Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

[Mt Kinabalu #3] สู่จุดสูงสุดของยอดเขา...Low's Peak @ Kinabalu



กระทู้ผมเอง จากห้องบลู เอามาเก็บรวบรวมไว้ในบล็อคคับ



ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกตั้งแต่ยังไม่ตี 2
เรายังเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มเลย ก็เพิ่งนอนไปตอน 4 ทุ่มเองนี่นา
ร่างกายยังปวดเมื่อยไม่หาย จากการเดินขึ้นเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

รีบเร่งทานอาหาร ที่ไม่รู้ว่ามื้อไหน แต่ที่ต้องการคือพลังงาน
จากนั้นเตรียมตัวเพื่อเดินขึ้นสู่ยอดเขาตามความตั้งใจ

ภาพบริเวณจุด Low's Peak ครับ


จากตอนก่อนๆครับ

--------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1 [Mt Kinabalu #1] เริ่มต้นการเดินทาง...สู่ยอดเขาคินาบาลู
ตอนที่ 2 [Mt Kinabalu #2] เพิ่งรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน.....ที่ต้องไต่เขาคินาบาลู
-------------------------------------------------------------------------

ท่ามกลางความมืดและอากาศหนาวเย็น

ทุกคนใส่เสื้อกันหนาวกันลมแบบเต็มที่ ไฟฉายฉายคาดหัว ไม้ค้ำเวลาเดิน กระติกน้ำ
หลายคนเดินล่วงหน้าไปก่อนเราหมดแล้ว พวกผมเลยมองเห็นแสงไฟจุดๆเป็นแนวยาว
เลยพอทำให้เดาได้ ว่าต้องเดินไปทางไหน

ภาพเส้นทางที่เดินจากจุด Laban Rata จนถึงจุด Low's Peak




ผมขอสารภาพตามตรงว่า...


ระหว่างทาง ผมไม่มีแรงแม้แต่จะหยิบกล้องออกมาถ่ายรูป
หลังจากได้สติว่าควรจะต้องถ่ายรูป ผมเลยหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าเป้
และนี่เป็นภาพแรกที่ถ่ายไว้ครับ

กว่าจะมีแรงถ่ายรูป ก็เกือบจะถึง Low's Peak แล้ว





ผมใช้เวลาปีนทั้งหมด 5 ชั่วโมง จนถึงยอดเขา
ช่วงใกล้ๆถึงจุด Low's Peak ก็มีนักปีนเขาบางส่วน เดินสวนลงมาจากยอดบ้างแล้ว

ตอนนี้เรามานั่งหอบแฮกๆกันอยู่
มองออกไปจากจุดที่เรานั่งพัก เห็นด้านล่างเต็มไปด้วยทะเลหมอก

แต่ก็ไม่หายเหนื่อยอยู่ดี...





มองขึ้นไปด้านบน นักปีนเขาทั้งหลายกำลังรอเพื่อที่จะถ่ายรูปกับป้าย Low's Peak
อากาศบนยอดเขาหนาวมากๆครับ และลมก็แรงมากด้วย

ใครที่จะมาเตรียมเครื่องแต่งกายให้พร้อมนะครับ




เขาคินาบาลู จากข้อมูลที่อ่านเจอ เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน
เกิดจากการยกตัวขึ้นจากพื้นโลกเมื่อหลายสิบล้านปีที่แล้ว
บริเวณภูเขาโดยเฉพาะด้านบน จะเป็นหินแกรนิตเป็นส่วนใหญ่ครับ

ภาพจากบริเวณจุด Low's Peak ครับ
ตอนนี้เวลา 7 โมง พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว





สงสัยมั้ยครับ ว่าทำไมจุดสูงสุด เค้าถึงตั้งชื่อว่า Low's Peak

ชื่อนี้ตั้งให้เป็นเกียรติแก่คุณ Hugh Low ครับ
ผู้พิชิตยอดเขาคินาบาลูคนแรก เมื่อปี ค.ศ. 1851 ครับ

ที่มา //en.wikipedia.org/wiki/Hugh_Low



ถ้าข้อมูลผมไม่ผิด
จุดทางขวานี้คือ St. John's Peak ครับ มีความสูง 4090.7 เมตร

ถัดออกมาทางซ้าย ยอดแหลมๆที่เห็นคือ South Peak ครับ มีความสูง3933 เมตร
สูงน้อยกว่า Low's Peak เยอะ แต่ผมว่าโดดเด่นกว่าครับ





พอมองไปอีกด้าน เห็นเงาของยอดเขาพาดไปจนสุดขอบฟ้าเลยครับ
คงพอจินตนาการออกว่า เรามาอยู่สูงขนาดไหน

แต่จากที่ลองหาดู คีนาบาลูยังไม่ใช่จุดสูงที่สุดของเอเชียอาคเนย์นะครับ
ยอดที่สูงที่สุดอยู่ที่พม่าครับ เทือกเขาเดียวกับหิมาลัย
ส่วนดอยอินทนนท์บ้านเรา อยู่อันดับที่ 26 ครับ

List of Southeast Asian mountains
The following is a list of mountain peaks of Southeast Asia:

1. Hkakaborazi, 5881m, Myanmar
2. Ganlanrazi, 5834m, Myanmar
3. Dindawrazi, 5464m, Myanmar
4. Sheankalarazi, 4998m, Myanmar
5. Puncak Jaya, 4884m, Indonesia
6. Trikora, 4751m, Indonesia
7. Mandala, 4701m, Indonesia
8. Pangramrazi, 4655m, Myanmar
9. Phonnyinrazi, 4560m, Myanmar
10. Mt. Kinabalu, 4094m, Malaysia***เรากำลังยืนอยู่บนนี้***
.
.
.
26. Doi Inthanon, 2565m, Thailand

ที่มา //en.wikipedia.org/wiki/List_of_Southeast_Asian_mountains




ยิ่งอยู่นาน ทะเลหมอกยิ่งเยอะขึ้น
ระยะทางที่เห็นจากจุดที่ผมยืนถ่ายรูป จนถึง kinabalu South Peak ก็ไกลเป็นกิโลครับ

จุดเล็กๆที่เห็นในภาพคือคนนะคับ




หากเทียบความสูงของภูเขา โดยแบ่งตามประเทศ ยอดคินาบาลูจะเป็นอันดับ 3 ของ Soth East Asia

1 Hkakabo Razi (5,881 m), the highest peak in Myanmar and South East Asia.
2 Puncak Jaya (4,884 m) : the highest mountain in Indonesia.
3 Mount Kinabalu (4,093 m), the highest mountain of Malaysia and Borneo, located in Sabah, Malaysia.
4 Fansipan (3,143 m), the highest peak in Vietnam and Indochina
5 Mount Ramelau (2,963 m), the highest mountain in East Timor.
6 Mount Apo (2,954 m), the highest point in the Philippines
7 Phou Bia (2,819 m), the highest mountain in Laos, located in the Annamese Cordillera.
8 Doi Inthanon (2,565 m), the highest peak in Thailand.
9 Phnom Aural (1,813 m), the tallest peak in Cambodia,
10 Bukit Pagon (1,850 m), the highest mountain in Brunei.
11 Bukit Timah (163.6 m), the highest point in Singapore.

ที่มา //en.wikipedia.org/wiki/List_of_mountains#Southeast_Asia


นักปีนเขาส่วนใหญ่ เริ่มทยอยกันเดินลงแล้ว
เราก็เตรียมตัวขึ้นไปบนยอดเพื่อถ่ายรูปกับป้ายบ้างครับ

เพราะถ้าไม่รีบ เดี๋ยวแดดจะร้อนมาก





น้องคนนี้เป็นชาวเกาหลีครับ ตอนเดินขึ้นมาถึงมีคนปรบมือให้เยอะเลย
กำลังแอ๊คท่า ให้คุณพ่อถ่ายรูปครับ

ป้ายนี้บอกจุดสูงสุดของยอดเขาคินาบาลู คือ จุด Low's Peak ที่ความสูง 4095.2 เมตร

เป็นมุมมหาชน...





กว่าจะถ่ายรูปเสร็จก็สายแล้วครับ แดดร้อนเปรี้ยง
ต้องเดินลงโดยใช้เส้นทางเดิมที่ขึ้นมาครับ





เนื่องจากขาขึ้นเขาไม่ได้ถ่ายรูป
จึงของอธิบายเส้นทางย้อนหลัง โดยใช้รูปขาเดินลงแทนนะครับ
ช่วงขึ้นเขา Laban Rata 3272.7m - Sayat Sayat Check Point 3668.1m - Low's Peak 4095.2m

เป็นการเดินที่สั้นกว่า แดดไม่ร้อน ไม่ต้องแบกของ เพราะฝากสัมภาระไว้ที่ห้องพักได้
แต่สำหรับผม ความเหนื่อยไม่ได้น้อยกว่าเดิมเลยครับ เพราะทางชันกว่า อากาศหนาว และลมแรงมากครับ
ส่วนเรื่องความมืด ก็เป็นข้อดี เพราะเราจะไม่เห็นว่าที่เราเดินมันชันขนาดไหน



ช่วงลงเขา Low's Peak - Sayat Sayat Check Point - Laban Rata
จากนั้นเก็บกระเป๋าที่ Laban Rata แล้วเดินทางโดยใช้ Timpehon route




ภาพนี้ที่เห็นเป็นจุด Low's Peak ครับ

ดูใกล้ๆ แต่จริงๆไกลมาก
เป็นช่วงท้ายๆของการขึ้นเขาแล้วครับ ไม่มีต้นไม้ ลมก็เลยแรงมาก ทางลาดชัน ใครทรงตัวได้ก็ดีหน่อย ใครไม่ไหวก็ดึงเชือกเอา



มองไปทาง donkey's ear peak ความสูง 4054 เมตร
ตั้งชื่อตามลักษณะที่เหมือนกับหูของลา

ช่วงนี้จะเป็นทางลาดเอียงประมาณ 700 เมตรครับ




ป้ายบอกระยะทางว่าเป็นกิโลเมตรที่ 8 (จาก 8.7 กิโลเมตรครับ)



เมื่อคืนเดินมาแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ว่าวิวเป็นยังไงบ้าง
จับเชือกดึงตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ พอเหนื่อยก็นอนกองอยู่แถวๆนี้



ขาลงไม่ต้องจับเชือกแบบขาขึ้นแล้วครับ
มองเห็นทางแล้วว่าจะต้องก้าวไปทางไหน จับหินก้อนไหน

แต่ก็ไม่ได้สบายไปกว่าขาขึ้นนะครับ



ผ่านจุด Sayat Sayat Check point ที่ความสูง 3668.1 เมตร (บ้านหลังที่อยู่ด้านบนในภาพครับ)
เป็นจุดที่เช็คชื่อนักปีนเขาครับ มีห้องน้ำเล็กๆให้เข้าด้วย




เดินเลาะไปตามแนวเขาเรื่อยๆ ช่วงนี้จะเริ่มชันนิดนึง
เมื่อคืนผมว่าโหดมากทีเดียว คงเป็นเพราะมองไม่ค่อยเห็นทาง เลยคิดไปเองต่างๆนาๆ



หลังจากได้ปีนมาซักพัก ทำให้นึกเครื่องเล่นสมัยวัยละอ่อน

ใครที่จะมา ผมว่าฝึกแบบนี้มาก่อนก็จะดีมากครับ
แต่ทำไมตอนเด็กๆปีนแล้วไม่รู้สึกเหนื่อยก็ไม่รู้



บางจุดก็จะมีต้องปีนป่ายกันบ้าง อะไรบ้าง
เสียเหงื่อกันไปเยอะเหมือนกัน




แบบฝึกหัดที่ต้องซ้อมมาและน่าจะเป็นประโยชน์ครับ



หันหลังไปมองที่จุด Low's Peak อีกที เดินมาประมาณกิโลกว่าๆแล้ว



เดินลงเขากันต่อ
จุดนี้จะต้องไต่เขาไปเรื่อยๆ ผมว่าจุดนี้อันตรายที่สุดนะ ไม่ได้เซฟอะไรเลย



อีกแบบฝึกหัดที่ลืมไม่ได้ ผมว่าทุกคนเคยเล่นมาหมดแล้ว
ฝึกเป็นสไปเดอร์แมนมือกาว


เมื่อคืนไม่กล้าปล่อยเชือกเลย เพราะไม่รู้จะเจออะไรบ้าง




หมดส่วนปีนป่ายกันแล้วล่ะครับ
เขาข้างหลังนั้น คือสิ่งที่เราผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าจะปีนกันได้



ต่อจากนี้ก็สบายแล้วครับ ทางไม่ได้เรียบ แต่ก็ดีกว่าเดิมเยอะ



จะมีช่วงบันไดชันๆ บ้าง แต่ก็ทำราวจับไว้อำนวยความสะดวก



ออกมาจากประตูเล็กๆครับ เมื่อคืนเริ่มเดินขึ้นเขาจากตรงนี้



ทางขึ้นเขาอยู่ติดกับ Gunting Lagadan ที่ความสูง 3929 เมตร
ซึ่งเป็นที่พักในกลุ่มเดียวกับ Laban Rata แต่ไม่มีฮีทเตอร์

จริงๆตอนจอง ผมจะได้มานอนที่ Guntaing Lagadan
แต่ Laban Rata มีที่ว่าง ก็เลยได้ย้ายไปนอนที่อุ่นๆ



จาก Gunting Lagadan Hut มองลงเป็นที่บ้านพัก Laban Rata Resthouse
ยังเหลือระยะทางต้องเดินอีกนิดหน่อย



จริงๆแล้วคนส่วนใหญ่เค้ากลับกันมาถึงนี่ตั้งแต่ 8 โมง กินข้าวเช้าที่นี่
แล้วเค้าลงไปกินข้าวที่กันที่ Timpohon Gate ด้านล่างตอนเที่ยงครับ

แผนของเรา ซึ่งเลทกว่าคนอื่นมากมายคือ
ถึงที่ Laban Rata 10 โมง อาบน้ำ เก็บของ แล้วเริ่มเดินลงเขาต่อ 11 โมง
เพื่อที่จะไปกินข้าวกลางวันก่อนบ่าย 2 (ถ้าทำได้)



เริ่มเดินทางกันต่อ แดดร้อนเปรี้ยงเลย

เส้นทางลงยังคงเป็นเส้นเดิม
แม้ไม่เหนื่อยเท่าขาขึ้นเขา แต่ร่างกายเราชักเริ่มไม่ไหว
ตอนนี้รู้สึกปวดเข่าแล้วล่ะ



ยังคงถ่ายรูปบรรยากาศของพันธุ์ไม้แปลกไปเรื่อย



เส้นทางเดิมที่เคยเดินมา...



ตอนนี้เริ่มมีละอองฝน รู้สึกดีที่ฝนมาตกเอาขาลง
ถ้าฝนตกเมื่อวานต้องแย่แน่ๆ



เราออกมาเป็นกลุ่มสุดท้าย (อีกแล้ว)
ก็เลยเงียบเหลือเกิน เหมือนเดินกันอยู่กลุ่มเดียว



เนื่องจากฝนตก วันนี้เส้น Mesilau ก็เลยปิดไม่ให้เดินครับ
ทุกคนที่จองเดินโดยใช้เส้นทางนี้ จะถูกบังคับให้เดินทาง Timpohon
การปิดเส้นทางนี้ต้องเช็ควันต่อวันเลยครับ

ใครที่ฝากกระเป๋าไว้ที่ Mesilau ก็ใช้บริษัทรถขนกระเป๋า
ให้มาส่งที่ Timpohon ได้ ราคา 10 ริงกิตครับ



กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางและความสูง ของเส้นทาง Mesilau ครับ



จากที่เราจองเดินไป-กลับ Mesilau
ก็เลยเหมือนโดยบังคับให้ไป Timpohon โดยอัตโนมัติ

เส้นนี้เรายังไม่เคยเดิน มาดูกันดีกว่า ว่าจะต่างกับเส้นทาง Mesilau อย่างที่เค้าบอกกันรึป่าว



เนื่องจากฝนเริ่มตกมากขึ้น เลยมาแวะใส่เสื้อกันฝนที่ Layang Layang Staff Quarter
คนที่ไม่ได้เอาร่ม หรือเสื้อกันฝนมา ก็มาหลบอยู่ที่นี่กันเต็มเลย



สภาพเส้นทางของเส้นทางนี้ ดูไม่ยากเท่า Mesilau ครับ
ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางเรียบ หรือไม่ก็เป็นทางลาดยาวๆ



สภาพป่าของเส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะเป็นป่าเฟิร์น ไม่หลากหลายเท่า Mesilau
แต่ก็ร่มรื่นสวยงามตลอดเส้นทางเช่นกันครับ



อาจจะเป็นเพราะเส้นทาง Timpohon เปิดมานานกว่า เส้นทางก็เลยปรับปรุงในสภาพที่ดีกว่า
แต่อย่างที่เห็นในภาพ ยังรักษาความเป็นธรรมชาติไว้อย่างดี
ประเทศเราน่าจะทำแบบนี้บ้าง



ลักษณะขั้นบันได ตลอดเส้นทาง Timpohon ถูกทำไว้อย่างดี
ถ้าทางชันก็จะมีราวจับตลอดเส้นทาง



อีก 3 กิโลเมตรถึง Timpohon Gate
ฝนยังไม่หยุดตกซักที




พันธุ์ไม้ ดอกไม้ ที่มีให้ดูกันตลอดเส้นทางการเดิน

แต่เส้น Timpohon นี้ ไม่มีต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงยักษ์ให้ดูนะคับ



วันนี้ไม่ค่อยเห็นนักปีนเขาเดินสวนขึ้นมา
อาจจะเป็นเพราะด้วยสภาพอากาศที่ไม่ค่อยดีด้วยก็ได้



ป่าเริ่มแห้งๆ ผมว่าต้นไม้เริ่มคล้ายกับบ้านเราแล้วล่ะ
ความสูงใกล้เคียงกับดอยอินทนนท์แล้ว




แวะพักอีกซักหน่อยที่ Pondok Ubah ที่ความสูง 2081 เมตร



ทางทำเป็นไม้ระแนงให้เดินกันอย่างสบาย ต่างกับ Mesilau ลิบลับ
แต่ในอนาคต เค้าอาจจะพัฒนาให้เป็นแบบนี้ก็ได้

ส่วนตัวผมชอบดิบๆแบบเมื้อกี้มากกว่า



ช่วงหนึ่งกิโลเมตรสุดท้าย ก่อนจะถึง Timpohon Gate ครับ
ทุกคนต่างทำเวลา



ผ่านน้ำตก Carson Fall ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของเส้นทางนี้



และแล้วเราก็มาถึงทางจุดหมายปลายทาง Timpohon Gate ที่ความสูง 1866 เมตร





ที่นี่เคยจัดวิ่งมาราธอนขึ้นยอดเขา

ไม่น่าเชื่อว่าในการวิ่งจากจุดนี้ ถึง Low's Peak นักวิ่งจะใช่เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง

ถึงทางออกจริงๆแล้วครับ




ผู้ที่พิชิตยอดเขาคินาบาลูจะได้ประกาศนียบัตร 2 ใบครับ
ติดต่อรับได้ที่ Kinabalu Head Quarter (ที่เดียวกับตอนที่เรามา check in)

อันนี้เป็นใบแรก เป็นใบที่แสดงว่าขึ้นเขาโดยใช้เส้นทาง Mesilau




ใบนี้บอกว่า ผมได้พิชิตยอดเขา Low's Peak มาแล้วนะ
2 ใบ ราคา 12 ริงกิตครับ



จากนั้นมาหม่ำๆ ข้าวกลางวัน เป็นบุฟเฟ่ครับ
อาหารกลางวันปิดให้บริการตอน 4 โมงเย็น
ตอนนี้เวลา บ่าย 3 ครึ่ง ยังมีเวลาอยู่นิดหน่อย




ไลน์บุฟเฟ่ที่ Kinabalu Park Head Quarter ครับ



จากนั้นเตรียมตัวกลับเข้าตัวเมือง KK ครับ
เราตัดสินใจเหมารถแท็กซี่เข้าเมืองในราคา 60 ริงกิต
เพราะถ้าขืนนั่งรถ minibus แบบขามา คงจะมืดแน่ๆ



เส้นทางขากลับครับ
เห็นน้ำตกระหว่างทางด้วย คราวนี้ถ่ายเอาไว้ได้ บอกแล้วว่าไม่ได้โม้



ใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมงเข้ามาถึงเมือง KK
Tune Hotel ที่เราจองไว้ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนะครับ แอบเสียดายเล็กน้อย
ไม่งั้นคงได้เที่ยวในเมืองช่วงกลางคืนด้วย

แต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก เพราะอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้า
ใครอยากอยู่ในตัวเมือง ก็ตัด Tune Hotel ออกไปได้เลยครับ



พาเที่ยวเมือง KK แบบรวบรัดเล็กน้อยระหว่างรอขึ้นเครื่องกลับ
อันนี้เป็นตลาดขายของพื้นเมือง ของ KK

ของขายไม่น่าสนใจเท่าไหร่เลย



Sabah Tourism Building เป็นตึกเก่าสมัยปี 1916
เดิมเป็นสำนักงานของรัฐ แต่ปัจจุบันเป็นของการท่องเที่ยวซาบาห์ไปแล้ว



สถานที่แทบจะอยู่ติดๆกันเลย

หอนาฬิกา Atkinson Clock tower อยู่บริเวณเนินเขา Signal Hill
สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก Francis George Atkinson ผู้บริหารของ KK คนแรก



เขยิบออกมานิดนึงเป็นจุดชมวิว Signal Hill
จากจุดนี้สามารถมองเมือง KK ได้ทั้งเมือง รวมถึงเห็นเกาะ Gaya Island อยู่ฝั่งตรงข้าม
น้ำทะเลสีสดมาก



เดินทางไปขึ้นเครื่องบินแล้ว มีเวลานิดเดียว
นี่เป็นท่ารถที่เรามาขึ้นตอนไปปีนเขา Kinabalu ครับ



ผ่าน State Mosque



เอาไงดีเวลายังเหลือ...

ขอให้พี่แท็กซี่ขับเลยไปดูชายหาดของ KK เปลี่ยนบรรยากาศป่าเขากันบ้าง



ไม่ถึง 5 นาทีจากทางเข้าสนามบิน
Tanjung Aru Beach เป็นชายหาดที่เงียบมากๆ คนที่นี่เค้าคงไปเที่ยวที่อื่นกันหมด



มีโต๊ะนั่งกินข้าวอยู่นิดหน่อย น่านั่งดี บรรยากาศใช้ได้ ลมเย็นๆ



หลังจากนั่งกินอะไรเล็กๆน้อยๆ ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับบ้านครับ
มุ่งสู้ Low cost terminal เจ้าเก่า



นอกจากยอดเขาคินาบาลูแล้ว KK ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะครับ
ทะเลสวยๆ แหล่งดำน้ำชื่อดังหลายๆที่ ก็อยู่แถวๆเกาะบอร์เนียวแห่งนี้
หรือป่าเขาต่างๆ ก็อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากๆอยู่ครับ

น่าเสียดายที่ไม่มีไฟล์ทบินตรงจากกรุงเทพแล้ว



หากท่านเป็นคนที่ชอบเดินป่า รักธรรมชาติ เส้นทางนี้ขอแนะนำครับ
เรื่องแรงกายไม่ต้องเป็นห่วง เดินไป พักไปแบบผม ถึงช้าหน่อย แต่ก็ยังถึงครับ
ค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้คือแพคเกจปีนเขา ซึ่งราคาอยู่ที่ 7000-10000 บาท / คน
ถ้าสอยโปรแอร์เอเชียได้ ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย



ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบรีวิวครับ




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2553
1 comments
Last Update : 13 มกราคม 2556 16:11:15 น.
Counter : 2931 Pageviews.

 

อยากไปมั่ง แต่คงต้องฟิตก่อน

 

โดย: ibozla 1 สิงหาคม 2553 23:30:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


titleboi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]





Friends' blogs
[Add titleboi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.