= = บันทึกจากน้องชาย :: ตอน..ผู้หญิง..ซึ่งทำหน้าที่แม่ จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต= =
//topicstock.pantip.com/family/topicstock/2010/06/N9343555/N9343555.html
27/5/53
รพ.จุฬาลงกรณ์
แม่โทรมาบอกผมตอนอยู่ที่ทำงาน ตอนประมาณแปดโมงเช้าว่าพี่สาวผมเจ็บท้องคลอด ก่อนกำหนดที่นัดผ่าไว้
แม่รีบลางานและเดินทางจาก จ.นครศรีฯไปหาพี่สาวที่ จ.ตรัง โดยลำพัง
รพ.ตรัง
ห้าคนพ่อแม่ลูก (พ่อกุน แม่ฟอม น้องฟ่าน น้องมีฟา และน้องเฟม่า ในท้องแม่ฟอม) พร้อมหน้ากันที่ห้องรอคลอด
ก่อนรอเข้าผ่าคลอดแบบฉุกเฉิน เพราะปากมดลูกเปิดแล้ว เจ้าเฟม่าอยากออกมาดูโลกเต็มที
......ใครจะรู้ว่า นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่ลูกอยู่ด้วยกัน ก่อนที่พ่อจะพาเด็กๆไปโรงเรียน.....
รพ.จุฬาลงกรณ์
แม่โทรมาบอกผมอีกครั้ง ว่าพี่สาวได้ลูกชาย หนัก 2,300 กรัม แม่ยังเดินทางไปไม่ถึงตรัง
ผมยังคงทำงานต่อไป วันนี้มีคนไข้เด็กชายสมาธิสั้นคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก ร่าเริง พูดเก่ง ผมบอกกับแม่เด็กว่า
หมอว่าน้องเค้าเป็นเด็กน่ารักนะครับ เพราะผมต้องการให้แม่หันกลับมามองมุมดีๆของลูก
....แต่อีกส่วนหนึ่ง ผมนึกถึงหลานชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกมาไม่นานนี้เอง....
.......................... .................... .......... ......
รพ.ตรัง
ภารกิจต่อไป พี่เขยขอให้ผมเป็นคนบอกแม่เบื้องต้นทางโทรศัพท์ให้ แม่เพิ่งไปถึงโรงพยาบาลพอดี
แม่..พี่ฟอมเค้า มีปัญหาหลังผ่าคลอด
เหรอ..ยังไงลูก.. เสียงแม่เบาลงไปอย่างเห็นได้ชัด
แม่ฟังนะ เค้าแพ้เกร็ดเลือด จนหัวใจหยุดเต้น หมอกำลังช่วยอยู่
ครับ..ครับลูก..หมอกำลังช่วยใช่ไหมลูก เสียงแม่สะอึกสะอื้น
แม่ทำใจดีๆไว้ก่อนนะ ตอนนี้อยู่กับใคร
แม่ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร .....โธ่..แม่ ยังอุตส่าห์ห่วงความรู้สึกผมอีก
แม่เข้าไปหาพี่ฟอม เจ้าหน้าที่กำลังปั๊มหัวใจ หมอคุยกับแม่ แต่แม่ยังไม่สามารถรับรู้อะไรได้ ตั้งตัวไม่ติด เพราะแม่ไม่ได้เตรียมมาหาพี่ฟอมเพื่อการนี้
ในที่สุด ปฏิบัติการปั๊มหัวใจก็สิ้นสุดลง แต่หัวใจแม่...กลับแตกเป็นเสี่ยงๆแทน
แม่เข้าไปกอดร่างไร้วิญญาณของพี่ฟอม อยู่นานสองนาน แม่ลูบผม ลูบหน้า จูบเท้าพี่ฟอม ราวกับว่าเป็นลูกน้อยที่เพิ่งเกิดมาของแม่ เมื่อ 33 ปีที่แล้ว
...แต่ครั้งนี้เสียงร้องไห้เป็นของแม่ ไม่ใช่เสียงร้องอุแว้ของลูก....
ผมนั่งเครื่องบินมาที่ตรังเย็นวันนั้น
รพ.ตรัง....เจ็ดปีที่แล้วผมฝึกงานที่นี่หกเดือน ในฐานะนักศึกษาแพทย์เวชปฏิบัติ (extern) ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์สูญเสียของญาติผู้ป่วยหลายครั้ง
รพ.ตรัง...ผมกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่มันไม่เหมือนเดิม เพราะผมมาในบทบาทที่เป็นผู้สูญเสียซะเอง
ผมเจอแม่ที่หน้าห้องดับจิต ผมเข้ากอดแม่ แม่ซบที่ไหล่ผมพร้อมกับร้องไห้เบาๆ มันเป็นสัญญาณที่บอกให้ผมทราบว่า ผมต้องเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งให้แม่พึ่งพิงให้ได้ ............. ......... .....
คืนนั้น เราสามคนแม่ลูก นั่งรถโรงพยาบาล เพื่อพาพี่ฟอมกลับบ้านไปด้วยกัน...จังหวัดนครศรีธรรมราช
กลับบ้านเรานะลูกนะ .......แม่ลูบศีรษะที่ฟอมอย่างแผ่วเบา
ตลอดทาง เราคุยกันเรื่องแง่มุมดีๆ น่ารักของพี่ฟอม
หลายๆเรื่องที่แม่เล่า ผมอดรู้สึกสะเทือนใจไปด้วยไม่ได้ ได้แต่อาศัยเงามืดยามค่ำคืน พรางไม่ให้แม่เห็นน้ำตาผมที่มันคลอเบ้า
แม่ยังร้องไห้อีกนับครั้งไม่ถ้วน ยังทำใจกับการสูญเสียไม่ได้
ผมบอกแม่ว่า.... พี่ฟอมไม่ได้จากไปไหนหรอก
เดิมที เราคิดถึง อาจจะโทรไป หรือขับรถไปหา
แต่ตอนนี้เราแค่เปลี่ยนช่องทางติดต่อกันใหม่ เราแค่หลับตา แล้วนึกถึงพี่ แค่นี้เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว
............เพราะพี่จะยังอยู่ในใจพวกเราเสมอ................
งานบำเพ็ญกุศลศพพี่ฟอม
ผมพยายามมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เพื่ออยากทำอะไรให้พี่เต็มที่ที่สุด
ตั้งแต่แบกร่างพี่ลงจากรถ และบรรจุใส่โลงศพ ผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือพี่ ช่วยทาแป้งที่หน้าให้พี่
.......ท่ามกลางเสียงร้องระงมของญาติพี่น้อง ผมนั่งคุกเข่าลง เกาะที่ขอบโลง เพื่อใช้เวลาพินิจใบหน้าพี่ฟอมใกล้ๆ
มันเป็นใบหน้าที่ผมคุ้นเคยมาตลอดชีวิต ตอนนี้พี่ก็ยังสวยเสมอในสายตาผม
ภาพเก่าๆของเราตั้งแต่วัยเด็กแวบขึ้นมาในหัวผมเต็มไปหมด ผมลูบที่หน้าพี่ จับแขนพี่ ผมน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง.......
ตลอดสี่คืนที่บำเพ็ญกุศลศพ หนึ่งในหน้าที่ที่ผมภูมิใจ คือการได้นอนเป็นเพื่อนพี่ฟอมที่วัดร่วมกับแม่ทุกคืน ได้คุยกับพี่ผ่านโลง ได้บอกในสิ่งที่ผมอยากบอก มันช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น
คืนแรก
ช่วงที่ผมนอนตะแคง หันหลังให้แม่
.
ทั้งที่เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่เราคุยกันไม่ได้
พี่ครับ...ผมคิดถึงพี่จัง.........ความคิดนี้ ทำให้ผมน้ำตาไหล ผมไม่กล้าสะอื้น กลัวแม่ได้ยิน
ผมปาดน้ำตา แล้วข่มตาหลับต่อ
ผมรู้จักแม่ดี แม่จะอ่อนไหวกับการเห็นลูกร้องไห้มาก ถ้าแม่เห็นน้ำตาผม แม่ต้องสติแตกแน่ๆ
บางครั้งผมก็อยากจะนอนร้องไห้บนตักอุ่นๆของแม่เป็นเด็กๆบ้าง
บางครั้งผมก็เหนื่อยกับการคอยประคับประคองแต่ความรู้สึกของทุกๆคน ที่เห็นว่าผมเข้มแข็ง
แต่ในเวลานี้ มันก็ต้องเป็นผมน่ะสิ ที่จะเป็นเสาหลักให้คนที่เหลืออยู่ ยิ่งเห็นคนรอบข้างเสียใจมากเท่าไหร่ ทำให้ผมยิ่งต้องเข้มแข็งเท่านั้น
ผมสังเกตว่าแม่จะหิ้วถุงใบหนึ่งติดตัวเกือบตลอดเวลา เป็นถุงใส่เสื้อผ้าของพี่ฟอม วันที่ใส่ไปโรงพยาบาล
แม่ไม่เอาใส่โลงให้พี่ฟอมล่ะ
ไม่เอา แม่ขอเก็บไว้ ทุกๆอย่างของพี่ฟอม นะลูกนะ แม่เอาถุงผ้ากอดแนบอก เหมือนเด็กที่หวงของเล่น
เฮ้อ..เห็นแม่แบบนี้แล้ว ไปไม่เป็นเลยผม
วันฌาปนกิจ 31/05/53
เป็นวันที่ผมกลัว
ผมกลัวแม่จะแย่ กลัวแม่ทำใจไม่ได้
แม่สร้างความประหลาดใจให้ทุกๆคน แม่เข้มแข็งกว่าที่คิด
แม่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย
ต้องขอบคุณบรรดาเพื่อนๆของพี่ฟอม และคุณป้าสยุมพรเพื่อนสนิทแม่เป็นพิเศษ ที่คอยประกบแม่ไม่ห่าง พูดคุย ให้กำลังใจกันตลอดเวลา เพราะลำพังผมคนเดียว อาจช่วยแม่ไม่ได้ขนาดนี้
ช่วงก่อนนำร่างพี่ฟอมเข้าเตาเผา
มีการเปิดฝาโลงอีกครั้ง ตอนแรกผมไม่กล้าพอที่จะดูหน้าพี่
แต่ใครๆที่เข้าไปดู บอกว่าพี่ยังสวยเหมือนเดิม ผมจึงเข้าไป
พี่ยังสวยเหมือนเดิมจริงๆด้วย ผมใช้มือเช็ดไอน้ำที่เกาะอยู่บนหน้าพี่ สัมผัสร่างพี่เป็นครั้งสุดท้าย จดจำภาพที่สวยงามของพี่ไว้ในความทรงจำ ก่อนที่จะปิดฝาโลงเพื่อทำพิธีต่อไป
ผมเฝ้ามองปากปล่องของเมรุ กลุ่มควันหนาแน่นขึ้น ลอยขึ้นฟ้าไปเรื่อยๆ พาพี่ไปสวรรค์แล้ว
พี่มีบุญ ได้ไปสบายแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงคนข้างหลังนะ......
พี่ฟอม...เป็นผู้หญิงเก่ง มั่นใจในตัวเอง
พี่ฟอม...เป็นลูกที่พ่อแม่ภูมิใจ เป็นพี่สาวที่ผมภูมิใจเช่นกัน
และสุดท้าย...พี่ฟอม เป็นแม่ของลูกยอดเยี่ยม เท่าที่ผมเคยเห็นมา
หลายๆคน บอกว่า ดีจัง มีน้องชายเป็นจิตแพทย์เด็ก คงได้ช่วยเลี้ยง ได้เทคนิคการเลี้ยงลูกมากมาย
ผมบอกหลายๆคนไปว่า ผมสู้พี่ฟอมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นานๆจะมีข้อแนะนำให้บ้าง ผมรู้แค่ทฤษฎีที่เรียนมาเท่านั้น
ต่างจากพี่ฟอมที่มีทั้งประสบการณ์ และ หัวใจ ของความเป็นแม่อย่างเต็มเปี่ยม ดังเห็นได้จากผลลัพธ์ที่ลูกน้อยทั้งสองคน ที่เติบโตขึ้นมาจากความรัก จนกลายเป็นเด็กน่ารักในปัจจุบัน
ที่ผ่านมาผมรู้ว่าพี่เหนื่อยมาตลอด ในฐานะภรรยา และแม่ของลูก
พี่ยอมออกจากงานราชการเพื่อมีเวลาให้ครอบครัวเต็มที่
แต่ถึงเหนื่อย ผมรู้ว่าพี่มีความสุข พี่แววตาเป็นประกายทุกครั้งที่พูดถึงลูกๆ
พี่ภูมิใจในความเป็นแม่ของตัวเอง ที่พิสูจน์ให้ทุกๆคนเห็น
การจากไปของพี่ครั้งนี้ ถึงแม้ว่าหลายๆคนจะเศร้า เสียใจ แต่ผมรู้ว่าพี่ไปอย่างมีความสุข
เพราะพี่ได้ทำหน้าที่แม่ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่ภาคภูมิใจ............จนวินาทีสุดท้าย...ของชีวิต
ถึงแม้ว่า ช่วงเวลาที่พี่จะได้อุ้มชู เฝ้ามองการเติบโตของลูกๆ มันจะสั้นนักก็ตาม แต่พี่ก็ทำมันได้ดีที่สุดแล้ว
เมื่อพวกเขาโตขึ้น เขาก็จะภาคภูมิใจเช่นกัน ที่มีพี่เป็นแม่
ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะรู้อยู่ในใจ ว่าตลอดเวลา แม่ไม่ได้ทิ้งพวกเขาไปไหน ยังคงคุ้มครอง และอยู่ในใจพวกเขาตลอดไป
รวมทั้งในใจของพวกเราทุกคน
หลับให้สบายนะ.....พี่ฟอม
....ไปป์...น้องชายคนเดียวของพี่
Create Date : 08 มิถุนายน 2553 |
|
32 comments |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 11:04:32 น. |
Counter : 2032 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องมัดหมี่ (iamnerisa ) 8 มิถุนายน 2553 22:52:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: grippini 8 มิถุนายน 2553 23:32:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขนมตะโก้ 9 มิถุนายน 2553 10:14:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: MomTaWan 9 มิถุนายน 2553 12:18:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องเซนท์กับพี่สตางค์ (suttirak2 ) 9 มิถุนายน 2553 15:33:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณแม่น้องเรโน่ค่ะ (nangkarang ) 9 มิถุนายน 2553 17:01:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: Bee1st 9 มิถุนายน 2553 17:19:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: random-4 9 มิถุนายน 2553 18:24:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: i_nookae 9 มิถุนายน 2553 22:56:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชาติสยาม 10 มิถุนายน 2553 10:08:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: aehtom 10 มิถุนายน 2553 20:57:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: tiara 11 มิถุนายน 2553 14:39:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: Tonkra49 12 มิถุนายน 2553 15:55:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: กระต่ายลงพุง (กระต่ายลงพุง ) 18 มิถุนายน 2553 19:43:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: รุ่นพี่ LS CMU IP: 58.8.106.240 21 มิถุนายน 2553 14:24:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: jennysup IP: 61.19.239.41 7 กรกฎาคม 2553 17:36:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: jaa IP: 180.180.51.116 7 กรกฎาคม 2553 21:46:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องเก้า IP: 182.53.104.28 19 มกราคม 2554 13:46:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: pandow IP: 113.53.166.100 12 มีนาคม 2554 11:49:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: sticker-dicut (เสี่ยวเฟย ) 1 กุมภาพันธ์ 2555 13:45:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|