เวบถาม-ตอบปัญหา Excel http://www.snasui.com/
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
สนทนา 5

ช่วงนี้ได้เข้ามาดู Blog ได้่บ้าง ผมเลยกำหนดให้ Comment กันได้ที่ Blog นั้น ๆ (เฉพาะที่สร้างใหม่) เลย หรือหากใครอยากพูดคุยทักทายกันก็ยังสามารถมาทักทายกันได้ที่นี่ครับ





Create Date : 05 มีนาคม 2552
Last Update : 21 มิถุนายน 2552 12:26:09 น. 50 comments
Counter : 2783 Pageviews.

 
เอาพลังชีวิตมาฝากก้าบ

พลังชีวิตรายวัน มะซ้ำมุข อิๆๆๆ
สดใสใหม่ทุกวัน จันทร์ถึง อาทิตย์


ตารางออกอากาก 555
5 03 2009 ตอน พ่อก่าหลอกหมิงอีกแย้ว
6 03 2009 ตอน ที่มาของชื่ออินชอน ภาค1
7 03 2009 ตอน ต้นมะพร้าวกะตู้จดหมาย อิๆๆๆ
8 03 2009 ตอน 2หมิง งานเข้า


โดย: พลังชีวิต วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:8:58:11 น.  

 
สวัสดีครับคุณพลังชีวิต ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมครับ



โดย: คนควน วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:22:34:11 น.  

 
สวัสดีครับคุณคนควน "เบอร์ 5" แล้วนะครับ
ไม่ได้เข้ามาทักสักนาน

พอดีมีโจทย์เกี่ยวกับ vba ไม่แน่ใจว่าคุณคนควนพอได้ใช้บ้างหรือเปล่า ถ้ามีรบกวนแชร์ให้หน่อยนะครับ
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thannoy&date=09-03-2009&group=3&gblog=16


โดย: แดนน้อย วันที่: 9 มีนาคม 2552 เวลา:23:17:48 น.  

 
สมแล้วครับที่เจ้าของบล็อกเป็นนักวิชาการที่เจ้าบทเจ้ากลอน...

ผมนึกหาคำอยู่นานมาก เพื่อที่จะอธิบายในเหตุผลที่ผมจะปฏิเสธ สุดท้ายมาได้คำว่า "ความมั่นคงในอาชีพ" จากเจ้าของบล็อกนี่แหละครับ ตรงกับความรู้สึกของผมที่อยากจะอธิบายออกไปจริงๆ ขอบคุณครับผม


โดย: mitrapap วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:0:30:14 น.  

 
สวัสดีครับ คุณมิตรภาพ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม และยินดีที่สามารถช่วยได้ครับ



โดย: คนควน วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:17:40:39 น.  

 
สวัสดีครับ พี่คนควนไม่ได้เข้ามาเยี่ยมตั้งนาน
สบายดีนะครับ ผมรบกวนนิดนึงครับ คือ ผมอยากทราบว่า
Funtion OFFSE นั้นใช้ยังไง ตอนไหนอย่างนี้นะครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ช่วยเขียนเพื่อป็นวิทยาทานให้ลูกแมวตาดำๆด้วยนะครับ


โดย: บอย IP: 115.67.9.151 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:8:05:33 น.  

 
สวัสดีครับ คุณบอย

ฟังก์ชั่น Offset เป็นฟังก์ชั่นสำหรับหาค่า เดี่ยว หรือ ชุด ได้ ขึ้นอยู่กับการกำหนดส่วนประกอบของฟังก์ชั่นครับ

ซึ่งฟังก์ชั่น Offset มีส่วนประกอบ 5 ส่วนตามด้านล่าง

ไวยากรณ์

=Offset(Reference,Rows,Columns,High,Width)

หรือ แปลตามแบบของคนควน

=Offset(เซลล์อ้างอิง, จำนวนแถวที่ห่างจากเซลล์อ้างอิง ,จำนวนคอลัมน์ที่ห่างจากเซลล์อ้างอิง, ความสูงของข้อมูล, ความกว้างของข้อมูล)

ยกตัวอย่างเช่น

=Offset(A1,0,0,1,1)

หมายความว่า ให้หาค่าโดยดูจาก A1 เนื่องจากเซลล์อ้างอิง คือ A1 และ

1. ห่างจาก A1 ไปด้านล่าง 0 คอลัมน์ คือไม่ไปไหน ยังอยู่ที่ A1 เหมือนเดิม
2. ห่างจาก A1 ไปด้านขวา 0 คอลัมน์ คือไม่ไปไหน ยังอยู่ A1 เหมือนเดิม
3. ความสูงของข้อมูล 1 เซลล์ ก็คือความสูงของ A1
4. ความกว้างของข้อมูล 1 เซลล์ ก็คือความสูงของ A1 เช่นเดิม

สูตรด้านบน สามารถที่จะละส่วนประกอบ 2 ส่วนสุดท้ายไว้ก็ได้ เพราะไม่มีความสูงและความกว้างของข้อมูล ก็จะได้เป็น

=Offset(A1,0,0)

หรือแบบของผู้ที่คิดว่าตัวเองเข้าใจดีแล้วก็จะเหลือ

=Offset(A1,,)

จะได้ค่าเดียวกัน คือ A1 นั่นเอง

ยกตัวอย่างใหม่ให้หลากหลายกว่าเดิม เพราะ Offset สามารถไปข้างหน้าและถอยหลังได้ การเริ่มที่เซลล์ A1 ไม่สามารถไปซ้ายและขึ้นบนได้ แต่มีประโยชน์แน่นอน จะกล่าวถึงในตอนท้ายถ้าไม่ลืม

งั้นเริ่มที่ D5 แล้วกัน ได้เป็น

=Offset(D5,-1,-2,2,2)
โห...มีติดลบด้วย

ครับ ต้องไม่กระพริบตาเลยครับ แปลสูตรได้ว่า

1. เริ่มจาก D5
2. ห่างจาก D5 จำนวน -1 แถว (อ้าว...แล้วไปไหน) ไป D4 ครับ ซึ่ง D4 จะกลายเป็นเซลล์อ้างอิงใหม่เพื่อใช้ในข้อ 3
3. ห่างจาก D4 จำนวน -2 คอลัมน์ (อ้าว...แล้วไปไหน) ไป B4 ครับ ซึ่ง B4 จะกลายเป็นเซลล์อ้างอิงใหมเพื่อใช้ในข้อ 4
4. จาก B4 ในข้อ 3 ความสูง 2 แถว ก็แสดงว่าสูงไปถึง B5
ก็จะกลายเป็น B4:B5
5. จากข้อ 4 (คือ B4:B5) กว้าง 2 คอลัมน์ ก็จะกลายเป็น B4:C5

สรุป สูตร Offset(D5,-1,-2,2,2) คือช่วงเซลล์ B4:C5

ในชีวิตจริงการใช้สูตรนี้อย่างเดียวจะเกิดค่าผิดพลาดเนื่องจากให้ผลลัพธ์เป็นช่วงข้อมูล ซึ่งเราไม่สามารถอ้างถึงช่วงข้อมูลขึ้นมาลอย ๆ ในเซลล์ใด ๆ ได้ เช่นถ้าคีย์ตรง ๆ ในเซลล์ใด ๆ เป็น =B4:C5 จะให้ผลลัพธ์เป็นค่าผิดพลาด ดังนั้น ในการใช้งานจริงจะใช้สูตรอื่นมาครอบอีกทีครับ เช่น

=Sum(Offset(D5,-1,-2,2,2)) หมายถึงการรวมยอดของช่วงเซลล์ B4:C5

ความสูงและความกว้างเป็นลบได้ไหม ได้ครับ ลองเล่นดูแล้วจะเข้าใจมากขึ้น

และเมื่อระยะห่างจากเซลล์อ้างอิง ทั้งความสูงและความกว้างสามารถเป็นลบได้ ดังนั้น สูตรที่ให้ผลลัพธ์หลุดออกนอกกรอบของ Sheet จะให้ค่าผิดพลาดเป็น #Ref! จึงควรระวังในการใช้งาน

เช่น

=Offset(A1,-1,0) ผลลัพธ์จะได้ #Ref!

เนื่องจาก A1 คือเซลล์แรกแล้ว ไม่มีเซลล์อื่นใดมาก่อน A1 อีก

คิดว่าสิ่งที่อธิบายมานี้ทำให้เข้าใจมากขึ้นสำหรับฟังก์ชั่น Offset นะครับ

สำหรับโอกาสที่จะใช้งาน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ครับ โดยปกติแล้วจะใช้หาค่าในตำแหน่งต่าง ๆ โดยมีเซลล์เริ่มต้นเป็นเซลล์อ้างอิง และน้อยนักที่จะใช้ตัวเลขเป็นลบในส่วนของระยะห่าง, ความสูงและความกว้างของช่วงข้อมูล เพราะว่าถ้าไม่แม่นจริงจะสับสนครับ


โดย: คนควน วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:16:27:31 น.  

 
คุณ คนควน ครับ

รบกวนสอบถามปัญหา excel หน่อยครับ พอดีแฟนผมเขามีปัญหาตรงที่ว่าเค้าทำสูตรคำนวนใน excel โดยใช้ค่า SUM แต่เวลาผลที่ออกมาแทนที่จะให้ค่าทั้งหมด มันแสดง ณ column ปลายทาง ก็ให้จำนวนเต็มกับทศนิยมมันออกไปอีก column นึง เช่น จำนวนเต็มอยู่ที่ A1 ทศนิยมไปอยู่ที่ B1 โดยที่ใช้ค่า SUM เพียงครั้งเดียว ไม่ทราบว่ามันจะสามารถทำได้ไหมครับ

สงสัย อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เมลล์หาผม

khun_aun@hotmail.com

ขอบพระคุณมากครับ


โดย: อั๋น IP: 124.120.142.210 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:18:51:26 น.  

 
สวัสดีครับ คุณอั๋น

สำหรับการ Sum โดยให้แยกจำนวนเต็มและทศนิยมไว้คนละเซลล์สามารถทำได้ครับ สมมุติว่าต้องการ Sum ข้อมูลจาก A1:A1000 โดยให้จำนวนเต็มอยู่ที่ B1 และทศนิยมอยู่ที่ C1 สามารถคีย์สูตรได้ดังนี้ครับ

B1 คีย์

=Int(Sum(A1:A1000))

Enter

C1 คีย์

=Sum(A1:A1000)-B1

Enter



โดย: คนควน วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:22:06:47 น.  

 
อืม...มีคำผิดนิดหน่อยในตัวอย่างแรกของความเห็น 7 ข้อ 1 เิดิม

1. ห่างจาก A1 ไปด้านล่าง 0 คอลัมน์ คือไม่ไปไหน ยังอยู่ A1 เหมือนเดิม

ต้องเปลี่ยนเป็น

1. ห่างจาก A1 ไปด้านล่าง 0 แถว คือไม่ไปไหน ยังอยู่ A1 เหมือนเดิม



โดย: คนควน วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:7:26:31 น.  

 
เมื่อกี้ทำแล้ว มันไม่แสดงผล เอาใหม่ เมื่อกี้ผมเข้าใจผิดไปหน่อย คือมันเป็นภาษีซื้อภาษีขาย ของเดิมมันเป็น Manual คือ ใบเสร็จ vat ออกมาเท่าไหร่ เราก็แค่ key ใส่ช่องแรกเป็นจำนวนเต็มบาท ช่องที่ 2 เป็นสตางค์ จบ แต่แฟนผมเข้าไปทำงานแกเลยอยากทำแบบที่ผมถามคุณคนควนนี่แหล่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าใบเสร็จที่ออกมาคิด vat ถูกไหม ก็แค่นั้น

ปัจจุบันรูปแบบมันมาแบบนี้

E5 เป็น ยอดซื้อ จำนวนบาท
F5 เป็น ยอดซื้อ จำนวนสตางค์

2 ช่องนี้เป็น Manual เพราะต้องเป็นยอดหลัก ไม่ต้องใส่สูตร

G5 เป็น vat จำนวนบาท
H5 เป็น vat จำนวนสตางค์

ซึ่ง 2 ช่องนี้ ปัจจุบันยังเป็นแบบ manual อยู่ คือ key ยอดเงินบาทเข้าช่อง G5 แล้ว key สตางค์ เข้าช่อง H5

แต่... พอแฟนผมไปทำงาน เขาบอกมันช้า เลยอยากจะทำช่อง G5 เป็นสูตร vat 7% แต่ผลรวมมันก็ยังคงอยู่ที่ช่อง G5 อยู่ ทำยังไงจะให้เศษสตางค์ของช่อง G5 เด้งไปอยู่ช่อง H5 โดยต้องเป็นเศษสตางค์ที่มาจากสูตรคำนวน vat 7% ของช่อง G5

พอเข้าใจนะครับ

รบกวนคุณคนคอนด้วยครับ



โดย: อั๋น IP: 124.120.134.224 วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:18:35:19 น.  

 
ขอถามเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ

แล้วช่อง G5 ไม่ต้องให้มันมีจุดทศนิยมนะครับ ให้มันเด้งไปอยู่ช่อง H5 ทั้งหมด


โดย: อั๋น IP: 124.120.134.224 วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:18:39:04 น.  

 
ตอบคุณอั๋น คห. 12

ช่อง G5 คีย์

=INT(SUM(E5,F5/100)*7%)

ช่อง F5 คีย์

=(SUM(E5,F5/100)*7%-G5)*100

โดยตัวเลขที่เป็นทศนิยมได้คีย์เป็นจำนวนเต็ม เช่น 25 สตางค์ก็คีย์ 25 ไม่ใช่คีย์ 0.25

หากต้องการรวมยอดทั้ง 4 ช่องให้อยู่ในช่องเดียวเพื่อดูยอดรวมแบบทศนิยม ที่เซลล์ใด ๆ คีย์

=SUM(E5,F5/100,G5,H5/100)



โดย: คนควน วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:20:44:20 น.  

 
ถ้ายังไม่เคลียร์ ส่งตัวอย่างไฟล์มาได้ที่ snasui@gmail.com ครับ



โดย: คนควน วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:20:48:56 น.  

 
คุณคนควน ครับ รบกวนอย่างยิ่ง

ของผมคล้ายกับคุณอั๋น ความคิดเห็นที่ 8 ครับ

แต่เริ่มจาก พิมพ์จำนวนเต็มอยู่ที่ A1 และทศนิยมอยู่ที่ B1

ต่อไปก็ จำนวนเต็มอยู่ที่ A2 และทศนิยมอยู่ที่ B2

ไปเรื่อยๆอะครับ แล้วก็บวกกันอะครับ

แยกบาทกับสตางเหมือนเดิมอะครับ


โดย: ชานน IP: 61.19.144.194 วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:9:51:24 น.  

 
สวัสดีครับคุณ ชานน

สมมุติช่องที่เป็นบาทอยู่ที่ A2:A1000, ช่องที่เป็นสตางค์อยู่ที่ B2:B1000

1. ที่เซลล์ B1001 คีย์เพื่อหาสตางค์

=Mod(Sum(B2:B1000),100)

Enter

2. ที่เซลล์ A1001 คีย์เพื่อรวมยอดบาท

=Sum(A2:A1000,Int(Sum(B2:B1000)/100))

Enter



โดย: คนควน วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:18:05:39 น.  

 
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ


โดย: ชานน IP: 61.19.144.194 วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:10:48:58 น.  

 
แวะมาทักทาย... ครับ
นานๆเข้ามาที


โดย: แดนน้อย วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:12:15:09 น.  

 
ยินดีครับ คุณชานน และสวัสดีครับคุณแดนน้อย



โดย: คนควน วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:20:20:58 น.  

 
ทักทายด้วยคนได้มั้ยเนี่ยคุณลุงคนควน


โดย: ทุ่งนารี IP: 117.47.34.39 วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:19:51:25 น.  

 
หวัดดีจ้าคุณทุ่งนาีรี...ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมครับ


โดย: คนควน วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:20:52:00 น.  

 
สวัสดีครับ

ความรู้ Excel ของคุณผมว่าขั้น ปรมาจารย์แล้วนะ เขียนหนังสือขายได้สบาย คุณเคยเขียนหนังสือขายหรือเปล่าครับ

ความรู้ด้าน Excel ยังแพ้เรื่องกลอน แบบนี้ไม่คิดจะแต่งเพลงบ้างละครับ

ว่างๆ ลองตอบปัญหา excel เป็นกลอนก็ดีนะครับ


โดย: 9 IP: 117.47.127.164 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:10:56:08 น.  

 
สวัสดีครับ คุณ 9

ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ผมเขียนแต่ Blog ครับ ไม่เคยเขียนหนังสือ มีคนยุให้เขียนหลายคนเหมือนกันครับ แ่ต่ว่ายังไม่พร้อม เรื่องเพลงก็เคยแต่งครับ แต่งให้กับบริษัทที่ทำงาน มีคนขอให้แต่งเพื่อเอาไปประกวด เป็นโชคดีที่ได้ชนะเลิศ ก็นำรางวัลมาแบ่งกันครับ

ก็ เคยคิดจะตอบ Excel เป็นกลอนอยู่เหมือนกันครับ มีบาง Post ถามกลับไปเป็นกลอน กับผู้ที่ต้องการให้อธิบายสูตร ผมเลยถามว่าไม่เข้าใจตรงไหน แต่ไม่ได้รับคำตอบ ตาม Link ด้านล่างครับ

Click here


โดย: คนควน วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:12:02:57 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ
ไปอ่านกลอนตาม link ข้างบนมาค่ะ
มีคนขอให้แต่งเพื่อเอาไปประกวด เป็นโชคดีที่ได้ชนะเลิศ
แล้วไปประกวดที่ไหนมาค่ะ ภายในเครือของบริษัท หรือภายนอกบริษัทค่ะ


โดย: k สงขลา IP: 202.12.73.18 วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:12:22:32 น.  

 
หวัดดีครับ คุณ k สงขลา

ประกวดในบริษัทครับ


โดย: คนควน วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:21:51:27 น.  

 
หวัดดีครับ คุณคนควน
ผมมีคำถาม แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ รบกวนช่วยตอบข้อสงสัยให้ด้วยครับ
คือ ถ้าผมมีข้อมูลใน 1 row ประมาณสัก 4 column
โดยผมต้องการข้อมูลของ cell (cell ที่มีข้อมูลภายใน cell ไม่ซ้ำกับ cell อื่น)
หรือข้อมูลใน cell ไหนก็ได้กรณีที่ข้อมูลทุก cell มีข้อมูลเดียวกัน
ซึ่งทั้งหมดนี้ ต้องการทำโดยใช้ function บน excel ครับ
ไม่ทราบว่าจะพอมีแนวทางบ้างไหม ลอง seacrh หาใน net แล้ว ยังหาไม่เจอเลย
ขอบคุณมากครับ


โดย: คนยังไม่รู้ IP: 203.170.231.232 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:03:07 น.  

 
สวัสดีครับ คุณคนยังไม่รู้

สมมุติต้องการตรวจสอบข้อมูลคอลัมน์ A:D เริ่มที่ A1 ที่เซลล์ E1 คีย์

=If(Countif(A1:D1,A1)=4,A1,Index(A1:D1,Small(If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1),1)))

ต้องกด 3 แป้นคือ Ctrl+Shift+Enter เนื่องจากเป็นสูตร Array หากกดแป้นถูกต้องจะมีปีกกาครอบสูตรครับ

สูตรนี้จะหาค่าที่่ต่างจากค่าอื่น ถ้าไม่ต่างจะเอาค่าแรกมาครับ



โดย: คนควน วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:21:50 น.  

 
ขอบคุณ คุณคนควน มากๆ ครับสำหรับ solution ที่ให้มา
ตรงตามที่ต้องการครับ
แต่ผมมีคำถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับ logic การคิดของสูตร ในชุด ตั่งแต่ index มา
...Index(A1:D1,Small(If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1),1))

คือว่าผมยังมองไม่ออกไม่ทั้งหมดครับ
พอจะช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ


โดย: คนยังไม่รู้ IP: 203.170.231.232 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:54:53 น.  

 
ยินดีครับ

สมมุติว่า A1:D1 มีค่าดังนี้ A, B, A, A ตามลำดับ

แปลสูตรและแกะสูตรพร้อม ๆ กันไปครับ จากสูตร
Index(A1:D1,Small(If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1),1))

1. ให้มองค่าในช่วง A1:D1 ==> Index(A1:D1 , ลากเมาส์คลุม A1:D1 แล้วกดแป้น F9 จะได้

INDEX({"A","B","A","A"}

2. ถ้านับว่าพบค่าในช่วง A1:D1 ซ้ำกันเพียง 1 ครั้งให้แสดงหมายเลขลำดับ ==>If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1)

2.1 ลากเมาส์คลุมเงื่อนไขที่ทดสอบว่าค่าใดที่ซ้ำกันเพียง 1 ครั้ง คือ Countif(A1:D1,A1:D1)=1 แล้วกดแป้น F9 จะได้

IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},COLUMN(A1:D1)-COLUMN(A1)+1)

2.2 ลากเมาส์คลุมส่วนที่ต้องการให้แสดงค่าลำดับ คือ COLUMN(A1:D1)-COLUMN(A1)+1 แล้วกดแป้น F9 จะได้

IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},{1,2,3,4})

จะสังเกตเห็นว่าค่า TRUE ตรงกับ 2

3. นำค่าลำดับที่น้อยที่สุดจากข้อ 2 มาแสดง (ครอบสูตรในข้อ 2 ด้วยฟังก์ชั่น Small) ==> SMALL(IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},{1,2,3,4}),1) แกะสูตรต่อโดยลากเมาส์คลุม IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},{1,2,3,4}) แล้วกดแป้น F9 จะได้

SMALL({FALSE,2,FALSE,FALSE},1)

จากการสังเกตจะเห็นว่าค่าที่น้อยที่สุด 1 ค่าคือ 2 ถัดมาลากเมาส์คลุม SMALL({FALSE,2,FALSE,FALSE},1) แล้วกดแป้น F9 จะได้ภาพรวมสูตรเป็น

=IF(COUNTIF(A1:D1,A1)=4,A1,INDEX({"A","B","A","A"},2))

ซึ่งความหมายสูตร INDEX({"A","B","A","A"},2) ตามด้านบนคือให้มอง {"A","B","A","A"} แล้วเอาตัวที่ 2 มาแสดง ตัวที่ 2 คือ B

คำตอบของสูตรนี้จะได้ค่า B

คิดว่าพอจะเป็นแนวทางในการแกะสูตรได้บ้างครับ

Note: สำหรับสูตร Small(.....,1) ตามด้านบนสามารถเปลี่ยนเป็น Min(....) ได้ จะทำให้สูตรสั้นลง เนื่องจากจุดประสงค์ของโจทย์เพียงเพื่อหาค่าที่น้อยที่สุดเท่านั้น ที่ผมใช้ Small เพียงเป็นการเผื่อไว้สำหรับใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่น การ List ค่าที่พบตามเงื่อนไขทั้งหมด เป็นต้น



โดย: คนควน วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:21:28 น.  

 
หวัดดีครับ คุณคนควน
ซับซ้อนดีจัง
ผมลองทำตามคำแนะนำที่ให้มา พอมองออกแล้วครับ
ขอบคุณมากๆครับ
ขอให้ blog นี้อยู่ต่อไปนานๆครับ


โดย: คนยังไม่รู้ IP: 203.170.231.232 วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:49:56 น.  

 
สวัสดีค่ะ
พอดีอยากให้ช่วยแนะนำทีค่ะ
เราจะทำ excel สมมุตินะค่ะ
1.Sheet 1 เราจะคีย์เลขรหัสสินค้าที่ขายออกไป แต่ยังไม่ได้รับเงิน
2.Sheet 2 เราจะคีย์ข้อมูลว่าได้รับเงิน อ้างอิงรหัสสินค้า
***คำถามคือ
จะทำสูตรอย่างไรดี เมื่อเราคีย์ใน Sheet 2 ว่าได้รับเงินแล้ว ให้ Sheet 1 แสดงผลว่ารายการนี้มีการจ่ายเงินแล้วอาจจะใช้สัญลักษณ์ / หรือ X ต่อท้ายสุดค่ะ
***งงหรือป่าวค่ะ
***=IF('Orders (3)'!B5:B24='Orders (2)'!B5,"/","X")
***คือสูตรที่เราลองทำค่ะ เราไม่ค่อยเก่งแต่หัดทำอยู่
***พอใส่สูตรที่บอกไปข้างต้น มันทำตามเงื่อนไขแค่ช่องแรกเอง เราก็ก๊อบลงมาเรื่อยๆ แต่ไม่แสดงผลค่ะขึ้นแต่ X
***รบกวนชี้แนะหน่อยนะค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ไหม IP: 117.47.4.137 วันที่: 25 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:43:32 น.  

 
มากล่าวสวัสดีและขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือตลอดมา

เพราะเวลามีปัญหา Excel เมื่อค้นหาจาก ห้อง Tech หรือ แม้กระทั่งอากู๋ จะได้รับคำตอบจาก login "คนควน" เสมอ ๆ

Save หลาย ๆ อันไว้เป็น Tip เวลาเจอโจทย์แปลก ๆ จากที่ทำงานเมื่อนำมาใช้ก็จะได้รับเสียงตอบรับที่ดี

ถ้ามีโครงการจะรวมเล่มเมื่อไหร่อย่าลืมบอกนะคะจะตามไปอุดหนุนค่ะ


โดย: โอ๋ IP: 10.239.118.34, 203.170.231.233 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:50:05 น.  

 
สวัสดีครับ คุณไหมและคุณโอ๋

คุณไหมทำตัวอย่างไฟล์แล้วส่งมาที่ snasui@gmail.com อย่าลืมเขียนคำอธิบาย ระบุปัญหาและระบุคำตอบที่ต้องการมาด้วย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการอ้างอิงตำแหน่งครับ

ขอบคุณทั้งสองท่านที่มาเยี่ยมเยียนครับ


โดย: คนควน วันที่: 29 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:00:36 น.  

 
ก่อนได้รับเมลขอตอบคุณไหมตามความเข้าใจก่อนนะครับ หากว่าได้รับเงินแล้วค่อยคีย์รหัส ใช้สูตรนี้ครับ

=If(Isnumber(Match('Orders (2)'!B5,'Orders (3)'!B5:B24,0)),"/","X")

Enter


โดย: คนควน วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:50:48 น.  

 
แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ....(^_^)


โดย: ทุ่งนารี IP: 58.10.158.251 วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:27:40 น.  

 
หวัดดีครับคุณทุ่งนารี ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ


โดย: คนควน วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:17:57:14 น.  

 
สวัสดีครับพี่ คนควน(ควนไหนเอ่ย ..ควนเก..ควนตานี..หัวควน) ผมก็คนหนึ่งที่เข้ามาหาความรู้บ่อยครับ หลังจากที่พี่ตอบคำถามเกี่ยวกับเอ็กเซลล์ของผมที่โพสไว้ใน พันทิป ผมชื่นชมในความสามารถของพี่จริงๆครับ เป็นประโยชน์กับผมมากเลย
อ้อ พี่อยู่ส่วนไหนของสะเดาครับ ผมก็เคยอยู่สะเดามานานเหมือนกันครับ( 5-6 ปี) แถวๆตลาดสะเดาครับ
ขอให้พีอยู่กับชาวพันทิปตลอดไปนะครับ


โดย: anso IP: 117.47.183.211 วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:13:26:33 น.  

 
สวัสดีครับคุณ anso

ผมอยู่ หมู่ 9 หมู่บ้านยางเกาะ เข้าทางหัวถนนน่ะครับ ไม่ไกลกับบ้านควนเสม็ด และบ้านควนพลา ส่วนควนบ้านผมก็ "ควนหยี" ครับ


โดย: คนควน วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:22:15:42 น.  

 
อยากได้วิธีการทำกราฟระฆังคว่ำหนะครับ
พอดีมีข้อมูลดิบที่เป็น ชื่อคน กับ คะแนน แต่จะทำอย่างไรที่จะเอาไปพรอตเป็นกราฟระฆังคว่ำ


โดย: แดนน้อย IP: 10.0.3.122, 58.8.40.38 วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:17:10:19 น.  

 

สวัสดีครับ คุณแดนน้อย

การทำกราฟรูประฆังคว่ำผมอาศัยเทคนิคในการจัดเรียงข้อมูลเข้ามาช่วยครับ

สมมุติข้อมูลอยู่ที่ A1:A26 โดยที่ A1 คือชื่อ Field

1. ให้ชื่อ Field สำหรับ B1 และ C1 เป็น Capsize และ Turn up ตามลำดับ

2. ที่ B2 คีย์สูตรเพื่อให้ค่าบวกและลบสลับกัน

=If(Mod(Rows($C$2:C2),2),-A2,A2)

Enter แล้ว Copy ลงด้านล่าง

3. ที่ C2 คีย์สูตรเพื่อสลับคอลัมน์ B ทั้งคอลัมน์

=Index($B$2:$B$26,Rows($B$2:$B$26)-Rows($B$2:B2)+1)

Enter แล้ว Copy ลงด้านล่าง

4. หากต้องการใช้รูปแบบระฆังหงายสามารถเรียงข้อมูลโดยยึดคอลัมน์ B เป็นหลักได้เลย แต่หากต้องการรูประฆังคว่ำต้องทำ 2 ขั้นตอน

4.1 เรียงข้อมูลโดยยึดคอลัมน์ A เป็นหลัก (เรียงน้อยไปมากหรือมากไปน้อยก็ได้)

4.2 เรียงข้อมูลโดยยึดคอลัมน์ C เป็นหลัก (เรียงน้อยไปมากหรือมากไปน้อยก็ได้)

5. นำข้อมูลในคอลัมน์ A ไปทำกราฟแบบ XY (Scatter)


โดย: คนควน วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:21:12:30 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคับ ไม่รู้ว่าพี่จำผมได้หรือป่าว
ขอให้อยู่นานๆนะครับ
ไว้เจอปัญหางานจะขอความช่วยเหลือใหม่นะคับ
ขอบคุณคับ


โดย: บอย IP: 58.147.121.141 วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:15:29:32 น.  

 
สวัสดีครับคุณบอย ยังจำได้ครับ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ


โดย: คนควน วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:18:20:15 น.  

 
สวัสดีครับ คุณคนควน ได้ดห็นคุณช่วยตอบให้เพื่อนๆมากมายในพันทิพย์ ส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ใช้ Excel เลยเฉยๆ จนกระทั่งต้องมาใช้ สูตรเพื่อพิมพ์เลข 1-1000 ถึงได้เห็นประโยชน์ของมัน
ขอบคุณมากครับสำหรับสูตรจะลองศึกษาเพิ่มขึ้น ลองดูแล้วก็สนุกดีแฮะ


โดย: sukhum IP: 222.123.156.200 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:11:17:16 น.  

 
สวัสดีครับคุณ sukhum ยินดีที่ช่วยได้ครับ


โดย: คนควน วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:22:23:31 น.  

 
อยากปรึกษาค่ะ ต้องการ sum ข้อมูลที่มีเงื่อนไขมากกว่า 1 ต้องใช้ function ไหนค่ะ ตัวอย่าง
วิชา หน่วยกิต จำนวน นศ
AA 2 2
AA 3 4
AA 3 1
BB 2 5
AA 3 7
AA 2 1
BB 2 9
AA 2 3
ถ้าต้องการทราบจำนวน นศ ที่ลงทะเบียนในแต่ละวิชาแยกตามจำนวนหน่วยกิต ต้องเขียนสูตรอย่างไรค่ะ ถ้าใช้ sumif ตามที่เข้าใจจะได้แค่เงื่อนไขเดียวหรือป่าวคะ

ขอบคุณล่วงหน้ามากนะคะ


โดย: ปู ณ กม. 8 IP: 202.5.83.122 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:23:39:00 น.  

 
สวัสดีครับ คุณปู 5 กม. 8 ถ้าผมเข้าใจถูกต้อง เป็นการต้องการรวมยอด แยกรายวิชา แยกหน่วยกิต สามารถดูตัวอย่างได้ตามภาพครับ

C13 คีย์

=Sumproduct(--($A$2:$A$9=A13),--($B$2:$B$9=B13),$C$2:$C$9)

Enter > Copy ลงด้านล่าง

Sumproduct



โดย: คนควน วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:8:07:45 น.  

 
อ้าว...โทษทีครับ อ้างชื่อผิด ขอแก้เป็น คุณ ปู ณ กม. 8 ครับ



โดย: คนควน วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:8:11:31 น.  

 
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ใช้สูตรนี้เองหรอ? ไม่ทราบจิง ๆ เลย เพราะปกติใช้แต่ sumif แล้ว sumif มันได้เฉพาะเงื่อนไขเดียวหรือป่าว?? ยังคงสงสัยอีกว่า สูตรที่ให้เนี้ยทำไมต้องใส่ -- ด้วยค่ะ แบบว่า งง



โดย: ปู ณ กม. 8 IP: 202.57.173.238 วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:0:40:55 น.  

 
Sumif ใช้ได้แค่เงื่อนไขเดียว แต่สามารถเอาเงื่อนไขมาเชื่อมกันก่อนได้ครับ การเชื่อมเงื่อนไขก็ต้องเพิ่มคอลัมน์ขึ้นมาอีก 1 คอลัมน์

สามารถใช้เครื่องหมาย & ในการเชื่อมข้อความได้เช่น จากรูปในคห. 46 สามารถเชื่อม A2 กับ B2 โดยคีย์สูตร

=A2&B2 จะได้เป็น AA2 แล้วค่อยใช้ Sumif จากคอลัมน์ที่เชื่อมใหม่นี้

สำหรับเครื่องหมาย -- เป็นการแปลงค่า True ให้เป็น 1 ค่า False ให้เป็น 0

แต่ละช่วงที่ใช้การเปรียบเทียบซึ่งจะเห็นว่ามีเครื่องหมาย = ในสูตรตามคห. 46 จะเกิดค่า True, False เราต้องแปลงให้เป็น 1, 0 เพื่อให้สามารถคำนวณได้ครับ



โดย: คนควน วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:7:56:13 น.  

 
ต่อกันที่ สนทนา 6 ครับ


โดย: คนควน วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:12:25:08 น.  

คนควน
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]





MVP Excel



MOS Expert in Excel 2003
MOS Specialist in Excel 2003



คนควน เป็นคน อ.สะเดา จ.สงขลา จบการศึกษาทางด้านการบัญชีระดับปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีความถนัดหลายด้าน ทั้งเรื่อง ศิลปะ ดนตรี กีฬา คอมพิวเตอร์ จากการที่ได้คลุกคลีกับโปรแกรมชุด Microsoft Office จึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการใช้งานต่าง ๆ โดยเฉพาะ Excel จะมีความถนัดเป็นพิเศษ เนื่องจากใช้เป็นส่วนใหญ่ในการทำงานประจำวัน ได้รับ MOS Cetificate (Microsoft Office Specialist) ทั้ง Specialist และ Expert อีกทั้งเป็นคนชอบศึกษาค้นคว้าทดลองและชอบแบ่งปัน จึงได้เขียน Blog เพื่อเผยแพร่เทคนิคการใช้งาน Excel เพื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจจะได้มีแหล่งศึกษา นำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับงานของตนเองต่อไป












เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2553 ได้เปิด Forum เพื่อถาม-ตอบปัญหาเกี่ยวกับ Excel ทั้งเป็นแหล่งศึกษาให้กับผู้สนใจทั่วไป สามารถคลิกภาพด้านบนเพื่อไปยัง Forum ได้ครับ



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง เจ้าของ Blog มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใด ๆ ทั้งไม่ร่วมรับผิดชอบต่อความคิดเห็นของบุคคลใด ๆ ทั้งสิ้น


Statistics Hits
New Comments
Friends' blogs
[Add คนควน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.