Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

สากมอง - 2 (จบ)


รุ่งขึ้นแต่เช้าตรู่ สองแม่ลูกก็เดินไปถามถนนในหมู่บ้าน
จากท้ายบ้านติดเขาผ่านหัวบ้านที่เป็นบ้านเกิดของคำเอ้ย
แล้วผ่านอีกหมู่บ้านหนึ่งก่อนจะถึงปากทางเข้าหมู่บ้านที่สถานีอนามัยตั้งอยู่
ซึ่งถ้าเดินตัดทุ่งนาข้ามลำห้วยสองแห่งก็จะย่นระยะทางให้ใกล้ขึ้น
แต่ทางเดินไม่สะดวกเพราะเป็นเนินสูง ๆ ต่ำ ๆ
บางช่วงก็มีกอไผ่หน่ามและทุ่งนากว้าง
คำเอ้ยจึงเลือกเดินทางที่สบายกว่ากัน
ซึ่งบางทีมีรถวิ่งออกจากหมู่บ้านจะได้อาศัยออกไปด้วย

แต่ไม่มีรถให้ขออาศัยเลย กว่าจะถึงสถานีอนามัยก็สายพอดู
เอื้องคำแทบจะหมดแรง ลงนั่งดมผิวมะกรูดที่เก็บจากริมรั้วข้างทางพอค่อยยังชั่ว
กว่าหมอจะเรียกเข้าไปตรวจพักใหญ่ก็กลับมานั่งข้างแม่

“เด็กหญิงเอื้องคำ รับยา”

คำเอ้ยถลันลุกขึ้นไปรับแทน
ถามเจ้าหน้าที่อนามัยด้วยความอยากรู้ว่าเอื้องคำเป็นอะไร
แต่พอได้รับคำตอบหล่อนก็ค้านเสียงหลง

“ลูกสาวข้าเจ้ายังบ่ทันมีระดู มันจะท้องได้หยั่งใด เป๋นไปบ่ได้คุณหมอเจ้า”

“หมอเปิ้นตรวจเยี่ยวแล้ว ป้าถามลูกว่าไปนอนกับบ่าวที่ไหนมา”
เจ้าหน้าที่อนามัยสาวใหญ่หัวเราะเบา ๆ มองหน้ากร้านแดดของคำเอ้ยอย่างขบขัน

“ยาซองนี้แก้เมาหัวเน้อ ยาซองนี้กิ๋นข้าวได้
กิ๋นยาสักสองสามวันก็จะหายเมาหัวอยากอ้วกเอง”

คำเอ้ยรับซองยามือไม้สั่น
หล่อนหันขวับมากระชากแขนเอื้องคำลงจากที่นั่นโดยเร็ว
แสนอับอายต่อสายตาชาวบ้านที่มานั่งคอยหมออยู่หน้าห้องจ่ายยา
พวกมันมองดูแล้วหัวเราะสนุกสนาน จะโทษใครไม่ได้ทั้งนั้น
น่าขันน้อยไปหรือ เด็กผู้หญิงตัวเล็กบางราวกับหน่อไม้หน้าแล้ง
นมก็เพิ่งจะเป็นตุ่มนูนขึ้นมานิดเดียว ยังไม่ทันโตเป็นสาวก็ท้องแล้ว
มันไปท้องกับใครหนอ เวลาไปทุ่งไปนาถ้าไม่ไปกับแม่ก็ไปกับน้องตั้งสามคน
วัยรุ่นที่ขี่รถซิ่งในหมู่บ้านก็ไม่เคยเห็นมาวอแว
นอกจากตะโกนทักกันตามถนนโหวกเหวกตามประสาเด็ก
มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนหายจากหนามไผ่ตำตีน
เอื้องคำขอไปดูเขาตำข้าวเม่าที่บ้านเพื่อนอยู่ติดขึ้นทางดอย
ไม่ไกลจากบ้านคำเอ้ยนัก เอื้องคำหายไปสองสามครั้ง
พอกลับเข้าบ้านก็มุดเข้ามุ้งนอน
หล่อนก็ไม่เคยถามเพราะกลางวันทำงานเหนื่อย
ค่ำลงก็อยากหลับอย่างเดียว เอาแรงไว้ก่อน
เพราะบางทีอีหล้าก็ลุกขึ้นร้องไห้งอแงตอนดึก ๆ ต้องอดนอนกับมันอีก

ผู้ชายในหมู่บ้านก็มีนับคนได้ ล้วนแต่รู้จักคุ้นเคยกันแบบชาวบ้านทั่วไป
คำเอ้ยมองไม่ออกว่าคนไหนแอบมานอนกับเอื้องคำ
ลูกหล่อนก็ช่างกระไร จะคอยอีกสองสามปีให้โตกว่านี้สักหน่อยไม่ได้

“มันเป๋นไผ”

หล่อนกัดฟันถามเมื่อมาไกลจนแน่ใจว่าพ้นหูพ้นตาผู้คนแล้ว

“เอื้องบ่ฮู้...”

“อีหน้าด้าน...”
คำเอ้ยฟาดฝ่ามือลงที่ปากลูกสาว ความแค้นแน่นอกใจไปหมด

“ให้มันนอนด้วยจนท้องแล้วยังบอกบ่ฮู้”

แล้วหล่อนก็ใจหายวับเมื่อร่างผอมบางทรุดลงไปกองกับพื้นดิน
คำเอ้ยตามไปหิ้วซอกรักแร้สองข้างของเอื้องคำขึ้นมา

“แม่... เอื้องกลัวแล้วเจ้า... อย่าตีเอื้อง... กลัวแล้วแม่...”

คำเอ้ยไม่ตอบ ได้แต่ครึ่งลากครึ่งประคองร่างอ่อนปวกเปียก
ฝ่าเปลวแดดใกล้เที่ยงไปจนถึงละเมาะไม้ริมคูน้ำเล็ก ๆ
ทิ้งลูกไว้ใต้เงาไม้นั้นแล้วดึงผ้าโพกหัวออกจุ่มน้ำในคูน้ำตื้นที่ไหลริน
บิดพอหมาดแล้วเอากลับไปเช็ดหน้าให้เอื้องคำ เห็นปากบวมเจ่อมีเลือดซึม
กับรอยนิ้วมือที่พาดครึ่งปากครึ่งแก้มลูกแล้วใจหายเพราะเวทนา
นี่ผีป่าตนใดสิงใจหล่อนให้ตบตีลูกได้ลงคอ
ก็เอื้องคำคนนี้มิใช่หรือที่ช่วยแม่ทำงานบ้านเลี้ยงน้องตัวเป็นเกลียว
เมื่อหล่อนออกลูกคนหล้านอนอยู่ไฟข้าวสารไม่พอกิน
ผัวหล่อนเขานอนหลับไม่สนใจว่าลูกเมียจะอดตาย
แต่เอื้องคำฝ่าฝนไปขุดเผือกขุดมันมานึ่งปนข้าวป้อนน้อง
และเผื่อแผ่พ่อแม่กินอิ่มกันทั้งบ้าน
คำเอ้ยไม่น่าจะทำร้ายลูกถึงเลือดตกยางออกเลย
กะแค่เอื้องคำท้อง สาว ๆ บ้านนอกอายุ 13-14 มีผัวมีท้องออกถมไป

“แม่บ่ว่าละที่เอื้องคำท้อง กลับไปก็บอกผู้ชายคนนั้นให้มาสุมาลาโทษพ่อแม่ก็แล้วกัน”

“แต่เอื้องบ่อยากท้อง เอื้องชัง... ชังพ่อมัน”

“ชังพ่อมัน จะชังอย่างไดก็มีลูกมีท้องแล้วนี่ เอื้องคำเอ๊ย อยู่กินเป๋นผัวเมียกันเต๊อะ”

“แม่บ่ฮู้ บ่เข้าใจ๋เอื้อง” เอื้องคำสะอื้นไห้น้ำตาพรายพรู
“เอื้องบ่ได้รู้เห็นเป็นใจสักน้อยเดียว เปิ้นเอามีดจ่อคอหอยบังคับเอื้อง
ถ้าบ่ยอมเปิ้นจะปาดคอน้องหล้า”

“เมื่อใด”

“เมื่อเอื้องเจ็บตีนไปไหนบ่ได้ พอแม่พาน้องลงเรือนไปไร่
เปิ้นก็ขึ้นบ้านมาเอามีดขู่ ฮื้ออุ้มน้องหล้าเข้าห้อง... ทุกวัน... เอื้องเจ๊บจะต๋าย...”

“ธัมโม สังโฆ ยะหยังบ่บอกพ่อแม่หา...”

“เปิ้นห้ามบ่ฮื้อบอกไผสักคน ถ้าคนอื่นฮู้เมื่อใดเปิ้นจะปาดคอน้องหล้า
ตอนแม่บ่ไปไหนเปิ้นก็บังคับฮื้อเอื้องลงไปนอนกับเปิ้นที่ริมห้วยตอนกลางคืน
เปิ้นว่าถ้าบ่ไปฮื้อเปิ้นนอนโตย เปิ้นจะฆ่าฮื้อต๋ายหมดบ้าน แล้วจุดไฟเผาบ้านเฮา”

“โอ๊ย แม่ลมขึ้น” คำเอ้ยเดือดดาลสุดขีด
นี่มันไม่ใช่รักใคร่ใยดีแบบหนุ่มสาวรักกันเสียแล้ว
มันเข้าขั้นข่มเหงขืนใจอย่างไม่เกรงใจพ่อแม่สักนิดเดียว
เอื้องคำก็กลัวมันหัวปักหัวปำ ยอมให้มันทำย่ำยีอยู่ได้

“มันเป๋นไผหา... บอกแม่มาเดี๋ยวนี้
หยังมาดูถูกดูแคลนข่มเหงลูกเหมือนบ่มีพ่อบ่มีแม่
มันชื่ออะหยัง บอกมา แม่จะแจ้งผู้ใหญ่บ้านเอามันเข้าตะรางเอง”

“บ่ได้แม่... บ่ได้... “ เอื้องคำสั่นหัวพลางสะอื้น
“เขาฆ่าเฮาแน่... เขามีมีด... มีปืน...”

คำเอ้ยหันขวับไปหาลูก หล่อนร้อนรุ่มทั้งตัวราวกับตกอยู่ในกองไฟ
หูหล่อนฝาดไปหรือเปล่าที่ได้ยินเอื้องคำพูดว่าชายคนนั้นมีมีด มีปืน

“เอื้องคำ... ในหมู่บ้านเฮามีพ่อคนเดียวที่มีปืน... แม่นบ่... มัน”

ลูกสาวมองสบตาแม่นิ่งอยู่นานแล้วพยักหน้า
คำเอ้ยแข้งขาอ่อนเปลี้ยลงนั่งกอดเข่านิ่งงันไปทันที
นี่หล่อนทำเวรกรรมไว้แต่ชาติใดหนอจึงมีเรื่องราวชั่วช้าเกิดขึ้นในบ้านในเรือนเช่นนี้
รู้ไปถึงไหนก็อับอายขายหน้าไปถึงนั่น
ที่ว่าจะแจ้งผู้ใหญ่ให้จับผู้ชายคนนั้นใส่ตะรางก็ทำไม่ได้
เดี๋ยวเรื่องดังไปทั้งตำบล สงสารเอื้องคำจะมองหน้าผู้คนไม่ได้
เวลานี้ลูกหล่อนก็ช้ำชอกทั้งกายทั้งใจแสนสาหัสแล้ว
ดูรึ ตัวลูกเล็กบางแค่นี้มันยังทำได้ลงคอ
ยิ่งคิดคำเอ้ยยิ่งเจ็บปวดราวกับมีเข็มเป็นร้อยเป็นพันเล่มทิ่มแทงหัวใจ

“แม่... เอื้องบ่กลับบ้านเน้อ... เอื้องกลัว...”

เสียงลูกสาวปลุกคำเอ้ยให้เข้มแข็งขึ้น
เสียใจน่ะแน่ละต้องมีแน่เพราะอยู่กินกันด้วยความรักมานานปี
ยังจำได้ว่าตอนอยู่กินด้วยกันทีแรกนั้นหวานชื่นนัก
ไปไหนไปด้วยกันไม่เคยห่างและไม่เคยว่างเว้นรักใคร่
แม้กระทั่งคำเอ้ยท้องเอื้องคำได้สี่ห้าเดือน
กลับจากตำข้าวด้วยกันมาแวะอาบน้ำที่ลำห้วยท้ายบ้าน
หนานสุขมันก็จะรักใคร่กลางฟ้ากลางดินไม่อายผีสางเทวดา
มิใยคำเอ้ยจะปัดป้องกลัวใครเดินมาเห็น กลัวมดแมงในดินจะกัดเอา
ผัวหล่อนไม่ฟังเสียง มันหน้ามืดปลุกปล้ำนอนใต้เงาไม้นั้นจนได้
ที่ตรงนั้นแหละที่มันบังคับให้เอื้องคำลงไปหา
ลูกหลอกคำเอ้ยว่าไปดูเขาตำข้าวเม่ากัน
หนานสุขมันรู้ว่าที่นั่นไกลหูไกลตาคน ไหนจะทั้งมืดทั้งเปลี่ยว
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นแน่นหัวอกหัวใจไม่อยากกลับบ้านไปพบเห็นหน้ามัน
ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะแสนจะเกลียดชังขยะแขยงมันเป็นที่สุด
ไอ้ผู้ชายที่ตัวเป็นคนแต่ใจเป็นหมาพรรค์นั้น

“แม่จะพาเอื้องไปบ้านพ่อเฒ่าแม่อุ้ย เดินไหวก่ ยังอีกไกล”

“เอื้องเดินไหวแม่ ไกลถึงไหนก็ได้ที่บ่มีพ่อ”

คำเอ้ยนิ่งอึ้ง มองหน้าลูกสาวอยู่นาน แล้วออกเดินนำไปเงียบ ๆ

ไปถึงบ้านพ่อแม่เมื่อตะวันบ่ายคล้อย
พอเย็นลงอีกหน่อยพี่น้องที่ไปรับจ้างทำงานในเมืองก็ขี่รถเครื่องเข้าบ้านมา
บางคนก็กลับจากไร่นามา ทุกคนต้อนรับขับสู้คำเอ้ยกับลูกเป็นอันดี
พอรู้ว่าเอื้องคำเป็นโรคกระเพาะและเป็นไข้ก็ต้มข้าวให้กิน
ค่ำคืนนั้นพี่น้องที่มีบ้านอยู่ต่างหากกับคู่ผัวตัวเมีย
ทำกับข้าวนึ่งข้าวมากินรวมกันที่บ้านพ่อแม่
คุยกันไปถามกันมาก็วกกลับมานินทาค่อนขอดผัวคำเอ้ย
เรื่องงัดไม้ฝาบ้านไปขายซื้อเหล้าซื้อหวยกินรวบหมด
และต่อมาก็เอาพื้นบ้านไปขายหาฟากมาปูแทน
ผัวเมียคู่อื่นเขาอยู่กันนาน ๆ เปลี่ยนจากพื้นฟากฝาฟากเป็นพื้นไม้ฝาไม้
ตรงข้ามกับหนานสุข และเมื่อไม่นานมานี้มันเอาปืนที่รักที่หวงนักหนาออกเร่ขาย
บอกกับใคร ๆ ว่าจะเอาเงินไปอยู่กับเมียใหม่ที่อื่น
แต่คนเขารู้กันทั่วว่าเป็นปืนเก่าแก่สนิมกินจนใช้การไม่ได้
ทำได้แค่สะพายขึ้นล่องทำท่ากร่างกวนตีนชาวบ้านว่ากูมีปืน
เมื่อขายปืนไม่ได้มันก็เลยหมดหวังไปอยู่กับเมียใหม่อย่างที่คุยโม้โอ้อวดไว้

คำเอ้ยรู้แล้วว่าเมียใหม่ที่ผัวหล่อนคุยโวกับชาวบ้านเป็นใคร
หล่อนเก็บปากเก็บคำไม่แก้ตัวแทนเหมือนทุกครั้ง
ก็รู้เช่นเห็นชาติแล้ว ว่ามันชั่วช้าไม่มีใครเหมือน
นิ่งฟังพี่น้องพ่อแม่คุยกันอีกพักใหญ่แล้วทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
คำเอ้ยปฏิเสธคำชักชวนของพ่อแม่ที่ให้ไปนอนในห้อง
อ้างว่าเอื้องคำจะเอาไข้ไปติดพ่อเฒ่ากับแม่อุ้ยเข้า
ขอนอนที่ระเบียงหน้าห้องดีกว่า

พอแม่ปูที่นอนกางมุ้งเสร็จเอื้องคำก็มุดเข้ามุ้งหลับผล็อย
ทั้งด้วยฤทธิ์ยาและความเหนื่อยเพลียที่ต้องเดินไกล
แต่คำเอ้ยสิกลับนอนไม่หลับ
ยิ่งได้ยินเสียงลูกละเมอสะอื้นเป็นครั้งคราวยิ่งร้อนรุ่มใจราวกับไฟสุม
นับแต่รู้เรื่องผัวทำกับลูกน้ำตาหล่อนไม่ได้หยาดออกมาสักหยดเดียว
แต่มันไหลอยู่ข้างในกัดกร่อนความรู้สึกดีงาม
ความใจบุญสุนทานที่มีอยู่แต่เดิมจนหมดสิ้น

เอื้องคำสะดุ้งตื่นเมื่อแว่วเสียงไก่ขันและได้ยินเสียงเหมือนคนเดิน
หล่อนพลิกตัวไปหาแม่ด้วยใจเต้นระทึก
มือป้ายไปถูกตัวคำเอ้ยที่เย็นเฉียบก็ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ
คำเอ้ยกำลังปิดมุ้งแล้วล้มตัวลงนอน

“แม่ ไปไหนมาตัวเย็นแท้ว่า”

“ไปขี้ไปเยี่ยวมา” คำเอ้ยตอบเสียงห้วน

“นอนเต๊อะ บ่ถ้าอู้นัก แม่ง่วง”

เอื้องคำหลัยตาลงอย่างว่าง่าย ในใจหล่อนนึกแปลก ๆ ที่ถูกแม่ดุ
เสียงแม่หายใจหอบเหมือนไปวิ่งมา
บางทีแม่คงจะไปขี้ไปเยี่ยวกลางทุ่งนาแล้วกลัวอะไรเลยวิ่งหนีมากระมัง

รุ่งขึ้นต่างก็ลุกขึ้นช่วยกันทำกินเป็นโกลาหล
ยกมากินกันที่บ้านพ่อแม่เหมือนเคย
วันนี้พี่คนโตของแม่ทำลาบมาเลี้ยง
เอื้องคำกินได้หน่อยหนึ่งแล้วรีบกินยาตามเข้าไป
เพราะกลัวโรคเวียนหัวคลื่นใส้จะกำเริบให้ญาติของแม่จับได้
หล่อนรู้สึกสดชื่นแข็งแรงอาสาช่วยแม่เก็บสำรับกับข้าวล้างจาน
ยังไม่ทันเช็ดมือก็มีเสียงรถเครื่องวิ่งเข้าบ้านพร้อมกับเสียงถามหาคำเอ้ย

“ชาวบ้านเขาว่าคำเอ้ยพาลูกไปหาหมอที่สถานีอนามัยเมื่อวานนี้ มันบ่กลับบ้านเตื้อ”

“เออ คำเอ้ยกับลูกสาวมันนอนบ้านพ่อแม่นี้ละ ถามหามันยะหยัง ผู้ใหญ่”
เสียงพี่ชายคนโตคำเอ้ยโต้ตอบซักถามผู้ใหญ่บ้าน
คำเอ้ยนั่งลงใกล้เอื้องคำและจับมือลูกไว้แน่น

“ชาวบ้านมาตักน้ำ เห็นหนานสุขนอนตายอยู่ริมห้วย
นุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียว ให้คนไปที่บ้านมีแต่ละอ่อน”

เอื้องคำกระเถิบไปนั่งเบียดแขนแม่ นิ่งอึ้งตกตะลึงทั้งแม่ทั้งลูก
เสียงผู้ใหญ่บอกว่าเจ้าหน้าที่ไปชันสูตรพลิกศพแล้ว
หนานสุขถูกตีด้วยของแข็งจนหัวน่วม
ตายมาหลายชั่วโมงจนตัวแข็งและมดขึ้นแล้ว
ให้ญาติพี่น้องลูกเมียไปจัดการเรื่องศพ

“มันชอบเมานอนขวางถนน เมาหาเรื่องด่าคนอื่น
เขาถ้าจะโกรธมันมานานแล้ว สงสัยคนบ้านอื่นทุบตายแล้วเปิดเลย”

“แบบนี้ก็ตายฟรี”

“เขาเอาอะหยังบุบหัวมัน”

“สากมอง” เสียงผู้ใหญ่บ้านตอบ
“สากมองที่ตำข้าวเม่ากินท้ายบ้านนั่นละ”


นิตยสาร ช่อการะเกด
พฤษภาคม – มิถุนายน 2540




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2552
1 comments
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 12:05:04 น.
Counter : 1165 Pageviews.

 

มาอ่านอีกรอบแระ

 

โดย: พี่นิ IP: 124.122.156.249 1 พฤศจิกายน 2553 11:55:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Torja
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Torja's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.