Group Blog |
หลวงพระบาง @ลาว หลวงพระบาง นครหลวงเก่าแห่งเมืองลาว ...ทริปท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็ค จัดเต็ม 5 วันของการเดินทางใช้ชีวิตในต่างแดน ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว... สวัสดีเพื่อนๆ ชาวบล็อกแก้งทุกคน วันนี้ติีกภูมิใจนำเสนอทริปเล็กๆ ที่ได้มีโอกาสไปหาประสบการณ์ชีวิตมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 54 มาเล่าสู่กันฟัง หลักจากที่ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานพอสมควร ทริปนี้เป็นทริปที่ได้รับอนิสงผลบุญจากการทำงานเหนื่อยมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมากับการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่ต้องแข่งกับน้ำที่กำลังท่วม แบบว่าชีพจรลงเท้ากันเลยที่เดียว จึงขออนุมัติหัวหน้าที่น่ารักทุกท่านไปเที่ยวหลวงพระบางต่อจากทริปการลงพื้นที่สุดท้ายคือที่อุดรฯ พอดี ซึ่งก็หัวหน้าก็ไม่ทำให้เราผิดหวังอนุมัติให้ไปได้ 5 วันแต่ต้องกลับมาประชุมนี้จิ (คุ้มกันมั้ย) ในการเดินทางครั้งนี้ได้รับประสบการณ์ในหลายๆ และเป็นการเปิดโลกทัศน์ และพื้นที่หัดถ่ายรูปใหม่ของชีวิตการเดินทางในครั้งนี้เป้าหมายของเราอยู่ที่เมืองหลวงพระบาง นครหลวง แห่งเมืองลาวในอดีต ที่ใครๆ หลายคนรู้จักดีผ่านหนังเรื่อง "สบายดีหลวงพระบาง" จนทำให้ใครหลงไหลในความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมของเมืองนี้ จนอยากจะไปให้สัมผัสด้วยตังเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต หรือใครที่เคยไปมาแล้วอยากจะกลับมาใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน ซึ่งติ๊กก็เป็นคนหนึ่งที่อยากกลับมาที่เมืองแห่งนี้อีกครั้ง..... กำหนดการของการเดินทาง อุดรธานี-หลวงพระบาง ระยะเวลารวม 5 วัน ผู้ร่วมเดินทาง พี่แอ๊ด กับ ติ๊ก เป้าหมาย หลวงพระบาง และ วังเวียง ณ ลาว ภายใน 5 วัน (รวมเดินทาง) กำหนดการ วันที่ 1 ออกเดินทางจากขนส่งอุดรธานี มุ่งสู่เวียงจันทร์ เพื่อต่อรถ VIP ไปเช้าที่หลวงพระบาง ค้างคืนที่หลวงพระบาง วันที่ 2 เที่ยวชื่มชมวัดและความเป็นอยู่ของคนหลวงพระบาง (วัดเชียงทอง วัดใหม่สุวรรณภูมาราม วัดวิชุลนราช วัดป่าโพนเพา และวัดพระบาทใต้) ค้างคืนที่หลวงพระบาง วันที่ 3 เที่ยวชื่นชมธรรมชาติของหลวงพระบาง (น้ำตกตาดแส่ และน้ำตกตาดกวางสี) ค้างคืนที่หลวงพระบาง วันที่ 4 เดินทางออกจากหลวงพระบางสู่วังเวียงชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามและอากาศที่สดยื่นยามเช้า (ถ่ำจัง) ค้างคืนที่วังเวียง วันที่ 5 เดินทางออกจากวังเวียงสู่เวียงจันทร์เพื่อกลับอุดรฯ และขึ้นเครื่องเที่ยว 20.30 น. กลับสู่ กทม. (จบ) เช้าวันแรกของการเดินทางตื่นมาตั้งแต่ 05.30 น. ตารางเที่ยวรถโดยสาร อุดรฯ-เวียงจันทร์ และ เวียงจันทร์ -อุดรฯ มีวันละ 6 เที่ยว คือ 08.30 น. 10.30 น. 11.30 น. 14.00 น. 16.00 น. 18.00 น. การเดินทางไปลาวนั้นไม่ต้องใช้ Visa ใช้แค่ passport เท่านั้นพอเราขึ้นรถเด็กรถก็ยื่นใบผ่านแดนทั้งของลาวและไทยให้เขียนล่วงหน้า เพราะเราต้องใช้ยื่นที่ด่านโดยต้องลงรถไปยื่นพร้อมกับ passport ตรงด่าน ตม. ที่หนองคายฝั่งไทย แล้วก็กลับมาขึ้นรถข้ามแม่น้ำโขงไปยังฝั่งลาวแล้วเราก็ต้องลงยื่นอีก 1 รอบ และต้องจ่ายค่าล่วงเวลาอีกคนละ 40 บาท ซึ่งงานนี้พี่แอ้ดไม่ต้องจ่ายเพราะถือ passport ราชการยกเว้นค่าธรรมเนียม ประหยัดไป 40 บาทแล้วก็กลับมาขึ้นรถนั่งต่อไปเวียงจันทร์ ซึ่งเรามาถึงเวียงจันทร์ก็ 10.30 น. แล้ว และกะว่าจะเที่ยวที่ประตูชัยก่อนไปหลวงพระบางรถ VIP รอบ 18.00 น. เพื่อไปเช้าที่หลวงพระบาง แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเพราะจู่ๆๆ ฝนตกหนักอย่างไม่ทันตั้งตัว รวมกับมีคนมาชวนให้เราไปหลวงพระบางกับรถตู้แถวนั้นซึ่งอันนี้ไม่ได้เตรียมข้อมูลการเดินทางกับรถตู้มาเลย เขาเสนอราคาคนละ 600 บาทจากเวียงจันทร์-หลวงพระบาง แต่อาจจะถึงประมาณ 20.00 น. เราก็ลังเลอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจเสี่ยงดวงเอาไปกับรถตู้โดยในรถตู้มีนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวชาวจีน 2 คนไปกะเราด้วย เราออกเดินทางจากเวียงจันทร์ 11.00 น. โดยลุงบุญจันทร์ เจ้าของรถตู้เป็นโชเฟอร์ ขอแนะนำบุคคลสำคัญของการเดินทาง ลุงบุญจันทร์ โชเฟอร์รถตู้ที่พาเราไปส่งยังจุดหมายปลายทาง คุณลุงเป็นคนเวียงจันทร์ พูดภาษาลาวได้เร็วมาก และสามารถฟังภาษาไทยได้ ส่วนภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย เป้นคนคุยสนุก อัธยาศัยดี มีเรื่องเล่าขำๆๆตลอดทางทำให้การเดินทางในครั้งนี้ไม่น่าเบื่อ ส่วนฝีมือการขับรถไม่ต้องพูดถึงขั้นเทพถูกใจวัยรุ่นมากเหยียบมิดตลอด เข้าโค้งไม่ต้องเหยียบเบลค ดิ๊บลงเขาได้ทุกโค้งไม่มีหลุด ใครสนใจติดต่อได้ที่ 020-55030981 รับวิ่งทั่วราชอาณาจักรลาวค่ะ ระหว่างเส้นทางติ๊กก็โม้ไปเรื่อยกับลุงเค้า หรือเรียกอีกอย่างว่าชวนลุงคุยเพื่อฆ่าเวลานั้นเอง แต่ลุงเขาก็แวะหาแขกระหว่างทางไปเรื่อยๆ เพื่อให้คุ้มกับค่าน้ำมันที่จะไปหลวงพระบาง เพราะตอนนี้ในรถมีสมาชิกแล้ว 4 คน และแล้วก็ไปด้ฝรั่งเพิ่มมาอีก 1 คน ซึ่งเขาจะติดรถไปลงแค่วังเวียง ใช้เวลา 3 ชม. เพราะขณะนี้เป็นเวลา 14.30 น. เราก็มาถึงวังเวียงแบบหิวโซ เพราะยังไม่ได้กินอะไรกันเลย แต่กลับกลายเป็นว่าแขกชาวจีนเปลี่ยนใจลงที่วังเวียงซะงั้น ไม่ไปหลวงพระบางแล้ว ทำให้เหลือแค่ติ๊กกับพี่แอ้ดเท่านั้นที่ไปหลวงพระบาง ลุงบุญจันทร์เลยโทรหาแขกเพิ่มและก็ได้แขกคนไทยอีก 2 คนที่มากับรถตู้อีกคันที่ขับตามกันมาซึ่งเขาให้รอที่วังเวียง เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาระหว่างรอลุงเค้าก็พาเราไปกินข้าวและให้เราเที่ยวชมวังเวียงก่อนจะมาพักจริงในวันที่ 4 แต่รู้มั้ยว่ารอตั้ง 3 ชม. เชียวน่ะว่ารถตู้อีกคันจะมาถึง เราออกจากวังเวียงก็ 17.30 น. แล้ว งานนี้ดึกแน่นอนกว่าจะถึงเวียงจันทร์ ส่วนเรื่องของเส้นทางไม่ต้องห่วงสุดยอดหาแบบนี้ไม่ได้แน่นอนที่ประเทศไทย ประมาณว่าท้องใส้สะเทือนมากองรวมกันสุดจะบรรยาย ต้องมาลองด้วยตัวเองแบบว่าหลับไม่ลง ขอแนะนำบุคคลสำคัญของการเดินทาง พี่ตั้มและเพื่อนสาว แขกคนไทยที่เรารอคอยไปหลวงพระบางด้วยกัน ซึ่งเป็นผู้จัดทำเว็บไซต์นำเที่ยวหลวงพระบางที่เชื่อได้ว่าใครหลายๆที่หาข้อมูลเกี่ยวกับหลวงพระบาง 99.99% ต้องเข้าไปหาข้อมูลจากเว็บนี้ซึ่งหมายถึงติ๊กด้วย คือ https://www.louangprabang.net ซึ่งเป็นความบังเอินมากๆๆ ที่ได้เจอพี่เค้าค่ะ และถือได้ว่าพี่ตั้มเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ติ๊กหาที่พักเจอโดยสวัสดิภาพต้องขอขอบพระคุณมากค่ะ ติ๊กมาถึงที่พักตอนเที่ยวคืนซึ่งมาถึงก่อนกำหนดเดิมจากที่ต้องมาถึงตอนเช้าทำให้ต้องบวกเพิ่มที่พักไปอีก 1 คืนจากที่จองไว้แค่ 2 คืน แต่โคชดีที่คืนนั้นมีห้องว่างพอดี มาถึงเราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็อาบน้ำนอนกันเลยที่เดียว ราคาที่พัก ห้องแอร์ 2 คน 110,000 กีบ/ห้อง/คืน ห้องพัดลม 2 คน 70,000 กีบ/ห้อง/คืน ขอแนะนำบุคคลสำคัญของการเดินทาง คุณลุงและคุณป้า เจ้าของ Oudomphong Guest House 2 เจ้าบ้านที่แสนใจดีและคอยดูแลต้อนรับเป็นอย่างดี ประมาณว่ารู้จักกันมานานแสนนาน และได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวดีดีของไทย-ลาว ทำให้ติ๊กเรียนรู้เรื่องราวของหลวงพระบางอีกมากมาย และทำให้อยากกลับมาที่นี้อีกครั้ง หากใครต้องการที่พักที่แสนอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนกับอยู่บ้านตัวเองละก็ติดต่อได้ที่ 020-55612603 หรือ e-mail: phongsavay@yahoo.com เพื่อสอบถามข้อมูลหรือติดต่อจองที่พักได้ค่ะ การตักบาตข้าวเหนียวครั้งแรกในชีวิต @หลวงพระบาง เช้าวันที่สองของการเดินทางตื่นมาตั้งแต่ 05.30 น. คุณป้าชวนไปตักบาตข้าวเหนียวตั้งแต่เช้าค่ะ คุณป้าเตรียมข้าวเหนียวให้คนละ 1 กระติป กับพี่แอ้ด พระจากวัดต่างๆ ในหลวงพระบางจะออกมาเดินบิณฑบาตตามถนนหลักหน้าตลาดเช้าตอน 06.00 น. ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ต้องการตักบาตต้องออกมาเตรียมตัวรอพระเดินมากันล่วงหน้า นานมากแล้วที่ไม่ได้ตื่นเช้าบวกกับการนั่งรถมาทั้งวันของเมื่อวานร่างการเลยยังไม่ตื่นแต่ใจนั้นตื่นมาตักบาตแล้ว (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยค่ะ แต่บรรยากาศสวยมาก) อากาศยามเช้า หมอกลงนิดหน่อย อุณภูมิประมาณ 20 องศา เห็นจะได้มันน่านอนสุดๆ เป็นเช้าที่เงียบสงบได้ยินเสียงนกเสียงกาในเมืองด้วย หลังจากตักบาตยามเช้าเสร็จก็กลับมานอนต่อที่บ้านพักตอนเดินกลับมามองไปเห็นมีตลาดอยู่ตรงข้ามกับซอยบ้านพักด้วยแต่ร่างกายต้องการการพักผ่อนจึงขอบายไปนอนก่อนกะตื่นแล้วค่อยออกมาหาไรกินที่ตลาด ตื่นรอบ 2 ของวัน ตื่นมาอีกทีก็ 9 โมงเช้าแล้ว กว่าอาบน้ำเสร็จก็ 10 โมง ตั้งใจจะออกมาหาไรกินที่ตลาดหน้าปากซอยเมื่อเช้าก็ต้องผิดหวังเพราะแม่ค้าเก็บของกลับบ้านไปหมดแล้ว อดเลยเรากลับบ้านมาถามคุณป้าแกบอกว่ามันเป็นตลาดเช้าจะเริ่มขายตั้งแต่ 06.00-09.00 น. เอง เพราะมันเป็นแค่ตลาดเช้า (เสียใจ) เช้านี้เลยต้องหาขนมปังที่บ้านพักกินรองท้อง เราเลยขอเช่ารถจักรยานของลุงกับป้าไปปั่นรอบเมืองหลวงพระบางกันกับพี่แอ้ด ออกสายแล้วแดดเริ่มออกมาค่อนข้างร้อนในวันนี้ มาดูภาพความประทับใจของนครหลวงพระบางระหว่างเส้นทางการปั่นจักยานกันค่ะ ก่อนที่จะพาชมความงามของวัดวาอารามแห่งหลวงพระบางกันต่อค่ะ มาชมความงานของวัดลาวกันต่อดีกว่าค่ะ ปั่นจักรยานรอบเมืองหลวงพระบางสองฝากฝั่งถนนเต็มไปด้วยวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นตามเอกลักษณ์ของแต่ละวัดอย่างชัดเจน และตั้งอยู่ไม่ห่างจากกันมากเท่าไหร่ เราถึงใช้เวลาไม่นานมากในการเดินทางไปในแต่ละวัด วันนี้เราใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปั่นจักรยานรอบเมืองหลวงพระบางกับการแวะชมวัดต่างๆ ตามเส้นทางที่ผ่านก็หมดวันพอดี ปั่นกลับมาอีกครั้งเขาก็ปิดถนนแล้วเพื่อเปิดตลาดไนท์ หรือถนนคนเดินที่เชียงใหม่บ้านเรา หรือที่คนที่นี้เขาเรียกว่า "ตลาดกลางคืน" เราก็เลยกลับที่พักเพื่อเอารถไปเก็บและกลับมาเดินตลาดกลางคืนต่อว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เที่ยวมาทั้งวันก่อนกลับบ้านพักเราตบท้ายด้วยอาหารค่ำแบบจัดหนัก จัดเต็ม เลยไปฝากท้องที่ร้านโจมา (ฝากท้องทุกมื้อทุกวัน) จบแล้วกับวันที่สองของการเดินทาง... หลังจากเดินหาของกินเป็นมื้อเช้าและชมบรรยากาศตลาดนัดแบบบ้านๆ แล้ว ก็เดินเพลินจนเกือบจะ 10 โมงแล้ว ก็กลับมาเอาของที่บ้านพักและสอบถามข้อมูลการเดินทางไปน้ำตกกันกับคุณลุง-คุณป้า ที่บ้านพัก ....วันนี้เป็นวันที่เราตั้งใจจะเดินทางไปเที่ยวน้ำตกชื่อดังของหลวงพระบางกันใครที่มาหลวงพระบางแล้วไม่มาชมความงามของน้ำตกแห่งนี้ก็แสดงว่ายังมาไม่ถึงเหมือนกัน เพราะถ้าพูดถึงการเที่ยวน้ำตกของที่หลวงพระบางทุกคนก็ต้องพูดชื่อ "น้ำตกตาดแส้" เป็นชื่อแรกเสมอ และจุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือ จะมีน้ำไหลตลอดปี และน้ำตกจะไหลตกเป็นชั้นๆ ลาดลงสู่แม่น้ำคานปลายทางของสายน้ำ และมีกิจกรรมท้าทายความเสียวใส้ด้วยการโหนเชือกและนั่งช้างชมความงามของธรรมชาติสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย เสน่ห์กเดินทางไปยังน้ำตกตากแส้ น้ำตกตาดกวางสีก็เป็น 1 ในน้ำตกที่มีชื่อเสียงของหลวงพระบาง ที่ใครๆ หลายคนชื่นชอบและหลงไหลในความใหญ่โตและสูงชันของมัน และจะต้องมายืนถ่ายรูปบนสะพานไม้ที่ทอดตัวผ่านด้านหน้าของน้ำตกแห่งนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เกิดน้ำหลากจนทำให้ตัวสะพานไม้หักทำให้ไปครั้งนี้ติ๊กไม่เห็นสะพานไม้แล้ว เห็นแต่ไม้กระดาน 2 แผน ที่พาดต่อกันเป้นทางเดินแก้ขัดเท่านั้นเอง และตอนที่มานั้นน้ำตกแห่งนี้เพิ่มมีน้ำป่าหลากไปเลยทำให้ยังเห็นพื้นดินและหินเป็นสีแดงๆ แต่น้ำยังใสเหมือนเดิม หลังจากชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติของน้ำตกตาดกวางสีแล้วก็ได้เวลาหาอะไรกินก่อนกลับเข้าหลวงพระบางอีกครั้ง ใครที่มาที่นี้ไม่ต้องกลัวน่ะค่ะหาของกินง่านเพราะมีร้านอาหารและร้านขายของอยู่ บรรยากาศก็เหมือนๆ กับพวกสถานที่ท่องเที่ยวน้ำตกในไทยนั้นแหละค่ะ หลังจากหาของกินอิ่มแล้วก็เดินทางกลับถึงหลวงพระบางก็ประมาณ 16.00 น. ค่ะ ก็เลยให้รถไปส่งที่ "วัดพระธาตุพูสี" การเดินขึ้นบันได 328 ขั้น เพื่อ??? หลังจากขึ้นบันไดมา 328 ขั้น นั้นคุ้มค่ามากจริงๆ เพราะวิวและบรรยากาศที่ได้พบเจอนั้นสวยงามมาก ที่สำคัญเราจะได้เห็นเมืองหลวงพระบางจากมุมสูงแบบ 360 องศา เลยทีเดียวคุ้มสุดๆ หายเหนื่อยเลยทีเดียว บอกเลยใครที่มาเที่ยวหลวงพระบางต้องห้ามพลาดมาเที่ยวชมวัดพระธาตุพูสีแห่งนี้น่ะค่ะ ... และวันนี้ก็จบทริปของวันอย่างสวยงาม in สุดๆ ไปด้วยการนั่งดูพระอาทิตย์ตก และก็จบที่ร้าน Joma เช่นเดิม เช้าวันที่สี่ของการเดินทางตื่นมาตั้งแต่ 06.00 น. วันนี้ตื่นแต่เช้าเพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับแล้วค่ะ วันนี้คุณป้าเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ ไว้ให้กินรองท้องค่ะ และวันนี้เรานัดกับลุงบุญจันทร์เจ้าเก่า (คนที่พาเรามาส่งที่หลวงพระบาง) แกมารับที่บ้านพักตอน 07.30 น. พอดีแกมีลูกค้าจ้างให้มาส่งที่หลวงพระบางขากลับแกเลยแวะมารับเรา 2 คน กลับด้วยกัน เพื่อเดินทางไปยังวังเวียงต่อค่ะ จริงๆ แล้วทริปนี้ติ๊กกับพี่แอ้ดไม่มีแพลนจะพักที่วังเวียงค่ะตั้งใจว่าจะมาหลวงพระบางทั้ง 5 วันเลย แต่ตอนขามาลุงบุญจันทร์แกเสนอว่าไหนๆ มาแล้วต้องค้างคืนที่วังเวียงสัก 1 คืนด้วยถึงจะคุม แกเลยเสนอแผนให้ว่านอนหลวงพระบาง 2 คืน แล้วคืนที่ 3 ให้มานอนที่วังเวียงและเที่ยววังเวียงอีก 1 วัน ค่อยกลับเวียงจันทร์เพื่อต่อรถไปอุดรฯ ตามแผนเดิม เราออกเดินทางจาก หลวงพระบาง ก็เกือบๆ 08.00 น. แล้วถึงที่วังเวียง ก็ประมาณ 15.00 น. แบบว่าขับมาเรื่อยๆ มีแวะข้างทางให่ลงชมวิวบ้าง แต่ดีที่ช่วงที่ติ๊กไปเที่ยวลาวนั้นไม่ใช่ช่วง hi sessions ของวังเวียงเท่าไหร่เพราะเป็นช่วงปลายฝน-ต้นหนาว คนยังไม่เยอะ ที่พักเลยยังพอหาได้แต่ลุงบุญจันทร์ก็พาไปส่งย่านที่พักให้เราเลือกหาเอา ติ๊กได้ที่พักที่ไม่ได้ติดแม่น้ำซอง เลยราคาถูกตีเงินไทยคือนนึงประมาณ 500 บาท เองค่ะพัก 2 คน มีอาหารเช้าเป็นขนมปัง-กาแฟ รองท้องเบาๆ แล้วก็เช่าจักรยานปั่นชมวังเวียงอีก บรรยากาศเมืองนี้ก็เงียบสงบดีค่ะ และเมืองนี้ยังได้สมยานามว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองลาวอีกค่ะ ตกกลางคืนเราก็มาเดินหาอะไรกินที่ตลาดกลางคืนของวังเวียงเพื่อไปกินโรตี อันนี้หารีวิวมาจากในเน็ตเขาว่ามาถึงวังเวียงต้องไปหากินโรตี แต่ก็อร่อยดีค่ะคุ้มราคา แต่รอบๆ ตลาดจะมรบาร์เหล้าเยอะมากน่านั่งหลายร้าน เดินตลาดนี้แล้วมีความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ที่ถนนข้าวสารบ้านเราเลยค่ะ มีฝรั่งมานั่งที่บาร์เยอะมาก มากกว่าที่หลวงพระบางอีกค่ะ หลังจากอิ่มกันแล้วเราก็กลับเข้าที่พัก หลับฝันดี....ราตรีสวัสดิ์ เช้าของวันที่ห้า ณ วังเวียง เช้านี้เราตื่นแบบไม่เร่งรีบค่ะ เพราะนัดลุงบุญจันทร์มารับที่วังเวียงตอน 09.00 น. เราหาข้าวเช้าทานที่โรงแรมแบบเบาๆ เหมือนเดิมจากนั้นเราก็เดินทางไปรอลุงบุญจันทร์ที่ตลาดวังเวียง ลุงแกตรงเวลาค่ะ 09.00 น. เปะแกถึง แล้วเราก็เดินทางออกจากวังเวียง-เวียงจันทร์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เรามาถึงสถานีขนส่งเวียงจันทร์ เพื่อขึ้นรถกลับอุดรฯ ก็ประมาณบ่ายกว่าๆ ค่ะ แล้วเราก็ขึ้นรถทัวรอบ 14.00 น. กลับอุดรฯ เลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงขนส่งอุดรฯ แล้วเราก็เรียกรถไปส่งที่สนามบินอุดรฯ เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับดอนเมืองตอน 20.30 น. และซื้อของฝากที่สนามบินกันค่ะ เรามาถึงสนามบินเร็วเลยได้มีเวลาพักที่สนามบิน ทริปนี้เป็นทริปที่วางแผนการเดินทางได้เปะมากค่ะไม่รีบร้อนเลย สะบายๆ อาจจะเพราะว่าเรามีลุงญุญจันทร์เป็นโชเฟอร์ให้ตลอดทั้งทริปเลยที่ลาว (ความโชคดี) และก็ไม่เจอปัญหาอุปสรรค์อะไรระหว่างการเดินทาง นอกเหนือจากเรื่องอาหารการกินที่ไม่ถูกปากอย่างที่คิด (ตั้งใจจะกินอาหารแบบชาวลาวกิน ไม่เน้นกินร้านอาหารหรือโรงแรม เน้นกินข้างทาง) บอกเลยอาหารไทยอร่อยที่สุดในโลก.... เดินทางกลับถึง กทม. โดยสวัสดิภาพค่ะ ผู้ใหญ่ใจดีที่สนับสนุน pocket money เที่ยวตลอดทริป 20,000 บาท (ทั้งทริปใช้ไป 9,000 บาท/ 2 คน ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กทม-อุดรฯ และค่าที่พักที่อุดร) ลุงบุญจันทร์ โชเฟอร์บริการรับส่งในลาวตลอดทริป พี่ตั้ม จาก www.louangprabang.net ที่ใจดีพาเราไปส่งที่บ้านพัก @หลวงพระบาง คุณลุง+ป้า เจ้าของ Oudomphong Guest House 2 @หลวงพระบาง ที่พักต่างแดนที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเองและคอยดูแลเป็นห่วงตลอดที่พักอยู่ที่บ้าน ขอจบทริปอุดรธานี-หลวงพระบาง ไว้เท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามบันทึกท่องเที่ยว 5 วันเล็กๆ ของติ๊ก หวังว่าจะมีประโยชน์กับใครที่กำลังมีแพลนเที่ยวน่ะค่ะ เจอกันทริปหน้าค่ะ ติดตามด้วยจร้า โดย: Kavanich96 วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:9:08:04 น.
โดย: sangkoe วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:13:52:56 น.
|
sangkoe
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] สวัสดีค่ะ ชื่อ "TukTik" น่ะค่ะ เป็นคนชอบเที่ยวไปในหลากหลายสถานที่ สร้าง Blog นี้ขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์และสถานที่ต่างๆ ที่ได้ไปมา หวังว่าเพื่อนๆ ชาว Bloggang จะชอบกันน่ะค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน Blog และสามารถติชมหรือให้ข้อเสนอแนะได้น่ะค่ะ |