขึ้นเขาชัน ฝ่าเปลวแดด เป้ที่ใส่ของก็ชักหนัก..ขึ้นเรื่อย ๆ ตูแบกอะไรขึ้นมาเนี่ยะ .. เดินไปได้อีกสักพัก .. ทำไมหน้ามืด ตัวเย็น ๆ หันไปคว้าเพื่อน ๆ ข้าง .. ช่วยด้วย !! ขนลุก ทั้งตัวแล้ว.. หลังจากปล่อยให้เพื่อนร่วมทางแซงล่วงหน้าไปหมด ก็หยุดพัก ดูอาการของตัวเองก่อน..

หลังจากค่อยยังชั่วแล้วก็ค่อยเดินทางต่อ.. เจ๊ที่ล่วงหน้าก็ตกใจในอาการของเรา..ถึงได้รู้ว่า เราจะเป็นลม(ครั้งแรกในชีวิต นะเนี่ยะ .. อายอ่ะ ..หัวโจกอยากมา แต่ร่างกายไม่ไหวซะงั้น )
หลังกจากผ่านไปอีกหลายชม..กับการเดินและพัก..เดินและพักมาเรื่อย ๆ ในที่สุด เราก็มาเห็นน้ำตกเปรโต๊ะ จนได้.. น่าเสียดายจริง ๆ ที่น้ำน้อยแล้ว..แต่ก็ยังขอเก็บภาพไว้สักหน่อย..
วันแรกมาถึงแคมป์ประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว..สตาฟและลูกหาบไม่รอช้า..จัดการตั้งแคมป์และก่อไฟหุงข้าว.. ส่วนพวกเรา หลังจากนั่งพักจนดีขึ้นหน่อยก็ขอไปอาบน้ำเย็น ๆ หน่อยเถอะ .. ท่องว่า น้ำตก ๆๆ ตั้งแต่ตอนขึ้นมาแล้วววว..
น้ำเย็น ๆๆๆๆๆๆๆ มากก .. แต่ก็สดชื่นมากกกกก.. เฮ้อ .. ห้องอาบน้ำ open air จริง ๆ เหมือนอาบน้ำแร่(เย็น ๆ ) เลย แช่น้ำจนพอใจก็เดินขึ้นมาเก็บของเพื่อรอทานข้าว.. ด้วยความเหนื่อยและหิว บวกกับฝีมือแม่ครัวมือเอก อาหารที่ส่งเข้ามาหมดเรียบไปในชั่วพริบตา.. หลังจากอิ่มหมีพีมัน ..พี่ชายเราก็งัด น้ำเต้าปูปลา ของเล่นประจำทุกทริปออกมา.. (ในป่าก็ไม่เว้น .. แต่งานนี้ตำรวจคงต้องปีนเขาเหนื่อยล่ะ กว่าจะมาจับถึง ) แต่สุดท้ายเจ้ามือกินเรียบ.. พี่ชายเราหมดตัวตามเคย..ย..
ส่วนเราขอตัวก่อนล่ะ ต้องรีบนอนตุนไว้ก่อนพรุ่งนี้ยังมีหนทางอีกยาวไกลรออยู่..

เช้าวันที่สองของการเดินทาง .. หลับ ๆ ตื่น ๆมา ตลอด .. สุดท้ายเลยตัดสินใจตื่น ก็ได้ .. ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของ ..ออกมา อ้าว .. เค้านั่งกันเต็มไปหมดเลยแฮะ .. เลยไปล้างหน้า .. ล้างตา ..แล้วก็รีบวิ่งๆๆ ตามคนอื่นไปดูหน้าน้ำตก.. ส่วนเจ๊และพี่ชายเราขอรอที่แคมป์ ..งานนี้เลยมีแค่เราสามคน .. ฮ่า ๆๆ
น้ำตกถึงแม้จะน้ำน้อยก็ยังอลังการณ์และสวยงาม ทำเอาความเหนื่อยของเมื่อวานหายไปเป็นปลิดทิ้ง น้ำตกใหญ่ ตัดสีฟ้าจัดอันงดงาม .. เมืองไทยนี้สวยจริง ๆ ..


อาหารมื้อเช้า น่ากินมั้ยเอ่ย

เสร็จสิ้นก็เริ่มเดินทางต่อ ..วันนี้เราจะขึ้นดอย ชัน ๆ อีกครั้งเพื่อขึ้นไปดูดอยมะม่วงสามหมื่นกัน ระยะทางจะสั้นกว่าเมื่อวาน แต่ความชันนั้นมีมากกว่าแน่นอน .. .. น้ำเกลือแร่เลยถูกงัดขึ้นมาใช่ ใส่น้ำในขวด (ที่เก็บมาจากน้ำตก) เพื่อทดแทนเหงือที่สูญเสียไปเยอะ .. หลังจาก เพื่อนทริป พร้อม สตาฟ พร้อม ลูกหาบ ก็พร้อม ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง.. แต่แค่เริ่มเดินก็แฮ่ก ๆๆ ๆ ๆ ความเหนื่อยกลับมาอีกรอบ.. ทำไมเหนื่อยอย่างนี้ .. สงสัยตูชักจะแก่แล้วหรือเปล่า.. เดินมาได้สักพักก็นั่งรอคนนำทาง นั่งดูน้ำตกเปรโต๊ะอีกรอบ.. ก่อนทีจะโบกมือลา..(แล้วเราจะได้กลับมาอีกไหมหนอ )
วันนี้แทบจะไม่มีทางราบให้เดินเลย เส้นทางชัน ตลอดทาง.. แม้จะแค่ กิโลกว่า แต่ก็กินเวลาไปเกือบสามชม. สำหรับการเดินขึ้นมายังแคมป์ที่สอง แต่วิวสองข้างทางก็สวยสุดยอดเช่นกัน.. ทว่า.. วิวสวยแต่ทางเดินมันเล็กมาก..สมาธิเลยจดจ่อไปกับทางเดินหมด .. ขนาดตั้งใจเดินยังเกือบกลิ้งตกลงไปตั้งหลายรอบ..
ทางเดินระหว่างขึ้นเขา ..
ในที่สุดก็ถึงแคมป์สักที.. ลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามา หอบเอาความสดชื่นมาด้วย ทุกคนพักเหนือยกันสักพักแล้วก็เริ่มกางเตนท์ เพื่อเอาสัมภาระไปเก็บ งานนี้ช่วย ๆกัน .. เพราะคนกางให้ ยังเดินทางมาไม่ถึงเลย ฮา แต่ก็สนุกดีนะ ..
เที่ยงนี้อิ่มท้องด้วยมาม่าชามใหญ่ ๆ ซึ่งแบ่งกันกินหลาย ๆ คน หลาย ๆ รส ก้อร่อยดี..นะ เร่งทานเพราะว่ายังต้องปีนเขาไปอีก.. แหงนหน้ามองขึ้นไป เขาลูกนี้เหรอที่เราต้องขึ้นไป .. ไหน ๆ ก็ไหนแล้ว.. ขึ้นก็ขึ้น.. งานนี้เหลือเราสามคนตามเคย.. เจ๊กับพี่ชายเราขอเฝ้าแคมป์อีกแล้ว.. หลังจากเติม(น้ำตก) อีกรอบก็เตรียมขึ้นเขาอีกรอบ.. อากาศร้อนตามเคย.. บ่ายสองโมงครึ่งแดดดีทีเดียว.. คราวนี้ก็รั้งท้ายชาวบ้านตามเคย ..จากสามเหลือแค่สองพระหน่อ ..อีกหนึ่งหน่อด้วยความฟิต หนีไปกับกลุ่มแรก..หน็อย.. !! รักกันน่าดู เลย เพื่อนตู !!

แฮ่ก ๆๆๆ เหนื่อยอ่ะ .. ร้อนและหงุดหงิด ..เคยมีคนพูดว่า.. จะมาทำไมให้เหนื่อย ทั้ง ๆ ที่ราคานี้สามารถไปนอนรีสอร์ทได้สบาย ๆ เลย.. คำพูดเหล่านี้ร่วมผุดขึ้นมาอยู่ในหัวสมอง แต่ไม่ได้.. ต้องลบมันออกไป.. มาถึงแล้ว.. ถึงไหนถึงกัน..แวะถ่ายรูปให้สบายใจดีกว่า.. ลมเย็น ๆ ที่พัดมาเรื่อย ๆ ก็ทำให้ความรู้สึกดีขึ้น..
เดินไปถ่ายรูปไปได้สักพัก ..เย้ ๆ เริ่มตามเพื่อนกลุ่มหน้าทันแล้ว.. และเราก็ได้ยินเสียงเพื่อนอีกหนึ่งพระหน่อเรียก ณ จุดนี้นี่เอง..หน็อย .. ไม่ง้อก็มาถึงเหมือนกัน ..

วิวสองข้างทางสวยมากจริง ๆๆ เป็นทางเดินตรงกลางและทางลาดไปกับไหล่เขาสองข้าง.. ขุนเขาสลับกันไปกันมา.. หันมามองทางข้างหลังที่ผ่านมา ว๊าว .. สวยอ่ะ .. นาทีนั่นกล้องใครเป็นกล้องใครไม่รู้ .. แจมไปทุกกล้องเลย ..
พระอาทิตย์ก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไป ..เราก็ยังตัองเดินต่อไป เดินสามก้าว ถ่ายสองรูป อีกสามก้าว ถ่ายอีกสามรูป เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกหรือไม่.. ถึงจะถ่ายยังไงก็คงไม่สวยเท่ากับที่เราได้เห็นกับตาแน่นอน..
หลังจากชมจนพอใจ.. เห็นเพื่อนคู่หนึ่งกำลังจะกลับ..เราสามคนด้วยความกลัวว่าจะลงเขาไปตอนค่ำ (เนื่องจากฝีเท้าดีจัด) เลยลงกันก่อนดีกว่า..ส่วนเพื่อน ๆ อีกกลุ่มขึ้นไปโน่นแล้ว.. งานนี้ขอไปเป็นกลุ่มแรกบ้างล่ะ(ขาลง จะภูมิใจได้ไหมเนี่ยะ )
ถ้าใครบอกลงเขาง่ายกว่าขึ้นเขา เราคนหนึ่งล่ะจะเถียงสุดใจขาดดิ้นเลย.. ลงทางชันไม่ใช่งานง่ายเลย สงสารหัวเข่าตัวเองมากกกก.. แถมรองเท้าก็เกาะถนนดีมาก งานนี้ก้นหญ่ายๆๆ ของเราเลยได้ใช้งานซะเต็มที่เลย..
กว่าจะลากสังขารมาได้ก็ทุลักทุเลพอสมควรเพราะว่าขาแพลงเล็กน้อย.. อีกต่างหาก ..(สงสัยงานนี้ต้องกลับไปลดน้ำหนักเป็นการด่วน !! ) เจ๊ได้เตรียมผ้าชุบน้ำเย็นๆ ไว้ให้แล้วสำหรับเช็ดตัว วันนี้เราต้องซักแห้งกันหนึ่งคืนล่ะ .. เพราะว่าทางที่เดินไปอาบน้ำ ไม่แน่ใจว่าอาบกลับมาแล้วจะคุ้มกับที่เดินไปหรือเปล่า
แล้วก็มาช่วยพี่สตาฟเตรียมอาหาร (ด้วยการแอบชิมโน่นชิมนี่ไปเรื่อย ๆ ) อาหารตอนเย็นก็ยังอร่อยเหมอนเดิม กินดีกว่าอยู่ในเมืองอีก.. ลมเย็น ๆ เริ่มพัดมาแล้ว.ว..ว ทุกคนเริ่มทานข้าวกับแสงเทียน.. .. บรรยากาศดีจริง ๆ เลย ดาวน้อย ๆ ก็เริ่มมาอวดโฉมให้พวกเราได้เห็นกัน..หลังจากหนังท้องตึง..พี่ชายเราก็งัด..ของเล่นขึ้นมาอีกจนได้.. (ไม่เข็ด) และแล้วก็เสียอีกตามเคย ฮ่าๆๆ ..
แล้วก็แยกย้ายกันนอนตามแต่เตนท์ใครเต้นท์มัน แต่นอกเตนท์ก็ยังรวมกล่มกันอย่างเหนียวแน่น .. ทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้.. เราแม้ไม่ได้เข้าไปฟังยังรู้หมดทุกเรื่อง กว่าทุกคนจะยอมกลับเข้าเตนท์ก็ปาไปเกือบห้าทุ่มครึ่ง..
เช้าวันใหม่หลังจากหลับ ๆ ตื่น ๆ มาสองรอบก็สว่างเสียที .. แล้วก็ตรงกับที่ตั้งใจจะดูทะเลสวยมั่กมากก.. ..
แล้วทุกคนก็ทานอาหารเช้าและเก็บสัมภาระเพื่อที่จะเดินทางกลับ.. ต้องเร่งทำเวลาเช่นกัน เพราะว่าขาลงยังต้องเสียเวลาอีก เกือบ 4 ชม..ซึ่งทางจะไม่ใช่ทางเดียวกันกับที่ผ่านมา..งานนนี้ก็ลงแบบชัน ๆ ตลอดทางเหมือนกัน..และในที่สุดเราก็มาถึงจุดเริ่มต้นจนได้..เย้ ๆๆ ..
สามวันสองคืนในป่าอุ้มผางผ่านไปเร็วมากเหลือเกิน ป่ายังคงบริสุทธิ์มากกก.. เพราะคนรู้จักยังไม่มาก.. แต่อีกหน่อยถ้าความสวยงามเหล่านี้ได้ประจักษ์กับผู้คนมากขึ้น..อีกหน่อยก็คงไม่เป็นอย่างนี้แล้ว..อย่าง ๆ น้อยก็อยากให้เก็บรักษากันไว้เพื่อที่จะได้เที่ยวกันได้อีกนานแสนนาน.. นะ..












Create Date : 29 ตุลาคม 2549
Last Update : 29 ตุลาคม 2549 22:09:03 น. 2 comments
Counter : 1025 Pageviews.  
 
 
 
 
อู้ย...อยากไปเที่ยวด้วยจังเลย...
สวยจังนะคะ
 
 

โดย: Zorakun วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:20:13:09 น.  

 
 
 
โห ละเอียดจังครับ อยากดูรูปอีกเยอะ ๆ ครับ สวยมากครับ
 
 

โดย: DAN_KRAB (DAN_KRAB ) วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:20:13:24 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

รันเซ่จัง
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add รันเซ่จัง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com