|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สากมอง - 1
เสียงอาเจียรโอ้กอ้ากจากในครัวทำให้คำเอ้ยปลดย่าม กับกระบุงลงจากบ่าวางแอบเสาเรือนไว้ แล้วเดินไปยังที่มาของเสียงด้วยอารมณ์หงุดหงิด มันอะไรกันนักหนา ในบ้านหล่อนถึงมีอันเจ็บป่วยน่ารำคาญไม่มีวันสิ้นสุด ทีแรกเลยก็เอื้องคำไปหาหน่อไม้น้อยปลายปีมาแกงแล้วถูกหนามไผ่ตำ ตีนบวมแดงเดินไม่ได้เป็นเดือน พอเอื้องคำหายดี อีหล้าลูกคนเล็กก็เป็นไข้ทั้ง ไอทั้งจาม อีหล้ายังไม่ทันหาย หนานสุข ผัวคำเอ้ยก็ปวดท้องหน้าบิดเบี้ยว ทำอะไรไม่ไหวต้องต้มข้าวกับเกลือกินแทนข้าวนึ่ง พ่อหายออกบานไปแอ่วตามบ้านใต้บ้านเหนือไม่กี่วัน เอื้องคำก็ทำท่าจะเจ็บไข้ไปอีกแล้ว ทุกวันนี้ก็ยากจนหากินไม่คุ้มปากคุ้มท้อง ยังมีโรคภัยไข้เจ็บมารุมล้อมคนในบ้านอีก ทำไมผีบ้านผีเฮือนไม่ช่วยปัดเป่าคำเอ้ยบ้างหนอ
“เป๋นอะหยังเอื้องคำ เจ๊บหัวก๊ะ”
“บ่อเจ๊บหรอกแม่ เมาหัวบ่ดาย เอื้องถ้าจะไปไร่กับแม่บ่ได้”
“แม่ อย่าไปเชื่อเน้อ พี่เอื้องขี้คร้าน”
“แม่นแล้วแม่ พี่เอื้องจะกินแฮงแม่กับน้อง แกล้งบ่สบายจะได้บ่ต้องถางไร่ถางสวน”
เสียงน้อง ๆ ของเอื้องคำที่ถือมีดแบกจอบแบกเสียม อยู่ตีนบันไดตะโกนท้วงโหวกเหวก คำเอ้ยจ้องหน้าลูกสาวคนโตที่นั่งเกาะตุ่มน้ำหน้าซีด ราวจะเชื่อเสียงกล่าวหานั้น เอื้องคำมองสบตาหล่อนด้วยนัยน์ตาวิงวอน
“แม่ เอื้องคำบ่ใช่คนขี้คร้านแม่ก็รู้ เอื้องคำเดินบ่ไหวจริง ๆ ลุกเดินเฮือนก็หมุนไปหมด”
“เออ ไปบ่ได้ก็บ่ต้องไป อยู่บ้านเลี้ยงน้อง”
คำเอ้ยดึงผ้าคลุมหัวผืนเก่าที่ฉีกครึ่งเย็บต่อกันเป็นผืนยาว จากราวมาสลัดแล้วผูกข้อเท้าทารกน้อยที่นั่งกัดปมใบตองไว้กับเสา ก่อนหันไปสั่งลูกสาวคนโต
“ยาผงแดงเหน็บฝาบ้านนี่เน้อเอื้องคำ เอาใส่ปากอมกำเดียวก็หายเมาหัว แล้วมานอนอยู่ใกล้ ๆ อีหล้านี่ แม่จะรีบกลับบ้านก่อนค่ำ”
คำเอ้ยห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนกัน ครั้นจะไม่ไปก็ไม่มีกับข้าวมาทำกิน ผักเสี้ยวผักชะอมกำลังแตกยอดอ่อน จะได้เก็บมาแกงกินและอาจจะแบ่งขายบ้าง ผักต้นปีอย่างนี้ได้ราคาดีจนแทบจะนับยอดขายทีเดียว
เอื้องคำเจ็บป่วยเสียคนหนึ่ง หล่อนก็เหมือนขาดมือขาดตีนไปข้างหนึ่ง เพราะเอื้องคำขยันหากิน ขุดแย้ขุดตุ่นเก่ง สอยรังมดแดงคล่อง หน้าแล้งแดดร้อนเปรี้ยง เอื้องคำสะพายข้องนำน้องไปตามท้องนาที่ดินแตกระแหง ไม่ถึงครึ่งวันก็งัดแงะรอยระแหงจับเขียดได้เป็นข้อง พอย่างเข้าหน้าฝนก็เอื้องคำอีกนั่นแหละ ชวนน้อง ๆ เข้าป่าขุดหน่อไม้เก็บเห็ด บางวันก็ออกทุ่งนาช้อนกุ้งปลาตัวเล็กตัวน้อย หรือไม่ก็เก็บปูที่มากัดกินต้นข้าวในนาใส่ปี๊บไว้ทำน้ำปู หรือไม่ก็ขุดจิ้งกุ่งตามป่าละเมาะใกล้ ๆ บ้าน ทุกอย่างที่เสาะหามาได้จะแบ่งกินแต่น้อย นอกนั้นคำเอ้ยจะเอาไปขายให้กับเมียคนขับสี่ล้อ ที่วิ่งเข้าเมืองทุกเช้าเพื่อไปขายของ พอได้เงินก็ซื้อข้าวสารมาทิ้งไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็คนในบ้านหล่อนตั้งกี่คนเล่า นอกจากคำเอ้ยกับหนานสุขสองคนผัวเมียแล้วยังมีลูกอีกห้าคน
ว่าถึงลูกก็เหมือนกัน ทีแรกก็คิดว่ามีแค่สี่คน นึกว่าจะหมดลูกแล้วเทียว เพราะน้องเอื้องคำคนที่สี่ได้สิบขวบ แล้วคำเอ้ยก็ท้องขึ้นมา ทำยังไงได้เมื่อมีก็ต้องเลี้ยงกันไป ไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวจะได้เอาไปปล่อยตามวัดให้พระเลี้ยง ยิ่งมีลูกมากก็ต้องทำงานหนักเพื่อให้พอกิน คนเล็กสุดที่ชื่ออี่หล้านั้น ต้องหอบกระเตงไปใต้ผ้าพลาสติคผืนใหญ่ ผูกผ้าขะม้าทำเปลให้นอนที่ตูบน้อยปลายนา ให้พี่คนเล็กนั่งไกว คำเอ้ยกับลูกโต ๆ อีกสามคนช่วยกันปลูกข้าวปลูกถั่ว ปลูกเผือกมันปลูกข้าวโพด นอกจากที่ไร่ตีนดอยไกลบ้านแล้ว ที่ริมห้วยใกล้บ้านคำเอ้ยยังมีสวนครัวปลูกกล้วยอ้อยพริกมะเขือไว้ทำกินอีก หน้าแล้งทีไรต้องช่วยกันขุดบ่อทรายในห้วย ตักน้ำมากินมาอาบ แล้วยังแบ่งรดผัก เรียกว่าทุกคนในบ้านคำเอ้ยทำงานตัวเป็นเกลียวทั้งแม่ทั้งลูก
ยกเว้นคนเดียวคือหนานสุขผัวคำเอ้ย มันช่างมีความสุขสมชื่อเสียจริง วัน ๆ หนึ่งก็แบกปืนเข้าป่า แล้วก็กลับมากินข้าวนอนโดยไม่ได้อะไรติดมือมา นานทีปีหนจะได้ปลามาสักตัว เขื่องหน่อยก็คุยสามวันสามคืนไม่จบ ถ้ารู้ว่าหนานสุขจะเป็นคนขี้เกียจขี้คร้านยังงี้ จ้างคำเอ้ยก็ไม่เอามาทำผัว ตอนคำเอ้ยรุ่นสาวมีหนุ่มต่างบ้านมาทำงานที่ไร่อ้อย แล้วเลยเข้ามาเที่ยวในหมู่บ้านหล่อนกับเพื่อนหนุ่มด้วยกัน ใคร ๆ เรียกหนุ่มนั้นว่า หนานสุข มันช่างเอาการเอางานดีจริง หมดหน้าอ้อยก็มารับจ้างดำนาปลูกข้าวต่างถิ่น ยามค่ำคืนก็ออกส่องสัตว์ตามป่าตามดอย และได้เนื้อฟานจากส่วนแบ่งกับเพื่อนมาฝากคำเอ้ยทำเนื้อเค็ม บางวันหนานสุขก็มีไก่ป่ามาฝากคำเอ้ยต้มกิน อย่างไม่ได้อะไรเลย ก็มีข้าวโพดเทียนเต็มย่าม หรือไม่ก็ถั่วดินต้ม มะขามหวาน คำเอ้ยเห็นว่าหนานสุขบวชเรียนแล้ว แถมยังขยันอีกด้วย หล่อนตกลงปลงใจอยู่กินกับเขา โดยไม่ยอมฟังเสียงห้ามปรามของพ่อแม่พี่น้อง
หนานสุขขายรถเครื่อง เอาเงินซื้อไม้ปลูกบ้านอยู่ท้ายหมู่บ้าน ติดลำห้วยซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีเจ้าของ ทีแรกก็ช่วยกันปลูกผักทำสวนทำมาหากินดี แต่พอมีลูกหลายคน ผัวคำเอ้ยกลับไม่เอาไหน ชอบเที่ยวตามงานปอย ใครจะขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน บวชลูกแก้ว หนานสุขจะต้องไปช่วยงานแล้วกินเหล้าจนเมาแประ ระยะหลังนี้ถ้าเขาไปทำงานได้เงินมาจะเก็บเงียบแล้วซื้อเหล้ากินทุกวัน กับข้าวหล่อนทำไว้ให้ลูกกิน หนานสุขเอามากินแกล้มเหล้าหมด พอคำเอ้ยด่าว่าเข้า ก็แบกปืนลงบ้านหายไปสามวันสามคืน อ้างว่าจะไปยิงสัตว์มาให้เมียทำกับข้าวให้ลูก กลับมาได้หน่อไม้มาสามหน่อกับยอดฟักข้าว จะเอาสัตว์ที่ไหนมาให้ยิง ในเมื่อต้นไม้ถูกตัดมาเผาถ่านบ้างทำฟืนบ้าง ไม่มีร่มไม้ให้พักพิงอาศัยแล้ว สัตว์ก็หายไปหมด ทุกข์ยากอย่างไรคำเอ้ยก็กัดฟันทน จับกบจับอึ่งมาปิ้งมาต้มใส่เกลือกินกับข้าวนึ่งร้อน ๆ ก็ยังดีกว่าไปรบกวนพี่น้อง
หล่อนจำได้ว่าปีหนึ่งข้าวไร่ที่ทำไว้กินทั้งปีหมดก่อน คำเอ้ยต้องไปยืมข้าวสารพี่น้องหัวบ้านมากิน หล่อนถูกตอกย้ำให้เจ็บใจเรื่องมีผัวเกียจคร้านเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกไม่คุ้ม ดีแต่กินเหล้ากับทำลูกให้เมียเลี้ยง มันจริงอย่างที่พี่น้องเขาว่าเสียด้วย นอกจากไม่ช่วยทำมาหากินแล้ว ยามลูกจับกบเขียดปูปลาไปขายได้เงิน หนานสุขยังขู่บังคับเอาเงินไปซื้อเหล้า แม้กระทั่งฝาบ้านที่เป็นไม้ ผัวหล่อนยังเอาฟากมาเปลี่ยน งัดเอากระดานไปขายเอาเงินกินเหล้า ไม่รู้มันจะกินไปถึงไหน พอไม่มีซื้อกินจริง ๆ หนานสุขก็จะซอกซอนไปตามหัวบ้านท้ายบ้าน เห็นใครนั่งล้อมวงกินเหล้าก็เข้าไปร่วมวงด้วยอย่างหน้าด้าน ๆ แล้วก็เมาโซซัดโซเซขับค่าวซอลั่นถนนหนทางให้หมาเห่าเกรียว กลับมาซุกหัวนอนที่ระเบียงนอกห้องโดยไม่อาบน้ำกินข้าว
คำเอ้ยทนได้กับผัวขี้เมาและความทุกข์ยากทั้งมวล ขออย่างเดียวอย่าเอาใจเผื่อแผ่สาวอื่นเท่านั้น คิดเสียว่าไม่ใช่บ้านหล่อนบ้านเดียวที่ยากจน คนบ้านนอกไกลเวียงสุดกู่ก็มีแต่ยากจนค่นแค้นด้วยกันทั้งนั้น ทุกบ้านต้องทำไร่ทำสวนเก็บผักหักฟืนเลี้ยงตัวเอง เพียงแต่บ้านอื่นเขาไม่เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยเหมือนบ้านหล่อนเท่านั้น
สองวันต่อมาเอื้องคำก็ยังไม่หาย หล่อนยังวิงเวียนและตัวรุม คำเอ้ยคอยจนผัวแบกปืนขึ้นบ้านมาจึงพาลูกสาวคนโตไปหาหมอ
“เป๋นหยังเอื้องคำ เจ็บนิดเจ็บน้อยก็ไปหาหมอ อดทนเอาพ่องบ่ได้กา”
“มันเป๋นมาสามวันแล้ว กิ๋นยาขางยาผงแดงหมดทุกอย่าง มันบ่หายก็ต้องพาไปสุขศาลา อนามัย ใครจะปล่อยให้มันตายได้”
คำเอ้ยกระแทกกระทั้นอย่างโกรธ ๆ มีอย่างหรือหายไปสามสี่วันขึ้นบ้านมายังพูดไม่เข้าหูอีก จะมีน้ำใจห่วงลูกห่วงเมียบ้างสักนิดไม่มี
“พรุ่งนี้พี่หนานเฝ้าบ้านดูละอ่อน ข้าจะพาเอื้องคำไปสุขศาลา”
“เปิ้นเรียกสถานีอนามัย” หนานสุขท้วง “สุขศาลานั่นคนขี้นอกเรียก”
“เออ เออ ช่างมันเต๊อะ อะหยังก็ได้ที่มีหมอตรวจก็แล้วกัน ข้าจะพาเอื้องคำไปที่นั่นแหละ หมอตรวจให้ยากินแล้วยังบ่อหาย จะพาไปหาหมอผีรดน้ำมนต์แถม”
“ไปวันพรุ่งนี้กา แล้วรีบมาเน้อ อ้ายเลี้ยงละอ่อนน้อยบ่เป๋น บ่รู้จะเอาอะหยังฮื้อกิ๋น”
คำเอ้ยค้อนผัวตาแทบกลับ อยากย้อนให้เจ็บแสบก็ขี้เกียจทะเลาะกัน สงสารลูกสายคนโตที่กุ้มหน้างุด ไม่ยอมมองหน้าทั้งพ่อและแม่
“ให้อิ่นกับอ้นตำข้าวนึ่งร้อน ๆ กับกล้วยมะลิอ่องสุกป้อนอี่หล้า แล้วเซาะเก็บผักแก๋งฮื้อลูกกิ๋นพ่อง ข้ายังบ่รู้ว่าหมอจะให้เอื้องคำนอนค้างหรือเปล่า”
“แม่ เอื้องคงบ่เป็นอะหยังนักหรอก”
“มันก็บ่แน่เอื้องคำ คอยฟังหมอเปิ้นบอกพรุ่งนี้ก่อน”
สากมอง - 2 (จบ)
Create Date : 21 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 12:03:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 457 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|