Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
สากมอง - 1

เสียงอาเจียรโอ้กอ้ากจากในครัวทำให้คำเอ้ยปลดย่าม
กับกระบุงลงจากบ่าวางแอบเสาเรือนไว้
แล้วเดินไปยังที่มาของเสียงด้วยอารมณ์หงุดหงิด
มันอะไรกันนักหนา
ในบ้านหล่อนถึงมีอันเจ็บป่วยน่ารำคาญไม่มีวันสิ้นสุด
ทีแรกเลยก็เอื้องคำไปหาหน่อไม้น้อยปลายปีมาแกงแล้วถูกหนามไผ่ตำ
ตีนบวมแดงเดินไม่ได้เป็นเดือน
พอเอื้องคำหายดี อีหล้าลูกคนเล็กก็เป็นไข้ทั้ง ไอทั้งจาม
อีหล้ายังไม่ทันหาย หนานสุข ผัวคำเอ้ยก็ปวดท้องหน้าบิดเบี้ยว
ทำอะไรไม่ไหวต้องต้มข้าวกับเกลือกินแทนข้าวนึ่ง
พ่อหายออกบานไปแอ่วตามบ้านใต้บ้านเหนือไม่กี่วัน
เอื้องคำก็ทำท่าจะเจ็บไข้ไปอีกแล้ว
ทุกวันนี้ก็ยากจนหากินไม่คุ้มปากคุ้มท้อง
ยังมีโรคภัยไข้เจ็บมารุมล้อมคนในบ้านอีก
ทำไมผีบ้านผีเฮือนไม่ช่วยปัดเป่าคำเอ้ยบ้างหนอ

“เป๋นอะหยังเอื้องคำ เจ๊บหัวก๊ะ”

“บ่อเจ๊บหรอกแม่ เมาหัวบ่ดาย เอื้องถ้าจะไปไร่กับแม่บ่ได้”

“แม่ อย่าไปเชื่อเน้อ พี่เอื้องขี้คร้าน”

“แม่นแล้วแม่ พี่เอื้องจะกินแฮงแม่กับน้อง
แกล้งบ่สบายจะได้บ่ต้องถางไร่ถางสวน”

เสียงน้อง ๆ ของเอื้องคำที่ถือมีดแบกจอบแบกเสียม
อยู่ตีนบันไดตะโกนท้วงโหวกเหวก
คำเอ้ยจ้องหน้าลูกสาวคนโตที่นั่งเกาะตุ่มน้ำหน้าซีด
ราวจะเชื่อเสียงกล่าวหานั้น
เอื้องคำมองสบตาหล่อนด้วยนัยน์ตาวิงวอน

“แม่ เอื้องคำบ่ใช่คนขี้คร้านแม่ก็รู้
เอื้องคำเดินบ่ไหวจริง ๆ ลุกเดินเฮือนก็หมุนไปหมด”

“เออ ไปบ่ได้ก็บ่ต้องไป อยู่บ้านเลี้ยงน้อง”

คำเอ้ยดึงผ้าคลุมหัวผืนเก่าที่ฉีกครึ่งเย็บต่อกันเป็นผืนยาว
จากราวมาสลัดแล้วผูกข้อเท้าทารกน้อยที่นั่งกัดปมใบตองไว้กับเสา
ก่อนหันไปสั่งลูกสาวคนโต

“ยาผงแดงเหน็บฝาบ้านนี่เน้อเอื้องคำ
เอาใส่ปากอมกำเดียวก็หายเมาหัว
แล้วมานอนอยู่ใกล้ ๆ อีหล้านี่ แม่จะรีบกลับบ้านก่อนค่ำ”

คำเอ้ยห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนกัน
ครั้นจะไม่ไปก็ไม่มีกับข้าวมาทำกิน
ผักเสี้ยวผักชะอมกำลังแตกยอดอ่อน
จะได้เก็บมาแกงกินและอาจจะแบ่งขายบ้าง
ผักต้นปีอย่างนี้ได้ราคาดีจนแทบจะนับยอดขายทีเดียว

เอื้องคำเจ็บป่วยเสียคนหนึ่ง
หล่อนก็เหมือนขาดมือขาดตีนไปข้างหนึ่ง
เพราะเอื้องคำขยันหากิน ขุดแย้ขุดตุ่นเก่ง
สอยรังมดแดงคล่อง หน้าแล้งแดดร้อนเปรี้ยง
เอื้องคำสะพายข้องนำน้องไปตามท้องนาที่ดินแตกระแหง
ไม่ถึงครึ่งวันก็งัดแงะรอยระแหงจับเขียดได้เป็นข้อง
พอย่างเข้าหน้าฝนก็เอื้องคำอีกนั่นแหละ
ชวนน้อง ๆ เข้าป่าขุดหน่อไม้เก็บเห็ด
บางวันก็ออกทุ่งนาช้อนกุ้งปลาตัวเล็กตัวน้อย
หรือไม่ก็เก็บปูที่มากัดกินต้นข้าวในนาใส่ปี๊บไว้ทำน้ำปู
หรือไม่ก็ขุดจิ้งกุ่งตามป่าละเมาะใกล้ ๆ บ้าน
ทุกอย่างที่เสาะหามาได้จะแบ่งกินแต่น้อย
นอกนั้นคำเอ้ยจะเอาไปขายให้กับเมียคนขับสี่ล้อ
ที่วิ่งเข้าเมืองทุกเช้าเพื่อไปขายของ
พอได้เงินก็ซื้อข้าวสารมาทิ้งไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ก็คนในบ้านหล่อนตั้งกี่คนเล่า
นอกจากคำเอ้ยกับหนานสุขสองคนผัวเมียแล้วยังมีลูกอีกห้าคน

ว่าถึงลูกก็เหมือนกัน ทีแรกก็คิดว่ามีแค่สี่คน
นึกว่าจะหมดลูกแล้วเทียว เพราะน้องเอื้องคำคนที่สี่ได้สิบขวบ
แล้วคำเอ้ยก็ท้องขึ้นมา ทำยังไงได้เมื่อมีก็ต้องเลี้ยงกันไป
ไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวจะได้เอาไปปล่อยตามวัดให้พระเลี้ยง
ยิ่งมีลูกมากก็ต้องทำงานหนักเพื่อให้พอกิน
คนเล็กสุดที่ชื่ออี่หล้านั้น ต้องหอบกระเตงไปใต้ผ้าพลาสติคผืนใหญ่
ผูกผ้าขะม้าทำเปลให้นอนที่ตูบน้อยปลายนา
ให้พี่คนเล็กนั่งไกว คำเอ้ยกับลูกโต ๆ อีกสามคนช่วยกันปลูกข้าวปลูกถั่ว
ปลูกเผือกมันปลูกข้าวโพด นอกจากที่ไร่ตีนดอยไกลบ้านแล้ว
ที่ริมห้วยใกล้บ้านคำเอ้ยยังมีสวนครัวปลูกกล้วยอ้อยพริกมะเขือไว้ทำกินอีก
หน้าแล้งทีไรต้องช่วยกันขุดบ่อทรายในห้วย
ตักน้ำมากินมาอาบ แล้วยังแบ่งรดผัก
เรียกว่าทุกคนในบ้านคำเอ้ยทำงานตัวเป็นเกลียวทั้งแม่ทั้งลูก

ยกเว้นคนเดียวคือหนานสุขผัวคำเอ้ย
มันช่างมีความสุขสมชื่อเสียจริง
วัน ๆ หนึ่งก็แบกปืนเข้าป่า แล้วก็กลับมากินข้าวนอนโดยไม่ได้อะไรติดมือมา
นานทีปีหนจะได้ปลามาสักตัว เขื่องหน่อยก็คุยสามวันสามคืนไม่จบ
ถ้ารู้ว่าหนานสุขจะเป็นคนขี้เกียจขี้คร้านยังงี้ จ้างคำเอ้ยก็ไม่เอามาทำผัว
ตอนคำเอ้ยรุ่นสาวมีหนุ่มต่างบ้านมาทำงานที่ไร่อ้อย
แล้วเลยเข้ามาเที่ยวในหมู่บ้านหล่อนกับเพื่อนหนุ่มด้วยกัน
ใคร ๆ เรียกหนุ่มนั้นว่า หนานสุข มันช่างเอาการเอางานดีจริง
หมดหน้าอ้อยก็มารับจ้างดำนาปลูกข้าวต่างถิ่น
ยามค่ำคืนก็ออกส่องสัตว์ตามป่าตามดอย
และได้เนื้อฟานจากส่วนแบ่งกับเพื่อนมาฝากคำเอ้ยทำเนื้อเค็ม
บางวันหนานสุขก็มีไก่ป่ามาฝากคำเอ้ยต้มกิน
อย่างไม่ได้อะไรเลย ก็มีข้าวโพดเทียนเต็มย่าม
หรือไม่ก็ถั่วดินต้ม มะขามหวาน
คำเอ้ยเห็นว่าหนานสุขบวชเรียนแล้ว แถมยังขยันอีกด้วย
หล่อนตกลงปลงใจอยู่กินกับเขา
โดยไม่ยอมฟังเสียงห้ามปรามของพ่อแม่พี่น้อง

หนานสุขขายรถเครื่อง เอาเงินซื้อไม้ปลูกบ้านอยู่ท้ายหมู่บ้าน
ติดลำห้วยซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีเจ้าของ
ทีแรกก็ช่วยกันปลูกผักทำสวนทำมาหากินดี
แต่พอมีลูกหลายคน ผัวคำเอ้ยกลับไม่เอาไหน
ชอบเที่ยวตามงานปอย ใครจะขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน บวชลูกแก้ว
หนานสุขจะต้องไปช่วยงานแล้วกินเหล้าจนเมาแประ
ระยะหลังนี้ถ้าเขาไปทำงานได้เงินมาจะเก็บเงียบแล้วซื้อเหล้ากินทุกวัน
กับข้าวหล่อนทำไว้ให้ลูกกิน หนานสุขเอามากินแกล้มเหล้าหมด
พอคำเอ้ยด่าว่าเข้า ก็แบกปืนลงบ้านหายไปสามวันสามคืน
อ้างว่าจะไปยิงสัตว์มาให้เมียทำกับข้าวให้ลูก
กลับมาได้หน่อไม้มาสามหน่อกับยอดฟักข้าว
จะเอาสัตว์ที่ไหนมาให้ยิง ในเมื่อต้นไม้ถูกตัดมาเผาถ่านบ้างทำฟืนบ้าง
ไม่มีร่มไม้ให้พักพิงอาศัยแล้ว สัตว์ก็หายไปหมด
ทุกข์ยากอย่างไรคำเอ้ยก็กัดฟันทน
จับกบจับอึ่งมาปิ้งมาต้มใส่เกลือกินกับข้าวนึ่งร้อน ๆ
ก็ยังดีกว่าไปรบกวนพี่น้อง

หล่อนจำได้ว่าปีหนึ่งข้าวไร่ที่ทำไว้กินทั้งปีหมดก่อน
คำเอ้ยต้องไปยืมข้าวสารพี่น้องหัวบ้านมากิน
หล่อนถูกตอกย้ำให้เจ็บใจเรื่องมีผัวเกียจคร้านเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกไม่คุ้ม
ดีแต่กินเหล้ากับทำลูกให้เมียเลี้ยง
มันจริงอย่างที่พี่น้องเขาว่าเสียด้วย
นอกจากไม่ช่วยทำมาหากินแล้ว
ยามลูกจับกบเขียดปูปลาไปขายได้เงิน
หนานสุขยังขู่บังคับเอาเงินไปซื้อเหล้า
แม้กระทั่งฝาบ้านที่เป็นไม้ ผัวหล่อนยังเอาฟากมาเปลี่ยน
งัดเอากระดานไปขายเอาเงินกินเหล้า
ไม่รู้มันจะกินไปถึงไหน
พอไม่มีซื้อกินจริง ๆ หนานสุขก็จะซอกซอนไปตามหัวบ้านท้ายบ้าน
เห็นใครนั่งล้อมวงกินเหล้าก็เข้าไปร่วมวงด้วยอย่างหน้าด้าน ๆ
แล้วก็เมาโซซัดโซเซขับค่าวซอลั่นถนนหนทางให้หมาเห่าเกรียว
กลับมาซุกหัวนอนที่ระเบียงนอกห้องโดยไม่อาบน้ำกินข้าว

คำเอ้ยทนได้กับผัวขี้เมาและความทุกข์ยากทั้งมวล
ขออย่างเดียวอย่าเอาใจเผื่อแผ่สาวอื่นเท่านั้น
คิดเสียว่าไม่ใช่บ้านหล่อนบ้านเดียวที่ยากจน
คนบ้านนอกไกลเวียงสุดกู่ก็มีแต่ยากจนค่นแค้นด้วยกันทั้งนั้น
ทุกบ้านต้องทำไร่ทำสวนเก็บผักหักฟืนเลี้ยงตัวเอง
เพียงแต่บ้านอื่นเขาไม่เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยเหมือนบ้านหล่อนเท่านั้น

สองวันต่อมาเอื้องคำก็ยังไม่หาย หล่อนยังวิงเวียนและตัวรุม
คำเอ้ยคอยจนผัวแบกปืนขึ้นบ้านมาจึงพาลูกสาวคนโตไปหาหมอ

“เป๋นหยังเอื้องคำ เจ็บนิดเจ็บน้อยก็ไปหาหมอ อดทนเอาพ่องบ่ได้กา”

“มันเป๋นมาสามวันแล้ว กิ๋นยาขางยาผงแดงหมดทุกอย่าง
มันบ่หายก็ต้องพาไปสุขศาลา อนามัย ใครจะปล่อยให้มันตายได้”

คำเอ้ยกระแทกกระทั้นอย่างโกรธ ๆ
มีอย่างหรือหายไปสามสี่วันขึ้นบ้านมายังพูดไม่เข้าหูอีก
จะมีน้ำใจห่วงลูกห่วงเมียบ้างสักนิดไม่มี

“พรุ่งนี้พี่หนานเฝ้าบ้านดูละอ่อน ข้าจะพาเอื้องคำไปสุขศาลา”

“เปิ้นเรียกสถานีอนามัย” หนานสุขท้วง
“สุขศาลานั่นคนขี้นอกเรียก”

“เออ เออ ช่างมันเต๊อะ อะหยังก็ได้ที่มีหมอตรวจก็แล้วกัน
ข้าจะพาเอื้องคำไปที่นั่นแหละ
หมอตรวจให้ยากินแล้วยังบ่อหาย
จะพาไปหาหมอผีรดน้ำมนต์แถม”

“ไปวันพรุ่งนี้กา แล้วรีบมาเน้อ
อ้ายเลี้ยงละอ่อนน้อยบ่เป๋น บ่รู้จะเอาอะหยังฮื้อกิ๋น”

คำเอ้ยค้อนผัวตาแทบกลับ อยากย้อนให้เจ็บแสบก็ขี้เกียจทะเลาะกัน
สงสารลูกสายคนโตที่กุ้มหน้างุด ไม่ยอมมองหน้าทั้งพ่อและแม่

“ให้อิ่นกับอ้นตำข้าวนึ่งร้อน ๆ กับกล้วยมะลิอ่องสุกป้อนอี่หล้า
แล้วเซาะเก็บผักแก๋งฮื้อลูกกิ๋นพ่อง
ข้ายังบ่รู้ว่าหมอจะให้เอื้องคำนอนค้างหรือเปล่า”

“แม่ เอื้องคงบ่เป็นอะหยังนักหรอก”

“มันก็บ่แน่เอื้องคำ คอยฟังหมอเปิ้นบอกพรุ่งนี้ก่อน”

สากมอง - 2 (จบ)


Create Date : 21 กรกฎาคม 2552
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 12:03:52 น. 0 comments
Counter : 457 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Torja
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Torja's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.