ขึ้น ขึ้น แล้วก็ขึ้นที่เขาหลวง สุโขทัย

คิดถึงป่าเมืองไทยกันไหม

แทบจำไม่ได้ว่าเดินป่าครั้งสุดท้านที่ไหน เมื่อไหร่

และไม่ได้เขียนบันทึกการเดินทางมานานแล้ว...

ลองนัดกัน แต่คิดไม่ออกว่าจะไหนดี วันหยุดติดกัน 3 วัน คนคงเยอะ ตอนแรกคิดว่าจะไปแก่งกระจาน หาข้อมูลที่พัก  แล้วก็มีความคิดแวบเข้ามาขณะนั่งดื่มโกโก้เย็น เขาหลวง สุโขทัย ตอนไปอยู่ที่สุโขทัยมา 2 ปี ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย ใช้เวลาเดินไม่มาก 3-4 ชั่วโมง ออกจากกรุงเทพเช้าๆก็พอไหว เลยโทรนัดแนะผู้ร่วมชะตากรรม ให้เริ่มฟิตร่างกายกันได้ เราจะไปสัมผัสป่าเมืองไทยกัน หลังจากไม่ได้ไปมานานแล้ว

เริ่มออกเดินทางวันอาทิตย์ จากกรุงเทพ แวะรับผู้ร่วมทางที่อุทัยธานี มุ่งหน้าเข้าสู่สุโขทัย ทางอำเภอคีรีมาศ ระหว่างทาง แวะซื้ออาหารสดเพื่อไปทำอาหารเย็นวันนี้ อาหารเย็นวันนี้เป็นสุกี้ ที่ยอดเขาหลวง ปิดท้ายด้วยลิ้นจี่ในน้ำเชื่อม ได้ทุกอย่างก็เริ่มเดินทางขึ้นเขาได้

ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหงประมาณบ่ายโมง จัดแจงของแบ่งบางส่วนแบกเอง และแบ่งส่วนใหญ่ให้ลูกหาบแบก ที่นี่จะคิดอัตรา 20 บาทต่อกิโล เอาล่ะเริ่มเดินทาง ระยะทางขึ้นเขาหลวงเป็นทางขึ้นเขาประมาณ 3.7 กิโลเมตร ก่อนขึ้นก็มีแต่คนให้กำลังใจ เดินยากกว่าภูกระดึง เหนื่อยกว่าภูสอยดาว ได้กำลังใจมากๆ ว่าแล้วก็แหงนหน้าดูยอดเขานารายณ์ แล้วเริ่มนับหนึ่งกัน

ทางตอนเริ่มเป็นราบ และชันเล็กน้อย ระยะสั้นๆ สั้นๆจริงๆ เพราะอีกไม่นานทางก็ชัน และก็ชันตลอด จนคิดว่า ใครเป็นคนทำเส้นทางวะเนี่ย อ้อมหน่อยก็ได้ สักพักเราก็เริ่มหมดแรง อาจเพราะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงก็ได้ ตกลงกันว่า เราจะไปพักกันที่จุดแรก ประดู่ใหญ่ ห่างจากจุดเริ่มประมาณ 1 กิโลเมตร แค่กิโลเมตรก็แทบแย่แล้ว ระหว่างทางจะมีจุดให้พักเป็นระยะ และมีน้ำดื่มให้เติมตลอดทาง

ระหว่างแวะพักเติมพลังก็มีคนที่กำลังกลับเดินสวนมา มีเด็กด้วย เด็กยังไปได้ เอา เดินต่อกัน หลังจากจุดนี้ ทางก็ไม่มีแนวโน้มที่จะราบอีกเลย เราเดินบ้างพักบ้าง ในที่สุดก็มาถึงครึ่งทาง เป็นจุดชมวิวที่พระเทพเคยเสด็จ ทำที่นั่งเป็นชั้นๆ

และนี่วิวระหว่างทาง

มีบางคนเดินขึ้นแล้วกลับสวนมา พร้อมกับให้กำลังใจว่า เดี๋ยวทางชันกว่าที่ผ่านมาอีก พี่เดินขึ้นไปต่อก่อน ผมขอนั่งพักนานๆหน่อย ทางมันชันมากจนเราคิดว่า คนที่เขามาขึ้น แล้วลงเลยจะได้สัมผัสอะไร พักหายเหนื่อย ขาเริ่มหายเกร็ง เริ่มเดินทางกันต่อ ออ พี่ ถ้าผ่านต้นไทรแล้ว จะมีทางราบบ้าง อีกครึ่งทางเอง

ทางยังคงขึ้น ขึ้น แล้วก็ขึ้น สมกับที่ว่า มาขึ้นเขาจริงๆ ภูเขาที่นี่ก็แปลก ขึ้นมาเป็นลูกๆ อาจเป็นสาเหตุทำให้คนทำทางต้องทำให้มันขึ้นตลอดนะเนี่ย

อีกหลายเหนื่อย อีกหลายพัก กว่าจะมาถึงจุดไทรงาม ซึ่งเป็นต้นไทรอายุนับพันปี ต้นใหญ่และสวยมาก แถมเป็นข้ออ้างให้พักเหนื่อยได้ถ่ายรูปอีก

หลังจากจุดไทรงามเราก็หวังกันว่าจะได้เจอทางราบอย่างที่ได้ข้อมูลมา แต่ว่าเป็นทางราบที่ชันมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะชันขนาดนี้ ก่อนจะถึงจุดที่พัก เราต้องผ่านปล่องนางนาค ซึ่งเป็นต้นกำเนิดตำนานพญานาค ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดพระร่วง จะนั้นจะมีทางชันสุดท้ายก็จะถึงเขาหลวงบนยอดความสูง 1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะทางในการเดินรวม 3700 เมตร ใช้เวลารวม 3 ชั่วโมง

แต่ที่ตกใจพอไปถึง กลับเห็นคุณยายอายุ 76 ปี นั่งพักอยู่ โอ คุณยาย ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย สุดยอดจริงๆ

พักกางเต้นท์ ล้างหน้าล้างตา กินโค้กเย็นๆ เพิ่มพลัง บนนี้จะมีร้านสวัสดิการขายพวกอาหารแห้ง น้ำอัดลม แต่ราคาอาจสูงหน่อย ก็ยอมรับ เพราะว่าต้องบวกค่าแบกขึ้นมาด้วยนะ จ่ายค่าลูกหาบ เขาจะมาชั่งด้านบนหลังมาถึง เราก็พักผ่อนตามอัธยาศับ ที่นี่จะมีป้ายบอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก ให้เราประมาณเวลาในการเดินทางไปชมที่ยอดต่างๆ บนยอดเขาหลวงนี้มีอีก 4 ยอด บางยอดต้องเดินไกลอีก 2 กิโล ทำให้เราตกลงอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ต้องไปทุกอันก็ได้ วันนี้เราจะไปที่ผาชมปรง จากนั้นไปชมพระอาทิตย์ตกที่ เขาแม่ย่ากัน

ได้เวลาก็ออกเดินทางไปผาชมปรง ซึ่งไม่ไกลจากที่พักมาก ประมาณ 400 เมตร เป็นทางขึ้นบ้างแต่ไม่มาก ระหว่างทางเดินผ่านดอกไม้ดูสวยดี แวะถ่ายเก็บกันไว้สักหน่อย

ผาชมปรง เป็นหน้าผาที่เต็มไปด้วยต้นปรงใหญ่ๆหลายต้น มีก้อนหินใหญ่ที่ขึ้นไปยืนได้สบายๆ และเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก น่าจะเป็นผาที่เดินสบายและสวยที่สุดที่ไปครั้งนี้

ฝึกวิชาตัวเบา

และนี่เบื้องหลังการถ่ายทำ

เราอยู่ที่ผาชมปรงกันอย่างเต็มที่ จนไม่แน่ใจว่าจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่เขาแม่ย่ากันหรือเปล่า แต่จะเป็นไรไป ถ้ามีความสุขก็ควรเก็บความสุขให้เต็มที่ เต็มอิ่มกับผาชมปรงก็เริ่มเดินต่อ มีทางตัดได้ แต่ดันไปเดินอ้อมกัน สงสัยยังอยากเดินกันอยู่ เดินลงเขาตัดป่า จากนั้นก็ขึ้นอีกครั้ง เราก็ถึงเขาแม่ย่าทันพระอาทิตย์ตกพอดี

วันนี้เป็นวันพระจันทร์เกือบเต็มดวง พระจันทร์มาเยี่ยมเร็วกว่าปกติ ก็เลยขอจิ้มพระจันทร์เล่นเสียหน่อย

พระอาทิตย์กำลังจะตกระหว่างทางเดินไปเขาแม่ย่า

พระอาทิตย์หนีไปเร็วมากๆ เลยได้มาแค่นี้

กลับไปอาบน้ำให้สดชื่น ที่นี่จะมีห้องน้ำให้ ห้องน้ำสะอาดดี จากนั้น สุกี้ร้อนๆ จากเตาก้อนเส้า ก็ตกถึงท้อง ลิ้นจี่ในน้ำเชื่อมที่แช่อยู่ในขันน้ำเย็นก็ตามมา จากนั้นกินยาแก้ปวดสักสองเม็ด ก่อนที่จะมุดตัวเข้าถุงนอน มุดหัวเข้าเต้นท์ ท่ามกลางบรรยากาศของเขาหลวง

เกือบหกโมงเช้า ก็คลานออกจากที่นอน มีผู้ร่วมที่พักอยู่สักสองสามคณะ ไม่วุ่นวายมากมาย ค่อยๆเดินไปผานารายณ์ เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น เป็นที่ๆนิยมมาดูพระอาทิตย์ขึ้น และมีก้อนหินแหลมๆ ยื่นออกมา เป็นแลนมาร์คที่สำคัญของที่นี่เลย

มาค่อยๆ ชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน

แสงเริ่มจ้ามากขึ้นแล้ว

ต่างคนต่างหามุมมองของตัวเอง

เช้าวันใหม่มาแล้ว

เนื่องด้วยยังประทับใจในเขาชมปรงอยู่มาก เราเลยกลับไปชมกันอีกครั้ง

อุตส่าห์แบกขาหนักมา ขอรูปรวมๆสักรูป

กลับที่พัก ระหว่างที่ทีมอื่นๆ ค่อยๆ ทยอยกลับ เราก็ก่อไฟกินอาหารเช้ากัน กว่าจะได้เดินทางลงก็เกือบสิบโมง ไหนๆก็มาแล้ว ต้องทำตามธรรมเนียม

เราใช้เวลาเดินลง แล้วก็ลง แล้วก็ลง กว่าจะมาถึงก็ ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง โอไม่น่าเชื่อ ลงกับขึ้นใช้เวลาพอๆกัน ก็หัวเข่าแต่ละคนคงเปลี่ยนแปลงตามเวลาไปหมดแล้ว

ขาลงเดินผ่านคุณยายอายุ 76 ยายบอกว่าตอนขึ้นสบายมาก แต่ตอนลงขามันล้า โหสุดยอด แค่ตอนขึ้น เราก็จะแย่แล้ว เป็นกำลังใจให้คุณยายครับ

กลับมาถึงอุทยานอาบน้ำอาบท่ากันอีกรอบจากนั้นเข้าสุโขทัย ไปกินข้าว และก็อะไรเย็นๆกัน

ที่นี่ไม้กลางกรุง ไปกินก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย แต่น้ำน่ารักมากมีเหน็บดอกไม้มาด้วย ได้ใจกันไปเต็มๆ 

ขอบคุณเพื่อนๆที่ไปลำบากด้วยกัน ไว้ไปลำบากด้วยกันอีก แต่ขอพักขาสักพักก่อน

Create Date : 02 มีนาคม 2556		4 comments
Last Update : 4 มีนาคม 2556 20:08:21 น.
Counter : 5581 Pageviews.
Share Tweet