บทความ...เนื้อหา...ถ้อยคำ...ตำนาน...ยังไม่สมบูรณ์นัก ค้นหาปัจจัยอันแท้จริง อีกครั้งอ่ะ..... .....เพราะว่า อาย ลัฟ ญู

<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 ตุลาคม 2552
 

จุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส



..........นับเป็นความยิ่งใหญ่ในแวดวงวิทยาศาสตร์เรา เมื่อนักวิทยาศาสตร์ไทยจากสถาบันนวัตกรรมสุขภาพก้าวหน้า คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยทำการวิจัยในเรื่องการนำจุลินทรีย์ มาใช้เสริมภูมิต้านทานสู้โรคต่างๆ นับเป็นโครงการที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบันคนไทยเรามีสถิติการใช้ยา หรือกินยาจากสารเคมีเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก และเราไม่สามารถหยุดโรคกันได้จริง โรคส่วนใหญ่เพียงแค่ยับยั้งมันไว้ แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถกำจัดมันได้จริง ทั้งนี้เพราะเรามัวหลงเชื่อสารเคมีกันมากเกินไป



อย่างเช่นโรคเบาหวาน...หรือความดัน เราวางใจการรักษาตามอย่างแพทย์แผนตะวันตก ทั้งที่ยานั้นทำหน้ามี่ได้เพียงคุมระดับน้ำตาลกับไขมัน และดูเหมือนว่ามันคุมไม่ค่อยจะอยู่ด้วย ในกรณีนี้หากเราใช้จุลินทรีย์ผ่านทางหลอดอาหาร แล้วให้มันไปตามกระแสเลือด จุลินทรีย์มันชอบน้ำตาล น้ำตาลคือ อาหารของมัน อย่างนี้คือการจัดการที่ต้นเหตุ ผศ.ดร.ชยวัฒน์ ไชยสุต ยกตัวอย่างการทำงานของจุลินทรีย์ให้ฟัง เกี่ยวกับการรักษาเบาหวานด้วยจุลินทรีย์เข้าไปกินน้ำตาลในกระแสเลือด มีคำอธิบายต่อว่า...เดิมทีร่างกายมีจุลินทรีย์ชนิดดีคือ แลคโตบาซิลัสในลำไส้เล็ก เจ้าแลคโตบาซิลัสดังกล่าว มีหน้าที่ในระบบดูดซึมสารอาหาร และเป็นภูมิคุ้มกัน การให้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป เมื่อเรากินสารเคมีทุกวัน



เป็นอาหารที่ปนเปื้อนทั้งปุ๋ยในพืชยาฆ่าแมลงที่ติดมากับผักแล้วล้างไม่หมด รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะตลอดเวลา ...เมื่อเจ็บป่วยสารเคมีเหล่านี้มันไปทำลาย ไปฆ่าจุลินทรีย์แบคโตบาซิลัสให้ลดจำนวนลง ที่สุดภูมิคุ้มกันโรคเราจึงต่ำ การใช้ยาจากสารเคมีก็ต้องเพิ่มทั้งความถี่ และจำนวนสะสมมากขึ้น ยิงใช้ยาปฏิชีวนะถี่ และมากเพียงใด ภูมิคุ้มกันในระบบนี้ยิ่งถูกทำลายเร็วขึ้น ในที่สุดมนุษย์ก็ต้องตกเป็นทาสพึ่งยาอย่างเดียว จนความสมดุลของชีวิตก็ไม่มี แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังเชื่อยาสารเคมีกัน เพราะเกิดอาการใจร้อนเป็นอะไรก็อยากให้หายเร็ว โดยไม่คิดถึงระยะยาว หรือเรียนรู้ว่าสารเคมีให้โทษอย่างไร ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นมีผู้รู้มากมาย แต่ผู้ที่รู้จริงที่จะแก้ปัญหาได้ยังไม่เกิด .....ผู้ผลิตนมเปรี้ยวก็พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยอ้างถึงคุณสมบัติของจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส ในเรื่องนี้ทางมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคได้ตีแผ่เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเป็นอะไรที่หมกเม็ด...อีกกลุ่มคือพ่อค้าแม่ค้าอาหารเสริม อ้างสรรพคุณว่ามีจุลินทรีย์ชนิดดีวิเศษเลิศเลอ สามารถสู้โรคได้สารพัด

...........ทางสถาบันนวัตกรรมฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเช่นกัน แม้อาจมีจุลินทรีย์แต่ไม่ใช่จุลินทรีย์ที่ร่างกายต้องการ หรือจุลินทรีย์เหล่านั้นไม่อาจผ่านน้ำย่อยที่มีค่าความเป็นกรดรุนแรงในกระเพาะอาหารได้ ที่สำคัญคณะกรรมการอาหารและยา ยังไม่เคยออกทะเบียน หรือหมายเลข อย. ให้ผู้ประกอบการใดๆ .....ดังนั้นอาหารเสริมที่ว่ามีจุลินทรีย์เป็นองค์ประกอบจึงเป็นสินค้าผิดกฏหมาย โดยไปขอทะเบียนมาโดยยื่นเอกสารให้ผ่านการรับรองได้ด้วยกลอุบายต่างๆ แต่มาจัดการทำเอกสารการขายที่เป็นเท็จ เรื่องนี้ทาง อย. ไม่นิ่งนอนใจ กำลังไล่จับกันอลหม่าน ซ้ำร้ายอาหารเสริมส่วนใหญ่เท่าที่ทางสถาบันนวัตกรรมฯตรวจสอบ ยังพบการปนเปื้อน เช่น ปริมาณของแอลกอฮอล์ที่เกินมาตรฐาน ซึ่งเรื่องนี้ทางสถาบันนวัตกรรมฯ ได้รายงานผลให้คณะกรรมการอาหารและยารับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

..........ทางสถาบันนวัตกรรมฯ ทำการวิจัยด้านมาตรฐานอาหารเสริมเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก พบว่าอาหารเสริมราว 90% มีสารปนเปื้อน จากจำนวนตัวอย่าง 70 รายการ พบการปนเปื้อนถึง 65 รายการ



ตลอดช่วงเวลา 5 ปี ทางสถาบันนวัตกรรมฯได้พยายามจนประสบความสำเร็จ ในการเลี้ยงจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส ชนิดที่ร่างกายต้องการและทุกคนได้สูญเสียมันไป เลี้ยงในห้องปลอดเชื้อจนแข็งแรง ให้มันสามารถผ่านน้ำย่อยในกระเพราะอาหารได้สำเร็จ .....แลคโตบาซิลัสกลุ่มนี้จะเข้าถึงลำไส้เล็ก และไปไล่เชื่อก่อโรคที่เกาะผนังลำไส้เล็กอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ภูมิต้านทานเราจะกลับมาเอง

..........ทางสถาบันนวัตกรรมฯยืนยันว่า จุลินทรีย์แลคโตบาซิลัสนั้นเก่งจริงๆ เพียงแต่ต้องใช้วิธีผสมผสาน โดยต้องนำพืชสมุนไพร หรือพืชอาหารที่เป็นยาด้วย ผ่านขบวนการสกัดเย็นให้ได้ตัวยาที่ต้องการ แล้วเสริมฤทธิ์ด้วยจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส เป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดของจริงไม่ต้องกลัวผลข้างเคียง ในที่สุดเราสามารถหลีกเลี่ยงการใช้ยาจากสารเคมีได้ ด้วยเหตุผลเดียว.....ภูมิคุ้มกันดีไม่มีโรครบกวน....และโรคร้ายหายได้




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2552
1 comments
Last Update : 15 ตุลาคม 2552 17:34:24 น.
Counter : 1524 Pageviews.

 
 
 
 
ในโยเกิร์ตมีเยอะใช่ไหมคะเนี่ย ขอบคุณที่เอามาฝากค่ะ
 
 

โดย: แม่น้องกะบูน วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:21:57:16 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Kasaem
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ปกติเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะจะอ่านกระโดดแล้วไม่รู้เรื่องจึงหันมาบังคับตัวเองให้เขียนลงในบลอค
[Add Kasaem's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com