พฤศจิกายน 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
 
Because This Is My First Life ตกหลุมรักอีกครั้งในรอบหลายปี










จะมีใครพร่ำเพ้อขนาดเราหรือเปล่านะ เป็นซีรีย์ Feelgood แนวรักในรอบหลายปีที่เราไม่ได้สัมผัสมานานมากจริงๆ (ไม่ใช่แค่ในปี 2017 สำหรับเรา) อารมณ์แบบนี้ที่เคยเก็บได้มักจะมาจากซีรีย์ญี่ปุ่นน่ะค่ะ สมัยแรกๆ เลยก็ Love Generation นานเป็น 20 ปี (มาได้ดูก็ตอนทางไอทีวีฉาย ซึ่งญี่ปุ่นฉายจบไปเป็นปีๆ แล้ว) ตอนนี้ก็ยังรักและคิดถึงเท็ปเปกับริโกะจังเสมอ รีรันไม่ต่ำกว่า 20 รอบแล้ว อีกเรื่องคือ Ima, Ai ni Yukimasu ฉบับซีรีย์ บทดีงามจนจบแล้วยังอินไปเป็นอาทิตย์ๆ สองเรื่องนี้เป็นซีรีย์แนวรักที่ประทับใจมากๆ แบบทิ้งช่วงห่างกันหลายปี เพราะเราตกหลุมรักยากค่ะ 


ซีรีย์ต่อจากนั้นที่ดูมาก็ใช่จะไม่มีความประทับใจนะคะ มีเหมือนกันค่ะ แต่เป็นในแง่มุมต่างๆ กัน เช่น  แนวคิดในการใช้ชีวิต ความฝัน การทำงาน การก้าวเดินต่อไปข้างหน้าแม้จะพบกับเรื่องราวผิดหวัง ความหมายของครอบครัว หรือแนวที่เศร้าจนหมดน้ำตาไปเป็นลิตรๆ แต่ได้กำลังใจดีๆ กลับมาเพียบอย่าง 1 Litre of tear ซึ่งทั้งหมดที่ว่าขอไม่นับรวมไว้ในแง่มุมที่จะกล่าวถึงในตอนนี้ ซึ่งก็คือ 'แง่มุมความรัก' ซึ่งเราห่างหายซีรี่ย์ที่ให้ความอิ่มใจในแง่มุมนี้มานานมากจริงๆ ต้องขอบคุณคู่สามีภรรยา เซฮีและจีโฮ ที่ทำให้เรารักได้มากขนาดที่ลุกขึ้นมาเขียนบรรยายความรู้สึกประทับใจอันท่วมท้นนี้  หลังจากที่เคยเขียนถึงซีรีย์ที่ชอบมากอย่าง Ima, Ai ni Yukimasu เมื่อหลายปีมาแล้วและจากนั้นก็ไม่ได้มีความตั้งใจแรงกล้ามากพอที่จะเขียนถึงเรื่องไหนอีกเลย จะว่าหลงรักคงยังน้อยไปกับ  Because This Is My First Life

ปกติถนัดดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นและฮ่องกงค่ะ คงเพราะมีอายุแล้วเลยชอบละครหรือหนังแนวให้พลังใจในการสู้ชีวิต ดูจบก็ได้แง่คิด อบอุ่นใจ ได้สัมผัสถึงความสัมพันธ์ของครอบครัว และเพื่อน ในฝั่งซีรี่ย์เกาหลีส่วนใหญ่เลยดูแค่แนวสืบสวนซะมากกว่า เพราะดูแนวโรแมนติกไม่จบสักเรื่อง ดูมาได้กลางเรื่องบ้าง อีกสองตอนจบบ้างก็เลิกดูไปซะก่อน อาจเพราะรู้สึกถึงความหวานที่มากเกินวัยเราไปบ้าง หรือบางเรื่องที่ดูจงใจเซอร์วิสเกินไป ทำให้ไม่อินความรักพระนางเสียอย่างนั้น (แฟนๆ ซีรีย์เกาหลีอย่าว่ากันนะคะ) ที่ตามดูแบบติดขอบทุกอาทิตย์เลยมีแค่เรื่องเดียวเมื่อ 3 - 4 ปีก่อนคือ fugitive of joseon เพราะชอบ อีดงวุคกับซงจีฮโย (แต่นั่นก็เกินไป ไม่เซอร์วิสกันสักฉากเลย พูดไปก็เหมือนเรื่องมากนะเรานี่)



เนื้อเรื่องนั้นพล็อตอาจดูคุ้นเคยกัน แต่อยากจะบอกว่ามีความไม่ธรรมดาซ่อนอยู่นะคะ ผู้ชายคนหนึ่งมีอดีดฝังใจจนปิดตัวเองจากความรัก หลีกเลี่ยงการมีชีวิตปกติอย่างการแต่งงานมีครอบครัว เลือกทุ่มเทชีวิตทั้งหมดที่เหลืออยู่ให้กับบ้านและแมว 1 ตัวเพียงเท่านั้น เมื่อเขามาพบกับนักเขียนบทสาวที่กำลังตกที่นั่งลำบากเรื่องที่อยู่อาศัย รวมถึงหน้าที่การงานที่มีปัญหา เธอจึงกลายเป็นผู้เช่าบ้านของเขา  ด้วยความจำเป็นที่เขาต้องมีผู้เช่าเพื่อหาเงินมาช่วยส่งบ้าน ในขณะที่ผู้เช่าคนอื่นๆ ที่ผ่านมากลับเข้ากับเขาไม่ได้และไม่ถูกใจเขาสักคน ต่างจากนักเขียนสาวที่ทำตามข้อตกลงที่มีร่วมกันได้ทุกอย่าง รวมถึงรักและดูแลแมวของเขาได้เป็นอย่างดีด้วย ก่อนสัญญาการแต่งงานหลอกๆ ของทั้งคู่จะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายเจ้าบ้านอยากหนีปัญหาที่พ่อแม่คอยรบเร้าข่มขู่ให้เขาแต่งงาน โดยคิดที่จะแต่งงานกับผู้เช่าสาวเป็นสัญญา 2 ปี แม้ในที่สุดสองฝ่ายตกลงแต่งงานโดยมีผลประโยชน์ร่วมกันได้ เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด เมื่อการอยู่ร่วมกันได้สร้างความผูกพันและความทรงจำระหว่างทั้งคู่ขึ้นทีละน้อย ความรู้สึกเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ ในที่สุดภรรยาปลอมๆ ของเขาก็เกิดตกหลุมรักเขาขึ้นมา เจ้าบ้านหนุ่มเองก็สับสนใจตัวเองไม่น้อย (แต่หน้าก็ยังนิ่งตลอด) ใครเห็นต่างก็ว่าเธอรักเขาข้างเดียว แม้แต่ตัวเธอเอง (คนดูด้วย) แต่ไปๆ มาๆ ก็เหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นเสียแล้ว สามีเจ้าบ้านผู้หน้านิ่งจริงๆ เขาก็ไม่ได้นิ่งอย่างหน้าเสียเมื่อไหร่ บทจะรุกก็ร้ายได้ใจ ในขณะที่ภรรยาของเขาก็ใช่ย่อย น้องชายเธอเคยบอกว่า 'ถ้าพี่สาวของเขาลองรักและชอบอะไร จะไม่มีวันปล่อยให้หลุดไปได้' พัฒนาการความรักของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้่งในใจของฝ่ายหนึ่ง นั่นคือความน่าติดตามที่คนดูลุ้นไปกับพวกเขาในทุกๆ ตอนค่ะ 

ว่าแล้วขอเข้าเรื่อง เอ่ยถึงความประทับใจมากมายที่มีต่อ Because This Is My First Life เลยดีกว่า แรกเริ่มเลยไม่ใช่ความตั้งใจ หากเกิดจากการเห็นคัทซีนที่ตัดมาลงตามเพจ เห็นปุ๊บชอบนางเอกปั๊บ หน้าตาถูกชะตามาก บ๊องแบ๊ว ธรรมชาติ ยังไม่เคยดูผลงานเธอมาก่อนเลย พอลองดูสักตอนมาเจอพระเอกเข้าอีก ต้องบอกว่ารู้สึกถึงเคมีที่เข้ากันมากๆๆ (คิดคนเดียวหรือเปล่าไม่รู้) เลยอยากรู้ว่าเรื่องราวจะไปต่อยังไง ดูไป 2 ตอนแรก รู้สึกว่าคล้ายกับซีรีย์ญี่ปุ่น We married as a job พอดูต่อมาเรื่อยๆ ก็พบว่าสองเรื่องแค่พล็อตเริ่มคล้ายกัน แต่เนื้อหาต่างกัน สารภาพว่าดูฝั่งญี่ปุ่นไม่จบค่ะ แต่เห็นว่าดังมากเช่นกัน พระนางกลายเป็นคู่ขวัญไปเลย แต่สำหรับเราครั้งนี้ขอยกให้  Because This Is My First Life ชนะในใจเราไปนะคะ ด้วยเนื้อเรื่องมีความน่าติดตาม มีความกลมกล่อม มีข้อคิด มีเคมีของพระนางเป็นแรงจูงใจ ทั้งหมดทั้งมวลแห่งความประทับใจขอแยกประเด็นไว้เป็นข้อๆ ละกันนะคะ ขอบอกไว้ก่อนว่าเราสปอยล์เนื้อหาของเรื่องนะคะ ใครอยากลุ้นเองอย่าเผลอเลื่อนลงไปต่อนะคะ  







คาแรคเตอร์

-เรารักในคาแรคเตอร์ตัวละครมากค่ะ ยิ่งพระเอกนางเอก ฝ่ายพระเอกหาไม่ได้แน่ๆ ในชีวิตจริง มีไว้มโนเท่านั้น เย็นชาหน้าตาย แต่ใจดีและแลดูอบอุ่นมาก มีมุมตลก งกอีกต่างหาก พอจะอ้อนขึ้นมาก็น่าร้ากก เป็นคาแรคเตอร์พระเอกที่ไม่เป๊ะ ไม่เก็กหล่อเว่อร์ดีค่ะ แม้จะโรบอทการ์ตูนๆ หน่อยก็ตาม ยิ่งซีนที่ทำหน้าดีใจตอนเห็นนางเอกตามไปที่บ้านนี่ทำเอาเรายิ่งหลงรักพระเอกมากขึ้นไปอีก ซีนนั้นเหมือนเก็บอาการไม่มิดแล้วจริงๆ ต่อจากนั้นก็ทั้งจูบ ทั้งขอนอนด้วย ชวนเดท แสดงออกไปไกลเกินกว่าคนดูจะคาดเดาไว้ได้จริงๆ ตัวลีมินกิถ้าให้พูดตามที่คิด เขาไม่ได้หล่อเท่าพระเอกคนอื่นๆ หรือบางคนก็ว่าไม่หล่อเลย แต่เพราะบทคุณเซฮีเราเลยหลงรักมินกิไปด้วยเลย บทนี้ส่งให้เขามีเสน่ห์และหล่อมากๆ เขาแสดงได้ดีมาก ใช้สายตาสื่อความรู้สึกได้แบบพาอินสุดๆ เคยดูงานเขาเมื่อนานมากแล้วตอนกึมซุน ก็ยังไม่เตะตาเลย แต่หลังจากหลงรักคุณเซฮีแล้ว แปลกที่ตอนนี้ไม่สามารถมองเขาว่าไม่หล่อได้อีกเลยค่ะ ลีมินกิมองมุมไหนก็หล่อแล้วล่ะค่ะตอนนี้ 

-ฝ่ายนางเอกไม่ต้องพูดถึง บุคลิก หน้าตา หลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะ แล้วยิ่งมาชอบคาแรคเตอร์ที่ตรงไปตรงมาสุดๆ พูดไปอย่างใจคิด จะได้จบๆ จะดีจะร้ายค่อยว่ากัน ชัดเจนสุดๆ ไม่มีความน่ารำคาญอิดออดเลยกับคาแรคเตอร์ตัวละครตัวนี้ เวลาที่เธอตัดสินใจทำอะไรไม่พร่ำเพ้อมากดีค่ะ  เวลาโกรธก็บอก ไม่ชอบก็บอก ชอบมากๆ แถมฉลาด เอาคืนพระเอกแทนการมานั่งฟูมฟายน้อยใจอีก การแสดงของเธอทำให้เราดูว่าเธอปลื้มและหลงรักพระเอกจริงๆ ตาเธอยิ้มไปด้วยยามเอ่ยถึง คิดถึง หรือมองพระเอก ในซีรี่ย์บางเรื่องพระนางมีแต่ท่าทางและการแสดงที่บอกให้เรารู้ว่าเขารักกัน หากแต่แววตากลับไม่บอกอย่างนั้นเลย ไม่แปลกที่คนดูจะอินกับนักแสดงที่ใช้สายตาเก่งๆ ในการแสดง ต้องเชื่อแล้วว่า 'ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ' จริงๆ (เชยไปอีก)



-ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงเป็นเพื่อนๆ ของพระนางเราค่ะ ขอเอ่ยถึงผองเพื่อนที่ทำงานของพระเอกเราก่อน ซึ่งพวกเขาเป็นสีสันที่พาให้ซีรีย์มีกลิ่นไอที่สดใสและผ่อนคลายขึ้นมาก จะเห็นมุมฮาของเซฮีก็ต้องรอดูเวลาเขาอยู่กับเพื่อนๆ นี่ล่ะ  

-โฮรังกับวอนซอก หนึ่งในสองคู่รองที่แม้จะไม่ได้หลงรักพวกเขาหัวปักหัวปำเท่าพระนางของเรา แต่เพราะพวกเขา ซีรีย์จึงครอบคลุมในความหมายของคำว่ารักได้อย่างสมบูรณ์ คู่ของวอนซอกและโฮรังเป็นคู่ที่ในชีวิตจริงคงต่อกันติดยากมาก เพราะเป้าหมายของทั้งคู่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความรักเมื่อมาถึงจุดที่อิ่มตัวแล้วจริงๆ ถ้าไม่แต่งงานก็ต้องเลิกกันไป หรือไม่ก็ต้องทนอยู่ไปแบบนั้น หากแต่ทางออกในซีรีย์ถูกเชื่อมไว้ด้วย 'ความรัก ความผูกพัน' 7 ปีที่รักกันมาทำให้พวกเขาหันหน้าเข้าหากันและเริ่มกันใหม่อีกครั้ง ถ้าจะ Happy Ending ให้สุดก็ควรเป็นแบบนี้แหละค่ะ บางทีในชีวิตจริง วอนซอกและโฮรังอาจเป็นคู่ชีวิตคู่หนึ่งที่ไม่ได้อยู่แวดล้อมตัวเราให้ได้พบเจอกันทุกคนก็เป็นได้ ทำให้เรานึกไปเองว่าเรื่องระหว่างพวกเขาไม่น่าไปต่อได้  หากแต่ในความเป็นไปไม่ได้ ก็มีความเป็นไปได้เสมอ 

-ประธานมากับซูจี คู่นี้เอาจริงๆ ดราม่าไม่หนักเท่าคู่อื่น เป็นคู่น่ารักๆ ที่มาผ่อนคลายและสร้างสีสันซึ่งในความน่ารักอบอุ่นของคู่นี้ ก็ยังไม่วายมีมุมมองความรักดีๆ และมุมในการใช้ชีวิตด้านการงานให้คนดูได้ขบคิดตามไปอีก ซ้ำทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนคู่คิดคู่ใจให้พระเอก นางเอกของเรายามคิดไม่ตก เศร้าเสียใจ



 -พระรอง นางรอง ทั้งคู่จะว่าพวกเขามาในบทพระรองนางรองก็ไม่น่าจะถูกซะทีเดียว เพราะพวกเขาเหมือนมาเพื่อเป็นกุญแจสำคัญที่ไขความรู้สึกให้คู่สามีภรรยาของเราเสียมากกว่า บ๊กนัมเข้ามาทำให้คุณสามีออกอาการหึง ห่วงจนออกนอกหน้า และนั่นก็ทำให้ทั้งคู่พัฒนาความรู้สึกกันขึ้นมาอีกก้าวหนึ่ง ก่อนจะมาปิดด้วยอดีตรักฝังใจของพระเอกเรา ที่มาเพื่อเป็นแก้ปมในใจให้เขาได้รู้ใจตัวเองสักที แถมยังเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์อันเป็นจุดพีคของเรื่องที่ทำให้คุณเซฮีของเราจะปากหนักต่อไปไม่ได้อีกแล้ว พวกเขาทั้งคู่สวยหล่อออร่าจับมากจริงๆ แต่ขอเทใจให้ความสวยเท่ของคุณอดีตรักเก่าของพระเอก (ขออภัยค่ะ จำชื่อในเรื่องเธอไม่เคยได้เลย) มากกว่าสักหน่อยละกันค่ะ สวย สมารท์ ฉลาด สตรอง เธอเปิดตัวมาได้อย่างเกลียดไม่ลง ทั้งตัวบทและความสวยจับตา อยากใส่สูทได้เท่แบบเธอบ้างจัง




เนื้อหาละคร

-บทละครพลิกไปมายากคาดเดา ลุ้นๆ กันไปว่าพวกเขาจะหลอกคนดูไปทางไหนอีก แต่ไม่ใช่ไปในทางแฟนตาซีหรือสับขาหลอกให้งงวยอะไรเทือกนั้นนะคะ ในความหมายของเราคือเขาเล่าในสิ่งที่เราไม่ได้คิดไว้น่ะค่ะ เปลี่ยนมุม เปลี่ยนประเด็นไปในจุดเล็กๆ ง่ายๆ ที่ไม่ได้คิดว่าจะเอามาพูดถึงเพื่อเล่าเรื่องต่อไป เช่น ความขัดแย้งของทั้งคู่ในการใช้คำว่า 'เรา' ของพระเอกในตอนแรก เป็นเพียงคำพูดที่ให้ความรู้สึกดีกับนางเอกจนหลงคิดเตลิดไป ในขณะที่พระเอกเรายังมีกำแพงตระหง่านขวางกั้นอยู่ การจัดการของทั้งคู่ก็ถูกแสดงออกอย่างไม่เกินธรรมชาติและน่ารำคาญทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นก็ค่อยรุก ค่อยรับกันไปจนความรู้สึกของทั้งคู่พัฒนาขึ้นทีละนิด เข้าใจกันมากขึ้นทีละน้อย รูปแบบการเล่าไม่สำเร็จรูปไปซะหมดจนเดาทางได้ว่าซีนต่อไปมาแน่ๆ เหตุการณ์นี้ (หึงแน่ ทะเลาะแน่ หรือเดี๋ยวต้องมีซีนที่พ่อแม่มาเยี่ยมมาค้างที่บ้าน สร้างโอกาสให้ทั้งคู่ได้นอนห้องเดียวกันแน่ๆ) นั่นทำให้ซีรีย์ที่เอาจริงๆ ก็มีพล็อตเรื่องอย่างธรรมดาๆ กลายเป็นซีรี่ย์ที่น่าติดตามในทุกๆ ตอนได้แบบไม่เทกลางคัน แถมการกระทำของตัวละครก็ไม่หลุดคาแรคเตอร์ แม้แต่พระเอกเองที่แม้จะมีซีนตลกให้เราได้ดูบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเขากระโดดออกมาจากเซฮีผู้หน้านิ่งเย็นชาเป็นคนละคน 

-ความรักของครอบครัว เพื่อน พ่อแม่ ทุกคนไม่ได้เป็นเพียงตัวประกอบ พวกเขามีชีวิตจริงๆ ในชีวิตของเขา (งงๆ หน่อย) คือในละครหรือซีรีย์บางเรื่อง เราจะเห็นคนรอบตัวพระนางเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนพระนางเท่านั้น ไม่มีเรื่องราวหรือความรู้สึกในชีวิตของพวกเขา แต่ซีรีย์เรื่องนี้ให้ความสำคัญกับทุกตัวละครจริงๆ พวกเขาเป็นพระนางในเรื่องราวของตัวเองด้วย (หมายรวมถึงคู่รองทั้งสองด้วย) แม่นางเอกที่รักและเป็นห่วงลูกสาวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็พร้อมจะเป็นกองหนุนกับสิ่งที่ลูกเลือกเสมอ แม้ไม่ได้พูดแสดงความรักออกมาตรงๆ หากเรากลับสัมผัสได้จากการกระทำและคำพูดของตัวละครตัวนี้ ซ้ำเมื่อความรักนั้นถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งที่เขียนถึงพระเอก คนดูคนนี้ก็ถึงเวลาน้ำตาแตกอีกรอบ ซีรี่ย์สะท้อนความรู้สึกของคนเป็นแม่ได้อย่างดี บวกกับคำสอนที่บางครั้งก็มาในรูปแบบมีดโกน บาดลึกแต่กินใจตรงจุดดีจริงๆ อย่างซีนที่เธอเล่าเรื่องราวความรักของตัวเองกับสามีให้ลูกสาวอย่างจีโฮฟังในตอนท้ายของเรื่อง หรือจะเป็นฝั่งพ่อพระเอก ที่แม้จะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจลูกชาย หากแต่ทั้งหมดก็ทำเพื่อลูกที่เขารักและต้องการปกป้อง พ่อแม่ไม่ได้ถูกเสมอ แต่หลายครั้งความผิดนั้นก็เกิดขึ้นเพราะความรักที่มีต่อลูกนั่นเอง 




-ข้อคิดดีๆ ที่แฝงอยู่ ที่ชอบมากเลยคือซีนที่นางเอกตัดสินใจลาออกจากงานเขียนบท เพราะในตอนนั้นไม่เห็นหนทางไปต่อ ซ้ำเจอเรื่องแย่ๆ เข้าอีก อาจจะดูเหมือนยอมแพ้นะคะ แต่มันเรียลในชีวิตคนจริงๆ น่ะค่ะ ด้วยผ่านจุดอะไรแบบนี้มาแล้วเลยยิ่งอิน อาจไม่ใช่ทางที่ถูกที่สุดแต่เธอก็หาทางเดินหน้ากับการมีชีวิตต่อไป ไม่หยุดนิ่ง เวิ่นเว้อท้อแท้ ไปทางนี้ไม่ได้ก็ไปทางนั้น สักวันมันต้องมีหนทางของเราอีกครั้ง ยิ่งซีนที่นางเอกบอกกับตัวเองว่า 'เลือกเรียนสายนี้ เลือกทำงานนี้ก็รู้ว่าหนทางต้องยากลำบากกว่าคนอื่นๆ เป็นหนทางไส้แห้งที่ใครๆ ก็ว่ากัน เธอฟังแล้วก็ยังมุ่งมั่นที่จะเดินต่อไป แต่ไม่คิดว่าจะยิ่งเดิน ยิ่งเหมือนเข้าสู่อุโมงค์ที่มืดมิดขนาดนี้' แล้วร้องไห้ออกมานั่นแหละค่ะ หลังจากร้องไห้ตามนางเอกก็ทำให้หยุดดูซีรีย์เรื่องนี้ไม่ได้เลย มันเรียลจริงๆ กับประโยคแทงใจนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไปถึงความฝันได้ หลายคนปล่อยมือหาหนทางอื่น หลายคนยังจับไว้มั่น แต่จะมีสักกี่คนที่คว้ามาไว้ได้จริงๆ สัจธรรมมากๆ ค่ะ เหมือนขี้แพ้นะคะ แต่ในชีวิตจริงทุกคนใช่จะสมหวังทั้งที่พยายามทุกทางแล้ว หนทางอื่นยังมีค่ะ เราอาจพบแสงสว่างในเส้นทางอื่นก็เป็นได้ อย่าหมดแรงกับสิ่งที่พลาดไป แต่ทั้งนี้ก็ยังสนับสนุนให้เราได้พยายามกับสิ่งที่ฝันกันก่อนนะคะ ถ้ามันจะไม่สำเร็จหรือไม่ใช่แล้วจริงๆ ก็จงปล่อยมือเพื่อออกเดินทางอีกครั้งค่ะ นี่คือข้อคิดที่ได้จากการใช้ชีวิตจริงๆ ของเรา และเมื่อซีรีย์สะท้อนออกมาให้ได้เห็นก็ให้รู้สึกว่ามันช่างเป็นบทละครที่แทรกเรื่องราวการใช้ชีวิตไว้ได้อย่างแนบเนียนในความโรแมนติกคอมเมดี้จริงๆ  



-การใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือการกระทำของตัวละครเล่าเรื่องโดยไม่ได้ใช้การพูด เท้าความใดๆ เป็นวิธีเล่าที่ทำให้เราอินได้ลึกกับความรู้สึกตัวละครหรือรู้จักพวกเขามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่นปลอกคออูรีที่เรามารู้ในตอนเกือบส่งท้ายแล้วว่าคุณเซฮีเขาแอบเก็บไว้มาตลอดเลย นั่นทำให้นึกตั้งคำถามต่อไปว่าเขาเริ่มมีใจให้กับจีโฮตั้งแต่ตอนไหนกันนะ หรือจะเป็นหนังสือ  Fifty shades of grey บนหัวเตียงในห้องนอนพระเอกนั่นก็อีก เหมือนจะบอกกับเราว่านายคนนี้ไม่ได้ซึนเหมือนหน้าตาหรอก กับไอ้เจ้าไดอารี่ที่บันทึกแต่เรื่องราวของสาวเจ้าตั้งแต่แรกเริ่มทำสัญญากัน (ไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิดเนอะ) 

-ตลก อันนี้ยกให้คุณเซฮีหน้าเดียวเป็นนัมเบอร์วัน เพราะแรกดูก็ไม่คาดว่าจะเห็นพี่แกในมุมนี่ ที่ไหนได้ เวลามีสถานการณ์ผิดปกติก็กลับจะได้เห็นทุกที คือเป็นคนที่ตลกได้หน้าตายจริงๆ เห็นแล้วฮาแบบไม่ลืมว่าแกยังเป็นพระเอกอยู่ ข้อนี้เป็นข้อดีที่ทำให้เขาดูมีชีวิตชีวา ไม่ใช่โรบอทซะทีเดียว นัมเบอร์ทูยกให้ท่านประธานมา เพื่อนพระเอกเรานั่นเอง คนนี้จังหวะดีจังหวะได้ ออกมาทีไรได้ฮาทุกทีจริงๆ ค่ะ ทราบมาว่าแกชอบเล่นนอกบทด้วย แต่ก็เรียกเสียงฮาได้อย่างทีแกตั้งใจ 


-เลิฟซีน จะว่าเข้าข้างเพราะรักซีรี่ย์เรื่องนี้ก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่มาได้ถูกเวลาเหลือเกิน ไม่มากไม่น้อยไป แต่ถ้าได้มากอีกก็รับได้ค่ะ ใส่มาเลย (ลำเอียงเข้าขั้นจริงๆ ยินดีให้เซอร์วิสหนักๆ) มันละมุนละไม ไม่อ้อมค้อม แสดงออกไปตามความรู้สึกจริงๆ มีฉากงอนง้อ กอดจูบกันให้คนดูฟินไปนอนหลับฝันดีได้อย่างเต็มที่ หลังจากที่ตอนแรกกลัวๆ ว่าเมื่อมีฝ่ายหนึ่งหนีไปด้วยความไม่เข้าใจกัน ก็มักจะแยกกันอยู่คนละซีนไปทั้งตอนจนจบก็มายืนปรับความเข้าใจแล้วกอดจูบกัน 1 ฉากเพื่อบอกเราว่าพระนางลงเอยกันด้วยดีในที่สุดนะ  แบบซีรี่ย์หลายเรื่องที่หักอกเราแบบนี้ (Love Generation ก็ทำกับเราแบบนี้ ไม่จูบกันให้ชื่นใจสักทีก่อนจบด้วย) แบบนั้นมันจบ Happy ก็จริง แต่ขาดความสมบูรณ์แบบทางความรู้สึกน่ะค่ะ เพราะหลังจากพระนางของเราเข้าใจกันแล้ว เราก็ยังหวังจะเห็นชีวิตคู่ของพวกเขาที่ดำเนินต่อไปอีก ว่าจะหวานซึ้งชวนอิจฉาตาร้อนแค่ไหน ยิ่งเซฮีมนุษย์โรบอทด้วยแล้ว เวลาที่เขาตกหลุมรักจะเป็นแบบไหนนะ พอได้เห็นก็อิ่มใจ แต่ถ้าให้เห็นอีกก็จะดีมากๆ ค่ะ 

ใจหนึ่งอยากให้มีภาค 2 จังเลยค่ะ อีกใจก็กลัวบทจะไม่ประทับใจเท่าภาคแรก เพราะเอาจริงๆ เรื่องราวในตอนนี้ก็สมบูรณ์ในตัวแล้ว แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ถ้าเลือกได้อยากเห็นอยู่ดีค่ะภาค 2 ที่ว่า อยากเห็นลีมินกิกับจองโซมินร่วมงานในบทรักแบบนี้อีก เป็นเรื่องนี้จะดีมาก หรือเป็นเรื่องอื่นก็ได้ค่ะ เรารักพวกเขาเข้าให้แล้ว ถ้าพวกเขาเป็นคู่ชีวิตกันไปจริงๆ อย่างจุงกิกับเฮเคียวก็คงกรี๊ดลั่นด้วยความสมใจเหมือนเราได้แต่งกับมินกิเองเลย ก็แหม..เบื้องหลังที่ตามดูมา พวกเขาน่ารักมากๆ เวลาที่อยู่ด้วยกัน ยิ่งเมื่อตอนที่กอดอำลากันด้วยแล้ว จะว่ามโนก็มโนล่ะว่าเหมือนพวกเขาคงต้องรู้สึกใจหายและคิดถึงกันแน่ๆ 


ไม่ได้เขียนอะไรยาวๆ แบบนี้มานานมากแล้ว ยิ่งพรุ่งนี้ต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าด้วย แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ต้องขอบคุณจริงๆ กับ Because This Is My First Life ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ คนเขียนบท ที่ทำให้คนชอบเขียนที่ไม่รู้จะเขียนอะไรมาพักใหญ่ๆ แล้วอย่างเรา กลับมาเขียนได้อีกครั้งแม้จะไม่ได้มีสาระอะไรมากก็ตาม ขอบคุณ 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ทำให้ชีวิตมีความสุขกับการติดตามและรอคอยวันจันทร์-อังคาร ทั้งมีความสุขกับการได้ติดตามการทำงานของพวกเขา ติดตามลีมินกิและจองโซมิน ติดตามแฟนคลับซีรีย์เรื่องนี้อัพเดตความเคลื่อนไหวของพวกเขา เป็นช่วงเวลาที่เล่นไอจีมากกว่าเฟสบุ๊คจริงๆ ค่ะ ทั้งที่ปกติเข้าไอจีเพื่อช็อปเท่านั้น


อาจจะดูเพ้อๆ ไปบ้าง ท่านที่ผ่านมาอ่านก็อย่าได้ถือสานะคะ อาจไม่ใช่ซีรี่ย์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เราอาจจะอวยเว่อร์เกินด้วยความชอบส่วนตัว แต่ถ้าเป็นซีรีย์ที่ทำให้เรามีความสุขได้มากขนาดนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง  Because This Is My First Life ก็เป็นซีรีย์ที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ 











Create Date : 29 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 21 เมษายน 2561 21:44:36 น.
Counter : 12086 Pageviews.

5 comments
  
รักทุกสิ่งอย่างเหมือนกัน และมีความสุขสดชื่นในช่วงเวลาเดียวกัน
ขอบคุณผู้เขียนที่ช่วยเติมเต็มรายละเอียดความซาบซึ้งในเรื่องนี้
และขอเป็นกำลังใจให้สู้เพื่อสิ่งที่ฝัน ให้สำเร็จสวยงามอย่างจีโฮ
โดย: อุ๊ IP: 122.155.45.251 วันที่: 5 มกราคม 2561 เวลา:20:36:47 น.
  
ขอบคุณนะคะคุณอุ๊ ในชีวิตจริงของตัวเราเอง แม้จะล้มลุกมาตลอดก็ยังพยายามเดินต่อไปข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นทางที่ใช่หรือเปล่าค่ะ การใช้ชีวิตมันไม่ได้ง่ายๆ เลยค่ะ ต้องบอกว่าซีรี่ย์เรื่องนี้สุดยอดสำหรับเราเลยค่ะ รักมาก สมบูรณ์แบบจริงๆ ในความรู้สึกของตัวเอง
โดย: kaotoon วันที่: 8 มกราคม 2561 เวลา:11:48:46 น.
  
อธิบายได้ตรงใจดีค่ะ
ชอบเรื่องนี้ที่สุด
โดย: 기 IP: 49.229.139.117 วันที่: 18 กรกฎาคม 2561 เวลา:17:29:13 น.
  
น่าสนใจมากคะ ไว้จะลองดูนะคะ
โดย: jj IP: 27.55.70.225 วันที่: 9 มีนาคม 2564 เวลา:9:53:08 น.
  
อยากจะมีบล็อกแบบนี้บ้าง เราจะต้องทำยังไงคะ ขอบคุณคะ
โดย: jj IP: 27.55.70.225 วันที่: 9 มีนาคม 2564 เวลา:10:05:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kaotoon
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]