Everything is illuminated
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

Dead Man's Cell Phone

Photobucket

How much could someone learn about you...if they found your cell phone...and started answering your cell?


คุณเคยไหม? ที่โทรศัพท์ไปหาใครบางคน แล้วมีคนอื่นมารับแทน แล้วบอกว่าเค้าได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว แล้วคุณจะพูดอะไรต่อ...

ละครเริ่มเล่น ก็สร้างความฮือฮาให้ผู้ชม โดยผู้แสดงชายได้เดินเปลือย ออกมาหยิบเสื้อผ้าใส่ จากผนังช่องวงกลม จากนั้นก็เดินไปนั่งนิ่งที่เก้าอี้ ซึ่งฉากนี้คือ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โดยมีหญิงสาวชื่อ Jane นั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้าน ขณะที่เสียงโทรศัพท์มือถือของชายดังกล่าว ดังขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไม่มีการรับสาย Jane ลุกขึ้นไปต่อว่า และรับโทรศัพท์แทน ต่อมาได้พบว่าชายคนนี้ได้เสียชีวิตแล้ว และนั่นคือที่มาของละครเรื่องนี้ --รับโทรศัพท์ให้กับคนที่ตายไปแล้ว---

ละครเรื่องนี้ จัดทำผนังฉากคล้ายๆ รวงผึ้ง หรือดูอีกที ก็คล้ายๆ ช่องวงกลมของเครื่องซักผ้าฝาเปิดแบบกลมด้านหน้า (ดูจากรูปประกอบ) --- ซึ่งอาจจะสื่อความหมายถึง Cell หรือการเชื่อมโยงและความต่อเนื่อง-- บนเวทีก็มีเพียงโต๊ะ 4 ตัว และเก้าอี้ 6 ตัว ส่วนของประกอบฉากอื่นๆ ได้ถูกจัดซ่อนไว้ในช่องวงกลมเหล่านั้น ซึ่งฉากบนละครเวที ปรับเปลี่ยนด้วยตำแหน่งของโต๊ะและเก้าอี้ รวมทั้งผ้าปูโต๊ะก็ถูกดึงออกมาจากฝาวงกลมบนผนัง ในช่วงจัดฉาก ก็จะมีการปรับไฟให้หรี่ลง และผู้แสดงก็เป็นผู้จัดฉาก เช่นเดียวกับการเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก็อยู่บนเวทีเช่นกัน

Gordon ได้ลาโลกไปแล้ว แต่โทรศัพท์ของเค้ายังคงดังไม่หยุด มีผู้คนโทรฯ เข้ามาหามากมาย รวมทั้งครอบครัวของ Gordon ซึ่งการตอบรับโทรศัพท์แทนของ Jane ทำให้เธอได้รับรู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับ Gordon และรู้สึกว่าเธอตกหลุมรักเค้า วันหนึ่ง Jane ได้ถูกเชิญให้ไปร่วมทานอาหารเย็นกับครอบครัว Gordon ซึ่ง Jane ได้เจอแม่ พี่ชาย ภรรยาเก่าของ Gordon ทุกคนต่างเศร้าโศรกในการจากไปกระทันหัน โดยไม่ได้บอกลา อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างผู้ตายและครอบครัว ยังคงเป็นแผลคาใจของทุกคน อย่างไรก็ตาม Jane ต้องการให้ทุกคนมีความสุข จึงโกหกคำโต ว่าก่อนที่ Gordon จะตาย ได้ฝากของที่ระลึกไว้ให้ทุกคน และบอกว่ารักและคิดถึงทุกคน การพบครอบครัวของ Gordon ครั้งนี้ ทำให้ Jane เกิดมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่ชายของ Gordon ในเวลาถัดมา แต่ Jane ก็ยังไม่หยุดทำหน้าที่ตอบรับโทรศัพท์ให้กับ Gordon เปรียบเสมือนกับว่า Jane ยังคงละล้าละลังในความรักของเธอ ชายที่อยู่ในฝันหรือชายที่อยู่บนโลกแห่งความจริง

ฉากที่สร้างความตกใจให้กับผู้ชมคือ Gordon ได้คลานโผล่พ้นออกมาจากผนังช่องวงกลม และเริ่มเล่าเรื่องราว ก่อนที่เค้าจะตาย ขณะที่ Jane เดินทางไปแอฟริกาเพราะได้รับโทรศัพท์ของลูกค้ารายหนึ่ง ผู้ที่ต้องการซื้อไตของ Gordon ซึ่ง Jane เดินทางไปเจอบุคคลดังกล่าว ทำให้ Jane ถูกทำร้าย และวิญญาณออกจากร่างไปพบ Gordon ...Jane ได้พยายามปรับเชื่อมความสัมพันธ์ของ Gordon และแม่ โดยเป็นตัวกลางที่บอกว่า แม่ของเค้ารักเค้ามากมายเท่าใด ผลเกิดขึ้นคือ ความสงบของดวงวิญญาณ ท้ายสุด Jane ตัดสินใจโยนทิ้งโทรศัพท์มือถือของ Gordon

เมื่อ Jane ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คนแรกที่เธอลืมตาเห็น คือพี่ชายของ Gordon ผู้ที่รักเธอมากมาย เธอดีใจมาก และกลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริง

ละครเรื่องนี้ให้แง่คิดดีๆ จากบางบทสนทนาของตัวละคร ที่พูดเสียดสีผู้คนในยุคไฮเทคเทคโนโลยี ว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสื่อเชื่อมโยงผู้คนให้สามารถพูดคุยกันได้ แต่ในขณะเดียวกันก็แยกผู้คนออกจากสังคม

Anis เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง นับวันผู้คนรายล้อมรอบตัวเรา บนรถไฟฟ้า รถบัส ไม่ค่อยมีใครคุยกับใคร ต่างคนต่างใช้มือถือ ดูๆไปแล้วเหมือนคุยอยู่กับตัวเอง บ้างพูดไปบ่นไป บ้างสบถด่าก็มี ก็นับเป็นเรื่องน่าแปลก แต่จริง...






Photobucket

ช่วงพัก 10 นาที ---ผนังในโรงละคร เก๋ไก๋ด้วยตัวหนังสือ

















 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2553
5 comments
Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 8:43:03 น.
Counter : 705 Pageviews.

 

นั่นน่ะซิ จะคุยอะไรกันมากมายเนอะ เมื่อก่อนไม่มีเห็นอยู่กันได้ เดี๋ยวนี้ไม่รับสายหน่อย ทำเป็นงง

มันไม่ใช่อวัยวะของดิฉันนี่คร๊า พกติดตัวตลอดนี่ซิถึงเรียกว่าแปลก เอ๊ะ! หรือเรานี่ซิแปลก อิอิ

คิดถึงจ้า คิดถึง

 

โดย: แม่น้องโม IP: 58.11.81.139 20 กรกฎาคม 2553 23:48:45 น.  

 

อืมม จริงด้วย โทรศัพท์มือถือไม่ใช่อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายซะหน่อย

แต่ตอนนี้ Anis มีกรรมเก่า ต้องพกติดตัวตลอดเวลาการทำงาน ก็งานเป็นแบบ on call น่ะจ๊ะ และที่สำคัญที่สุดเผื่อไว้ใช้โทรฯ เรียกตำรวจและรถพยาบาลในยามเกิดเหตุฉุกเฉินกับคุณลูกค้า

อย่างไรก็ตาม พอเลิกงานปุ๊ป Anis ปิดโทรศัพท์ปั๊ป บ้าย บายค่ะ ไม่อยากเป็นมะเร็งเมื่อแก่

คิดถึงแม่น้องโม+น้องโมโม๊ะมากมาย

 

โดย: The Anis (The Anis ) 21 กรกฎาคม 2553 18:55:52 น.  

 

ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้โทรศัพท์มือถือคุยนานๆ หรอกค่ะ เพราะกลัวสัญญาณไปทำลายสมอง..จริงๆ คือ ปวดหัวน่ะคะ ถ้าใช้นานๆ...อีกอย่างส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายรับซะมากกว่าเพราะไม่ค่อยเป็นฝ่ายโทรหา

สวัสดีตอนค่ำนะคะ

 

โดย: nootikky 22 กรกฎาคม 2553 20:35:39 น.  

 

 

โดย: หมึกสีดำ 23 กรกฎาคม 2553 8:57:06 น.  

 

@ nootikky and @หมีกสีดำ---ขอบคุณแวะมาเยี่ยมค่ะ

 

โดย: The Anis (The Anis ) 24 กรกฎาคม 2553 9:42:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


The Anis
Location :

เมลเบิร์น
Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงจากเมืองไทย ที่ออกตามหา "ชิ้นส่วนที่หายไปของชีวิต" ด้วยการหันหลังให้กับงานนักวิจัยเศรษฐกิจที่ทำมาเนิ่นนาน มาลองเป็นอาร์ทติส อินทีเรียดีไซน์ที่เมลเบิร์น ต่อมาได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนที่มีลูกเป็นออทิสติก ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือผู้พิการหรือคนด้อยโอกาส ยังไม่อาจบอกได้ว่าชีวิตข้างหน้าจะเปลี่ยนไปอีกหรือไม่ รู้แต่เพียงว่า ยังคงตามหาชิ้นส่วนที่หายไปนั้นอยู่...
Friends' blogs
[Add The Anis's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.