|
ด้วยการที่ City เป็นผู้ถือคบเพลิง Honda จึงสร้างภาพลักษณ์ระดับพรีเมียมและเป็นที่ต้องการในอินเดีย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา City ยึดตำแหน่งที่โดดเด่นในกลุ่มรถเก๋งขนาดกลางและเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุดที่สามารถผลักดันยอดขายของแบรนด์ในอินเดียได้ด้วยมือเดียว ดังนั้นการที่จะบอกว่า City เป็นรถยนต์ที่สำคัญสำหรับ Honda นั้นเป็นการพูดที่ไม่ชัดเจน Honda ได้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล i-DTEC ขนาด 100 แรงม้า 1.5 ลิตรที่คุ้นเคยเพื่อขับเคลื่อนเมือง แต่ตอนนี้มีตัวเร่งปฏิกิริยา NOx Storage Catalyst (NSC) และตัวกรองอนุภาคดีเซล (DPF) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยก๊าซ BS6 เงียบกว่าและละเอียดกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาก ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปร่างของส่วนประกอบบางอย่างเช่นตัวเรือนโซ่การป้องกันปั๊มการเผาไหม้ตัวยึดและตัวเร่งปฏิกิริยารูปไข่รวมถึงการรวมซี่โครงเพิ่มเติมสำหรับบล็อกเครื่องยนต์และโครงสร้างแบบลอยตัวที่ปิดฝาครอบทำให้ Honda สามารถจัดการได้อย่างมีนัยสำคัญ ลดเสียงแหลมและรัวจากเครื่องยนต์ การสั่นสะเทือนได้รับการควบคุมอย่างดีเยี่ยมเช่นกันด้วยฉนวนเพิ่มเติมและวัสดุป้องกันเสียง 
สิ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือตัวละครที่ไม่มีความล่าช้าของเครื่องยนต์นี้และการตอบสนองระดับต่ำที่แข็งแกร่ง ด้วยลักษณะที่เข้าถึงได้ง่ายและการส่งกำลังเชิงเส้นนี่จึงเป็นหนึ่งในดีเซลที่ใช้งานง่ายที่สุด รู้สึกสบายใจในขณะที่เข้าเกียร์สูงขึ้นด้วยความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำและในขณะที่คุณวางเท้าลงมันจะสร้างความเร็วได้อย่างราบรื่น มอเตอร์จะก้าวออกนอกเขตสบายเมื่อหมุนเกิน 3,500 รอบต่อนาทีและในช่วง 700 รอบสุดท้ายหรือมากกว่านั้นความคืบหน้าจะช้าเนื่องจากเครื่องยนต์ไม่มีไอน้ำ แต่เก็บไว้ระหว่าง 1,500-3,000 รอบต่อนาทีและให้รางวัลกับคุณด้วยประสิทธิภาพที่รวดเร็ว เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าอัตราทดเกียร์ (รวมถึงไดรฟ์สุดท้าย) ไม่เปลี่ยนแปลง และเจนเนอเรชั่นที่ 5 นี้หนักกว่ารุ่นขาออกเกือบ 62 กก. ถึงกระนั้นประสิทธิภาพก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวอร์ชันนี้ทำความเร็วได้ถึง 60kph, 100kph และ 140kph เร็วกว่า City i-DTEC รุ่นที่สี่โดย 0.79sec, 2.34sec และ 6.93sec ตามลำดับ แม้แต่การเร่งความเร็ว 20-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเกียร์สามก็ยังส่งเร็วกว่าเดิม 0.6 วินาที อย่างไรก็ตามเวลา 40-100kph ในเกียร์สี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ประเด็นที่ใหญ่กว่าของเมืองใหม่คือเครื่องยนต์เบนซินใหม่ทั้งหมดซึ่งเป็นของตระกูล "Earth Dreams" เครื่องยนต์นี้มีช่วงชักที่ยาวขึ้น (ถ้าเพียง 0.1 มม.) และแทนที่ 1,498cc (เมื่อเทียบกับรุ่นขาออก 1,497cc) ใช้ DOHC หรือเพลาลูกเบี้ยวเหนือศีรษะสองเท่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิภาพ คุณลักษณะเด่นบางประการของเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ ได้แก่ อัตราส่วนกำลังอัดที่สูงขึ้น 10.6: 1 (เทียบกับ 10.3: 1) การใช้อลูมิเนียมในบล็อกเพิ่มขึ้นเพลาข้อเหวี่ยงที่เบาขึ้นและมาตรการลดแรงเสียดทานและการลดน้ำหนักหลายอย่างเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นำออกไปจากลักษณะการหมุนรอบสูงที่สนุกสนานของน้ำมันเบนซิน 1.5 ลิตรรุ่นเก่าหรือไม่? ไม่ได้อย่างแน่นอน! อักขระของเครื่องยนต์นี้ยังคงเหมือนกันกับหน่วยขาออก เป็นเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดีมีช่วงกลางที่ราบเรียบและชอบที่จะปรับปรุงใหม่อย่างหนัก พลังไหลผ่านเป็นขั้นตอนโดยมีการพุ่งขึ้นอย่างโดดเด่นเกิน 2,000 รอบต่อนาทีและ 4,000 รอบต่อนาที แต่เป็นช่วง 2,500-3,000 รอบต่อนาทีสุดท้ายที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานมากที่สุดไม่เพียง แต่ในแง่ของประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ทางหูด้วย มันจะได้เสียงที่ค่อนข้างชัดเจนในรอบที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้หยาบกระด้างหรือทำให้เครียด เวลาในการเร่งความเร็วใกล้เคียงกับ City(ซิตี้ 2020) รุ่นที่สี่และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เร็วที่สุดในกลุ่มนี้โดยมีการส่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 10.2 วินาที เวลาในการเร่งความเร็วในเกียร์ยังคงเหมือนกันกับรถขาออกแม้จะมีน้ำหนักที่ลดลงและอัตราทดสุดท้ายของไดรฟ์ที่ต่ำกว่า (เพิ่มเติมในภายหลัง) 
กระปุกเกียร์ธรรมดา 6 สปีดมีน้ำหนักเบาพร้อมด้วยประตูที่กำหนดไว้อย่างดีและการกะจังหวะที่ดีมาก ช่องใส่เกียร์ถอยหลังอยู่ข้างเกียร์หกและจริง ๆ แล้วง่ายมากที่จะเข้าร่วมและคุ้นเคยกับ คลัทช์ของทั้งสองหน่วยเบนซินและดีเซลมีน้ำหนักเบาและมีระยะการเดินทางสั้นจึงต้องใช้ความพยายามน้อยมาก ด้วยทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยมการควบคุมแสงและลักษณะที่ง่ายต่อการขับขี่ Honda City ยังคงเป็นรถที่ใช้งานง่าย สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายอย่างแท้จริงเบนซิน -CVT คือสิ่งที่ควรทำ มันราบรื่นมากและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ง่ายดายอย่างแท้จริง ด้วยความเร็วในเมืองมันทำงานในลักษณะที่ไม่ยุ่งยากผ่อนคลายและสิ่งที่ดีก็คือแม้ว่าคุณจะก้าวร้าวด้วยคันเร่ง แต่ ‘เอฟเฟกต์สายรัดยาง’ โดยทั่วไปนั้นไม่สำคัญ หรือพูดง่ายๆก็คือไม่มีความรู้สึกที่ขาดการเชื่อมต่อระหว่างความเร็วของเครื่องยนต์และความเร็วของรถภายใต้การเร่งความเร็วอย่างหนัก CVT นำเสนอ paddleshifters ด้วยโดยเลียนแบบอัตราทดเกียร์ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเจ็ดแบบ สิ่งเหล่านี้ให้การควบคุมความเร็วของเครื่องยนต์ในระดับหนึ่งและมีประโยชน์อย่างยิ่งในขณะขับรถลงเนินเมื่อคุณต้องการการเบรกด้วยเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น น้ำมันเบนซิน-CVT ใช้เวลามากกว่า MT เบนซิน 1.6 วินาทีในการวิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เนื่องจากไม่มีเกียร์ให้วิ่งจึงเร็วกว่ามากในสถานการณ์ที่คุณวางเท้าลงเพื่อปิดช่องว่างในการจราจรหรือเพื่อทำการ แซงอย่างรวดเร็ว
| Create Date : 09 ตุลาคม 2563 |
| Last Update : 9 ตุลาคม 2563 10:05:00 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 481 Pageviews. |
 |
|
