Thanks: ฝากรูป
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
เทพทางใน ๑๔-๑๕.๐๑.๒๕๕๕

สวัสดีวันเด็กแห่งชาติ ๒๕๕๕ ครับ



Create Date : 14 มกราคม 2555
Last Update : 14 มกราคม 2555 15:05:28 น. 7 comments
Counter : 609 Pageviews.

 
ประวัติความเป็นมา

วันเด็กแห่งชาติ มีต้นกำเนิดมาจากการที่องค์การสหประชาชาติทั่วโลกเกิดความตื่นตัว และเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ โดยในปี พ.ศ. 2498 นายวี เอ็ม กุล ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศ ได้เป็นผู้เสนอต่อกรมประชาสงเคราะห์ ให้มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญ และความต้องการของเด็ก รวมถึงเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ

ทั้งนี้ การขานรับกับการจัดงานวันเด็กแห่งชาติได้เป็นไปอย่างกว้างขวาง ในปีเดียวกันนั้นเองทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศ จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของตนขึ้น โดยได้มีการกำหนดว่าจะถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ

สำหรับประเทศไทย ได้ตอบรับข้อเสนอของนายวี เอ็ม กุลกานี ซึ่งบอกผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่า ไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติ รัฐบาลจึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียน และนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อย่างไรก็ตาม งานวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 จากนั้นเป็นต้นมา ราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ โดยจัดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่ ด้วยเหตุผลว่า เดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทย เป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็ก ๆ ไม่สะดวกในการเดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้

ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบ ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 ว่า ควรจะเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ที่มีความเหมาะสมและสะดวกมากกว่า ตามที่คณะกรรมการจัดงานวัดเด็กแห่งชาติเสนอมา ส่งผลให้ในปี 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติจึงเริ่มจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2508 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน
วัตถุประสงค์การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ที่รัฐบาลไทยกำหนดไว้ คือ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนและอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า ทุก ๆ ปี ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานพระบรมราโชวาท สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรดประทานพระคติธรรม และ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็ก แสดงให้เห็นว่าเด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของชาติ เราจึงได้ยินคำพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "เด็กคืออนาคตของชาติ เด็กฉลาด ชาติเจริญ"

กิจกรรมวันเด็ก

กิจกรรมต่าง ๆ ที่ปฏิบัติในวันเด็กแห่งชาติ ล้วนมีจุดประสงค์ไปในทางเดียวกัน คือ เพื่อให้เด็กได้ตระหนักถึงคุณค่าบทบาท และความสำคัญของตนเอง โดยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ในโรงเรียน หมู่บ้าน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกถิ่นจะมีขนมมากมาย มีคำเชื้อเชิญเพราะ ๆ มีคำอวยพรให้เด็กๆ เป็นวันที่เด็ก ๆ มีสิทธิพิเศษ ถนนทุกสาย เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ หรือร่วมกันทำกิจกรรม ในแต่ละชุมชนเพื่อเด็กๆ จัดบรรยากาศเพื่อเด็ก ๆ เพลงเด็ก ๆ ของขวัญเพื่อเด็ก ๆ ฯลฯ
คำขวัญวันเด็ก

คำขวัญวันเด็ก เป็น คำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


โดย: เทพทางใน (ลูกพ่อขุนเม็งราย ) วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:15:08:41 น.  

 
คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ จากนายกรัฐมนตรีในปีต่าง ๆ

ในปี พ.ศ. 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เห็นคุณค่าความสำคัญ ของเด็กจึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคิด สำหรับเด็ก นายกรัฐมนตรี ในสมัยต่อ ๆ มา จึงได้ถือปฎิบัติสืบต่อมาดังต่อไปนี้


พ.ศ.2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม - จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม

พ.ศ.2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า

พ.ศ.2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด

พ.ศ.2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย

พ.ศ.2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด

พ.ศ.2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด

พ.ศ.2507 - งดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ

พ.ศ.2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี

พ.ศ.2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี

พ.ศ.2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย

พ.ศ.2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง

พ.ศ.2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ

พ.ศ.2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส

พ.ศ.2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ

พ.ศ.2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ

พ.ศ.2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ

พ.ศ.2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - สามัคคีคือพลัง

พ.ศ.2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี

พ.ศ.2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช - เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้

พ.ศ.2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย

พ.ศ.2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ

พ.ศ.2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กไทยคือหัวใจของชาติ

พ.ศ.2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย

พ.ศ.2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม

พ.ศ.2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย

พ.ศ.2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม

พ.ศ.2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา

พ.ศ.2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม

พ.ศ.2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2534 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา

พ.ศ.2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน - สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม

พ.ศ.2536 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม

พ.ศ.2537 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม

พ.ศ.2538 - นายชวน หลีกภัย - สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม

พ.ศ.2539 - นายบรรหาร ศิลปอาชา - มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด

พ.ศ.2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ - รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด

พ.ศ.2541 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย

พ.ศ.2542 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย

พ.ศ.2543 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย

พ.ศ.2544 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย

พ.ศ.2545 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส

พ.ศ.2546 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี

พ.ศ.2547 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน

พ.ศ.2548 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด

พ.ศ.2549 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด

พ.ศ.2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข

พ.ศ.2551 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม

พ.ศ.2552 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี

พ.ศ.2553 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม

พ.ศ.2554 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ

พ.ศ.2555 - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร - "สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี"


โดย: เทพทางใน (ลูกพ่อขุนเม็งราย ) วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:15:09:49 น.  

 
สวัสดีวันเด็กค่ะท่านเทพฯ ได้ความรู้เรื่องความเป็นมาเกี่ยวกับวันเด็กเพียบ. รวมทั้งคำขวัญทุกๆปีที่เด็กสามารถจำเป็นความรู้ไปทำข้อสอบได้เลย. เยี่ยมมากๆๆๆๆๆ


โดย: PIPPO01 (PIPPO01 ) วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:22:07:04 น.  

 
PIPPO01 : พาครอบครัวไปเที่ยววันเด็กมาป่าวครับ


โดย: เทพทางใน (ลูกพ่อขุนเม็งราย ) วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:22:29:42 น.  

 
เด็กคนไหนจำคำขวัญไม่ได้มาดูที่ บล็อคท่านเทพทางในที่เดียว จบเลยค่ะ

ข้อมูลท่านเทพ มีประโยชน์ทุกเรื่องเลยนะคะ ขอชมจากใจจริงค่ะ


โดย: กาหยู วันที่: 15 มกราคม 2555 เวลา:12:37:07 น.  

 
ขอบคุณมากครับ


โดย: เทพทางใน (ลูกพ่อขุนเม็งราย ) วันที่: 15 มกราคม 2555 เวลา:13:31:26 น.  

 
"พลังงาน" เป่านกหวีด 24.00 น. คืนนี้ ปรับโครงสร้างพลังงานครั้งใหญ่ "เอ็นจีวี" ปรับขึ้น 50 สตางค์ "แอลพีจี" ปรับขึ้น 45 สตางค์ "เบนซิน-แก๊สโซฮอล์" ปรับขึ้น 1.07 บาท และดีเซล ปรับขึ้น 64 สตางค์ สั่งปั๊มอัดสำรองเต็มพิกัด รองรับ ปชช. แห่เติม "อนุสรณ์" แนะจับตา "ดีเซล" มีโอกาสแตะ 38 บาท หากรัฐเดินหน้าเก็บภาษี ขณะที่ ปชช. ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข่าว

มีรายงานข่าวว่า หลังเวลา 24.00 คืนนี้ (วันที่ 15 มกราคม 2555) กระทรวงพลังงานจะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ จะมีผลทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ปรับขึ้นราคาเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ประเทศไทยส่งเสริมการใช้ในช่วง 9-10 ปีที่ผ่านมา โดยราคาเอ็นจีวีจะปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม หรือขึ้นราคาเป็น 9 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาก๊าซแอลพีจีสำหรับยานยนต์ปรับขึ้น 41 สตางค์ต่อลิตร หรือ 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม และราคาเบนซิน-แก๊ซโซฮอล์ปรับขึ้น 1.07 บาทต่อลิตร ดีเซลราคาเพิ่มขึ้น 64 สตางค์ต่อลิตร โดยการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเป็นไปตามนโยบายการสะท้อนต้นทุนราคาพลังงาน และสร้างความเป็นธรรม ลดการอุดหนุนราคาของผู้ใช้น้ำมันที่เข้ามาอุดหนุนราคาก๊าซ

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวระหว่างการพาสื่อมวลชนตรวจสอบต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติและราคาแอลพีจี ที่โรงแยกก๊าซบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และโรงกลั่นน้ำมันบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่า การปรับโครงสร้างราคาดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจากการที่เครือข่ายผู้บริโภคมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อขอให้คุ้มครองฉุกเฉินไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาพลังงานนั้น ทางศาลปกครองมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องไปชี้แจงข้อมูลในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ ส่วนศาลจะมีคำสั่งอย่างไรก็ขึ้นกับดุลยพินิจของศาล ทางหน่วยราชการพร้อมปฏิบัติตาม

นายสุเทพกล่าวว่า ในส่วนการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน รัฐบาลชุดนี้มีการยกเว้นการจัดเก็บตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 26 สิงหาคม 2554 โดยยกเว้นเก็บภาษีสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล ทำให้การจัดเก็บเท่ากับ 0 จากที่ช่วงนั้นจัดเก็บภาษีสำหรับน้ำมันเบนซิน 95 ในอัตรา 7.50 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เก็บในอัตรา 6.70 บาทต่อลิตร และดีเซลเก็บในอัตรา 2.80 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศว่าจะทยอยเก็บเพื่อนำเงินมารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน จึงจะเริ่มจัดเก็บตั้งแต่วันพรุ่งนี้

ขณะที่ราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีที่ปรับเพิ่ม ก็เป็นที่ทราบดีว่า ต้นทุนราคาจำหน่ายถูกกว่าต้นทุนที่แท้จริง โดยแอลพีจีราคาควบคุมอยู่ที่ 333 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 10.43 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อรวมภาษีสรรพสามิต ภาษีอื่นๆ เงินกองทุนน้ำมัน ค่าการตลาด ราคาขายปลีกจึงอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาต้นทุนหน้าโรงแยกก๊าซอยู่ที่ 450 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 14.10 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อบวกภาษีต่างๆแล้ว ราคาขายปลีกควรอยู่ที่ 21.80 บาทต่อกิโลกรัม

ด้านต้นทุนหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ 744 ดอลลาร์ต่อต้น หรือประมาณ 23.33 บาทต่อกิโลกรัม รัฐต้องชดเชยประมาณ 411 ดอลลาร์ต่อตัน หรือประมาณ 12.88 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนต้นทุนนำเข้าอยู่ที่ 934 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 29.28 บาทต่อกิโลกรัม กองทุนน้ำมันชดเชยประมาณ 601 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 19.22 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้นแม้จะมีการปรับขึ้น ราคาก็ยังต่ำกว่าราคาต้นทุน เช่นเดียวกับก๊าซเอ็นจีวี ที่ทางสถาบันปิโตรเลียมคำนวณเบื้องต้นว่า ราคาต้นทุนอยู่ที่ 15-16 บาทต่อกิโลกรัม จึงมีความจำเป็นต้องขยับราคาขึ้นดังกล่าว

ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนตลาดโลก และในช่วงหน้าหนาวราคาน้ำมันดีเซลก็จะแพงอยู่แล้ว จึงไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลจะเข้ามาเก็บภาษีดีเซล ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ที่จะถึงนี้ จากที่ปัจจุบันยกเว้นการเก็บ โดยควรเลื่อนไปไตรมาส 2 ที่เป็นช่วงขาลงของดีเซล

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจะเก็บก็น่าจะทยอยจัดเก็บ เพราะหากเก็บ 5 บาทต่อลิตร ประชาชนจะเดือดร้อนอย่างหนัก แต่รัฐบาลคงต้องคำนึงถึงรายได้ที่จะหายไป 9,000 ล้านบาทต่อเดือน จากการสูญเสียภาษี ซึ่งคาดว่าดีเซลปีนี้ระดับราคาจะเห็นที่ 32 บาทต่อลิตร หากรัฐบาลยังไม่มีการกลับไปเก็บภาษี แต่หากเก็บภาษีเต็มที่แล้ว ราคามีโอกาสจะเห็น 38 บาทต่อลิตร

ด้านนายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันในการบริหารจัดการการจำหน่ายน้ำมันให้เพียงพอ เพราะคาดว่า จะมีประชาชนไปเติมน้ำมันจำนวนมากในวันนี้ ก่อนจะมีการปรับราคาก่อนเที่ยงคืนวันนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาขาดแคลน เพราะเป็นการทยอยปรับขึ้นราคา และถือว่าเป็นการปรับขึ้นน้อยมาก

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ประชาชนผู้มาเติมปั๊มน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต พบว่าประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ไม่ทราบข่าวการที่ราคาเอ็นจีวี แอลพีจี น้ำมันจะปรับขึ้นในวันพรุ่งนี้ และส่วนใหญ่ระบุว่ามาเติมน้ำมันปกติ มีเพียงส่วนน้อยที่ระบุว่าพอทราบข่าวมาบ้างก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามยอมรับได้ในการปรับราคาขึ้น เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้อุดหนุนราคาพลังงานมานานแล้ว พร้อมสนับสนุนหากรัฐบาลจะมีมาตรการสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์

และจากการสำรวจปั๊มก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีย่านถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีรถตู้ รถเก๋งมาใช้บริการเติมแก๊ส พบว่า ส่วนใหญ่มาเติมแก๊สเมื่อแก๊สใกล้หมด และทราบข่าวการปรับราคาที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยไม่ได้แตกตื่นกับการปรับราคาดังกล่าว ทั้งนี้ยอมรับกับการปรับขึ้นราคา เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น หรือทางเลี่ยงอื่นๆ ในการใช้เชื้อเพลิง

ที่มา //www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9550000006267


โดย: เทพทางใน (ลูกพ่อขุนเม็งราย ) วันที่: 15 มกราคม 2555 เวลา:17:51:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลูกพ่อขุนเม็งราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




free counters
Friends' blogs
[Add ลูกพ่อขุนเม็งราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.