|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เคยเป็นมาหลายอย่างทั้งนักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ นักปฏิวัติ NGO พิธีกรโทรทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญบรรยายให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ
แต่อยากเป็นนักอ่านมากที่สุด อยากนอนลงเอกเขนกทำตัวขี้เกียจ ไม่ต้องทำงานการอะไร แล้วอ่านหนังสือวรรณกรรมที่ติดค้างตัวเองไว้นานหลายสิบปี จนตอนนี้แน่นตู้หลายตู้ ปลวกกินพังไปหลายเล่มแล้ว
|
|
|
|
|
|
|
|
อาจารย์หมอประกิตก็เลยนำหนังสือเล่มหนึ่งมาแจกพรรคพวกในคลาสว่าด้วย ประวัติการรณรงค์ให้มีการเลิกสูบบุหรี่ในเมืองไทยกว่า 30 ปีมาแล้ว
สำหรับตัวหมอประกิตที่เป็นนักรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่มือ1ของเมืองไทยเวลานี้ตามประวัติในหนังสือที่ท่านให้มาอ่านนั้นพบว่าได้เริ่มรณรงค์มาราวๆปีพ.ศ.2525
ก็เป็นช่วงปีที่ผมเริ่มสูบบุหรี่มวนแรกในชีวิตพอดีครับ เพราะผมเริ่มสูบบุหรี่มวนแรกในชีวิตตอนอายุซัก 14-15 ปี
เหตุที่ผมเริ่มสูบบุหรี่มวนแรกในราวปีพ.ศ.2524นั้นผมคิดว่าเป็นเพราะ"ค่านิยม"ของคนในสังคมตอนนั้นเป็นหลักครับ
*ที่ว่าเป็นค่านิยมก็เพราะก่อนผมจะเริ่มแตกหนุ่มน้อยนั้น บุหรี่เป็นเครื่องต้อนรับขับสู้กันนะครับ หนุ่มจะไปจีบสาว เขาก็มีบุหรี่ไว้ต้อนรับ ตั้งแต่เจียนใบตองมวนบุหรี่ มายัน"ยาซอง"
*ของถวายพระ หรือถวายเจ้า นอกจากปัจจัยต่างๆแล้วก็ต้องมีบุหรี่อย่างขาดไม่ได้
*ใครเริ่มเป็นหนุ่มแล้วก็ต้องเข้าร่วมวงสูบบุหรี่ ถ้าไม่สูบก็อาจโดนล้อถึงขั้นว่า"เมิงเป็นกระเทยรึไง?"
ดังนั้นพอนมแตกพาน สมัยอยู่บ้านนอก มันก็ต้องเริ่มสูบบุหรี่ก่อนครับ ถือว่าเป็น"พิธีกรรมทางผ่าน"อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะก้าวจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่
จากนั้นมันก็"ติด"แล้วหละคร้บ กว่าหมอประกิตหรือใครต่อใครจะมารณรงค์เป็นเรื่องเป็นราวครึกโครมก็ในเวลาต่อมาอีกหลายปี
ก็ตอนนั้นมันไม่มีใครบอกนี่หว่า ถ้ามีคนบอกเหมือนสมัยนี้ ผมคิดว่า คนอย่างผมหรือขี้ยาหลายๆคนก็คงไม่กลายเป็นขี้ยาหรอกครับ