ยะลา...มนต์เสน่ห์ ที่ถูกลืม
15 กันยายน 2551 สนามบินหาดใหญ่ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าในชีวิตนี้จะได้มาเยือน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่แล้ว...วันนี้ก็มาถึง
วันนี้เป็นวันแรกของการเดินทางสู่จังหวัด "ยะลา" เพื่อมาช่วยราชการ ความรู้สึกครั้งแรกที่เครื่องบินร่อนลงรันเวย์ที่สนามบินหาดใหญ่ ความรู้สึกมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เหนื่อย...จากการเดินทาง ท้อ...กับปัญหาที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็...พยายามคิดในแง่ดีว่า ถือโอกาสเที่ยวซะเลย(เอิ่ม...ว่าแต่จะได้เที่ยวมั้ยเนี่ยช้านนน) เอาเถอะน่า...มาขนาดนี้แล้วนี่
คนขับรถมารอรับที่สนามบิน ถือป้ายพร้อมส่งยิ้มเห็นฟันขาวมาแต่ไกล พอเห็นเราก็รีบกุลีกุจอมารับด้วยสำเนียงคนใต้ น่ารักไปอีกแบบ นั่งรถตู้มุ่งสู่เมืองยะลา กว่าจะถึงที่ทำงานก็เย็น รายงานตัวเสร็จสรรพ มีอาจารย์พาแนะนำสถานที่ภายในที่ทำงาน เข้าที่พัก เหนื่อยจัง หลับเป็นตาย เตรียมสู้กับชีวิตในวันถัดไป
บ้านพักรับรอง 16 กันยายน 2551 รพ.ยะลา เช้าวันแรกของการทำงาน เริ่มทำงานตั้งแต่ 8.30 น. ประมาณ 9 โมงกว่าๆ พี่พยาบาลคนนึงตะโกนมาบอกว่า มีสายรายงานว่า มีเหตุวางระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไปเคลียร์พื้นที่ ให้ทีมแพทย์และพยาบาลเตรียมพร้อม หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่แต่ละคน ก็เตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตกันอย่างรีบเร่ง ไม่เกิน 10 นาที ผู้บาดเจ็บก็มาถึง จำนวน 5 ราย สาหัส 2 เราก้อรีบเข้าช่วยเหลือ หลังจากนั้นผู้ป่วยก็ได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางเป็นอย่างดี หลังจากได้พัก มานั่งนึกว่า เจ้าหน้าที่ ที่นี่คงทำงานหนักกันน่าดู แต่ถึงอย่างนั้น พี่ๆเจ้าหน้าที่แต่ละคนก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ เหลือบมองดูโทรศัพท์มือถือ สัญญาณไม่มีเลย พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าเวลาเกิดเหตุ เค้าจะต้องตัดสัญญานมือถือทั่วจังหวัด เพื่อความปลอดภัย อีกเรื่องที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา ก็คือ "ภาษายาวี" ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของคนที่นี่ ดังนั้นเวลาจะสื่อสารอะไร ค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน ต้องให้ล่ามมาแปลให้ แต่ก็พยายามที่จะหัดพูดเองด้วย เป็นคำๆ เจ้าหน้าที่ได้ยินก็หัวเราะขำเรากันยกใหญ่ แป่ววว... บางคำก็ง่ายหน่อย เช่น ซาเก๊ะ=ปวด เวลาคุยกับคนไข้ที่กำลังปวดท้อง ก็จะคลำท้องแล้วถามว่า ซาเก๊ะเด้าะ=ปวดท้องไหม พอว่างๆ ก็ให้พี่พยาบาลสอนภาษายาวีซะงั้น เริ่มสนุกแล้วสิ อิอิ อาหารที่ทำงานมีให้ทุกมื้อ แต่เราไม่ค่อยชินงัยไม่รู้ ส่วนใหญ่เป็นพวกปลา ไก่ ที่ใส่เครื่องเทศไรประมาณเนี้ย กินเวลาหิวๆ ก็พอได้ วันนี้ทำงานตั้งแต่ 8.30 ถึง เที่ยงคืนกว่าจะได้พัก เหนื่อยจัง...แงๆๆ ยังไม่ได้เที่ยวเลยง่ะ 17 กันยายน 2551 อาหารทะเลในดินแดนที่ไม่ติดทะเล วันนี้ตื่นสายได้ เพราะมีเวรช่วงเย็น ตอนเย็นมีอาจารย์พาไปเลี้ยงต้อนรับที่ร้านอาหารทะเลที่ดังที่สุดของจังหวัดยะลา ชื่อร้าน "ธารา" (ถึงแม้ยะลาจะเป็นจังหวัดที่ไม่ติดทะเล ก็อย่าดูถูก เชียวนะ ฮ่าๆๆ) อาหารอร่อยสุดยอด ได้ทำรู้จักกับผู้คนเยอะขึ้น ทุกคนเป็นกันเองมากๆ กินเสร็จไปทำงานต่อ ลงเวรเที่ยงคืน 18 กันยายน 2551 เมื่อกบได้ออกนอกกะลา เช้านี้ เริ่มทำงานในช่วงเช้า เหนื่อยเช่นเคย แต่ก็สนุก ได้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน ตกเย็น มีน้องคนนึงชวนไปกินข้าวเย็นข้างนอก วู้วว...ตื่นเต้นๆ จะได้ออกนอก รพ.เป็นครั้งแรก ดีจายยย แทบน้ำตาไหลล ตอนนั้นไม่เคยนึกกลัวเลยแหละ มีคนบอกว่า เรื่องความไม่สงบเหมือนการถูกหวย รางวัลที่ 1 ไม่ใช่ว่าจะถูกกันได้ทุกคน ปกติเราก็ไม่เคยถูกหวยซะด้วยสิ คงไม่เป็นไรหรอกน่า...แป่วว...
ซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ ไปตามท้องถนน ภาพที่เห็นคือ ผู้คนที่นี่ยังใช้ชีวิตกันตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถนนหนทางที่นี่สวยมากๆ จนไม่น่าเชื่อ ปกติเราก็ไปมาหลายจังหวัดแล้วนะ เพิ่งเห็นจังหวัดยะลานี่แหละ ที่ถนนสวยและสะอาดสุดๆ ไม่เห็นต้นไม้รกเลอะเทอะ หรือขยะเรี่ยราดเลยซักนิด ที่สำคัญ จังหวัดนี้ถือเป็นจังหวัดที่ผังเมืองสวยที่สุดในประเทศ เพราะเป็นผังเมืองแบบใยแมงมุม สถานที่ราชการอยู่ละแวกเดียวกันทั้งหมด เป็นระเบียบดีจัง
ผังเมืองยะลา ที่สวยที่สุดในประเทศไทย ในกลางคือศาลหลักเมือง ก่อนไปกินข้าวน้องพาไปเดินห้างก่อน ที่นี่มีห้างสรรพสินค้าด้วยนะ ชื่อ โคลีเซี่ยม เป็นห้างเล็กๆ แต่ก็มี KFC Swensen SE-ED นะ แต่เราตั้งใจจะไปซื้อรองเท้าอ่ะ เพราะมีหมาตัวดีมันแอบกัดซะพังเละชนิดไม่เหลือซากว่าเคยเป็นรองเท้ามาก่อน พกรองเท้ามาคู่เดียวด้วย เลยต้องมาหาซื้อใหม่เลย
ห้างสรรพสินค้าโคลิเซี่ยมกลางเมืองยะลา
พอซื้อรองเท้าเสร็จ น้องพาไปกินสเต๊ก ที่ร้านน่านั่งเล็กๆร้านนึง บรรยากาศโอเค รสชาติก็ดี พอกินสเต๊กเสร็จก็ไปกินไอติมกันต่ออีกร้าน ร้านน่ารักเหมือนกัน เสียดายจังที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะไม่กล้าอ่ะ อิ่มมากมาย ท้องแทบแตก น้องพาไปนั่งรถเที่ยวรอบเมืองต่อ ที่นี่ไม่ได้มีแสงสีมากมายเหมือนเมืองใหญ่บางเมือง แต่ตามท้องถนนยามค่ำคืน ก็มีไฟประดับสวยงามมากๆๆ อากาศก็ดีสุดๆ ไม่ร้อนเลย ไม่แปลกใจเลย ที่เจ้าหน้าที่หลายคนที่นี่เคยบอกเราว่า เค้าหลงเสน่ห์ยะลา คงจะจริงอย่างเค้าว่าเนอะ... ขี่รถไปเรื่อยๆ จนถึงศาลหลักเมือง ตั้งใจจะแวะไหว้ แต่ศาลปิดแล้ว เลยจอดรถยกมือไหว้กันข้างนอก จากนั้นก็กลับบ้านพัก วันนี้เป็นวันแรกที่เรารู้สึกดีมากๆเลยแหละ สบายใจสุดๆ ...ลืมเรื่องที่ไม่สบายใจหลายเรื่อง ลืม...ว่ายะลาคือ 1 ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ 19 กันยายน 2551 รพ.ยะลา วันนี้ทำงานแบบมีความสุขกว่าวันที่ผ่านมา เพราะได้ชาร์ตแบตมาเมื่อวาน นึกว่าจะไม่ได้ออกไปไหนซะแล้วนะเนี่ย เหอๆๆ 20 กันยายน 2551 Coffee @Yala วันนี้วันเสาร์ ตื่นสายได้ เพราะไม่มีเวรเช้า ตื่นราว 9 โมง ก็นอนกลิ้งไปมา ประมาณ 10 โมง น้องโทรมา บอกว่าจะมารับไปกินข้าวเที่ยง ว้าวว... ช่างประเสริฐยิ่ง เมตตาต่อพี่ผู้หิวโหย... ประมาณเที่ยงกว่าๆ คุงน้องก็ขี่แมงกะไซค์มารับ น้องพาไป ร้านกาแฟ ร้านนึง รู้สึกจะชื่อ Coffee maker แต่ขายอาหารตามสั่งด้วย เรากินสลัดไก่ทอด กะ มอคค่าเย็น ชื่นใจสุดๆ ไม่ได้กินกาแฟมาหลายวันมากกกก... ประทับใจ จานใหญ่มาก กินไม่หมด (เลยให้น้องเก็บกินไปซะ) กินอิ่มก็นั่งรถเที่ยวต่อ ไปศาลหลักเมืองอีกครั้ง คราวนี้ได้เข้าไปไหว้ข้างใน เอาฤกษ์เอาชัยซักหน่อย บรรยากาศร่มรื่นดีมากๆ ถ่ายรูปๆๆ ดีใจจังที่ได้ถ่ายรูป แม้จะเป็นกล้องคอมแพค ก็มีความสุขแล้วอ่ะ...
จากนั้นก็ไปตามหาร้านขายของฝากกันต่อ หลงทางไปเล็กน้อย กว่าจะเจอ ได้โรตีกรอบ ไปเป็นของฝากด้วย ก่อนกลับไปแวะกินไอศกรีมสเวนเซ่นต่ออีกด้วยความอยาก
แวะซื้อหนังสือที่ร้าน SE-ED มาอ่านเล่น กลับมาอยู่เวรต่ออย่างมีความสุข 21 กันยายน 2551 เลี้ยงส่ง วันนี้ทำงานตอนเช้าถึงเย็น ตอนเย็น อาจารย์พาไปเลี้ยงส่งที่โรงแรงรามา คิดว่าน่าจะเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่นะ เป็นโต๊ะจีน รสชาติดี บรรยากาศเป็นกันเอง อาจารย์กล่าวขอบคุณที่เรามาช่วยงานตลอด 7 วันที่ผ่านมา กินไปคุยไป สนุกสนานดี 22 กันยายน 2551 น้องผู้แสนดี วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงานแล้ว เราขึ้นเวรตอนเช้า ลงสี่โมงเย็น วันนี้เป็นอีกวันที่สัญญาณโทรศัพท์มือถือไม่มี เพราะมีเสด็จฯ ตอนเย็นน้องมารับไปกินอาหารทะเลอีกร้านนึง อร่อยมั่กมัก คุงน้องตัวดีสั่งมาเยอะแยะ กินแทบอ้วก จะอ้วกก้อเสียดายของ กินเสร็จไปแวะร้านเค้ก ร้านนี้ก็น่ารัก น่านั่งนะ แต่อิ่มง่ะ ไม่ไหววว เลยซื้อกลับไปฝากเพื่อนแทน 23 กันยายน 2551 วันกลับ รถตู้มารับแต่เช้าที่หน้าบ้าน อาจารย์ก็แวะมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง และแสดงความขอบคุณ ใช้เวลาเดินทางจาก รพ.ยะลา ไปสนามบินหาดใหญ่ราวชั่วโมงกว่าๆ ขึ้นเครื่องไฟลท์ 11.15 น.ถึงดอนเมืองราวเที่ยงกว่า เตร็ดเตร่อยู่ดอนเมืองประมาณ 7 ชั่วโมงเพื่อรอต่อเครื่องไฟลท์ 20.00 เพื่อไปพิษณุโลก ถึงพิษณุโลก ราว 21.00 น.จากนั้นขับรถกลับพิจิตร วันนี้เหนื่อยสุดๆเลย
"การไปยะลาครั้งนี้ บอกได้เลยว่าความรู้สึกตอนไป กับ ตอนกลับ ต่างกันมาก เราไปพร้อมกับแบกความวิตกกังวลมากมาย ในหลายๆเรื่อง แต่เรากลับมาพร้อมกับทิ้งความวิตกกังวลส่วนหนึ่งออกไป และนำความทรงจำดีๆมากมายกลับมาด้วย รู้แล้วว่า ยะลามีเสน่ห์จริงๆ ไม่เสียดายเลยล่ะ ที่ได้ไป...ยะลา"
แผนที่ เผื่อใครอยากไปนะคะ
ยะลายังเป็น 1 ใน 5 เมืองหลักที่ รัฐบาลเตรียมจัดตั้ง TK PARK (Thailand Knowlage park) โดย Tk Park มีแค่ภาคละ 1 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ยะลา ชลบุรี และจังหวัดมหาสารคาม
ยะลายังเป็นเมืองที่มีผังเมืองสวยที่สุดของประเทศไทยด้วยการวางผังเมืองเป็นรูปวงแหวน 3 วงซ้อนกันแล้วมีกิ่งแตกแขนงออกมาคล้ายใยแมงมุม ใจกลางเป็นศาสหลักเมือง รอบนอกเป็นส่วนของราชการทั้งหมดอยู่ที่นั้น หากต้องการติดต่อกับราชการก็ตรงไปยังใจกลางของเมือง เป็น One stop service เลย นั่นคือความคิดของ พระครูรัฐกิจวิจารณ์ เจ้าเมืองยะลา(ผู้ว่าราชการ) เกือบ 30 ปีที่แล้วโดยหลายจังหวัดยึดยะลาตามเป็นแบบอย่าง
ยะลายังเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่า สะอาดที่สุดในประเทศ ด้วยการชนะเลิศได้รับรางวัลพระราชทาน 3 ปีซ้อน จนปีต่อๆมายะลาไม่ส่งเข้าประกวด ด้วยเป็นที่รู้กันว่า ถ้ายะลาลงประกวดได้ตำแหน่งแน่นอน
ยะลายังมีสวนสาธารณะติดริมแม่น้ำปัตตานี สวนศรีเมือง ด้วยข้อด้อยของเมืองยะลาคือไม่ติดทะเลแต่เมืองยะลา ก็ขุดสระน้ำขนาดใหญ่เป็น100 ไร่ จนกลายเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว คือ สวนขวัญเมือง และสวนสาธารณะน้องใหม่ล่าสุดก็คือ สวนมิ่งเมืองสวนสาธารณะใจกลางเมือง ขวัญเมือง ศรีเมือง มิ่งเมือง
ยะลายังสร้าง ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย(5ปีที่แล้ว) ให้บริการ ฟิตเนต แอร์โรบิค ระดับสากล ครบวงจรโดยไม่คิดสตางค์แม้แต่บาทเดียว เพื่อสุขภาพที่ดีพร้อมของคนเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองที่มีคำขวัญสั้นที่สุดในประเทศไทย ใต้สุดสยาม เมืองงานชายแดน
ยะลาถูกแยกตัวจากอาณาจักรลังกาสุกะ(อาณาจักรลังกาสุกะคือจังหวัด ปัตตานี สมัยสุโขทัยต้องซื้อปืนใหญ่ทำศึกกับพม่าจากอาณาจักรลังกาสุกะ) และก่อแยกตัวเป็นเมืองยะลาหลังจาก กรุงรัตนโกสินทร์ก่อตั้งได้ 8 ปี (พศ 2332 - 2333)
ยะลาเมืองที่ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ที่โค้งเมืองซุ้มประตูงดงาม ทัดเทียม มหานครใหญ่อย่าง กรุงปารีส
ทั้งหมดคือความเป็นเมืองยะลา ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน แผ่นดินผืนเล็ก ๆ ที่ยังคงมีความสวยงามให้เรา ๆ ท่าน ๆ ได้ประจักษ์ อย่าทำให้โลกแคบเพียงเพราะใจเราแคบ แค่ลองหยิบเอาสิ่งที่เป็นด้านบวกออกมาชื่นชมและกล่าวถึงกันบ้าง โลกคงน่าอยู่ขึ้นกว่านี้หลายเท่า
ขอบคุณข้อมูลจาก
//learners.in.th/blog/travelme/31431
Free TextEditor
Create Date : 27 กันยายน 2551 |
Last Update : 30 กันยายน 2551 15:56:46 น. |
|
23 comments
|
Counter : 6831 Pageviews. |
|
|
ชีวิตมันต้องมีอุปสรรคเป็ฯธรรมดา ถือว่ามันเป็นบททดสอบนะแก ยังไงแกก็ยังมีเพื่อนๆอยู่ข้างๆ
สู้ตายค่ะ....