|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
กินแคลเซียมให้เพียงพอ ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
..........ย้อนความทรงจำกลับไปสมัยที่ท่านเป็นนักเรียนเสียงที่อาจารย์มักจะเคยพูดให้ท่านได้ยินเสมอว่า ต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในที่นี้คืออะไรคงไม่ต้องอธิบายแล้วนะครับ เพราะโดยพื้นฐานเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วซึ่งในจำนวนของสารอาหารที่ร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องบริโภค หนึ่งในนั้นก็คือ แคลเซียมด้วยครับ และเราคงเคยได้ยินมาว่า โรคกระดูกพรุนสาเหตุส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากร่างกายของเราขาดแคลเซียมที่เพียงพอ สาเหตุของโรคที่แท้จริงเกิดจากอะไร และแคลเซียมจะช่วยรักษาอาการของโรคนี้ได้มากน้อยขนาดไหนมีคำตอบอยู่หน้านี้ครับ
..........ในมนุษย์เรา กระดูกในร่างกายจะมีการสร้าง และทำลายไปพร้อมๆกันตลอดเวลา ในวัยเด็กกระดูกจะสร้างมากกว่าทำลาย ดังนั้นกระดูกจะมีเนื้อกระดูกมาก ในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นๆ กระดูกจะสร้างเท่ากับทำลาย เนื้อกระดูกจะไม่หนาไปกว่าเดิม และในวัยผู้ใหญ่ตอนปลายๆ ( ชรา ) หรือหมดประจำเดือน การสร้างน้อยกว่าการทำลายทำให้กระดูกบางลง หลังจากอายุสามสิบปี กระดูกของคนเราจะบางงเรื่อยๆ เราเรียกว่าภาวะกระดูกบาง Osteopenia ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ...ตราบจนกระที่งได้รับการบาดเจ็บ หรือมีโรคขึ้นก็จะเรียกว่ากระดูกพรุน Osteoporosis
ความสำคัญของกระดูกพรุน
..........โรคนี้หากเป็นไม่มากก็จะมีภาวะที่เกิดได้บ่อยๆ คือ กระดูกในส่วนที่ได้รับน้ำหนักเกิดการยุบตัวลง ...ซึ่งจะมีอาการหรือไม่ก็ได้ ( 60% ของผู้หญิงที่กระดูกสันหลังหักทรุดไม่มีอาการ ) แต่หากเป็นมาก อาจจะเกิดปัญหารุนแรงได้ เช่น หากหกล้มแล้วก็จะมีอาการหักง่าย เช่น กระดูกข้อมือ หรือกระดูกสะโพกหัก ซึ่งอย่างหลังนี้สำหรับผู้สูงอายุที่เป็นก็จะทำให้เดินไม่ได้ ที่สำคัญคือ ผู้สูงอายุที่กระดูกสะโพกหักมีโอกาสที่จะเสียชีวิตใน 1 ปี หลังจากการหักได้ถึง 17% .....ดังนั้น มันจึงถือเป็นภาวะทางสุขภามากอย่างหนึ่งแต่เนื่องจากว่าเป็นโรคที่ไปก่อเรื่องในผู้สูงอายุ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงต่างๆ ไปเน้นหนักในด้านผู้สูงอายุกันซึ่งเป็นวิธีที่เร่งยังไงบำรุงอย่างไรก็ช่วยให้กระดูกมีโครงสร้างแข็งแรงขึ้นได้บ้าง แต่ดีไม่เท่าการเสริมสร้างแต่ต้นกินแคลเซียมให้เพียงพอ ( กินอาหารให้ถูกส่วน ) แคลเซียมเป็นสารที่สำคัญสารหนึ่งในการเสริมสร้างกระดูก ซึ่งถ้าเป็นไปได้เราควรจะต้องกินอาหารตามปกติเพื่อจะได้ไม่ขาดจากแคลเซียมเพราะว่า ในคนที่กินอาหารครบ 5 หมู่อย่างถูกสัดส่วนก็มักจะได้แคลเซียมอย่างเพียงพออยู่แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ Back to Basic เพียงกินอาหารตามแบบหนังสือเรียนของเด็กประถมก็เพียงพอแล้ว .....สิ่งที่ไม่ควรกินก็คือ พวกอาหารจานด่วนที่มีแต่เนื้อสัตว์ หรือแป้ง ( เพราะโรตีนไปทำอะไรไม่รู้แหละ แต่ถ้ากินมากเกินไปจะทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียม ) หรือการกินอาหารแบบเมนูเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมานานๆ ( อย่าลืมว่า เราไม่ได้ต้องการแค่แคลเซียม เรายังต้องการอาหารที่มีแร่ธาตุสารอาหารอื่นๆอีกด้วย )
...........ในตารางจากต่างประเทศบอกว่า คนเราต้องการแคลเซียมประมาณวันละ 1000 มิลลิกรัม แล้วเราจะกินได้พอหรือ? .....คำตอบก็คือในคนไทย หรือคนที่ไม่ใช่ชาวยุโรปอาจจะไม่ได้ต้องการแคลเซียมมากขนาดนั้นก็ได้ ดังนั้นคนที่คำนวนแล้วได้ไม่ครบก็ไม่ต้องตกใจ แค่กินอาหารให้ถูกสัดส่วน กินผักใบเขียวบ่อยๆ ก็สามารถเสริมสร้างแคลเซียมได้เหมือนกัน ทั้งนี้มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งว่าส่วนมากแล้วแพทย์จะไม่ได้แนะนำให้มีการกินแคลเซียมเสริมในคนที่มีสุขภาพปกติ และอายุน้อยนะ .....เพราะที่จริงอาหารประจำวันจัดดีๆก็เพียงพอแล้ว รู้อย่างนี้แล้วหมั่นใส่ใจกับอาหารที่จะรับประทานในแต่ละมื้ออีกสักนิดนึ่ง อย่างน้อยก็จะช่วยให้ท่านกระดูกไม่พรุ่นก่อนวัยอันควรครับ
Create Date : 21 กันยายน 2552 |
Last Update : 21 กันยายน 2552 16:25:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1215 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
Kasaem |
|
|
|
|