อนาคตมันยังไม่เกิด เรายังเดินทางไปอนาคตไม่ได้ เราทำได้แค่นึกถึงอนาคต ต่อให้เดินทางไปได้ อนาคตนั้น มันก็จะกลายเป็นปัจจุบันในจิตของเรา

อดีตมันก็เกิดไปแล้ว ปัจจุบันเราทำได้แค่นึกถึงอดีต และแถมอดีตที่เรานึกถึง มันก็อาจจะไม่ถูกต้อง ครบถ้วน 100% หากถ่ายภาพหรือวีดีโอไว้ มันก็ไม่ครบทุกมิติอยู่ดี มันไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ และที่สำคัญไม่มีใครบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในใจได้ อย่างมากก็มีคำบรรยายความรู้สึก แต่ขนาดคนบรรยายเองก็ยังไม่อาจรู้สิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกได้ทั้งหมด 100% หรือถ้าเราเดินทางไปอดีตได้ อดีตนั้น ก็จะกลายเป็นปัจจุบันในจิตของเราเช่นกัน

ดังนั้น สิ่งที่เป็นความจริงในจิตของเรา เพียงอย่างเดียว คือ เวลาเสี้ยวของเสี้ยวๆๆๆๆ... วินาทีในปัจจุบัน และก็ใช่ว่า ทุกคนจะรับรู้จิตของตัวเองได้ทั้งหมด เพราะปกติจิตคนทั่วไปที่ไม่เคยฝึกจิต มันจะไม่มีสมาธิพอที่จะรับรู้สิ่งที่ลึกลับซับซ้อนภายในใจของเราได้ เหมือนล่องเรือไป ปกติเราอยู่บนเรือ มีคนนู้นคนนี้มาชวนเราคุย เราเห็นภูเขาน้ำแข็ง เราก็เห็นได้แต่ส่วนยอดของมันที่โผล่พ้นน้ำ เราไม่เห็นว่าฐานของมันใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าเรือไปชนมันเข้า เรือมันชนหมดเลยครับ ทั้งส่วนยอดและส่วนที่จมน้ำอยู่

แต่ถ้าเราฝึกจิตให้มีสมาธิ เราก็สามารถใช้สมาธินั้น เป็นดังชุดดำน้ำ พาเราไปให้เห็นภูเขาทั้งลูกได้ครับ

แล้วมันเกี่ยวกับการรักษาโรคนอนไม่หลับยังไง ?? คำตอบคือ ถ้าโรคนอนไม่หลับของคุณ เกิดจากสาเหตุทางจิต อันนี้เกี่ยวตรงๆเลย เพราะเราใช้วิธีการ เอาจิตที่มีสมาธิ ดำลงไปส่องดู แล้วจัดการมันซะ

แต่ถ้าคุณคิดว่าโรคนอนไม่หลับของคุณเกิดจากสาเหตุทางกาย เช่น ปวดหลัง เจ็บแผลผ่าตัด ฯลฯ จนนอนไม่หลับ ผมขอบอกว่า ถูก...เพียงครึ่งเดียวครับ เพราะสุดท้าย สาเหตุทางกายนั้น มันก็ส่งความรู้สึก เจ็บ ปวด ทรมาน มากระทบจิตอยู่ดี ถ้าจัดการที่จิตได้ มันก็หลับได้

แล้วทำไม จิตที่มีสมาธิ ถึงต้องอยู่กับปัจจุบัน ? คำตอบคือ จิตเรามันอยู่ในปัจจุบันอยู่แล้วครับ แต่ปัจจุบันจิตคุณแค่อาจจะไปนึกถึงเรื่องราวในอดีต / อนาคต ตัวจิตจริงๆมันไม่ได้วิ่งไป เพราะถ้าวิ่งไปจริง เราคงไปส่องดูอนาคตได้ ส่วนการไปในอดีตนั้น เราแค่ย้อนไปในความจำของเราเฉย ๆ ครับ

แล้วเคยได้ยินว่ามีหมอดู/เกจิอาจารย์หยั่งรู้อดีต อนาคตได้ ? คำตอบคือ .....คุณคิดมากไปแล้ว คุณถึงได้นอนไม่หลับไงครับ 5555 มันอาจจะมีใครทำได้จริงก็ได้ครับ แต่ระดับปุถุชนอย่างเรา ยังทำไม่ได้ และยังไม่ต้องไปสนใจมากครับ รู้ไปก็ไม่เกี่ยวกับการรักษาโรคของเรา เอาไว้คุณรักษาโรคหายแล้ว อยากศึกษาเรื่องนี้ต่อ ค่อยไปศึกษา (แล้วมาบอกผมด้วยนะ) ตอนนี้โฟกัสที่การหายโรคก่อนนะครับ :-D

สรุปเราทำจิตของเราให้มีสมาธิอยู่กับตอนปัจจุบัน แล้วไปรักษาโรคกันครับ

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2561		0 comments
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2561 15:19:32 น.
Counter : 276 Pageviews.
Share Tweet