พฤษภาคม 2564

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
30
31
 
 
StableCoin คืออะไร มีอะไรบ้าง?
StableCoin คืออะไร มีอะไรบ้าง?

Stablecoin คือ เหรียญดิจิทัล(Crypto currency) ประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าค่อนข้างคงที่ ราคาไม่ผันผวน ขึ้น/ลงเหมือนสกุลเงินดิจิทัลทั่วๆไป เช่น Bitcoin, Ethereum

โดยที่ราคาทั่วไปจะอยู่ประมาณ 1 ดอลล่าห์สหรัฐ

เหตุผลที่เหรียญดิจิทัลประเภทนี้มีมูลค่าคงที่ได้เพราะเนื่องจากราคาของเหรียญ Stablecoin นั้นจะถูกผูกไว้กับสินทรัพย์อ้างอิงในโลกการเงินทั่วไป เช่น เงินดอลล่าร์สหรัฐ,ทองคำ,

หรืออาจจะเป็นสินทรัพย์อ้างอิงอื่นๆแล้วแต่ว่าผู้สร้าง Stablecoin แต่ละสกุลจะกำหนดสินทรัพย์อ้างอิงว่าเป็นอะไร

ด้วยความที่ราคาของเหรียญ StableCoin จะถูกผูกไว้กับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ ถึงแม้ว่าจะมีการขึ้นลงของราคาอยู่เหมือนกัน แต่ก็จะมีความผันผวนน้อยกว่าราคาของ Crypto currency ประเภทต่างๆ

และที่สำคัญคือมันเป็นราคาที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ที่จับต้องได้ที่ผู้คนและนักลงทุนในโลกการเงินทั่วไปสามารถนำมาจับจ่ายใช้สอยกันได้ทั่วๆไป

ถ้ามองภาพรวมง่ายๆ เหรียญ Stablecoin ก็เหมือนเป็นตัวกลางที่เชื่อมโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล เข้ากับโลกการเงินในปัจจุบันนั่นเอง แต่ก็มีเหรียญ Stablecoin บางประเภทเหมือนกันที่ถูกผูกมูลค่าไว้กับ Crypto currency ด้วยกันเอง

เหรียญ Stablecoin มีหลายสกุล ไม่ว่าจะเป็น USDT,USDC,BUSD,DAI และอื่นๆ ซึ่ง Stablecoin ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง มักจะถูกผลิตออกมาโดยมีสินทรัพย์มูลค่าเท่ากันมาวางค้ำประกันไว้ในธนาคาร เช่น 1 USDT มีมูลค่าประมาณ 1 ดอลล่าสหรัฐ

ก่อนที่ผู้ออกเหรียญจะผลิตและนำเหรียญ Stablecoin สกุลนี้ออกมาขายก็จะต้องนำเงินดอลล่าร์สหรัฐในจำนวนที่เท่ากันเข้าไปฝากไว้กับธนาคารซะก่อน และจะต้องมีหน่วยงานที่ตรวจสอบพิสูจน์ว่ามีเงินจำนวนนี้อยู่จริงๆ เพื่อเป็นหลักประกันมูลค่าของเหรียญ Stablecoin ชนิดนั้นๆ และสร้างความเชื่อถือให้คนที่จะซื้อเหรียญStablecoin มีไว้ทำไม

Stablecoin เกิดมาเพื่ออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง

เหรียญ StableCoin ถูกสร้างมาเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความผันผวนของราคาและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล  ประเภทต่างๆ และเป็นคล้ายๆตัวเชื่อมต่อโลกของ Crypto Currency กับโลกการเงินในปัจจุบัน

สินทรัพย์ดิจิทัลหรือสกุลเงินดิจิทัลต่างๆที่เกิดขึ้นมาและกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในทุกวันนี้ ถึงแม้ตัวมันเองจะสามารถใช้เป็นสินทรัพย์ลงทุน,เก็งกำไร หรือใช้เป็นตัวเก็บมูลค่าได้ และมีปริมาณการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่สูงมากในแต่ละวัน แต่ปัญหาที่มีอยู่ก็คือความผันผวนของราคา

ยิ่งราคาผันผวนมากก็ยิ่งมีคนมาเก็งกำไรมาก และในทางกลับกัน เมื่อมีคนซื้อขายเพื่อเก็งกำไรกันอยู่ตลอดเวลาก็จะยิ่งเกิดความผันผวนมากขึ้นเช่นเดียวกัน

จะเห็นว่ามันมีแต่ปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของมูลค่าอยู่สูง อย่างที่เราได้เห็นกันว่าราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลพวกนี้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงแทบจะทุกๆนาที

ความผันผวนของมูลค่าที่ว่านี้ล่ะครับทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหลายเกิดปัญหาขึ้น เพราะคนจะไม่กล้าเอาสินทรัพย์พวกนี้มาเก็บไว้เพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกแห่งความเป็นจริง หรือใช้ในชีวิตประจำวัน(Purchasing Power) เพราะว่ามูลค่ามันขึ้นๆลงๆนั่นเอง
ตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของ Stablecoin

    แก้ปัญหาความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัล
    ช่วยรักษามูลค่าเงินและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุน

แก้ปัญหาความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัล

ลองจินตนาการดูครับ สมมุติว่าเช้าวันนี้คุณถือสกุลเงินดิจิทัลชื่อ “สกุลA” ซึ่งมีมูลค่า $100 และมีการขึ้นๆลงๆของราคาตลาดอยู่ตลอดเวลา

ตอนเช้าคุณเล็งไว้ว่าจะนำเงินดิจิทัล “สกุลA” ไปซื้อสินค้าอย่างหนึ่งหลังจากเวลาเลิกงาน ซึ่งสินค้านั้นมีราคาเท่ากับ $100 พอดี

เมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนเย็นคุณก็เดินไปซื้อสินค้าชิ้นนั้น แต่ราคาตลาดของเงินดิจิทัล “สกุลA” ได้ตกลงมาเหลือเพียง $95 ทำให้คุณจะไม่สามารถซื้อสินค้าชิ้นนั้นด้วยเงินดิจิทัลที่มีได้อีกต่อไป ต้องไปหามาเพิ่ม

นี่ล่ะครับ คือตัวอย่างของปัญหาของความผันผวนของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่มันยังนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ยากอยู่
รักษามูลค่าเงินและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

 
สนใจเทรดกับ BINANCE คลิ๊กได้เลย สมัครวันนี้รับค่าคอมมิชชั่น 5%


ถ้าคุณต้องการจะซื้อสกุลเงินดิจิทัลซักอันเพื่อมาลงทุน หากไม่มี Stablecoin คุณจะต้องนำเงินสด (Fiat Money) มาแลกซื้อเงินดิจิทัลไปตามจำนวนที่คุณต้องการในแต่ละครั้ง เพื่อที่จะได้ถือครองสกุลเงินดิจิทัลที่ต้องการนำไปใช้ต่อยอดการลงทุน

ซึ่งคุณก็จะต้องเสียทั้งเวลาและค่าธรรมเนียมในการซื้อขายแต่ละครั้งที่เอาเงินสดมาซื้อ Crypto Currency เข้าพอร์ทของคุณ

อาจจะมีคำถามขึ้นมาว่า แล้วทำไมไม่เอาเงินสดแลกซื้อ Crypto Currency ไว้เยอะๆทีเดียวไปเลยล่ะ จะใช้ลงทุนอะไรก็ค่อยแบ่งไปซื้อตามจำนวนที่ต้องการ จะต้องรอซื้อที่ละน้อยทำไม?

คำตอบก็คือ ถ้าต้องการทำก็ทำได้ครับ แต่ปัญหาคือการถือครอง Crypto Currency ตัวใดตัวหนึ่งไว้เฉยๆ นานๆ โดยที่ไม่ได้นำไปลงทุนอย่างอื่น มันมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียมูลค่ามาก เพราะราคาของ Crypto Currency มันผันผวนขึ้นลงตลอดเวลา

มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่คุณถือไว้อาจจะลดลงตามราคาตลาด ทำให้ตัวคุณเองอาจจะขาดทุนโดยไม่รู้ตัวจากราคาตลาดที่ตกลงได้ ซึ่ง Stablecoin สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี

ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะซื้อเงิน Crypto ไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปลงทุนใน DeFi Staking (สำหรับเหรียญตระกูลที่ใช้ระบบ Proof Of Stake) และเหลือเงินอีกจำนวนนึงเตรียมไว้ซื้อเงินดิจิทัลอีกตัวนึงเมื่อมีโอกาสที่น่าลงทุนมาถึง

สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่โยกเงินมาเก็บไว้เป็น Stablecoin โดยอาจจะนำ Stablecoin เหล่านั้นไปลงทุนต่อใน Liquidity Pool(ทำ Yield Farming) หรือ Staking ต่างๆเพื่อให้เงินทำงานเพิ่มมูลค่าไป ระหว่างที่พักเงิน

และเมื่อถึงเวลาที่อยากจะเข้าซื้อ ก็ถอนเอา Stablecoin เหล่านั้นไปเข้าซื้อ Crypto currency ต่ออีกที สะดวกมากครับ ไม่ต้องมาแลกเป็นเงิน Fiat กลับไปกลับมา แถมลงทุนใน DeFi ก็ได้ผลตอบแทนมากกว่าด้วย
ประเภทของ Stablecoin

Stablecoin มีอยู่ 3 ประเภทหลักในปัจจุบัน แบ่งประเภทตามวิธีการค้ำประกันของสินทรัพย์ที่นำมาผูกมูลค่า(Collateral)

    Asset-Backed Off-chain
        Fiat-Backed
        Commodity-Backed
    Asset-Backed On-Chain
    Algorithmic

Asset-Backed “Off-Chain”

เหรียญ Stablecoin ประเภทนี้ใช้สินทรัพย์ค้ำประกันที่ไม่ได้อยู่บนระบบ “Blockchain”

หรือพูดง่ายๆว่าเป็นสินทรัพย์ในโลกการเงินทั่วไป ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลครับ เช่น เงินสดสกุลต่างๆ,ทองคำ,น้ำมัน โดยที่จะแบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ Fiat-Backed และ Commodity-Backed
Fiat-Backed :

Stablecoin ประเภทนี้จะถูกผูกมูลค่าไว้กับสกุลเงินสดในปัจจุบัน เช่น US Dollar,หรือแม้แต่เงินบาทเราก็มีนะครับ

เหรียญ Stablecoin ประเภทนี้ที่ดังๆก็คือ USDT,USDC,BUSD ซึ่งมูลค่าของเหรียญเหล่านี้ 1 เหรียญจะมีค่าประมาณ 1 US Dollar. โดยที่ทางผู้ผลิตเหรียญจะนำเงินสกุล USD ไปฝากไว้ในธนาคารให้มีจำนวนเท่ากับจำนวนเรียญที่ต้องการนำออกมาขาย
Commodity-Backed

เหรียญ Stablecoin ประเภทนี้จะถูกผูกมูลค่าไว้กับสินทรัพย์มีค่าอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงินเช่น ทองคำ,น้ำมัน,อสังหาริมทรัพย์หรือสินทรัพย์มีค่าประเภทอื่นๆ ตัวอย่างเหรียญ Stablecoin ประเภทนี้ได้แก่ Tether Gold(XUAT), Paxos Gold(PAXG)

ข้อดีของเหรียญ Stablecoin แบบ Asset-Backed Off-Chain ก็คือมีความผันผวนของมูลค่าน้อยที่สุด เพราะด้วยความที่มูลค่าของมันถูกผูกไว้กับสินทรัพย์ในปัจจุบัน เช่นเงินสด หรือ ทองคำ

แต่ข้อเสียของมันก็คือ เป็นไปได้ยากมากที่คนทั่วๆไปที่ซื้อ Stablecoin เหล่านี้มาถือครองจะรู้หรือตรวจสอบได้จริงๆว่ามันมีเงินฝากไว้ในธนาคารเพื่อค้ำประกันมูลค่าของ Stablecoin ที่ถือไว้จริงๆรึเปล่า
Asset-Backed “On-Chain”

เหรียญ Stablecoin ประเภทนี้จะถูกผูกมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยกันที่ทำงานอยู่บนระบบ Blockchain เหมือนกัน

ข้อดีของ Stablecoin ประเภทนี้ก็คือการตัดตัวกลางออกไปและสามารถตรวจสอบได้ มีความน่าเชื่อถือ เพราะการค้ำประกันด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยกัน

มูลค่าของเหรียญแบบนี้จะถูกควบคุมด้วย Smart Contract ไม่ต้องมีธนาคารหรือสกุลเงิน Fiat Money เข้ามาเกี่ยวข้อง

เหรียญ Stablecoin ประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมและใช้กันแพร่หลายก็คือเรียญ DAI ที่ถูกผลิตโดย MakerDAO  และทำงานอยู่บน Ethereum Blockchain

โดยทั่วไป ถ้าคุณอยากจะได้เหรียญ Stablecoin ประเภทนี้ จะต้องนำเหรียญที่มีมูลค่ามากกว่าตัวมันเองมาค้ำประกันเป็นจำนวน 1.5-2 เท่า

อย่างเช่นถ้าคุณอยากจะเอา DAI จำนวน $500 มาถือครองคุณจะต้องนำเหรียญ Ether เข้าไปค้ำประกันเป็นมุลค่า $1,000

ข้อเสียของเหรียญ Stablecoin ที่ถูกค้ำประกันด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลก็คือ ตัวสินทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันก็มีความผันผวนขึ้น/ลง ของราคาเหมือนกัน ทำให้ทุกๆครั้งที่เราอยากจะซื้อ Stablecoin ประเภทนี้ จะต้องนำเหรียญค้ำประกันเป็นจำนวน 1.5-2 เท่าของมูลค่าเหรียญ Stablecoin ที่เราต้องการ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขึ้น/ลง ของราคา
Algorithmic

เหรียญ Stablecoin ประเภทนี้จะไม่ได้ถูกผูกมูลค่าไว้กับเงิน Fiat หรือเงิน Crypto Currency แต่ตัวมูลค่าจะถูกควบคุมให้คงที่ด้วยการใช้ระบบ Smart Contract มาควบคุมปริมาณของเหรียญในตลาด

เช่นถ้าช่วงไหนเหรียญมีราคาต่ำเกินไป ตัว Smart Contract ก็จะสั่งการให้ลดจำนวนเหรียญที่มีในตลาดลงเพื่อลด Supply ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นตามธรรมชาติ

และในทางกลับกัน ถ้าราคาเหรียญมีมูลค่าสูงเกินไป ตัว Smart Contract ก็จะเพิ่มจำนวนเหรียญในตลาดเพื่อให้ราคาปรับลดลงมา

จะเห็นได้ว่ามูลค่าของเหรียญ Stablecoin ประเภทนี้จะถูกควบคุมผ่านระบบอัตโนมัติด้วย Smart Contract อีกทีนึง ซึ่งเป็นการตัดตัวกลางอย่างเช่นธนาคารกลาง(Federal Reserve) ของประเทศต่างๆออกไป

ตัวอย่าง Stablecoin ประเภทนี้ที่ได้รับความนิยม เช่น Ampleforth(AMPL),Terra(UST)

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เหรียญ Stablecoin ประเภท Algorithmic นี้ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ โดยเฉพาะในไทยแทบจะไม่มีใครพูดถึงเลย

ส่วนนักลงทุน Crypto ในต่างประเทศบางส่วนก็ไม่ค่อยจะเชื่อด้วยว่าการควบคุมมูลค่าเหรียญด้วย Algorithm จะสามารถรับรองมูลค่าของเหรียญดิจิทัลชนิดนั้นๆได้ และไม่น่านำมาใช้งานในการลงทุนได้อย่างจริงจัง
เหรียญ Stablecoin มีอะไรบ้าง?

เหรียญ Stable Coin จริงๆแล้วมีมากมายหลายสกุลครับ เพราะตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันถูกทำออกมามากกว่า 200 สกุล และอ้างอิงกับสินทรัพย์มีค่าหลายอย่าง แต่ที่ยัง Active และได้รับความนิยม มีความน่าเชื่อถือและใช้งานกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบันก็จะมีอยู่ 5 สกุล
5 เหรียญ Stablecoin ที่ต้องรู้จัก!
 
สนใจเทรดกับ BINANCE คลิ๊กได้เลย สมัครวันนี้รับค่าคอมมิชชั่น 5%





1.USDT

ชื่อเต็มๆ คือ USD Tether ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญ Stablecoin สกุลแรกๆของโลก

USDT เป็น Stablecoin ประเภท Fiat-Backed ซึ่งถูกผูกราคาไว้กับเงินดอลล่าห์สหรัฐ และบริษัท Tether ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหรียญสกุลนี้ก็ให้คำรับรองว่าเหรียญของพวกเค้าถูกค้ำประกันด้วยเงินดอลล่าห์หรือสินทรัพย์เทียบเท่าในมูลค่าเท่ากัน

ทำให้ 1USDT มีมูลค่าประมาณ 1 ดอลล่าห์สหรัฐ หรือประมาณ 30-32 บาทอยู่เสมอๆ และในปัจจุบันถือเป็นเหรียญที่มีมูลค่าตลาด(Market Capitalization)สูงที่สุดในบรรดา Stablecoin

คุณสามารถหาซื้อ USDT ได้ตาม Crypto Currency Exchange ทั่วๆไปครับเพราะได้รับความนิยมและใช้งานกันแพร่หลาย โดยถ้าเป็นในเมืองไทยก็สนับสนุนให้ซื้อขายกับ Exchange หรือผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจาก กลต. จะดีที่สุด
2.USDC

ชื่อเต็มๆ คือ USD Coin เป็นเหรียญ Stablecoin ประเภท Fiat-Backed ที่ทำงานอยู่บนระบบ Ethereum Blockchain

ถูกผลิตออกมาโดยความร่วมมือของหลายบริษัท หนึ่งในนั้นคือ Coinbase ซึ่งเป็น Broker ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็น Exchange ที่มี Bitcoin เป็นจำนวนมากที่สุด

ในปัจจุบันถือเป็นเหรียญ Stablecoin ที่มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับ 2 รองจาก USDT
3.BUSD

Binance USD เป็นเหรียญ Stablecoin ประเภท Fiat-Backed ที่ทำงานอยู่บนระบบ Ethereum Blockchain ถูกผลิตออกมาโดย Binance ผู้ให้บริการกระดานซื้อขาย Crypto Currency เจ้าหลักๆของโลก

ซึ่งเจ้า BUSD นี้เป็นผลจากความร่วมมือของ Binance และ Paxos แถมยังได้รับการรับรองการค้ำประกันมูลค่าจาก Newyork State Department of Financial Services(NYDFS) อีกด้วย
4.DAI

เหรียญ DAI เป็น Stablecoin ประเภท Asset-Backed On-Chain ที่ใช้ Cryptocurrency ด้วยกันมาค้ำประกันมูลค่า

โดยที่จะต้องใช้เหรียญ Ether มูลค่า 2 เท่าของจำนวนเหรียญ DAI ที่เราต้องการมาแลก โดย Smart Contract จะเป็นตัวควบคุมการแลกเปลี่ยนทั้งหมด

เหรียญ DAI ถูกผลิตออกมาในปี 2015 โดยบริษัทชื่อ MakerDAO ซึ่งเหรียญ Stablecoin ชนิดนี้เป็นที่ยอมรับและใช้งานกันอย่างแพร่หลายใน Dapp(Decentralized Application)
5.PAX

PAXOS Standard น่าจะเป็นชื่อที่หลายๆคนในวงการการเงินคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ และเหรียญ Stablecoin สกุลนี้เป็นเหรียญ Fiat-Backed ตระกูลแรกที่ถูกทำออกมาโดยสถาบันการเงิน

จริงๆแล้ว Paxos นี้ถูกผลิตออกมาในช่วงที่ USDT มีปัญหาในเรื่องความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับสินทรัพย์ค้ำประกัน

ด้วยความที่ Paxos เป็นองค์กรที่ได้รับการรับรองจาก NYDFS และเป็นที่รู้จักดีในวงการการเงินอยู่แล้วจึงถือโอกาสนี้ออกเหรียญ Stablecoin ของตัวเองมาเพื่อแก้ปัญหาความน่าเชื่อถือของ Stablecoin ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนั้น
Stablecoin ตัวไหนดี

จริงๆแล้วการเลือกซื้อ Stablecoin ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรครับ เนื่องจากตัวมันเองไม่ได้มีความผันผวนขึ้นลงของราคามากเท่า Cryptocurrency ตัวอื่นๆ เพราะถูกผูกมูลค่าไว้กับสินทรัพย์จริงๆ

เพราะฉะนั้นการจะเลือกซื้อมาเพื่อทำกำไรก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกจุดประสงค์มากนัก

หลักคิดสำหรับ Stablecoin ว่าจะเลือกตัวไหนดีคงจะต้องเลือกจากจุดประสงค์การใช้งานครับ

เช่น คุณอาจจะอยากซื้อ Stablecoin ไว้เพื่อเป็นแหล่งพักเงินก็อาจจะเชือกซื้อเหรียญที่องค์กรมีความน่าเชื่อถือ หรือได้รับการยอมรับใช้งานกันอย่างแพร่หลายในกระดานเทรดสากล  เพื่อความง่ายในการโยกเงินไปลงทุนในแหล่งต่างๆ

หรือถ้าระหว่างที่พักเงินจากการเทรด Cryptocurrency และคุณอยากให้เงินทำงานเพิ่มมูลค่า สร้างผลตอบแทนไปด้วยก็จะต้องนำเงินไปลงทุนในลักษณะ DeFi Staking,Yield Farming คุณก็ควรจะต้องตรวจสอบก่อนว่าผู้ให้บริการ Staking ที่คุณสะดวกใช้งานเค้ารับ Stake ด้วย Stablecoin สกุลไหนบ้าง ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ แล้วจึงเลือกซื้อ Stablecoin ตามที่ต้องการ

หรือถ้าคุณอยากจะซื้อเหรียญ Stablecoin ไว้สำหรับใช้งานกับ Dapp ก็ควรจะเลือกเหรียญที่ได้รับความนิยมในการใช้งานประเภทนี้
ข้อดี ข้อเสียของ Stablecoin
ข้อดีของ Stablecoin
ไร้พรหมแดน

เพราะสามารถแลกเปลี่ยนเงินกันได้สะดวกในทุกที่ ทุกประเทศ และยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกการเงินปัจจุบันกับโลกการเงินดิจิทัลอีกด้วย
ธุรกรรมมีความรวดเร็ว

เนื่องจากว่าการโอนเงินดิจิทัล ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการตรวจสอบเพราะธุรกรรมแต่ละอย่างจะถูกดำเนินการ,ตรวจสอบและบันทึกด้วยระบบ Blockchain โดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอตัวกลางมาตรวจสอบธุรกรรม รวมถึงประหยัดค่าธรรมเนียมไปได้อีกด้วย
โปร่งใส ตรวจสอบได้

ด้วยความที่ธุรกรรมของเหรียญดิจิทัลจะถูกดำเนินการและบันทึกไว้บน Blockchain ซึ่งเป็นระบบที่มนุษย์ไม่สามารถแทรกแซง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขข้อมูลได้ แถมยังเปิดให้ทุกคนสามารถตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างได้โดยเปิดเผย จึงทำให้ Stablecoin มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ตลอด
ข้อเสียของ Stablecoin

    ยังถูกตัวกลางควบคุมอยู่บางส่วน

    อย่างที่เราเห็นกันว่า Stablecoin บางประเภทถูกผูกมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ในโลกปัจจุบัน เช่นเงินสด ทองคำ และยังต้องใช้สินทรัพย์เหล่านั้นไปฝากไว้กับตัวกลาง ซึ่งก็ยังถือว่าตัวเหรียญสามารถโดยควบคุมได้จากตัวกลาง(Centralization)

    ต้องพึ่งพาการตรวจสอบจากบุคคลที่ 3 :

    ด้วยความที่ Stablecoin จะต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกันอย่างเช่นเงินสด เพราะฉะนั้นก็ยังจะต้องมีการพึ่งพาตัวกลางเข้ามาตรวจสอบและรับรองจำนวนสินทรัพย์ค้ำประกันว่ามีมูลค่าตามสมควรจริงๆ

    ซึ่งค่อนข้างจะขัดกับจุดประสงค์ของการสร้าง Crypto Currency ขึ้นมา เพราะจริงๆแล้ว Crypto currency ต้องการจะกำจัดตัวกลางทั้งหลายออกไปนั่นเอง

Stablecoin ถือเป็นกลไกหนึ่งที่ค่อนข้างมีความสำคัญอย่างมากในโลกของ CryptoCurrency เพราะช่วยแก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในแบบต่างๆ แต่ก็ยังพอจะมีข้อเสียและข้อควรระวังอยู่บ้าง

เชื่อว่าในอนาคต Stablecoin เหล่านี้น่าจะได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยน ซื้อขาย สินค้าและบริการต่างๆในชีวิตของเราอย่างแน่นอน และที่สำคัญคือสามารถทำธุรกรรมได้อย่างไร้พรหมแดน แถมไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง ซึ่งก็จะอำนวยความสะดวกให้ทุกๆคน และก็น่าจะส่งผลให้มีการใช้งานระบบ Blockchain ต่างๆเพิ่มมากขึ้นซึ่งมันก็จะมีผลต่อราคาของ Token ที่เกี่ยวข้องแน่ๆ

https://www.livewithoutpay.com/cryptocurrenc/cryptobasic/what-is-stabe-coin/

 
BINANCE เป็นแพลตฟอร์มที่มีควาเสถียรสูงมากและมีผู้ใช้งานหลากหลายจึงไม่แปลกที่ Binance จะกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดนิยมมากที่สุดในโลก ทั้งนี้หน้าเว็บไซต์ของ Binance ไม่มีให้เลือกเป็นภาษาไทยดังนั้นแล้วหากจะใช้งานกระดานเทรดผู้ที่ยังไม่เคยใช้งานกระดานเทรดเลยอาจจะต้องลองทำการศึกษาในระดับหนึ่ง
สนใจเทรดกับ BINANCE คลิ๊กได้เลย สมัครวันนี้รับค่าคอมมิชชั่น 5%



 



Create Date : 29 พฤษภาคม 2564
Last Update : 29 พฤษภาคม 2564 8:00:40 น.
Counter : 2425 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



งานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซด์แห่งนี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ
(พรายมงคล,เพลงมีนา,แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า)
แต่เพียงผู้เดียว ห้ามกระทำการดัดแปลง
แก้ไขหรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์จะนำข้อมูลดังกล่าว
ออกเผยแพร่ ตีพิมพ์ หรือ นำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง
noparut_h@hotmail.com
โทร.088-313-4475 / 086-228-4421
  •  Bloggang.com