มุมที่ไม่มีเหลี่ยม - ( ประเทศที่ไร้เหลี่ยม ! )
ถ้าให้พูดแบบรวบรัดตัดความ หนังสือเรื่อง " มุมที่ไม่มีเหลี่ยม " เล่มนี้ เป็นหนังสือเล่มเล็กๆที่บอกเล่าถึงนิทานเซน ประมาณ 45 เรื่อง ผ่านการถ่ายทอดอธิบายขยายความโดย คุณ ' เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ' เป็นหนังสือที่เก่าเก็บกรุมากๆ (สังเกตจากสีของกระดาษ) น่าจะตีพิมพ์หลังจากเราเกิดได้ไม่นาน (ไม่มีปีพ.ศ.ที่พิมพ์) และเป็นหนังสือที่ ... เราอ่านแทบตายก็ยังอ่านมันไม่จบซักที!!
พอดี เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนนู้น (ลากเสียงยาว) เกิดครึมอกครึมใจอย่างไรไม่ทราบ เปิด มุมที่ไม่มีเหลี่ยมเล่มนี้ออกอ่านอีกครั้ง แล้วเจอบทนึงที่น่าสนใจดี เลยคิดจะเอามาอัพลงบล๊อค... เผื่อให้คนอื่นได้อ่านบ้าง...ล่ะนะ บทที่ 5 เรื่อง ความระลึกรู้ ในบทนี้ ได้พูดถึงหลักคำสอนของพุทธศาสนานิกาย เซน ที่มองสรรพสิ่งต่างๆบนโลกอย่างเป็นคู่ หรือ "ทวินิยม" (*) เช่น บุญ - บาป, ดำ - ขาว, สูง - ต่ำ ฯลฯ อันทำให้คนเรามักจะถูกอิทธิพลของทัศนคติแบบความเป็นคู่นี้ เลือกข้างใดข้างหนึ่ง หรือมองสรรพสิ่งเป็นทั้งสองด้านอย่างสุดโต่ง ในบทนี้ จึงกล่าวเตือนสติเรา ให้หลุดออกจากอิทธิพลของความเป็นคู่ อยู่เหนือความเป็นสองด้านดังกล่าว ด้วยการ... " ไม่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดมั่นผูกพันชนิดที่เรียกว่า ดิ่งไปด้านหรือทั้งสองด้านนั้น เพราะมีแต่ การไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในด้านทั้งสองนี้เท่านั้น คนเราจึงจะประจักษ์ต่อสัจธรรมแท้จริงของสิ่งนั้นๆ " ต่อไปนี้ เป็นคำที่คัดลอกตัดตอนมาจากหนังสือนะคะ
อุปมาเหมือน มีกระดานแผ่นหนึ่ง ด้านหนึ่งสีดำด้านหนึ่งสีเขียว คนยืนอยู่คนละด้าน ย่อมเห็น สีต่างกัน เป็นธรรมดา ถ้าสองคนนั้นต่างยึดมั่นเฉพาะสิ่งที่ตัวเห็น ต่างก็จะยืนยันในสีที่ตัวเห็น ชนิดหัวชนฝาเลยทีเดียว คือคนหนึ่งว่า "กระดาษนี้สีดำ" อีกคนว่า "กระดาษนี้สีเขียว" ถ้าต่างยืนยัน โดยไม่หันมาชะโงกมองอีกด้านหนึ่งอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีวันตกลงกันได้ แล้วในที่สุดก็อาจทะเลาะเบาะแว้งถึงฆ่าฟันกันตายไปเปล่าๆ
นั่นแหละคือ "ความยึดมั่นถือมั่น" การไม่ยึดมั่นถือมั่นก็คือ เมื่อเราเห็นเป็นอย่างไรก็เพียงกำหนดรู้ไว้ อย่าเอาใจเข้าไปผูกพันจนเหนียวแน่น และเมื่อมีคนอื่นเขาแสดงว่าเห็นเป็นอีกอย่าง ก็จงฟังเขาอย่าเพิ่งค้านเสียทีเดียว
ถ้าเราเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานเสียแล้ว ก็รังแต่จะเห็นคนอื่นผิดอยู่ร่ำไป ทั้งที่แท้จริงแล้ว ไม่มีใครผิดเลย เพียงแต่สิ่งที่ปรากฏนั้น อาจต่างกันหรือจิตใจเราที่เข้าไปเกาะเกี่ยวผูกพันนั้น มันแน่นเหนียวมากไปจนคลายออกไม่ได้ เรียกว่าทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน หรือเข้าใจกันไม่ได้เท่านั้น
การอยู่เหนือ ก็คือ การไม่ยึดมั่นถือมั่นให้มันตายตัวลงไป โอกาสที่เราจะได้รับรู้ต่อความเป็นจริงย่อมมีมากกว่าผู้ที่ยึดมั่นถือมั่นเป็นธรรมดา เหมือนกับคนที่เชื่อเฉพาะกระดานด้านที่ตัวมองนั้นกับอีกคนที่โดดออกมาจากทั้งสองด้าน ก็ต้องเข้าใจทันทีว่าสองคนนั้นทะเลาะกันทำไม และจะจัดการกับกระดาษแผ่นนั้นอย่างไรให้สมประโยชน์แก่ความเป็นกระดานทั้งสองด้านนั้น โดยไม่ต้องมาเสียเวลามัวทะเลาะกันจนตายไปเปล่าๆ ... นี่แหละคะ ที่อยากเอามาฝาก... ไม่รู้ทำไม แต่พอเราอ่านจบบทนี้ พาลให้นึกถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันทุกทีเลยซิพับผ่า! (*) ป.ล.
# ถ้าใครสนใจรายละเอียดเรื่องเซน (ซึ่งเราว่าน่าสนใจ) และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด! (หมายความว่า ถ้าเราไม่ขี้เกียจ 55) เราคิดว่าจะมาอัพเกร็ดความรู้เรื่องเซนแบบเล็กๆน้อยๆให้พอรู้จักว่า 'เซน' เป็นเช่นไร ... ในคราวหน้านะ # เพลงไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อหา แต่อยากให้ฟัง
Create Date : 30 ตุลาคม 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 20:57:42 น. |
Counter : 1871 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณที่นำมาฝาก จ๊ะ
มาใหม่บอกด้วย น่ะ