Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
18 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
ผงฟู กับ Baking Soda คือ อะไร ?

สาเหตุที่ได้เริ่มต้นเรื่องของผงฟูนั้นเป็นเพราะเราซื้อมาผิดนั่นเอง (เราซื้อ Baking Soda)


เนื่องจากว่าเรายังเป็นแม่บ้านคนใหม่ ยังไม่ค่อยรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ ในการทำอาหารการกินมากเท่าไหร่นัก


อย่างเช่น ผงฟู บวกกับการเป็นแม่บ้านต่างแดน เลยทำให้เราสับสน ไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่แจ่มแจ้งดีนัก


วันนี้เราเลยทำการค้นหาเพื่อทำความเข้าใจกับคำว่า Baking Powder กับ Baking Soda


ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถนำมาทำขนมเค้ก คุ้กกี้ และอื่นๆได้ แต่ทำไมเรียกต่างกันหล่ะ และใช้ยังไง


มาเริ่มทำความเข้าใจกันเลยดีกว่าค่ะ


--------------







ผงฟูทำขนมปัง


        ผงฟูทำขนมปัง (Baking powder) เป็นสารเคมีแห้งช่วยทำให้ขึ้นฟู ใช้ในการอบขนมและดับกลิ่น มีหลายรูปแบบ โดยทั่วไปมีฤทธิ์เป็นด่าง เรียกว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต (เบกกิ้งโซดา) และในรูปของกรด จะเป็นผนึกเกลือ กรดเกลือที่ใช้ในอุณหภูมิต่ำ ได้แก่ ครีมออฟทาร์ทาร์ แคลเซียมฟอสเฟต และ citrate ส่วนกรดเกลือที่ใช้ในอุณหภูมิสูงมักเป็นกรดอะลูมิเนียม เช่น แคลเซียมอะลูมิเนียมฟอสเฟตโดยส่วนใหญ่ baking powder ในปัจจุบันเรียกว่า double acting ซึ่งเป็นการรวมระหว่าง กรดเกลือ ซึ่งตัวหนึ่งสามารถทำปฏิกิริยาได้ที่อุณหภูมิห้อง และอีกตัวหนึ่งสามารถทำปฏิกิริยาได้ที่อุณหภูมิสูงกว่า baking powder ที่สามารถใช้ได้เฉพาะอุณหภูมิต่ำเรียกว่า single acting มีลักษณะเป็นผงสีขาว มี 2 ชนิดคือ


         1. ผงฟู (Baking Powder) ประกอบด้วย โซเดียมไบคาร์บอเนต (sodium bicarbonate) และสารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ครีมทาร์ทาร์ (cream of tartar, เป็นผลึกผงสีขาวทำมาจากกรดในลูกองุ่น) , โซเดียม แอซิด ไพโรฟอสเฟต (sodium acid pyrophosphate, กรดเกลือของกรด) และส่วนที่เป็นแป้งข้าวโพดเพื่อป้องกันไม่ให้สารทั้งสองสัมผัสกันโดยตรง เมื่อผงฟูโดนน้ำจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมี เกิดเป็น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ขนมฟู ซึ่งเป็นแบบกำลังหนึ่ง ส่วนแบบกำลังสองจะมีกรด 2 ตัว และจะมีก๊าซเกิดขึ้น 2 ช่วง ในช่วงการผสมและการอบ (ผงฟูมี 2 ชนิด คือผงฟูกำลัง 1 กับผงฟูกำลัง 2)
        2. เบคกิ้งโซดา (Baking soda) มีชื่อทางเคมีว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต (sodium bicarbonate) จะสลายตัวเมื่อได้รับความร้อน มีผลเสียคือจะมีสารตกค้างซึ่งถ้าใช้เกินจะทำให้เกิดรสเฝื่อน เพื่อทำให้สารตกค้างหมดไปสามารถปรับได้โดยการเติมกรดอาหารลงไป เช่นนมเปรี้ยว


การใช้งาน


         ผงฟู สามารถพบในขนมปังจำพวก แพนเค้ก วาฟเฟิล และมัฟฟิน โดยทั่วไป baking powder 1 ช้อนชาสามารถทำให้ส่วนขึ้นฟูโดยใช้แป้ง 1 ถ้วยตวง ของเหลว 1 ถ้วยตวง และไข่ไก่ 1 ฟอง อย่างไรก็ตามถ้าส่วนผสมมีฤทธิ์เป็นกรดแล้วการเติม baking powder มากเกินไปจะดูเป็นการฟุ่มเฟือยและทำให้เสียรสชาติได้ ส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูงได้แก่ buttermilk น้ำมะนาว โยเกิร์ต หรือ น้ำผึ้ง


        ผงฟู และเบคกิ้งโซดา ล้วนแต่เป็นสารที่ช่วยให้ขนมขึ้นฟู แต่ส่วนมากจะใช้ในโอกาสแตกต่างกัน เบคกิ้งโซดา มักจะใช้ในขนมที่มี โกโก้ หรือ กาแฟ เป็นส่วนผสม เพราะว่าโกโก้ และ กาแฟ มีค่าเป็นด่าง ซึ่งเบคกิ้งโซดาก็มีค่าเป็นด่าง จึงทำให้เข้ากันได้ดี อย่างไรก็ตาม เบคกิ้งโซดาจะมีจุดเสียตรงที่ว่า ถ้าใช้มากเกินไป จะทำให้ขนมมีรสเฝื่อน แต่ก็จะมีการแก้ไขได้โดยการผสมกรดลงไปในสูตรขนม เช่น โยเกิร์ต หรือ นมเปรี้ยว ผงฟู มักจะใช้ในการทำขนมเป็นส่วนใหญ่ เพราะผงฟูจะช่วนให้ขนมขึ้นฟู แต่ในอัตราที่พอควร ไม่มากเท่าโซดา ส่วนเรื่องการใช้แทนกัน ผงฟูใช้แทน เบคกิ้งโซดา ได้ แต่ เบคกิ้งโซดา ใช้แทน ผงฟูไม่ได้


ชนิดของผงฟู (Baking Powder)



  1. ผงฟูกำลังหนึ่ง (Single Acting หรือ Fast Action) ผงฟูจะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทันทีอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผสมกันและระหว่างที่รอเข้าอบ ดังนั้นต้องทำการผสมและอบอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่อบทันที ขนมจะขึ้นฟูไม่ดีเท่าที่ควร

  2. ผงฟูกำลังสอง (Double Action) เป็นผงฟูที่ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สองขั้นคือ ในขั้นตอนการผสมส่วนหนึ่งและในขณะอบอีกส่วนหนึ่ง ปัจจุบันนิยมใช้ผงฟูชนิดนี้เพราะไม่ต้องเร่งรีบในการทำ ในการผสม และในการอบ



ที่มา-อ้างอิงจาก : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


Backเคล็ดลับวิธีขจัดคราบดำบนเครื่องเงิน.....Photobucket.....เคล็ดลับการทำความสะอาดห้องน้ำโดยใช้ Baking SodaNext



 




Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 12 พฤษภาคม 2554 20:29:55 น. 4 comments
Counter : 2254 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: Junenaka1 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:23:50 น.  

 





แวะมาทักทาย เอาดอกไม้สวยๆมาฝากค่ะ สุขสดชื่นตลอดวันนะค่ะ


โดย: นู๋หญิงจ๋า วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:10:13 น.  

 
วิกิพีเดีย is not a good source but thanks you for the info.


โดย: jee IP: 173.202.222.64 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:56:43 น.  

 
ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: แม่น้องกะบูน วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:18:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ต้นไม้และใบหญ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ชีวิตคนเรา
ก็เหมือนฟ้ากะฝน
ร้อนบ้าง... หนาวบ้าง...
...เป็นเรื่องธรรมชาติ...



My e-mail


Picture Resizer
Picture : *
Width : *
Height : *

Friends' blogs
[Add ต้นไม้และใบหญ้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.