หากบุรุษเพศเป็นคนกำหนดชะตากรรมแล้วล่ะก็ สตรีเพศคงเป็นคนกำหนดความสัมพันธ์
สิ่งที่เอด้าสูญเสียไปตั้งแต่เด็กนั้นไม่ใช่เพียงการพูด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆสิ่งที่เธอต้องเผชิญกับความแปลกแยกมาตลอดชีวิต ตัวละครอย่างเธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เริ่มอย่างหาเหตุผลที่ชัดเจนไม่ได้ บางสิ่งที่พยายามหาแต่ก็ไม่อาจจะตอบได้กระทั่งตัวเธอเอง ซ้ำร้ายไม่ใช่เพียงแค่เธอจะพูดไม่ได้ ความเป็นเพศได้ทำให้เธอแตกต่างขึ้นไปอีก เริ่มต้นด้วยการที่เธอต้องยอมรับการตัดสินใจของพ่อเธอ แม้ในภาพยนตร์จะไม่ได้ระบุไว้ แต่การที่มีลูกสาวพูดไม่ได้ เป็นม่าย ย่อมทำให้เป็นที่ผลักไสโดยง่าย พ่อผู้เป็นบุรุษเริ่มกำหนดชะตากรรมครั้งใหม่ให้เธอ แต่นั่นคงจะเป็นไปไม่ได้ หากบุรุษคนที่สองไม่ยื่นมือเข้ามาวุ่นวายด้วยการขอให้เธอไปแต่งงานกับตน การแต่งงานกับชายที่ไม่รู้จัก ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่เธอพูดไม่ได้ แต่ชีวิตของเธอดูเหมือนจะพร้อมยอมรับและคุ้นเคยไปเสียแล้ว
ในเรื่องจะพบว่าสตรีเพศอย่างเอด้าถูกบุรุษเพศกำหนดหลายสิ่งหลายอย่างมาตลอด ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เกาะเพราะความจำยอม(หรือถูกบังคับ) ตามด้วยเรื่องของเปียโน ที่แรกเริ่มไม่มีใครแยแสเธอเลย จนกระทั่งเธอขอร้องให้ชายพื้นเมืองคนหนึ่งช่วย จนชายพื้นเมืองนั้นได้ตกหลุมรักเธอ นั่นเองจึงเป็นตัวเริ่มความสัมพันธ์โดยที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้สร้าง จากนั้นจะได้เห็นความต้องการของฝ่ายชายเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการ ชายพื้นเมืองทำข้อตกลงกับสามีใหม่ของเธอเพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิด ตัวเอด้าเองก็มีความต้องการที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับเปียโนของเธอ แต่แล้วสิ่งที่ฝ่ายชายได้ทำกับเธออีกนั่นคือมีเงื่อนไขต่อรอง ต่อความต้องการของตน สิ่งนั้นได้รับการตอบสนองก็เพราะฝ่ายหญิงก็มีความต้องการเช่นกัน เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความต้องการย่อมเกิดการแลกเปลี่ยน แม้เป้าหมายจะต่างกันก็ตาม จนท้ายที่สุดแล้วการเข้ามากำหนดชะตากรรมของฝ่ายชายได้ยุติลง แต่มันเป็นการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ เอด้ากลับมาหาชายชู้(น่าจะใช้คำนี้ได้แล้ว) แต่ก้อีกนั่นแหละชะตากรรมของเธอถูกเปลี่ยนอีกครั้งจากชายผู้เป็นสามี ในตอนท้ายผู้ซึ่งเริ่มต้นสร้างความสูญเสีย นั่นเป็นเพราะการเดินสวนกันระหว่างชะตากรรมและความสัมพันธ์สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นความสูญเสีย และสูญเสียด้วยกันทุกฝ่าย
เอด้าเป็นตัวละครหญิงที่มีความเป็นผู้หญิงสูง ความเป็นผู้หญิงในที่นี้หมายถึงว่าเธอมีความแข็งแกร่งมาก แม้ผู้ชายหลายคนจะปฏิเสธที่จะเห็นด้วยก็ตาม ความแข็งแกร่งที่ว่าเกิดขึ้นภายใต้จิตใจของเธอเอง ภายใต้จิตใจที่ไร้ซึ่งท่าทีแสดงออก ความแข็งแกร่งของการไม่แสดงออกคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่แสดงออกว่าอ่อนแอ การที่เธอไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นด้วยการพูดทำให้เธอถูกมองเป็นตัวประหลาด แปลกแยก นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เธออ่อนแอ ความอ่อนแอของเอด้าถูกปลดปล่อยต่อหน้าเปียโนของเธอเสมอๆ เป็นความอ่อนแอที่เกรี้ยวกราดมากจากท่วงทำนอง เปียโนของเอด้าไม่ใช่สิ่งที่จะสื่อสารให้ใคร หากเป็นเรื่องของการสื่อสารภายใน เช่นเดียวกับเวลาที่เขียนบันทึกประจำวัน เราแสดงออกได้ทุกอย่างโดยที่ไม่กลัวเมื่ออยู่ต่อหน้า เอด้าเริ่มมีความกังวลเมื่อครั้งที่ไม่สามารถจะเอาเปียโนมาเล่นได้ ความกังวลของเธอส่งผลอันยิ่งใหญ่ต่อชายพื้นเมืองผู้ให้ความช่วยเหลือ จริงอยู่ที่สังคมของเรายอมรับว่าการให้การช่วยเหลือสตรีย่อมมีขึ้นได้โดยเฉพาะกับบุรุษ แต่สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กระแทกตอกกลับบทบาทของบุรุษด้วยการเอ่ยยอมรับเงื่อนไขช่วยเหลือนั้น สิ่งที่เอด้าแสดงออกมาคือความเท่าเทียมกว่า คือแสดงให้เห็นถึงว่าหากความต้องการนั้นถ้าเธอได้รับแล้วเป็นที่ยุติธรรมสำหรับเธอ เธอจึงเลือก หาใช่เพราะถูกบังคับรังแกโดยคนที่มีกำลังมากกว่า จะมีใครที่รู้ว่าการบรรเลงของเธอนั้นบอกอะไรไว้ บางทีเธออาจจะต้องการเรื่องทางเพศเสียเองก็ได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิดหากเธอต้องการเช่นนั้น หรือการที่เธอแอบส่งของให้ผู้ชาย นั่นเป็นเพราะเธออาจจะเตรียมใจแล้วว่าสิ่งที่ตามมาคืออะไร เธอเด็ดเดี่ยวกว่า ที่ยอมเสียนิ้วเพื่ออิสระ การใช้กำลังทำร้ายอาจเป็นเพียงปัจจัยเพื่อให้ได้ซึ่งสิ่งที่เธอหวัง เธออดทนพอที่จะทำให้เธอถูกปลดปล่อย (ครั้งเมื่อได้เล่นเปียโนและถูกตัดนิ้ว) ความอดทนของผู้เป็นชายหาได้เทียบเท่าเธอไม่ สิ่งเดียวที่ทำให้เอด้าเสียเปรียบคือการที่พูดไม่ได้ นั่นอาจจะเป็นการต่อให้ที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดก็เป็นได้
คนบางคนชอบกล่าวอย่างติดตลกว่า โชคชะตามักกลั่นแกล้งตน คนบางคนนั้นอาจจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ คนบางคนที่เหลือจึงกล่าวตอบไปว่ามันเป็นเรื่องของมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่เกี่ยวกับโชคชะตามากำหนด แต่ท้ายที่สุดแล้วเราจะพบว่าคนที่ไม่กล่าวอะไรเลยอย่างเอด้า ยอมรับที่จะเป็นทั้งสองอย่างดั่งที่บางคนกล่าวไว้
ขณะที่เล่นเปียโนอย่างสบายใจ
Create Date : 12 กันยายน 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 12 กันยายน 2553 21:48:40 น. |
Counter : 1561 Pageviews. |
|
|