Aloha Hawaii (กลับถิ่นเมืองสวรรค์) Part. 2
บุกตะลุย Diamond Head ขุนเขาเเห่งเพรช สวัสดีจ้า .. คุณฮาวาย ดีใจจังที่ได้มีโอกาศกลับมาเยี่ยมคุณอีกรอบ คราวนี้คุณฮาวายจะพาฉันไปไหน ไปเจอกับอะไร เรามาติดตามกัน .... ช่วงนี้อากาศที่ฮาวายก็คล้ายๆ บ้านเรา คือ อากาศร้อนอบอ้าว แต่ที่นี่จะมีลมแรงอยู่ตลอดเวลา อากาศเค้าจะร้อนแห้งๆ แดดค่อนข้างแรง ทางที่ดี สาวๆ นักท่องเที่ยวอย่างเราต้องพกครีมกันแดดค่า SPF สูงๆ แล้วก็แว่นกันแดดเก๋ๆ หรือไม่ก็หมวดปีกกว้างใบสวยๆ มาด้วย จะช่วยป้องกันความร้อนได้เยอะเลยล่ะค่ะ คราวก่อนที่เรามา เราเคยได้ยินเค้าพูดถึง Diamond Head เราก็ยังไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเช่นไร คราวนี้เราเลยตัดสินใจว่า ของดทริปช๊อปปิ้ง มาเป็นทริปตะลุยเที่ยวแทนละกัน เราก็เริ่มต้นทริปด้วยการ ชักชวนเพื่อนที่มาด้วยกันว่า อยากไปตะลุยเขาดูวิวทะเลกับเราไหม เธอผู้นั้นก็ตกลงปลงใจพร้อมลุยไปกับเรา เราก็ไปถามรายละเอียดที่ประชาสัมพันธ์ว่า เราจะไป Diamond Head ต้องทำยังไง อย่างเเรกเค้าก็เสนอเรามาว่า คุณสามารถนั่งรถประจำทางไปได้นะ เสียค่ารถก็คนละ 2 ดอล (เราก็คิดในใจ เอ่อ .. ทริปนี้น่าจะเวิค เพราะไปกลับก็เสียค่ารถถแค่ 4 ดอล ประหยัดใช้ได้เลยล่ะ) แล้วพอเธอไปถึงนะ เธอก็จะเสียค่าเข้าอีกคนละไม่กี่ดอล (จำไม่ได้ว่าค่าเข้าเท่าไหร่) โอเคๆๆ ประหยัดใช้ได้ งั้นเราลุยไปกันเลย จะรอช้าอยู่ไย เสร็จป๊าป .. เราก็ไปนั่งรอรถประจำทาง ผ่านไป 30 นาทีกว่ารถพี่แกจะมาถึง ... นั่งรถไปประมาณ 15 นาที เราก็ดันลืมถามเค้าว่าต้องลงป้ายไหน คือลงป้ายอย่างๆ งง เราก็เดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกับฝรั่งไป เพราะเราแอบได้ยินเค้าคุยกัน อ้าวๆๆ รถบัสเจ้ากรรมดันจอดแค่ป้ายด้านหน้า เรายังต้องเดินเข้าไปที่ปากทางอีกประมาณ กิโลสองกิโลเป็นได้ .. ใจเริ่มท้อแต่ก็อย่างว่า นางฟ้าบ้าเที่ยวสุดซ่าส์อย่างเราไม่หวั่นอยู่แล้ว พอเดินไปข้างทางจะอารมณ์ประมาณเหมือนเราเดินขึ้นดอยสุเทพยังไงยังงั้น (การรับน้องที่เชียงใหม่ จะมีประเพณีการเดินขึ้นดอยสุเทพเป็นประจำทุกๆ ปี) หึ .. ดอยสุเทพก็เคยขึ้นมาแล้ว แค่นี้ไม่เกินเท้าเราหรอก
เส้นทางที่นี่ก็มีแต่เดินกับเดินค่ะ ในใจเราก็คิดนะว่า อยากโบกรถขอติดไปกับเค้าจัง แต่ก็ดันนานๆ ทีจะมีรถผ่านมาซักคัน เราก็เดิน .. เดิน .. เดิน .. อ๊ะ เดินมาถึงครึ่งทางได้ละ ที่ปลายอุโมงค์เห็นแสงอยู่รำไร น่าจะถึงแล้วล่ะ ในใจก็คิดไป
แฮกๆๆ เดินจนลิ้นแทบห้อย หิวข้าวจนตาลาย ตอนเเรกเราไม่คิดว่ามันจะไกลขนาดนี้ เราก็เลยกินอะไรมานิดเดียวเอง แต่ยังดีนะคะยังมีรถขาย Hot dog เคลื่อนที่ไว้บริการ เราก็ไม่รอช้า ก็รีบสั่งกินใหญ่เลยๆ จัดได้ว่าเป็น Hot dog ที่อร่อยมาก ณ. ตอนนั้น
เราก็เเวะคุยกับพี่คนขายแป๊ปนึง .. ก็คุยกันเรื่องเวลาที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเค้ามาเที่ยวบางทีมเค้าจะมาเป็นแบบใส่รองเท้าส้นสูงเดินขึ้นยอดเขาบ้างก็มี เราก็ถามว่าเป็นไปได้หรอคะ แล้วเค้าจะเดินไหวหวอ เค้าก็บอกว่าเดี่ยวก็คอยดูละกัน .. แต่เราก็ไม่วายที่จะมีรูปการแต่งตัวที่ค่อนข้างเหมาะสมน้อยในการขึ้นเขา ขอความกรุณาอย่าลอกเลียนแบบ
หลายๆ คนคงสงสัยว่า Diamond Head คืออะไร ขอวิสัชชนาว่า ... อดีตของที่นี่คือภูเขาไฟที่ได้ดับตัวลงแล้ว ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของชายฝั่ง O'ahu เป็นที่ที่คุณสามารถดื่มด่ำไปกลับบรรยากาศชายฝั่งแปซิฟิก แต่แท้จริงเเล้วชื่อเดิมของที่นี่คือ Laeahi "brow of the tuna" ตามที่ชาวพื้นเมืองเรียกกัน (สงสัยสมัยก่อนลักษณะที่นี่คงคล้ายคิ้วของปลาทูน่า เค้าก็เลยตั้งชื่อตามนี้) แต่ ณ ปัจจุบันนี้สถานที่นี้ได้เปลี่ยนไปเรียกว่า Diamond Head เพราะในปี 1800 กะลาสีเรือชาวอังกฤษได้ล่องเรือผ่านพบมาทางนี้ เค้าได้มองเห็นแสงตกกระทบของยอดเขานี้สะท้อนเข้าในตา อันเนื่องมาจากการสะท้อนแสงของตัวหินลาวาที่สะท้อนกับแสงพระอาทิตย์ ทำให้เหล่ากะลาสีหลงคิดผิดไปว่าที่ยอดเขาคงมีเพชรอยู่เป็นแน่ พอต่อมาในปี 1910 สถานที่นี้ก็กลายมาเป็นป้อมปราการให้กลับกองทัพสหรัฐในช่วงระหว่างศึกสงคราม ซึ่งสถานที่เราจะขึ้นไปนั้นก็คือ ป้อมปราการอันหนึ่งนั่นเอง ระยะทางในการเดินทั้งหมดจะอยู่ที่ 1 ไมล์กว่าๆ ถ้าคิดเป็นเวลาก็น่าจะใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 2 ชม. ด้านแรกที่ต้องเดินไปคือ การเดินทางขึ้นเขาที่เส้นทางค่อนข้างจะขุขระ (เเนะนำว่าควรสวมรองเท้าผ้าใบ และพกน้ำติดตัวด้วย)
ต่อจากนั้นเราก็ต้องเดินผ่านทางช่องอุโมงค์ที่มีความยาวประมาณ 500 เมตรเห็นจะได้ เพื่อมุ่งไปยังขั้นบันไดที่สูงชันขึ้นไปสู่ยอดเขา ขั้นบันได้ทั้งหมดจะมีอยู่ 175 ขั้น (โดยขั้นบันไดจะมีการแบ่งเป็น 2 ช่วงด้วยกัน) ขอบอกว่าเหนื่อยมากค่ะ เมื่อปีนขึ้นมาถึงจุดนี้ ..
พอเราปีนขึ้นทั้งบันไดชัน บันไดวนเสร็จ เราก็จะขึ้นมาถึงยังตัวป้อมค่ะ แต่ก็ยังถือว่าขึ้นไม่สุดนะคะ เราต้องมุดค่ะ ต้องเรียกว่ามุดช่องบันไดออกไป เพื่อจะขึ้นไปยังจุดชมวิว จุดที่สูงที่สุดค่ะ แต่พอผ่านช่วงนี้ไปแล้วเหมือนกับชั่วโมงต้องมนตร์ค่ะ การที่เราได้บากบั่นถึงยอดเขา บากบั่นเดิน ปีน แล้วก็มุด มุดตัวจนออกมาเห็น ที่ที่เรามองเห็นได้ทั้งเกาะ มองออกไปสุดลูกหูลูกตา เห็นฟ้าสีใส น้ำทะเลสีคราม มันช่างเป็นความรู้สึกที่ปัดเป่าความเหนื่อยไปได้อย่างหมดข้อกังขาเลยจริงๆ
ปล. ฮาวายเธอยังคงทำให้ฉันประทับใจไม่รู้ลืม
หมายเหตุ: สัญลักษณ์ที่มือคือการทักทายแบบฮาวายค่ะ
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2552 19:18:06 น. |
Counter : 854 Pageviews. |
|
|
|
วิวสวยมากๆเลยค่ะ ไว้จะตามไปเที่ยวที่อื่นอีกนะคะ
ปล. ก็คนแก่นิคะ ที่ไหนที่เคยไปมันก็ผ่านไปนานเป็น10ปีไปซะหมด 55555