แม้ข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูดซักนิด แต่ข้าพเจ้าก็พร้อมจะแลกด้วยชีวิตเพื่อให้ท่านได้พูด-วอลแตร์
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
ผมเลิกบุหรี่มาได้ 3 เดือนเศษ จากที่เคยสูบมานาน25ปีได้อย่างไร?

คือเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ หรือไม่สลักสำคัญอะไรกับใครนะครับ

แต่กับ"ขี้ยา"อย่างผมแล้ว โอ้ว๊าว!พระเจ้าจ๊อดมันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ที่ผมงดสูบบุหรี่มาได้ตั้ง 3 เดือนเศษๆแล้ว หลังจากที่ผมเคยสูบบุหรี่ติดต่อเนื่องกันมาถึง 25 ปีเต็มๆทีเดียว

ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดกับผมได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว เลยอยากนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกับคนที่อยากเลิกบุหรี่ หรืออยากให้แฟนเลิกบุหรี่นะครับ

*ก่อนจะไปเรื่องอื่นๆ ผมขอบอกในฐานะเป็นขี้ยามายาวนานตั้ง 25 ปีนะครับว่า สาเหตุที่ขี้ยาต้องสูบบุหรี่นั้น ก็เพราะมันเป็น"สารเสพติด"ครับ

*ดังนั้นหากอยากเลิก หรืออยากให้แฟนของคุณๆเลิกสูบ ก็ควรจะทำความเข้าใจในประเด็นสำคัญนี้ให้ผ่านก่อน

*เพราะผมเจอมานักต่อนักแล้วที่คน"เข้าใจผิด"ว่า สูบบุหรี่แล้วมันโก้เก๋ ดูดี หรือแค่คีบไว้ที่มือ หรือคาบไว้ที่ปากด้วยความเคยชิน ดังนั้นแค่ถ่างนิ้วออก หรืออ้าปากขึ้น บุหรี่หล่นออกจากปาก ก็สามารถเลิกบุหรี่ได้แล้ว...โธ่ แบบนั้นมันจะประมาณว่า "พระไม่ยอม"มากไปหน่อยนะครับพี่

*อีกข้อก็คือผมคิดว่าต้องมี"ตัวช่วย"เยอะแยะพอสมควรที่จะอดบุหรี่ให้ได้ เพราะการ"หักดิบ"นั้นไม่เคยได้ผลสำหรับผม หรือใครต่อใครหลายๆคนเลย



Create Date : 02 สิงหาคม 2549
Last Update : 2 สิงหาคม 2549 23:31:19 น. 9 comments
Counter : 4945 Pageviews.

 
ผมเพิ่งมารู้จักศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เป็นการส่วนตัวเมื่อไม่นานมานี้ จากการได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนร่วมชั้นกันในหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หรือ ปปร.รุ่นที่ 9

อาจารย์หมอประกิตก็เลยนำหนังสือเล่มหนึ่งมาแจกพรรคพวกในคลาสว่าด้วย ประวัติการรณรงค์ให้มีการเลิกสูบบุหรี่ในเมืองไทยกว่า 30 ปีมาแล้ว

สำหรับตัวหมอประกิตที่เป็นนักรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่มือ1ของเมืองไทยเวลานี้ตามประวัติในหนังสือที่ท่านให้มาอ่านนั้นพบว่าได้เริ่มรณรงค์มาราวๆปีพ.ศ.2525

ก็เป็นช่วงปีที่ผมเริ่มสูบบุหรี่มวนแรกในชีวิตพอดีครับ เพราะผมเริ่มสูบบุหรี่มวนแรกในชีวิตตอนอายุซัก 14-15 ปี

เหตุที่ผมเริ่มสูบบุหรี่มวนแรกในราวปีพ.ศ.2524นั้นผมคิดว่าเป็นเพราะ"ค่านิยม"ของคนในสังคมตอนนั้นเป็นหลักครับ

*ที่ว่าเป็นค่านิยมก็เพราะก่อนผมจะเริ่มแตกหนุ่มน้อยนั้น บุหรี่เป็นเครื่องต้อนรับขับสู้กันนะครับ หนุ่มจะไปจีบสาว เขาก็มีบุหรี่ไว้ต้อนรับ ตั้งแต่เจียนใบตองมวนบุหรี่ มายัน"ยาซอง"

*ของถวายพระ หรือถวายเจ้า นอกจากปัจจัยต่างๆแล้วก็ต้องมีบุหรี่อย่างขาดไม่ได้

*ใครเริ่มเป็นหนุ่มแล้วก็ต้องเข้าร่วมวงสูบบุหรี่ ถ้าไม่สูบก็อาจโดนล้อถึงขั้นว่า"เมิงเป็นกระเทยรึไง?"

ดังนั้นพอนมแตกพาน สมัยอยู่บ้านนอก มันก็ต้องเริ่มสูบบุหรี่ก่อนครับ ถือว่าเป็น"พิธีกรรมทางผ่าน"อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะก้าวจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่

จากนั้นมันก็"ติด"แล้วหละคร้บ กว่าหมอประกิตหรือใครต่อใครจะมารณรงค์เป็นเรื่องเป็นราวครึกโครมก็ในเวลาต่อมาอีกหลายปี

ก็ตอนนั้นมันไม่มีใครบอกนี่หว่า ถ้ามีคนบอกเหมือนสมัยนี้ ผมคิดว่า คนอย่างผมหรือขี้ยาหลายๆคนก็คงไม่กลายเป็นขี้ยาหรอกครับ


โดย: ป๋าเจ้าเก่า (ป๋าเจ้าเก่า ) วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:23:34:21 น.  

 
เอาเป็นว่าก็เริ่มมีการรณรงค์กันนะครับ จากแต่ก่อนบุหรี่สูบกันเป็นค่านิยมของความเป็น"แมน" ต่อมาก็เริ่มมีติดข้างซองว่า"การสูบบุหรี่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ"

"อาจจะ"นะครับ แปลว่า"อาจจะเป็น"หรือ"อาจจะไม่เป็น"อันตรายต่อสุขภาพก็ได้ แต่ผมก็อยากเลิกแล้วหละครับ เพราะตอนนั้นต้องเม้มค่าขนมไปโรงเรียนมาซื้อบุหรี่สูบ ผมว่าผมผ่านมาแทบจะทุกวิธี

1.หลังจากสูบไปซัก 2 ปี ผมก็ขึ้นไปกราบพระประธานองค์ใหญ่ในโบสถ์ แถววัดละแวกบ้านครับ อธิษฐานจิตว่าจะเลิกเด็ดขาด หาไม่แล้วอย่าให้ได้พบความสุขความเจริญในชีวิตเลย(จริงๆอธิษฐานหนักกว่านี้ครับ)

เข้าใจว่าหักดิบเลิกได้ซัก 7-8 วันครับ แล้วก็"ดูดซักมวนน่า คงไม่เป็นไรหรอก..."การกระทำ ไวกว่าความคิด เสร็จแล้วก็ติดมายาวเลยครับ

2.เอาคำสบประมาทของเพื่อนมาเลิกบุหรี่ อันนี้เป็นตอนเรียนมหาลัยครับ

แต่ก่อนแค่เริ่มสูบบุหรี่ตราพระจันทร์(รสหวานชุ่มคอ) หรือรวงทิพย์(อย่างยุ่ยเลยครับ ต้องถุยบุหรี่ออกกับสลับดูดควัน) ได้ดูดกรองทิพย์นี่ถือว่าสุดยอดแล้ว

พอเข้ามหาลัย เพื่อนที่พอมีตังค์มันเอามาร์ลโบโร่ กับ ดันฮิลล์ แล้วก็ มอร์ ให้ดูดครับ อร่อยโคตรๆ ก็ยิ่งต้องใช้ตังค์เพิ่มขึ้น...หาเองก็ไม่ได้ ยังไถพ่อแม่กินอยู่

หลายครั้งบางทีทุเรศทุรังถึงขั้นขอ"ต่อก้นบุหรี่"เพื่อน หรือเก็บ"ก้นบุหรี่"ที่พวกทิ้งแล้วมาดูด...โดนเพื่อนอำเช็ดครับ ก็เลยพยายามสู้กะจะเลิกให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็กลับมาสูบใหม่อีกจนได้

ผมพยายามเลิกๆแล้วก็กลับไปสูบๆยังงี้ไม่น้อยกว่าร้อยครั้งแล้วครับ แต่ไม่สำเร็จซักที ได้อย่างมากที่จำได้ก็ซัก 10 วัน แล้วก็วนกลับสู่วงจรอุบาทว์

ของมัน"ติด"จนเป็นขี้ยาแล้วนี่ครับ จนตัดใจแล้วว่า งั้นก็จะสูบให้แมร่งตายไปข้างเลยดีกว่า รู้แล้วรู้รอด!



โดย: ป๋าเจ้าเก่า (ป๋าเจ้าเก่า ) วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:23:36:15 น.  

 
การรณรงค์ของหมอประกิตและนักรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆครับในเวลาต่อมา "การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ"แล้วก็ยังไม่พอ บอกด้วยว่าเป็นสาเหตุของการเป็นโรคชนิดใดทั้งตับไตไส้ปอด เซ็กซ์เสื่อม หลั่งเร็ว..เอ๊ย!แก่เร็ว สารพัดฯลฯ

แถมมีรูปติดข้างซองน่าเกลียดน่ากลัวอย่างในปัจจุบันนี้ด้วย

แต่ก่อนเราสูบได้อย่างอิสระเสรี บนรถบนเรือบนเครื่องบิน ในที่ทำงาน ต่อมาก็โดนจำกัดวงลงมาเรื่อยๆ ที่เคยคาบบุหรี่แล้วดูดี มันก็ชักมีคนรังเกียจขึ้นเรื่อย มีแฟนก็โดนบ่น แต่งเมียมามีลูก ลูกก็ดันรณรงค์เข้ามาถึงห้องนอีก แรงกดดันสารพัดมารอบด้าน

ซื้อก็ไม่ง่ายขายก็ไม่คล่องอย่างแต่ก่อน เวลารัฐบาลถังแตกไม่รู้จะหาเงินจากใครก็มาขึ้นภาษีสรรพสามิตจากขี้ยาอย่างเรา...การถูกกดดันมากๆให้เป็นคนเลว มันก็อยากเลิกไปอีกทาง

แต่มันเลิกไม่ได้ง่ายๆนะสิครับ เพราะหักดิบมาหลายรอบแล้วไปไม่รอด ก็เลยต้องหาตัวช่วย

เมื่อซัก 4 ปีที่แล้วผมไปคลินิกบำบัดผู้ติดสารเสพติดเลยครับ แถวๆพระโขนง สุขุมวิท จำได้ว่าแถวซอยลาซาล
หมอก็ให้ยากินมา ผมจำไม่ได้แล้วว่าชื่อยาอะไร

กินเข้าไปได้ผลครับ ไม่อยากดูดบุหรี่เลย ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึกทุกอย่าง ที่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าวเพราะเสี้ยนยาก็กลายเป็นเงื่องหงอยเศร้าซึมกระทือ

ไม่อยากดูดบุหรี่เปล่าๆ อะไรที่เคยอยากเคยทำ เลิกหมด รวมทั้ง"เรื่องอย่างว่า"ด้วยครับ

ตายหละสิคร้บ เลิกบุหรี่ได้ แต่ดันเซ็กส์เสื่อม แถมเป็นโรคซึมเศร้า....เพราะเจ้ายาตัวนี้มันไปกดประสาทบางส่วนครับ ทำให้หมด"ความอยาก"ไปโดยอัตโนมัติ

มีขี้ยาคนไหนเคยใช้ยาตัวนี้อย่างผมหรือเปล่านะครับ ลองบอกมาหน่อยว่าอาการแบบเดียวกันกับผมมั๊ย? แต่ผมว่าหมอจะให้ยาผมโดซสูงไปหรือเปล่าไม่แน่ใจ

เพราะผมไปหาหมอในเดือนที่สามของการรักษา ท่านก็ดึงใบประว้ติคนไข้ออกมาดูแล้วพูดว่า"เอาเพิ่มโดซอีกหน่อยนะ ที่ลูกชายคุณติดยาบ้านี่มันต้องแรงอีกหน่อย.." ผมก็ว่า"อ้าว! ผมเป็นคนไข้เองครับ ไม่ใช่ลูกชาย แล้วผมก็มาบำบัดติดบุหรี่ ไม่ใช่ยาบ้า"....บลาบลาบลา

หลังจากนั้นผมก็กลับมาสูบใหม่ แต่กว่าจะหายจากอาการโรคหงอยซึมนี่กินเวลาเรื้อรังซัก2-3ปีต่อมาครับ

ล่าสุดผมเลยได้ตัวช่วยใหม่ที่ทำให้ผมเลิกได้นานที่สุดในชีวิตคือตั้ง 3 เดือนในรอบนี้หละครับ....



โดย: ป๋าเจ้าเก่า (ป๋าเจ้าเก่า ) วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:23:38:09 น.  

 
ตัวแรกเป็นหมากฝรั่งนิโคตินครับ ตอนแรกก็ต้องฝากน้องที่เป็นพยาบาลรามาฯเอามาให้จากโรงบาลครับ ยังไม่มีขาย

เขาจะมีขนาด 2 มิลลิกรัม แล้วก็ 4 มิลลิกรัม ก็ใช้เคี้ยวครับสลับกับสูบ จาก20กว่ามวนแล้วก็ค่อยลดลงมาเหลือวันละ 20 มวน ลดลงเหลือ15 มวน เหลือ10 กระทั่งไม่เหลือซักมวน

ส่วนปริมาณและขนาดของหมากฝรั่งนิโคตินก็ค่อยลดขนาดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่ต้องใช้หมากฝรั่งและไม่ใช้บุหรี่...เป็นอิสระจากนิโคตินได้นานที่สุดก็ซัก 1 เดือนครับ

แต่พอหมากฝรั่งนิโคตินหมด ก็เหมือนขาดความมั่นใจในตัวเอง กว่าจะรอชุดใหม่จากโรงพยาบาลก็นานเกิน ระหว่างนั้นมันก็มีเหตุการณ์ใจอ่อน"ขอสูบซักมวน คงไม่เป็นไรมั๊ง..."วนเวียนเข้ามา พวกงานเลี้ยงรุ่นนี่แหละตัวดี กลับไปเจอพรรคพวกสมัยเรียนมัธยมกับมหาลัย แล้วมันก็อดไม่ได้

side effectก็คงจะเป็นเรื่อง"เมื่อยกราม"ครับ เพราะต้องเคี้ยวหมากฝรั่งนิโคตินอยู่ตลอดวี่วัน

แต่ตอนนี้หมากฝรั่งนิโคตินที่ว่านี้หาได้ง่ายขึ้นแล้วนะครับ ตามร้านขายยาดังๆก็มีอนุญาตให้ขายกันได้แล้ว ก็คงเป็นแนวทางหนึ่งช่วยขี้ยาได้มีตัวช่วยสะดวกขึ้นหละ

เรื่องนี้ผมก็ว่าแปลกอยู่ เพราะบุหรี่ที่รณรงค์ต่อต้านกันหนักหนานั้นหาซื้อง่ายขายคล่องตามร้านชำปากซอยทั่วไป แต่ทีหมากฝรั่งนิโคตินอดบุหรี่ตอนผมเริ่มใช้แรกๆซัก2-3ปีก่อนนั้น ต้องไปเป็นนไข้ในโรงพยาบาล ต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์สารพัด

ขี้ยาร้อยทั้งร้อยกว่าจะถ่อสังขารไปถึงโรงบาลรามาฯก็แวะร้านเซเว่นฯซื้ดบุหรี่ก่อน ไปไม่ถึงโรงบาลทั้งนั้นแหละครับ

รณรงค์ให้เลิกกันดีนัก แต่ไม่ยักจะสนับสนุนให้คนมันเลิกกันได้ง่ายๆ...


โดย: ป๋าเจ้าเก่า (ป๋าเจ้าเก่า ) วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:23:39:33 น.  

 
เรื่องนี้หมอประกิตออกตัวว่า ก็ต้องไฟต์กับกระทรวงสาธารณสุขอยู่นานกว่า 5 ปี กว่าจะยอมให้มีขายตามร้านขายยาได้...ซะงั้นเนาะ

มาตัวล่าสุดที่เป็นตัวช่วยที่ผมใช้ครับคราวนี้เป็น"แผ่นแปะ"ครับ หน้าตาก็คล้ายๆกอเอี๊ยะ จะมีขนาด10เซ็นติเมตร 20 เซ็นติเมตร แล้วก็ 30 เซ็นติเมตร

หากสูบหนักเกินวันละ20มวนก็ต้องใช้ขนาด30เซ็นฯครับ แล้วก็ค่อยๆลดลงมา...ตอนแรกผมก็ใช้ควบกับบุหรี่ ต่อมาก็เลิกหมดทั้งแผ่นแปะแล้วก็บุหรี่

ตามโปรแกรมนั้นต้องใช้ 8 สัปดาห์ครับ ค่าใช้จ่ายก็เอาการ เพราะแผ่นแปะนิโคตินนี้บรรจุกล่องละ7แผ่น เป็นแผ่นกลมๆครับ กล่องละ990บาทไปถึง1,200บาท แล้วแต่ขนาดครับ

โชคดีที่ผมใช้ไปเพียงแค่ 3 สัปดาห์ก็หยุดสูบทั้งบุหรี่ และหยุดใช้แผ่นแปะ แล้วก็หยุดยาวมาถึงตอนนี้ก็ 3 เดือนเศษๆครับ

แต่ในระหว่างนั้นก็ต้องตัดสภาพแวดล้อมที่ทำให้เราเคยสูบบุหรี่อร่อยครับ เช่น ต้องเลิกกาแฟ(เพราะตอนสูบบุหรี่กลั้วกับกาแฟนี่มันอร่อยมั้กมาก) เลิกเหล้า,แม้กระทั่งเลิกออกรอบตีกอล์ฟซักระยะ(เพราะแต่ก่อนออกรอบตีกอล์ฟแล้วมันสูบกาแฟอร่อย)

side effectที่เจอก็มีเรื่องเป็นผื่นครับในบริเวณที่ติดแปะ แปะตรงไหนก็เป็นผื่นแดงถึงขั้นเป็นแผลได้ตรงนั้นสำหรับผมนะครับ แต่เวลาผ่านไปตอนนี้ก็หายหมดแล้วครับ

แต่ผมติดใจอยู่หน่อยตรงที่ว่าราคาแผ่นนิโคตินอ ดบุหรี่นี่ออกจะแพงนะครับ แผงนึง7แผ่นราคาเป็นพัน ถ้าเทียบกับบุหรี่ซองละ 40 บาทนี่มันก็ต้องชั่งใจอยู่เหมือนกัน ทำไงราคาจะถูกลงอีกให้ขี้ยาหาซื้อได้ง่ายๆสบายกระเป๋าหน่อย

ก็นี่แหละครับเรื่องของผมที่สูบมานาน25 ปี ตอนนี้อดมาได้นานที่สุดตั้งแต่เคยอดมา คือตั้ง 3 เดือนเศษ โดยไม่ข้องแวะไปแตะอีกซักมวน และผมก็เตือนตัวเองตลอดว่าอย่าเผลอ"ซักมวนน่า คงไม่เป็นไรหรอก" เพราะไม่งั้นมันก็จะกลับไปสูบยาวอีกที

ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นอิสระจากบุหรี่แล้วครับ แม้ว่าจะอยู่ห่างตัวช่วยมาพอสมควรแล้ว และแทบจะไม่คิดถึงมันอีกเลย จากที่เคยสูบวันละประมาณ20มวนต่อวัน มวนละประมาณ 20 ซื้ด วันนึงเคยซื้ดกว่า400-500ครั้งที่ปากจูบกับบุหรี่(กับแฟนก็ยังไม่จูบกันบ่อยขนาดนี้หรอก วันๆ)

ตอนแรกก็ใจหายที่ต้องเลิกจูบกับอะไรที่รักกันดูดดื่มมานาน 20 ปี แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นอิสระจากมันแล้วครับ

ก็ภาวนาอยู่เนี่ยว่า ซ้าธุขอให้เลิกให้ได้เด็ดขาดได้ซะทีเถ๊อะในรอบนี้...


โดย: ป๋าเจ้าเก่า (ป๋าเจ้าเก่า ) วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:23:41:53 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมค่ะได้อ่านแล้วก็ได้แต่เอาใจช่วย เลิกให้ได้นะคะ เข้มแข็งไว้


โดย: ข้าวโพดอบเนย (ข้าวโพดอบเนย ) วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:2:39:21 น.  

 
หมายเหตุ:สำหรับท่านใดที่อยากเลิกบุหรี่ หรือลองอดบุหรี่ดู หรืออยากให้คนรู้จักได้เลิก หรือลองอดดู ผมยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งในกระทู้นี้ และหลังไมค์นะครับ เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่เคยปวารณาตัวว่า คนอย่างกรูนี่ไม่มีทางอดบุหรี่ได้นานถึงเดือนหรอก แต่ตอนนี้ทำได้ขนาดนี้ ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เหลือเกินสำหรับผม จนอยากให้คนที่เคยคิดแบบผม(ว่า เราไม่มีทางอดบุหรี่ได้แน่ๆ)ได้ลองดูบ้างครับ


โดย: ป๋าเจ้าเก่า (ป๋าเจ้าเก่า ) วันที่: 5 สิงหาคม 2549 เวลา:15:16:11 น.  

 
ยา Quamem นี่ก็ใช้ได้น๊ะ ปราศจาก นิโคติน ด้วย

แต่สองอาทิตย์แรก หง่อยเลย ทำไรไม่เป็น แม่แต่ล้างจาน

ถ้าให้ดี ไปเข้า คอร์ส ที่โรงพยาบาล ธัญญารักษ์ ดีกว่า

ที่นั่นมีกำลังใจให้อีก จัดเป็นระบบ แถมตัวยาแบ่งขาย

ถูกกว่าซื้อทั้งกล่อง ซื้อข้างนอก กล่องนึง 60 เม็ด

BOOT ขาย 2300 บาท หายากหน่อย ต้อง สาขาใหญ่ๆ

ร้านขายยาร้านใหญ่ๆ ก็มี หน้าศิริราช

หายขาด ไม่มีอาการอยากอีกเลย

แม้ขนาดอยู่ในกลุ่มผู้สูบจัดๆตลอดเวลา

อย่างในผับ

แต่ถ้าเลิกได้แล้ว ต้องไม่บ้าจี้ กลับไปสูบอีก

เพราะบางคนดื้อยาไปแล้ว กลับไปใช้อีกไม่ได้ผล

อย่างฉันนี้ เครียดจัด เลยไปสูบอีก

พอจะมาเลิกใหม่ หมดหวัง ดื้อยาไปแล้ว

ตอนเลิกใกม่นี้ หมดไปมากกว่าสองเท่าของตอนเลิกได้อีก

เสียดายมาก

ทุกวันนี้ หาวิธีใหม่อยู๋ เศร้าจายยยยยย


โดย: ย่งยินปู่หยาง (ย่งยินปู่หยาง ) วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:13:56:27 น.  

 
ยา Quamem นี่หละครับที่ผมบอกว่าใช้แล้วมีอาการค้างเคียงคือทำให้หงอยเหงาเศร้าซึม รอบล่าสุดนี่ผมเลยมาใช้แผ่นแปะครับ คุณย่งยินปู่หยางลองดูดิครับ สู้ๆๆๆ


โดย: ป๋าเจ้าเก่า วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:14:19:23 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ป๋าเจ้าเก่า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เคยเป็นมาหลายอย่างทั้งนักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ นักปฏิวัติ NGO พิธีกรโทรทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญบรรยายให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ

แต่อยากเป็นนักอ่านมากที่สุด อยากนอนลงเอกเขนกทำตัวขี้เกียจ ไม่ต้องทำงานการอะไร แล้วอ่านหนังสือวรรณกรรมที่ติดค้างตัวเองไว้นานหลายสิบปี จนตอนนี้แน่นตู้หลายตู้ ปลวกกินพังไปหลายเล่มแล้ว
Friends' blogs
[Add ป๋าเจ้าเก่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.