อุทยานแห่งชาติเอราวัณ

มาพบกับสถานที่แรกที่อยู่ในเส้นทางการเดินทางกลับ กทม. ของเรากันค่ะ นั้นคือ "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" ที่นี้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติที่มีน้ำตกเอราวัณตั้งอยู่ ซึ่งน้้ำตกนี้มีความสูงทั้งสิ้น 7 ชั้น การเดินทางเข้าไปชมในแต่ละชั้นนั้นเป็นเส้นทางป่ามีช่วงแรกๆ เท่านั้นที่เป็นถนนลาดยาง แต่พอเดินไปได้สักพักก็จะเป็นทางเท้าที่เป็นดิน (ตามธรรมชาติ) เราดูข้อมูลเส้นทางเดินขึ้นน้ำตกและภาพน้ำตกในแต่ละชั้นนั้น ทำให้อยากเห็นตัวจริงๆ ของน้ำตกกันเลยที่เดียว แต่ติ๊กก็ยังไม่เปลี่ยนใจที่จะขึ้นไปถึงชั้น 7 น่ะ 

นี้ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจและการเดินขึ้นเขาที่เหนื่อยมากๆๆๆๆ (ครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้) ไม่ได้ฟิตร่างกายมาก่อนด้วย เราไปดูกันว่ากว่าที่เพื่อนสาวของเราจะเป็นผู้พิชิตน้ำตกเอราวัณชั้นที่ 7 ได้นั้น สภาพจะสะบักสะบอมขนาดไหน



จากที่เราออกตัวเดินมาอย่างหน้าระรื่นได้สักพัก ติ๊กก็เริ่มเหนื่อยแล้วตอนนั้นเราอยู่แค่ชั้น 2 ของน้ำตกเอง ติ๊กคิดที่จะหยุดเดินแค่ชั้น 3 พอแล้ว แต่เพื่อนสาวก็ยังไม่ลดละความตั้งใจที่จะขึ้นให้ถึงชั้นที่ 7 ยิ่งเดินก็ยิ่งหมดสภาพหาความสวยไม่เจอเลย (คนน่ะ) แต่ธรรมชาติรอบๆๆก็ยังคงสวยงามตลอดทาง แถมคุงพี่โอ๋ก็ไม่รู้กินกะไรมาคึกชะมัน ส่วนเพื่อสาวของเราก็ระรื่นอาสาเป็นตากล้องเอง กะคอยกระตุ้น กดดัน ให้เราขึ้นให้ถึงชั้น 7 ให้ได้ แต่ขอบอกแค่ชั้น 2 ติ๊กก็เหนื่อยแล้วรู้ตัวว่าคงไปต่อได้แค่ชั้น 3 เท่านั้น...


จากความพยายามของเพื่อนสาวทุกวิถีทางที่จะทำให้เรามาถึงชั้น 7 ของน้ำตกเอราวัณให้ได้นั้นในที่สุดหล่อนก็ทำสำเร็จ เรา 3 คน ขอย้ำ 3 คน นั้นหมายถึงติ๊กผู้ไม่คิดจะขึ้นมาก็กลายเป็นผู้พิชิตน้ำตกเอราวัณกะเค้าด้วย ...สุดยอด... ไม่อยากเชื่อว่าจะขึ้นมาถึงเพราะระหว่างทางถอดใจมาทุกชั้นที่ถึง ตลอดทางได้ยินแต่คำว่า "เอ้าเร็วเข้าอีกนิดนึงน้องติ๊กจะถึงแล้ว..สู้สู้" ทั้งที่จริงๆ แล้วติ๊กหายใจแทบจะไม่ทันอยู่แล้ว....

แต่ยังไงก็ต้องขอบใจเพื่อนสาวและคุงพี่โอ๋มากที่ลากมาถึงชั้น 7 จนได้ และติ๊กคิดว่าคงไม่ขึ้นมาบนอีกแล้ว หากใครอยากรู้ว่าทางขึ้นน้ำตกเอราวัณจะเมามันขนาดไหน..ก็ขอให้ลองมาสักครั้งหนึ่งก่อนอายุ 30 ปี ได้จะเป็นการดีม๊ากมาก

การเดินทางขึ้นน้ำตกเอราวัณ เป้าหมายของเราอยู่ที่ชั้น 7 นั้นในที่สุดเราก็มาถึงใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร (หลาย ชม. อยู่) ภาพแรกที่เห็น คือ น้ำตกสีขาวที่ไหลลงสู่เอ่งน้ำขนาดย่อมเยา โอ้....เล็กว่าที่คิดไว้เยอะมาก แต่ก็ดีใจที่มาถึงสักที่ เพื่อนสาวเราก็จะได้ไม่ต้องกดดันเราอีก ประมาณว่าชาตินี้หล่อนคงนอนนตายตาหลับแล้วที่ได้ขึ้นมาเห็นชั้น 7


เมื่อเล่นน้ำกันจนเบื่อแล้ว ก็ได้เวลาเดินกลับลงไปยังเบื้อล่างของน้ำตกแล้ว ที่นี้แหละเราก็จะได้เล่นน้ำตกกันทุกชั้นตั้งแต่ 1-6 กันที่เดียว (หากยังมีแรง) เอาให้เปื่อยกันไปข้างนึงเชียวแหละ ..สู้โว้ย..
 งานนี้ติ๊กกะพี่โอ๋ เล่นน้ำกันจนหมดแรงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องอำลาจากน้ำตกเอราวัณ เพื่อมุ่งสู้เป้าหมายต่อไป และเป็นสถานที่สุดท้ายของทริปนี้ นั้นคือ "ค่ายสุรสีห์" สถานที่ถ่ายทพหนังเรื่อง "สมเด็จพรนเรศวร" ซึ่งพี่โอ๋เป็นคนร้องขอมา หวังว่าจะได้เห็นเรือสำเภาของจริงกะเค้าบ้าง.....


เมื่อมีจุดเริ่มต้นก็ย่อมมีจุดสิ้นสุดเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันการเดินทาง กทม.-กาญจนบุรี ของเราก็มาถึงจุดสิ้นสุดกันแล้ว ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ แต่มันก็ไม่ใช้หมายถึงจุดจบของการเดินทางน่ะค่ะ เรายังคงเดินทางต่อไป แล้วครั้งหน้านั้นจะไปที่ไหน เดี๋ยวจะมารีวิวให้ดูกันอีกค่ะ โปรดติดตามชมตอนต่อไป กับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทย ที่ไม่ไปไม่รู้แน่นอน

บทสรุปของการเดินทาง กทม.-กาญจนบุรี
การเดินทาง กทม.-กาญจนบุรี
ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
ผู้ร่วมเดินทาง ติ๊ก จิ๋ว พี่โอ๋
กติการการเดินทางแวะทุกที่ที่สามารถ กินทุกอย่างที่อยากกิน และเต็ม 100 กับการเดินทาง
ข้อห้ามห้ามเรื่องมาก
พาหนะคู่ใจ รถ Ford Fiesta ของเพื่อนจิ๋ว
สถานที่พักบ้านห้วยอู่ล่องรีสอร์ท 2 คืน
สรุปที่เที่ยวน้ำตกไทรโยกใหญ่ พุน้ำร้อนหินดาด บ้านห้วยอู่ล่อง ตลาดเช้าทองผาภูมิ เขื่อนวชิราลงกรณ์ หมู่บ้านปิล๊อก น้ำตกเอราวัณ และสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง "สมเด็จพระนเรศวร" (ค่ายสุรสีห์) รวม 9 ที่
ค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่าง 7,800 บาท/ 3 คน (ไม่รวมเครื่องดื่ม 1 ลัง)
ความประทับใจทุกสถานที่ที่แวชม เพื่อนร่วมการเดินทางที่แสนดี
ความคาดหวังเจอกันแน่ กาญจนบุรี ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะที่อยากไป
ขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เกิน 100 จริงๆ คุ้มที่สูดที่สุด