ชวนทำความรู้จักกับข่า สมุนไพรคู่บ้านประดับสวน“ข่า” เป็นอีกสมุนไพรชนิดหนึ่งที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของคนไทยมาอย่างช้านาน หลายคนรู้จักข่าในรูปแบบต้นหรือการที่นำมาประกอบอาหาร แต่วันนี้นักเขียนจะพาคุณไปรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้นอกจากจะสามารถนำไปประกอบอาหารได้แล้ว ยังสามารถนำไปทำเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณเพื่อนำไปรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ซึ่งมากสรรพคุณจนสามารถนำไปประดับสวนได้เลยทีเดียวค่ะ1.ทำความรู้จักกับข่าข่าลักษณะลำต้นที่อยู่ใต้ดิน หรือ ที่เรียกกันว่าเหง้านั่นเองค่ะผลมีสีเหลืองอมน้ำตาลลำต้นสีเขียวมีความสูงประมาณ 50-70 เซนติเมตร และที่สำคัญคือผลมีข้อและปล้องอย่างชัดเจนเลยค่ะ โดยจัดเป็นพืชล้มลุกที่ได้รับอิทธิพลและการเพาะปลูกมาจากทางภาคเหนือ ในปัจจุบันสมุนไพรชนิดนี้ได้กระจายไปทั่วทุกภาคในประเทศไทย เพราะสรรพคุณที่หลากหลายจึงทำให้เป็นที่นิยมในการเพาะปลูก2.สรรพคุณของข่าโดยข่ามีสรรพคุณที่เห็นได้อย่างชัดเจนและนิยมนำไปประกอบอาหารคู่กับ ตะไคร้ ใบมะกรูด เพื่อเป็นเครื่องแกงหรือเครื่องเทศในการตำน้ำพริก ต้มข่าไก่ หรือ ในการปรุงต้มยำนั่นเองค่ะ เพราะกลิ่นหอมของข่านั้นเป็นเอกลักษณ์เลยล่ะค่ะ หลายคนจึงนิยมนำสมุนไพรชนิดนี้ไปประกอบอาหารเป็นหลักส่วนในด้านของยารักษาโรคก็สามารถนำไปทำได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคหืดหอบ บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ กรดในกระเพาะอาหาร ขับเสมหะ บำรุงโลหิต ปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้สมบูรณ์ เป็นต้น ซึ่งคุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าข่าเป็นสมุนไพรนานาสรรพคุณเลยทีเดียว3.วิธีการปลูกข่าข่านั้นมีวิธีการปลูกที่ไม่ยากและมีขั้นตอนในการปลูกที่ง่าย เพียงคุณนำพันธุ์ข่าที่คุณต้องการจะปลูก เช่น ข่าแดง ข่าเหลือง โดยเลือกผลที่แก่มีตาดอก เพื่อที่คุณจะได้สามารถนำข่าไปปลูกลงในดินได้เลย เพื่อที่พันธุ์ไม้จะได้แตกหน่อและเจริญเติบโตต่อไป ข่าจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีน้ำขังเป็นจำนวนมาก หรือ ที่ชื้น โดยคุณจะสามารถปลูกในกระถางทั่วไปหรือพื้นที่โล่งที่ต้องการจะปลูกก็ได้หลังจากที่คุณปลูกข่าเสร็จแล้วให้คุณหมั่นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอประมาณ 15-20วัน ข่าก็จะเจริญเติบโตได้มากขึ้น “ข่า” สมุนไพรดีมีประโยชน์ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านาน ซึ่งเป็นพืชพันธุ์ที่อุดมไปด้วยประโยชน์และสรรพคุณอย่างมากมายที่รอให้คุณได้นำไปใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร หรือ การนำไปทำเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณ ก็สามารถนำไปทำได้อย่างง่ายดายและมีกลิ่นที่หอมพร้อมกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ในความเผ็ดร้อนแรง ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับการนำไปปลูกเพื่อเป็นสมุนไพรคู่บ้านอย่างยิ่งขอบคุณภาพถ่ายทั้งหมดจาก Pixabay