คนบ้าๆที่มีแต่เรื่องบ่นๆ
|
||||
Oasis โอเอซิส (Oasis) ป็นวงดนตรีร็อคจากแมนแชสเตอร์ อังกฤษ นำโดย 2 พี่น้อง ตระกูล กัลลาเกอร์ ที่ชื่อ โนล มือกี่ตาร์และนักแต่งเพลงและน้องชาย เลียม เป็นนักร้องนำ ทั้งคู่มาจากเบอร์นิจเมืองชนบทของแมนเชสเตอร์ ปัจจุบันแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสมาชิกไปบ้าง แต่ โอเอซิส ก็ยังคงยืนหยัดทำผลงานเพลงต่อไป โดยปัจจุบันพวกขายทำยอดขายรวมอัลบั้ม ซิงเกิ้ล บ๊อกเซตต่างๆทั่วโลกไปได้แล้วกว่า 50 ล้านแผ่น และมีซิงเกิ้ลที่ขึ้นอันดับหนึ่งในอังกฤษได้มากถึง 8 เพลง ![]() แรกเริ่มเดิมทีเพื่อนๆของเลียมที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน คือ พอล"โบนเฮด"อาร์เธอร์ส(มือกีตาร์),พอล แม็คเกวียน(มือเบส),และโทนี่ แม็คแครอล(มือกลอง) ตั้งวงดนตรีอยู่แล้วชื่อ Rain เลียม เข้าวงมาทีหลังเมื่อปี 1990 ในฐานะนักร้องนำ พอเข้าวง เลียมก็แนะให้เปลี่ยนชื่อวงเป็น โอเอซิส ตามชื่อเวนิว Oasis Leisure Centre จากในภาพโฆษณาคอนเสิร์ตของวง Inspiral Carpets ที่ติดอยู่ในห้องนอนเขา จนกระทั่งวันหนึ่ง โนล กลับมาบ้านในแมนเชสเตอร์ หลังจากไปทำงานอยู่กับวง Inspiral Carpets อยู่หลายปีในฐานะกีตาร์ เทคนิเชี่ยนเลียมก็ชวนเขามาเป็นผู้จัดการวง จนกระทั่งวง Inspiral Carpets ปลดทีมงานออกหมด ตอนปี 1991 เขาจึงชวนมาเป็นมือกีตาร์ให้ซะเลย โอเอซิส ขึ้นเวทีครั้งแรกที่บอร์ดวอล์คในแมนเชสเตอร์ เดือนตุลาคมปี 1991 แรกๆโนลไม่ได้จริงจังกับทางวงเท่าไรจนมีวันหนึ่งต้องไปหาหมอซึ่งหมอสั่งให้เลิกสูบกัญชา พอเลิกสูบสมองโล่งจึงได้มีความคิดในการแต่งเพลงออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Columbia,Rock 'N Roll Stars,Whatever ฯลฯ 31 พฤษภาคม 1993 โนล ได้ข่าวว่า อลัน แม็คกี ที่ตอนนั้นเป็น ประธานบริษัทแผ่นเสียง Creation Records จะไปดู คอนเสิร์ตที่ คิง ทุตส์ ไนท์คลับในกลาสโกว์ในคืนนั้น เขาพา โอเอซิส กับลูกทีมรวม 17 คนขึ้นเวทีที่นั่นโดยที่ไม่มีการจองคิวล่วงหน้า กับโปรโมเตอร์ ซึ่งโปรโมเตอร์ที่มีบอดี้การ์ดอยู่แค่ 2 คนเลยจำใจยอมให้ (เอาพวกเข้าขู่ ว่างั้น) โอเอซิสขึ้นเวทีครึ่งชั่วโมง อลัน ประทับใจในการเล่นครั้งนี้ จึงให้โอเอซิส มาเซ็นสัญญา ทันทีด้วยสนนราคา 60,000 ปอนด์ Oasis มีซิงเกิ้ลแรก Supersonic ที่ออกมาดีสมราคาคุย เป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์ทันที ถึง 2 พี่น้องกัลเลเกอร์จะชอบให้สัมภาษณ์ในลักษณะขี้คุยก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพวกเขาพูดทับถมศิลปินรายอื่นมากเท่าไหน โอเอซิส ก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ซิงเกิ้ลที่2 อย่างเพลง Shakermaker ก็ประสบความสำเร็จอย่างดี ซิงเกิ้ลที่ 3 Live Forever ออกตามมา ก่อนอัลบั้มแรกวางแผง 1 เดือน เป็นเพลงฮิต ในอังกฤษได้อีกเหมือนเดิม เมื่อ Definitely Maybe อัลบั้มแรกของพวกเขาออกขายเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม1994 ก็เข้าอันดับ 1 ทันทีและกลายเป็นอัลบั้มแรกของศิลปินหน้าใหม่ที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงของอังกฤษ ค้างคาอยู่ใน Top 20 ถึง 18 เดือน เขย่าวงการเพลงร็อกอังกฤษอย่างที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ซิงเกิ้ลเดี่ยว Whatever ที่ไม่ได้นำมารวมในอัลบั้มชุดไหนเลย ของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 3 ในอังกฤษช่วงคริสต์มาสปี 1994 เป็นการส่งท้ายปีไปอย่างสวยงาม ในปีนั้นเองก็ได้เกิดปรากฏการณ์ของความคลั่ง ไคล้ Oasis กันขนานใหญ่ที่อังกฤษอย่างที่ไม่เคยมีวงไหนทำได้มาก่อน
ปี 1995 เริ่มต้นปีด้วยความสำเร็จ โอเอซิส ได้รับรางวัล Best Band, Best New Band และ Best Single (จากเพลง "Live Forever") จาก NME Brat Awards ตามมาด้วยการคว้ารางวัลสำคัญ Best Newcomer จาก BRIT Award ในเดือนต่อมา พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการทัวร์คอนเสิร์ต บัตรถูกขายหมดเกลี้ยงในทุกโชว์ในอังกฤษ วงจึงได้หันไปเน้นโปรโมชันในตลาดอเมริกา และกลายเป็นขวัญใจ MTV และสถานีวิทยุโมเดิร์นร็อกของอเมริกา มีเพลงฮิตอย่าง Live Forever กับ Supersonic ในที่สุดอัลบั้ม Definitely Maybe ก็ได้แผ่นเสียงทองคำในสหรัฐ โอเอซิส ประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับความสัมพันธ์ ของสมาชิกในวง โดยเฉพาะ 2 พี่น้อง โนล ไม่พอใจที่ เลียม สปอยล์มากชอบเดินออกจากเวทีคอนเสิร์ตไปเฉย ๆ ถ้าเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา 14 เมษายน 1995 ก่อนหน้าซิงเกิ้ล Some Might Say ออกขาย 1 วัน โทนี่ แม็คแครอล มือกลองก็ถูกไล่ออกจากวง หลังจากแตกคอกับ เลียม ในบาร์ที่ปารีส อลัน ไวท์เข้ามาแทนที่ในวันที่ 4 พฤษภาคม 1995 เพลง Some Might Say กลายเป็นซิงเกิ้ลอันดับ 1 ในอังกฤษเพลงแรกของ โอเอซิส ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางขาย ความสำเร็จของเพลงนี้สร้างปรากฏการณ์ทำให้ทุกซิงเกิ้ลก่อนหน้านี้ย้อนกลับเข้าอันดับในชาร์ทเพลงอินดี้ของอังกฤษอีกครั้ง ตุลาคมปี 1995 Oasis ออกอัลบั้มที่ 2 ชื่อ (What's The Story) Morning Glory? หลังจากใช้เวลาบันทึกเสียงแค่12วันเท่านั้น!! ขึ้นถึงอันดับ 1 ทันทีที่ออกจำหน่ายในอังกฤษและกลายเป็นอัลบั้มที่ขายได้เร็วที่สุด ในอังกฤษ นับตั้งแต่อัลบั้ม Bad ของ ไมเคิล แจ็คสัน เคยทำไว้ในปี 1987 ว่ากันว่าในช่วง สัปดาห์แรกที่ออกขาย จะมีคนซื้ออัลบั้มชุดนี้ 1 คนทุก ๆ 30 วินาที!! Wonderwall เพลงเด่นอีกเพลงจากอัลบั้ม (What's The Story) Morning Glory? อัลบั้ม (What's The Story) Morning Glory? ของพวกเขาขายได้ถึง 20 ล้านแผ่น มีผลงาน Top 10 ทั้งในยุโรปและเอเชีย ในเดือนสิงหาคม 1996 5% ของคนทั้งเกาะอังกฤษ (250,000 คน) เข้าคิวยาวควักกระเป๋าซื้อบัตรคอนเสิร์ตราคา 22 ปอนด์ครึ่ง เพื่อมาดู โอเอซิส ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตกลางแจ้ง 2 รอบที่ Knebworth ทำสถิติเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ว่ากันว่ามี ผู้ต้องการจับจองตั๋วมากกว่า 2 ล้านคน!! เดือนเมษายน Oasis ได้ขึ้นปกนิตยสารดังอย่าง Rolling Stone ของอเมริกา ซึ่งเป็นการบอกให้โลกได้รับรู้ว่าพวกเขามาแล้ว แต่ Oasis ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในอเมริกา ทั้งที่สามารถคว้ารางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวถึง 5 แผ่น ซิงเกิ้ล Wonderwall ก็ขึ้นไปถึง Top 10 อาจเป็นเพราะคนอเมริกันไม่นิยมนิสัย Bad Boy ของ Oasis ไม่ว่าจะเป็นอาการถุยน้ำลายของเลียมบนเวทีงานแจกรางวัล MTV ที่นิวยอร์กในเดือนกันยายน 1996 หรือการขว้างขวดเบียร์ใส่คนดู ซึ่งก็ของเลียมอีกเหมือนกัน นอกจากนี้ 2 พี่น้องยังตกเป็นข่าวซุบซิบตามหน้าหนังสือประจำ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ โอเอซิส ถอนตัวจากการทัวร์คอนเสิร์ตที่อเมริกาในวันที่ 13 กันยายน 1996 อย่างกะทันหัน ก่อนขึ้นเวทีแค่ 3 ชั่วโมงเมื่อโนลเป็นฝ่ายเดินออกจากคอนเสิร์ตเองบ้าง ทั้งที่มีแฟนเพลงรอดูอยู่กว่า 5,000 คนที่ชาร์ลอต ฮอร์เน็ทส์ เทรนนิง เซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนั้นเอง Oasis กลายเป็นวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษและของโลก สมกับ ตำแหน่งวงดนตรีร็อกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและถูกยกให้เป็น เดอะ บีทเทิลส์ ของยุค 90 ซิงเกิ้ล D'You Know What I Mean ของ โอเอซิส ก็วางแผงในเดือนกรกฎาคม 1997 ตามมาด้วยอัลบั้ม Be Here Now วันที่ 21 สิงหาคม 1997 ทำยอดขายเฉียด 7แสนแผ่นที่อังกฤษภายในเวลา 3 วัน ทำลายสถิติยอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ในช่วงแรกอัลบั้มชุดนี้มาแรงมากเนื่องจากอยู่ท่ามกลางความคาดหวังต่างๆ แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน ตัวอัลบั้มก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว สื่อมวลชนอ้างว่าขาดความน่าสนใจและดูไร้ความกระตือรือร้น ถึงแม้ว่าจะมีซิงเกิ้ลฮิตในเวลาต่อๆมาอย่าง Stand by me และ All around the world ก็ตาม ก่อนหน้าที่จะออกอัลบั้มชุดนี้ โนล ให้พอล เวลเลอร์ลองฟัง เขาเป็นคนเดียวที่กล้าบอกโนลตรงๆว่าฟังแล้วไม่เข้าหูเอาซะเลยและเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความตกต่ำของ โอเอซิส ในเวลาต่อมา อัลบั้ม Be Here Now จขบ กลับชื่นเพลงในอัลบั้มนี้หลายเพลง ขอเอามาลงไว้ให้ฟัง(และฟังเอง)เลยละกัน หลายคนคงชอบและคุ้นกับเพลงนี้ สังเกตุจากยอด viwe ใน youtubeจขบ ก็ชอบครับ ^^ ในช่วงต้นปี 2004 โอเอซิสได้เริ่มทำอัลบั้มใหม่และอัลบั้มพิเศษ ซึ่งมีกำหนดออกวางแผงในเดือนกันยายน แต่ก่อนหน้านั้นมือกลองผู้ที่อยู่กับวงมายาวนาน Alan White ได้ออกจากวง ทำให้ต้องเรียกมือกลองไฟแรง Zak Starkey มาอัดเสียงแทน ซึ่งเป็นลูกชายของ Ringo Starr แห่งวงเดอะ บีทเทิลส์ แต่เนื่องจากทางวงไม่ได้ประกาศตัวเขาเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว ทำให้เขาแทบจะไม่ได้ปรากฏตัวในงานหรือบทสัมภาษณ์ ต่างๆ การแสดงครั้งสำคัญของวงปีนี้เกิดขึ้นที่เทศกาลดนตรี Glastonbury 2004 โดยแสดงเป็นวงเฮดไลน์ที่เวทีPyramidท่ามกลางคนดูกว่าหกหมื่นคน แต่การแสดงครั้งนั้นได้รับคำวิจารณ์ทางลบพอสมควร เนื่องจากสมาชิกแต่ละคนในวงซึ่งดูไม่มีอารมณ์ร่วมในการแสดงเอาเสียเลย พฤศภาคมปี 2005 นับเป็นปีทอง Oasis ได้วางแผงอัลบั้มที่6ของพวกเขา Don't Believe the Truth ซึ่งนับว่าเป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ (What's The Story) Morning Glory? จนสื่อมวลชนอังกฤษ พากันขนานนามว่า Return to Form ด้วยซาวนด์ดิบๆในรูปแบบแปลกใหม่ Don't Believe the Truth ประกอบไปด้วยเพลงซิงเกิ้ลฮิตอย่าง Lyla , The Importance of Being Idle และ Let there be love อันดับ 1และ2 ใน Uk Chart ตามลำดับ หลังจากนั้น Oasis ได้ออกเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่รอบโลก เริ่มต้นในเดือนพฤศภาคม 2005 ที่ลอนดอนและจบลงที่เม็กซิโกเมื่อมีนาคม 2006 รวมทั้งหมด26ประเทศทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทยด้วย กลางปี 2007 โอเอซิส ได้เป็นส่วนหนึ่งของการนำอัลบั้มตำนานของเต่าทองอย่าง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band มาคัฟเวอร์เรียบเรียงใหม่ ท่ามกลางข่าวลือเรื่องการแสดงคอนเสิร์ตต่างๆมากมาย ในที่สุด แฟนๆก็ไม่ผิดหวัง เมื่อทางวงประกาศถึงการเข้าทำงานในสตูดิโออัลบั้มใหม่ ซึ่งจะเป็นอัลบั้มที่ 7 และยังประกาศการวางจำหน่ายของ DVD แผ่นคู่ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะเป็นการนำสารคดีที่ฉายทั่วโลกเมื่อปีก่อนอย่าง Lord Don't Slow Me Down แบบสมบูรณ์มาจำหน่าย พร้อมด้วยโชว์การแสดงของพวกเขาที่สนาม City of Manchester Stadium เมื่อปี 2005 ซึ่งจะมีกำหนดการวางจำหน่ายในปลายปี สร้างความยินดีปรีดาแก่แฟนๆและสาวกเป็นจำนวนมากที่ต่างรอคอยกันมานาน ปัจจุบัน.. จขบ หรือแม้แต่แฟนๆ oasis ทั่วโลกก็ยังคอยให้ทางสองพี่น้อง ผลิตงานใหม่ออกมา แม้บางครั้งจะหลงทางไปบ้างแต่กลิ่นของ oasis ยังคงมีอยู่ในทุกบทเพลง แล้วเราคงได้เจอกัน แบดบอยแห่งวงการเพลง ![]() ขอบคุณครับสำหรับการพาไประลึกอดีตอันแสนหวาน(สมัยผมยังเอ๊าะ) ถึงตอนนี้ทั่นเลียมกับพรรคพวกจะออกมาตั้งวง Beady Eye ก็ตามทีเถอะ ยังไงก็หวังว่าสองพี่น้องจะกลับมาคืนดีกัน และออกอัลบั้มในนามโอเอซิสอีกครั้งครับ
![]() โดย: Nanatakara
![]() |
tannykee
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อารมณ์น้อยๆของคนเดียวดาย ไม่คิดเคยทำร้ายใคร กับใจน้อยๆที่ล้มลงไป ไม่หวังให้ใครให้คืน แค่เพียงจะให้อย่างนั้นอยู่คนเดียว จะนอนหลับฝันอยู่คนเดียว แค่คืนๆนั้นแค่คืนเดียว...ไม่ยอมตื่น Group Blog All Blog |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |