|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
ทำไม??? พี่ไทยขอบคุณ พี่ยุ่นขอโทษ
วันที่ 26 มีนา ไปเดินบิ๊กซีกับพ่อ มีเด็กคนหนึ่งวิ่งเล่นซน คุณแม่ดุยังไงก็ไม่ฟัง จนกระทั่งมาชนพ่อผม “เห็นไหม บอกแล้วว่าอย่าซน เอ้า รีบขอโทษคุณลุงซะ” น้ำเสียงของสุภาพสตรีท่านนั้นไม่มีความสำนึกเกรงใจ แต่แฝงอารมณ์กร้าวของโทสะ (เพราะลูกก็ไม่เชื่อฟัง) ใช้พ่อผมเป็นเครื่องมือบีบให้เด็กรู้สึกผิด (ซึ่งก็เห็นว่าไม่ได้ผล พอยกมือไหว้เสร็จ เด็กก็เล่นซนต่อไปตามประสาเด็ก) หากกรณีนี้เกิดที่ญี่ปุ่น 99% แม่เด็กจะเป็นฝ่ายโค้งหัวขอโทษที่ตนอบรมลูกไม่ดี วันก่อนผมเดินวิลล่า ต้องการขอทางแม่บ้านญี่ปุ่นก็เลยพูดว่า ‘สุมิมะเซ็น’ (ขอโทษนะครับ) อีกฝ่ายหันมาโค้งพร้อมกับพูด ‘สุมิมะเซ็น’ แล้วขยับรถเข็นหลบให้ เพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่าคนญี่ปุ่นจะพูดจากใจจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะกิริยามารยาทของเขา หมดจดงดงามน่าประทับใจจริงๆ น่าสังเกตว่าเวลาที่มีใครทำอะไรให้ คนไทยจะขอบคุณ แต่ญี่ปุ่นจะขอโทษ เช่นเวลามีคนกดลิฟท์ให้ หรือเสียสละที่นั่งบนรถไฟ หรือรินน้ำชาให้ ทำไม...? เพราะคนไทยมองจากตัวเองว่า “เรา” ได้รับอะไรบางอย่างจากเขา แต่ญี่ปุ่นคิดถึงความรู้สึกของ “เขา” ที่ต้องลำบากทำอะไรให้เราก่อน คนญี่ปุ่นมักไม่เข้าใจว่า ทำไมคนไทยไม่ชอบพูดขอโทษ แม่บ้านญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งคนใช้ทำจานแตก แต่แทนที่จะขอโทษเขากลับมีข้ออ้างร้อยแปดมาอธิบาย เช่นว่าลูกชายคุณผู้หญิงเล่นซนจนเขาไม่มีสมาธิล้างจาน ฯลฯ แม่บ้านญี่ปุ่นบอกเขาไม่ได้โกรธอะไรเลยที่จานแตก (ญี่ปุ่นมีคำคมอยู่ว่าของที่มีรูปทรงย่อมต้องแตกสลายเป็นธรรมดา) เพียงแต่เขาต้องการได้ยินคำว่า ‘ขอโทษ’ เท่านั้นเอง คนไทยอาจจะแสลงใจกับคำว่าขอโทษเพราะมันแปลว่า “ขอ(รับ)โทษ” สมัยโบราณหากบ่าวไพร่ทำผิด จะไม่มีใครกล้ารับผิด เพราะรับแล้วจะโดนลงโทษ (คือจะสารภาพหรือไม่สารภาพก็โดนเหมือนกัน)
แต่ญี่ปุ่นสมัยก่อนมีการสำเร็จโทษที่เรียกว่า ฮาราคีรี คือการให้นักโทษคว้านท้องตัวเอง หากใครยืดอกรับโทษนี้ จะได้รับเกียรติยศชื่อเสียง โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเป็นคนขายชาติ หรือจะชั่วร้ายยังไงมาก่อน คนตายแต่ชื่อไม่ตาย… ยิ่งกว่านั้นยังเป็นการปกป้องชื่อเสียงของวงตระกูล ซึ่งมีความหมายมากกว่าปัจเจกบุคคลอย่างเทียบไม่ได้ คำขอโทษที่สุภาพและเป็นทางการของญี่ปุ่นคือ 「申し訳ありません」(โมซิวะเกะอะริมะเซ็น) แปลตามตัวอักษรว่า “(ข้าพเจ้า)ไม่ขอแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น” การไม่แก้ตัวคือเอกลักษณ์ของยอดคน เพราะ “คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบ...” (เติมคำในช่องว่าง) เมื่อเทียบกับคนญี่ปุ่น คนไทยจำนวนไม่น้อยยังขาดความใส่ใจ และความสามารถในการจินตนาการถึงหัวอกผู้อื่น จินตนาการถึงความทุกข์ที่อีกฝ่ายจะได้รับจากการกระทำที่เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เช่นนั้น ประเพณีสงกรานต์อันดีงามของชาติ คงไม่เละเทะอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ปัญหาสังคมของคนญี่ปุ่นกับคนไทยก็แตกต่างกันด้วยเหตุนี้ เพราะก็มีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่เก็บกด (เพราะมัวแต่ห่วงความรู้สึกคนอื่น) แล้วหาทางออกแปลกๆ (คนโรคจิตในญี่ปุ่นแปลกประหลาดกว่าไทย บางคนระบุประเภทไม่ได้) หรือไม่ แม่ก็เอาใจลูกเวอร์ จนลูกกลายเป็นนีท (โอตาคุว่างงาน) ทั้งที่อายุ 30 กว่าแล้ว เช่นนั้นจุดแข็งของพี่ไทยก็น่าจะเป็นความสบายๆ ไม่คิดมาก (อีกแล้ว) ใครจะทำอะไรก็ช่างเขา หากจะเดือดร้อนเรา ก็ถือเสียว่า “ฟาดเคราะห์” ปล่อยวาง แล้วให้อภัยเขาซะ เพราะฉะนั้นสงกรานต์นี้เราก็เข้าวัด ไปทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้มีพระคุณ แล้วเล่นน้ำให้ฉ่ำอุรา ลืมเรื่องเครียดๆ ที่ผ่านกันดีกว่าครับ! ^^
Create Date : 14 เมษายน 2554 |
|
11 comments |
Last Update : 14 เมษายน 2554 16:29:20 น. |
Counter : 567 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ภานุ IP: 110.168.105.8 14 เมษายน 2554 18:23:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ^__^ IP: 14.207.144.225 14 เมษายน 2554 18:48:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: จอมยุทธ IP: 182.53.48.115 14 เมษายน 2554 20:41:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: 9A 14 เมษายน 2554 22:05:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: noname IP: 79.193.148.104 14 เมษายน 2554 22:58:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: Noom IP: 192.168.2.187, 210.164.22.70 15 เมษายน 2554 5:44:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: iMAg IP: 210.188.16.77 15 เมษายน 2554 6:37:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: jinjung IP: 58.89.206.80 17 เมษายน 2554 9:53:33 น. |
|
|
|
|
|
|
ทาสแมวระดับบียอนด์แพลทินัม
|
|
|
|
|
|
|
อ่านบทความนี้แล้ว ได้ข้อคิดอะไรๆหลายอย่างเลยค่ะ