HONEY MOON
space
space
space
 
พฤศจิกายน 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
4 พฤศจิกายน 2558
space
space
space

สองหัวใจนี้เพื่อเธอ ตอนที่ 7

ด้วยคำพูดของธรรณธรที่ว่าเราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ทำให้เกวลินต้องโวยว่าใครไปตกลงกับเขา เขาทำแบบนี้ทำไม และบอกยุ้ยอย่าไปเชื่อ ธรรณธรเสียงอ่อย “ก็...ผมขี้เกียจเสียเวลา”

เกวลินอายสุดๆหยิกแขนเขาเต็มแรงแล้ววิ่งหนี ยุ้ยรีบวิ่งตามปล่อยธรรณธรยืนเจ็บงงๆว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน

เย็นวันนั้น กรณ์ใช้มือถือถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกแล้วส่งไลน์ไปให้แชมเปญ เธอกำลังนั่งเซ็งอยู่ที่ระเบียงห้อง เห็นภาพที่กรณ์ส่งมาจึงพิมพ์ถามกลับไปว่า อยู่ทะเลหรือ ภาพสวยมาก...เขาพิมพ์กลับมาว่า อยากนั่งดูพระอาทิตย์ตกกับเธอ แชมเปญอ่านแล้วอมยิ้ม ยกมือถือขึ้นถ่ายพระอาทิตย์ตกส่งกลับไปให้กรณ์ พร้อมข้อความ “นี่ไง ฉันก็กำลังนั่งดูเป็นเพื่อนคุณอยู่”

กรณ์ยิ้มหน้าบานส่งข้อความมาให้เธอว่า “สักวันเราคงได้นั่งดูอยู่ด้วยกัน”

อนิมาผ่านมาเห็น ถามเขาทำอะไรอยู่ เขาสะดุ้งส่งสติกเกอร์ผิดรูปกลับไป รีบแก้ไขส่งใหม่แล้วโวยอนิมาที่ทำให้ตกใจ อนิมาล้อว่าหลอกจีบสาวอยู่ใช่ไหม กรณ์หงุดหงิดเลี่ยงหนี

ธัญญาเข้ามาหาแชมเปญในห้อง เห็นเธอยิ้มแย้มจึงถามถึงธรรณธรว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง แชมเปญวางมือถือถอนใจบอกแม่ตามตรงว่าเราเป็นเพื่อนกัน เขาไม่ได้รักตน ธัญญาหนักใจ

“พ่อมาคุยกับแม่ ว่าถ้าหนูกับธรรณไม่ได้เป็นอะไรกันซักที พ่อก็จะถอนหุ้นออกจากบริษัทของธรรณ เพราะมีข่าวเสียๆหายๆ พ่อคิดว่าถ้าอยู่ต่อก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น สู้ถอนเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า ลูกจะว่ายังไง”

“หนูจะว่าอะไรได้ล่ะคะ พ่อเคยฟังหนูเหรอ แต่ก็ต้องบอกธรรณไว้เนิ่นๆ ธรรณจะได้เตรียมตัว”

ธัญญาคุยด้วยอีกเรื่อง ชวนไปเยี่ยมทะนงเพราะเขาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลประสาทแล้ว เห็นว่าอาการกำเริบ แชมเปญรับคำเซ็งๆ....

ค่ำนั้นพออยู่ลำพังในห้อง ยุ้ยก็ซักไซ้เกวลินเรื่องที่โดนธรรณธรจูบ ตกลงเป็นแฟนกันแล้วจริงๆใช่ไหม เธอปฏิเสธพัลวันว่าไม่ได้ตกลงอะไรกับเขา ยุ้ยติงผู้ชายเพอร์เฟกต์ขนาดนั้น ทำไมไม่ตกลงด้วย เกวลินบ่น “นิสัยแย่จะตาย เอาแต่ใจ ขี้โมโห เพอร์เฟกต์ตรงไหน แกอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะ เจ็บใจจริงๆเลย ฉันต้องเอาคืนเขาบ้าง...คอยดู”

ยุ้ยถามจะจูบเขากลับหรือ เกวลินหน้าแดงไล่ตีเพื่อนด้วยความอาย...

รุ่งเช้าทุกคนทยอยขนกระเป๋ากลับ ยุ้ยกับเพื่อนบ่นเสียดายยังเที่ยวไม่หนำใจ เกวลินดึงปู่ให้ไปขอโทษ ธรรณธร เขาอิดออดกว่าจะยอมกล่าวคำขอโทษ ธรรณธร บอกไม่เป็นไร ทีหลังอย่าเล่นแผลงๆอย่างนี้อีก ปู่ย้อนทีหลังก็ทำตัวให้มันน่าหมั่นไส้น้อยๆลงหน่อย เกวลินเอ็ด ธรรณธรปรามให้พอแล้วชวนกลับ ปู่มองเกวลินเดินไปขึ้นรถกับธรรณธรอย่างเคืองๆ

“โธ่เอ้ย...ไอ้พระเอก ทำตัวพระเอกจริงนะ”

รถธรรณธรแล่นออกไป ทันใดปู่ก็เห็นเงาดำๆเป็นร่างชายหนุ่มมองตามรถแล้วร่างนั้นก็ก้าวเร็วๆราวกับเดินตามรถธรรณธรแล้วหายวับไปกับตา...ปู่ตะลึงหันมาบอกต๋องกับแมคว่า ตนเห็นผีอีกแล้ว อนิมาได้ยินตกใจ กรณ์บอกว่าปู่เห็นผีเป็นอาชีพ อนิมาถามจริงหรือ ปู่พยักหน้า

“ผมเห็นทุกผีนั่นแหละ รวมทั้งผีตัวเมื่อกี้ที่มันตามพี่ชายคุณอยู่ด้วย”

อนิมาตกใจครุ่นคิด ปู่คิดว่าเธอไม่เชื่อจึงเดินไปขึ้นรถ...ทุกคนมาเจอกันหน้าบ้านเกวลิน กรณ์ขอบคุณธรรณธรที่พาน้องสาวกับเพื่อนๆไปเที่ยว ปู่ แมค ต๋องและยุ้ยยกมือไหว้ขอบคุณ ธรรณธรกล่าวถ้าไม่มีพวกเขาทริปนี้ก็คงไม่สนุก ยุ้ยร้องเย้แสดงว่าจะมีทริปหน้า เกวลินหมั่นไส้แกล้งเปรยว่า ธรรณธรสัญญาว่าไปดูงานเมืองนอกครั้งหน้าจะพาพวกเราไปด้วย ทุกคนดีใจกันใหญ่ ธรรณธรทำหน้าเหวอๆ กรณ์ขำ เกวลินยิ้มสะใจ


เช้าวันใหม่ ธรรณธรเข้าประชุมโดยมีเกวลินเป็นเลขานั่งจดอยู่ข้างๆ เขากล่าวขอโทษกรรมการทุกท่านกับความสะเพร่าของตนที่ทำให้มีผลกระทบมาถึงบริษัท กรรมการท่านหนึ่งบอกว่า เรื่องนั้นคลี่คลายไปแล้ว จะมีก็แต่เรื่องพลเทพจะถอนหุ้น จะกระทบหนักแน่

“ถ้าเขาตัดสินใจจะถอนหุ้นจริงๆ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป เราอาจจะต้องลดกำลังการผลิตลงชั่วคราวจนกว่าจะหาผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาได้ หรืออาจจะต้องถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนที่จะมายืนในจุดนี้ใหม่ แต่ผมเชื่อว่าธุรกิจเรายังไปได้ดี ผมจึงไม่มีความกังวลในเรื่องนี้มากนัก”

กรรมการทุกท่านเชื่อมือธรรณธรว่าจะต้องพาบริษัทไปต่อได้แม้ไม่มีพลเทพ เขาขอบคุณในความไว้วางใจของทุกคน...พอออกจากห้องประชุม เพื่อนพนักงานสองคนแปลกใจที่ธรรณธรไม่โมโหสักนิดกับเรื่องที่ประชุมวันนี้ ตามมาซักถามเกวลินว่าไปทะเลทำอะไรกับเจ้านายบ้าง เกวลินเซ็งกับความอยากรู้อยากเห็น จึงแกล้งอวดว่าไปกินอาหารทะเลแพงๆพวกปูอลาสก้า หอยงวงช้าง กุ้งล็อบสเตอร์ นั่งเรือยอชต์ชมพระอาทิตย์ตก และอื่นๆจนทั้งสองอ้าปากค้าง

ในวันเดียวกันแชมเปญพาธัญญามาเยี่ยมทะนงที่โรงพยาบาลประสาท เขามีอาการเหม่อลอยนั่งยิ้มน้อยๆ ธัญญาบอกทะนงว่าให้จำไว้ จะโกรธแค้นใครก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายเขา ต่อไปไม่ต้องอาฆาตแค้นธรรณธรอีกเพราะพลเทพกำลังจะถอนหุ้นทั้งหมด เราก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา พอดีพยาบาลเอายามาให้ทาน ทะนงทำทีเป็นกินยาแล้วแอบคายทิ้ง สายตาเขายังเคียดแค้นคิดหาทางหนีเพื่อไปจัดการธรรณธร สองแม่ลูกหลงวางใจว่าไม่นานเขาจะหายเป็นปกติ...

บ่ายวันนั้น ธรรณธรทำงานอย่างคล่องแคล่ว สั่งงานพนักงานแต่ละคนแล้วดึงเกวลินให้ออกไปโรงงานด้วยกัน เธอเป็นห่วงที่เขาทำงานจนไม่ได้ทานกลางวัน เธอทึ่งต่อการเอาใจใส่การงานของเขา พยายามจดทุกอย่างที่เขาสั่งการในแต่ละที่เสร็จจากโรงงาน ธรรณธรยังมาที่โชว์รูม สั่งงานนู่นนี่นั่น เกวลินเดินตามจด จนเจ็บเท้า กระทั่งเย็นกลับมาที่บริษัท ธรรณธรยังคงทำงานบนโต๊ะต่อ ส่วนเกวลินหมดแรงอยู่ที่โซฟา

“เกว สรุปงานที่ผมสั่งวันนี้ทั้งหมดให้หน่อย”

เกวลินรับคำแล้วลุกจะไปจัดการให้ ธรรณธรเห็นสภาพเธอจึงบอกว่าตนไม่รีบ แต่เธอเห็นเขาทุ่มเทกับงานจึงไม่อยากให้เขาต้องเสียเวลา ธรรณธรยิ้มพอใจที่เธอตั้งใจทำงานเช่นกัน...จนค่ำมืด เกวลินยังพิมพ์งานไม่เสร็จ ธรรณธรเดินมาบอกให้กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ เธอขอทำอีกนิดให้เขากลับไปก่อน เขาไม่ยอมฉุดเธอลุกขึ้น เธอร้องโอ๊ย...

“คุณเจ็บเท้าเหรอ” ธรรณธรเห็นเธอถอดรองเท้า ส้นเท้าแดง

“ก็เดินตามคุณทั้งวัน ไม่ให้เจ็บได้ไงล่ะ”

ไม่คาดคิดว่าธรรณธรจะไปเอาน้ำอุ่นใส่กะละมังมาให้เกวลินแช่เท้า แถมนวดให้เธออย่างอ่อนโยน หญิงสาวตกใจชักเท้ากลับ เขาเอ็ดให้อยู่เฉยๆ เธอใจเต้นตึกตัก

“ทำไมต้องทำให้ฉันขนาดนี้ด้วย”

“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าต้องทำ”

รปภ.เดินตรวจตรา เปิดประตูเข้ามาตกใจรีบขอโทษคิดว่าเขาลืมปิดไฟ เกวลินรีบชักเท้าออก รปภ.ตะเบ๊ะแล้วกลับออกไป เกวลินติงว่ามีคนมาเห็นจนได้ เขากลับบอกว่าใครจะเห็นก็ช่างแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ถามดีขึ้นไหม เธอพยักหน้าเขินๆ เขาฉวยโอกาสหอมหน้าผากเธอแรงๆ เธอโวย เขาหัวเราะแล้วยกกะละมังออกไป เกวลินทั้งเขินและโกรธ


คืนนั้น ธรรณธรครุ่นคิดว่าจะคืนหนังสือเกวลินดีหรือไม่ แล้วเขาก็ตัดสินใจอ่าน เขาต้องตกตะลึง

เมื่อรู้ว่าหลวงวรงค์เป็นคนดุดันเหี้ยมเกรียม ใช้มีดแทงเข้าที่ท้องเมฆ เขาถึงกับเครียดว่าตัวเองทำอะไรลงไปในอดีต

รุ่งเช้าธรรณธรเรียกกฤตมาพบที่บ้าน เขาหัวเราะหาว่าธรรณธรมั่วจับแพะชนแกะไปเรื่อย ความจริงในหนังสือไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย ธรรณธรไม่คิดอย่างนั้น

“ฉันรู้สึกว่ากำลังอ่านประวัติชีวิตตัวเองอยู่จริงๆ พอยิ่งอ่านมันก็เหมือนย้อนความทรงจำ และฉันก็เริ่มกลัวตัวเองว่าในอดีตฉันทำผิดพลาดไป”

“เพราะตาคุณหลวงอะไรนั่นหน้าคล้ายแก แกเลยมโนไปเองเป็นตุเป็นตะว่าแกเป็นหลวงวรงค์ นี่แกเชื่อถึงขนาดกลัวตัวเองเลยเหรอวะ หลวงวรงค์เขาทำอะไรลงไปล่ะ...แกคิดดูนะ คนคนเดียวมันจะมีสองวิญญาณได้ยังไง แกคนเดียวจะเป็นทั้งเมฆทั้งหลวงวรงค์ได้ยังไง”

ธรรณธรครุ่นคิดจริงด้วย กฤตย้ำ ฟังให้ดี เขาไม่ได้เป็นทั้งเมฆ ไม่ได้เป็นทั้งหลวงวรงค์ แต่เขาคือธรรณธร ปัจจุบันคือ พ.ศ.2558 ให้เลิกคิดไปเองว่าเขาเป็นคนโน้นคนนี้ในอดีต ธรรณธรยิ่งหนักใจ...กฤตเดินมาที่รถ อนิมาโผล่มาดักหน้าบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา กฤตทำหน้าฉงน

อนิมาบอกกฤตว่าจะพาธรรณธรไปหาซินแสศาสตร์ตำราจีน ไม่ใช่หมอผีอย่างที่เข้าใจ มันอาจจะดูงมงายแต่อาการแปลกๆที่อธิบายไม่ได้ของธรรณธรที่เป็นมาสิบกว่าปี ก็ทำให้อยากหาคำตอบ แล้วปู่เพื่อนเกวลินก็เห็นผีตามพี่ชายอีกด้วยตนยิ่งอยากรู้ กฤตชักสงสัย

“วิญญาณตามไอ้ธรรณ...มันจะเกี่ยวข้องกับนายเมฆไหม”

“นั่นล่ะค่ะที่นิอยากรู้ แล้วถ้าวิทยาศาสตร์หาคำตอบให้เราไม่ได้ เราก็ต้องพึ่งไสยศาสตร์แล้วล่ะค่ะพี่หมอ” อนิมาพูดด้วยแววตามุ่งมั่น กฤตถอนใจย้อนถามว่าธรรณธรจะยอมไปหรือ...

อนิมาครุ่นคิด แล้วเย็นวันนั้นพอธรรณธรกลับมา อนิมาก็ชวนให้เขาไปดูดวง เขาปฏิเสธทันควัน

“ทำไมล่ะพี่ธรรณ อาจารย์ฟางฮุ่ยหลินน่ะดูดวงแม่นมากเลยนะคะไหนช่วงนี้ชีวิตพี่ธรรณก็มีแต่เรื่องยุ่งๆแล้ว ก็ให้อาจารย์เขาดูดวงให้พี่ธรรณกับบริษัทซะหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นา เผื่ออาจารย์มีวิธีแก้ เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี”

ธรรณธรถามน้องสาวว่าเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ เธอย้อนถามหรือเขาไม่เชื่อ ทำเอาเขาอึ้งเถียงไม่ออก อนิมารวบรัดว่าชวนเกวลินไปด้วยและเธอก็รับปากแล้ว ธรรณธรสนใจขึ้น อนิมายุ “พี่ธรรณจะได้รู้ด้วยไงคะ ว่าพี่ธรรณกับเกวเป็นเนื้อคู่กันรึเปล่า”

ด้านเกวลินกำลังตื๊อชวนกรณ์ให้ไปด้วยกัน อ้างจะได้ดูว่าใครเป็นเนื้อคู่เขา ปู่เดินมาได้ยินรีบขอไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าตนเป็นเนื้อคู่กับเกวลินหรือเปล่า เกวลินถลึงตาใส่

“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องไปดูหรอก ฉันตอบเลยว่าไม่ใช่”

ปู่หน้าเสีย กรณ์เห็นปู่ทำหน้าเว้าวอนจึงบอกถ้าให้ปู่ไปด้วยตนถึงจะไป เกวลินจำยอม


วันต่อมา ธรรณธร เกวลิน อนิมา กรณ์และปู่มาที่สำนักซินแสฟาง บรรยากาศดูน่าศรัทธาเต็มไปด้วยเครื่องรางนำโชคและเทพเจ้าจีน กรณ์มีท่าทีไม่เชื่อถือเรื่องพวกนี้

ซินแสฟางมองหน้าธรรณธรอยู่นานก่อนส่ายหน้าจุ๊ปากอย่างไม่น่าเชื่อ “จุ๊ๆๆร้อยวันพันปีถึงจะได้เห็นดวงอย่างนี้ซักคนนึง เกิดเวลามังกร วันมังกร เดือนมังกร ปีมังกร ยามตกฟากก็เป็นเวลาที่ประตูสวรรค์เปิดอีก... คุณเป็นคนที่มีพลังของมังกรอยู่ในตัว และเป็นมังกรไฟ คุณเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งนี่! คุณเกือบไปเยือนเมืองยมบาลมาแล้วแต่คุณก็กลับมาได้ บวกกับวันเดือนปีเกิดของคุณมันเป็นฤกษ์ยามวิเศษ คุณถึงกลายเป็นคนที่มีพลังพิเศษ”

“แล้วมันดีไหมคะซินแส” อนิมาถาม

“ดีและไม่ดี ถ้าใช้ไปในทางดีก็จะเจริญไปทางดี แต่ถ้าใช้ไปในทางไม่ดี คุณก็จะเป็นคนโหดเหี้ยมน่ากลัวเลยทีเดียว”

ธรรณธรสะดุ้งในใจ อนิมาซักที่พักนี้เขาเกิดเรื่องบ่อยๆมันจะร้ายแรงมากไหม ซินแสแนะนำ ให้ตั้งมั่นอยู่ในสติก็ไม่มีใครมาทำอะไรคนดวงนี้ได้ แต่เจ้ากรรมนายเวรที่ตามอยู่ก็ดวงแรงใช่ย่อย ต้องระวังให้ดี...เกวลินสงสัย คนที่ทำร้ายธรรณธรก็โดนจับไปแล้ว ปู่แทรกถาม

“ซินแสครับ แล้วผมล่ะครับ ไอ้อาการเห็นผีของผมทำยังไงมันถึงจะหายครับ”

“ไม่หายหรอก มันเป็นพวกพรวิเศษที่สวรรค์มอบให้ เพื่อเอามาช่วยเหล่าวิญญาณที่ตกทุกข์ได้ยาก เมื่อมีแล้วก็ใช้ให้เป็นประโยชน์”

ปู่อยากจะขอคืนพรวิเศษนี้ ซินแสเอ็ดก็ให้ช่วยพวกเขาไป เกวลินปรามปู่อย่าเพิ่งแทรก แล้วถามซินแสว่า การที่ธรรณธรตายแล้วฟื้นบวกกับพลังดีของวันเดือนปีเกิด เลยทำให้เขาระลึกชาติได้ด้วยหรือเปล่า ซินแสหันมองธรรณธรทันที กล่าวเน้น มันไม่ใช่การระลึกชาติ แต่เป็นช่วงเวลาของวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรมาเข้าร่าง...กรรมเก่ากำลังจะตามทัน ทุกคนตกใจ

กรณ์กระซิบอนิมาว่าซินแสดูมั่วหรือดูแม่น เธอปรามอย่าพูดจาดูหมิ่น ท่านเป็นหมอดูที่แม่นมาก ใครลองดีเป็นเจอดีมาหลายรายแล้ว

ธรรณธรเอ่ยถามพอจะมีวิธีกำจัดวิญญาณตนนี้ไหม จะได้ไม่มาสิงร่างตนอีก ซินแสส่ายหน้าชี้ไปที่เกวลิน “ไม่มี เพราะเขามีบ่วงผูกติดกับผู้หญิงคนนี้” เกวลินสะดุ้ง ซินแสย้ำ “เหมือนที่คุณเองก็มีบ่วงผูกติดอยู่กับคนนี้เหมือนกัน คุณทั้งสองแล้วก็วิญญาณดวงนั้นมีบ่วงผูกติดกันอยู่ จะให้หลุดออกไปได้ต้องแก้ที่ปมเท่านั้น”

กรณ์ถามงงๆ “แล้วปมนั้นมันคืออะไร”

“บางอย่างก็เป็นความลับของสวรรค์ที่ต้องการให้มนุษย์อย่างพวกเราเผชิญกันเอง เพื่อจะได้จดจำและไม่กลับไปทำอีก ถ้ามันเป็นกรรมชั่ว ให้ทำใจยอมรับและพร้อมเผชิญหน้ากับมันด้วยสติและปัญญา คุณก็จะผ่านมันไปได้”

สีหน้าธรรณธรกังวลใจ ปู่ฉวยโอกาสแทรก ถามอีกว่า ตนมีบ่วงติดกับเกวลินไหม ซินแสตอบทันควันว่าไม่มี ปู่เศร้าจ๋อย ธรรณธรสบตาเกวลินอึ้งๆ

พอเดินออกจากสำนักยังไม่ทันพ้น ปู่ก็โพล่งขึ้นว่า มั่วพูดออกมาได้อย่างไรว่าตนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเกวลิน ถ้าไม่มีแล้วชาตินี้มาเจอกันได้ไง กรณ์สำทับว่าหมอดูคู่กับหมอเดา

อนิมาเอ็ด “ถ้านายสองคนยังไม่เลิกลบหลู่ท่านซินแส ฉันจะไปบอกให้ท่านสาปนายทั้งสองให้เป็นใบ้เดี๋ยวนี้เลย”

กรณ์ท้วงตกลงเป็นหมอดูหรือแม่มดกันแน่ อนิมาถลึงตาใส่ เกวลินปรามให้ทุกคนหยุดเพราะเห็นธรรณธรเครียดมาก กรณ์รีบบอกธรรณธรอย่าไปเครียดอย่าไปเชื่อ หาว่ามั่วทั้งนั้น ธรรณธรถอนใจบอกให้กลับไปคุยกันที่บ้าน อนิมาค้อนกรณ์ที่ยังดื้อแพ่ง


เป็นครั้งแรกที่กรณ์กับปู่ได้มาบ้านธรรณธร ทั้งสองตะลึงกับความโอ่อ่า กรณ์เหน็บอนิมา มิน่าเธอถึงได้ทำตัวเป็นคุณหนูขนาดนั้น อนิมางงมันเกี่ยวอะไรกัน ปู่ถามหาห้องน้ำ อนิมาชี้ทางบัวลอยเข้ามาถาม “เป็นยังไงบ้างคะ ตกลงคุณธรรณเป็นคู่กับคุณเกวรึเปล่า แล้วเนื้อคู่คุณนิล่ะคะเจอรึยัง แล้วจะได้แต่งเมื่อไหร่”

“บัวลอยอยากรู้มากใช่ไหม ฉันคิดเรื่องละ 500 จะเอากี่เรื่อง” ธรรณธรถามนิ่งๆ

บัวลอยหัวเราะแหะๆรีบไปเตรียมน้ำมาเสิร์ฟ ธรรณธรดึงเกวลินออกไปคุยในสวน ท่าทางเขาเครียดมาก เกวลินเกริ่น ถ้าเขาไม่ใช่เมฆ ไม่ใช่การระลึกชาติ ธรรณธรแทรก ตนกับเมฆเป็นคนละคนกัน เกวลินยิ่งแปลกใจว่าเมฆจะมาสิงเขาทำไม

“เมฆเข้าสิงผมเพื่อจะไปหาคุณ แต่การที่เมฆเลือกผม มันต้องมีสาเหตุอะไรแน่ๆ”

“ตกลงเราสามคนเกี่ยวพันอะไรกัน นี่ถ้าหนังสือเล่มนั้นยังอยู่ เราก็น่าจะรู้คำตอบ”

“เกว ถ้าในอดีตผมทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ คุณจะโกรธผมไหม” ธรรณธรหวั่นใจ

เกวลินย้อนถามว่าอดีตของเขาคือเมื่อไหร่ ธรรณธรตอบว่าชาติก่อน เธอจึงหัวเราะ ถ้าชาติก่อนก็ไม่เกี่ยวกับชาตินี้ ตนจะไปโกรธทำไม ธรรณธรยังเครียดเน้นย้ำ

“ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น”

“คุณพูดอะไร พูดเหมือนกับว่าคุณรู้ว่าชาติก่อนคุณไปทำอะไรมา”

ธรรณธรปัดว่าตนพูดเผื่อไว้ เกวลินมองอย่างสงสัย...ด้านอนิมานั่งถอนใจเฮือกๆ จนกรณ์แหย่ว่าเป็นป้าแก่ อนิมาบ่นตนไม่สบายใจไม่รู้ว่ากรรมเก่าที่จะตามพี่ชายตนคืออะไร อันตรายแค่ไหน จะเกิดอะไรร้ายแรงหรือไม่ ตนแทบจะบ้า กรณ์สำทับถ้าเธอยังคิดอยู่อย่างนี้ก็บ้าแน่ อนาคตไม่มีใครหยั่งรู้ แม้แต่ซินแสยังบอกว่าสวรรค์ไม่ต้องการให้มนุษย์รู้ก่อนมันไม่สนุก

อนิมาฉุน “ความเดือดร้อนของพี่น้องเนี่ยนะสนุก น่าสงสารเกวที่มีพี่ชายอย่างนายจริงๆ”

“ผมห่วงน้องสาวผมเสมออยู่แล้ว แต่ผมไม่นอยด์ จนประสาทเสียเหมือนคุณเท่านั้นเอง”

อนิมาสวนแล้วจะให้ทำอย่างไร กรณ์บอกให้ตั้งสติ สติมาปัญญาเกิดแล้วจะรู้ว่าต้องทำอะไร อนิมาเบ้ปากใส่แบบงอนๆ

เกวลินกับปู่กลับมาที่บ้านหน่วยกู้ภัย ยุ้ยทำงานบ้านอยู่ซักถามเป็นอย่างไรกันบ้าง ปู่รีบบอกว่าเชื่อถืออะไรไม่ได้ ยุ้ยเห็นเกวลินเครียดๆจึงถามมีเรื่องอะไร เธอเป็นห่วงเห็นธรรณธรพูดแปลกๆ ยุ้ยว่าเขาก็เป็นคนแปลกอยู่แล้ว พูดแปลกก็ไม่น่าสงสัย

“เขาพูดเหมือนกับว่าเขาทำอะไรไม่ดีไว้ในอดีต”

ปู่แขวะคนประหลาดแบบนั้นคงทำไม่ดีทั้งชาตินี้และชาติที่แล้ว ยุ้ยหมั่นไส้เหน็บแล้วตัวเขามีแต่เรื่องดีๆล่ะสิ แล้วหมอดูบอกว่าไปทำกรรมอะไรไว้ถึงเห็นผี ปู่อวดว่าหมอดูบอกตนมีบุญต่างหาก พลันใหญ่โทร.เข้ามา ปู่รับสายแล้วรับคำก่อนจะหันมาบอกเกวลินว่าใหญ่ต้องการกำลังเสริม ทั้งสองจึงรีบสวมชุดกู้ภัยออกไป


คืนนั้น ธรรณธรยืนจ้องตัวเองในกระจกด้วยแววตาข้องใจ “...ไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหน หรือนายยังตามฉันอยู่ นายเมฆ ฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไรนายถึงต้องมาเข้าสิงฉัน หรือว่านายยังผูกใจเจ็บกับฉัน หรือนายต้องการเกวลิน ทำไมนายไม่ไปผุดไปเกิด นายต้องการอะไรกันแน่”

ในคืนเดียวกัน ทะนงนอนฝันเห็นภาพตัวเองเป็นขวัญวงศ์ พี่ชายของหลวงวรงค์ นั่งดื่มเหล้าด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม เข่นเขี้ยว “ฉันต้องการทุกอย่างที่เป็นของมัน...ฉันต้องไม่แพ้ไอ้หลวงวรงค์ ฉันไม่มีวันแพ้มัน...เอ็งกับข้าจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ไอ้หลวงวรงค์”

ทะนงสะดุ้งตื่น นัยน์ตาเขาน่ากลัวพึมพำ...ใช่ แกกับฉันจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง แล้วเขาก็พร่ำพูดว่าต้องตาย...ต้องตาย...ต้องตาย รถหน่วยกู้ภัยแล่นมาถึงถนนที่มีป่าละเมาะสองข้างทาง มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งล้มอยู่กลางถนน มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งเจ็บอยู่ข้างทาง เกวลินรีบบอกให้ปู่จอดรถแล้วลงไปดูคนเจ็บ เห็นที่ขามีกิ่งไม้เสียบ ชายคนนั้นร้องโอดครวญ ปู่ให้เกวลินไปเอากล่องยามา เธอวิ่งไปเปิดท้ายรถจะหยิบ ก็ได้ยินเสียงคนร้องเจ็บปวดดังมาจากในป่าละเมาะก็หันมองแล้วเดินย่องเข้าไปดู ปู่หันมาแปลกใจว่าเกวลินหายไปไหน จึงเดินไปหยิบกล่องยาเอง

เกวลินเจอชายร่างใหญ่สวมชุดคนโบราณ มือกุมท้องมีเลือดไหล จึงรีบเข้าดูถามอาการ เขาจับมือเธอแน่นพร่ำพูด “เป็นความผิดของกระผมเองขอรับ”

“คุณพูดอะไร นี่คุณมีแผล...ถูกแทงมาเหรอ”

“ไม่ต้องห่วงกระผมขอรับ”

เกวลินบอกไม่ห่วงได้อย่างไร จะพาไปโรงพยาบาล เขาพร่ำพูด...ต่อให้กระผมต้องตาย กระผมก็จะขอรักและซื่อสัตย์ต่อคุณแก้วไปตลอด...เธอชะงักเมื่อได้ยินเรียกว่าคุณแก้ว แต่ก็ปัดไปก่อนบอกให้เขาเลิกพูดให้รีบไปโรงพยาบาล เขายังพยายามพูดอีก

“กระผมจะขอตามไปรับใช้คุณแก้วทุกชาติ”

“อู้ย...บอกให้หยุดพูด นายจะตายเพราะพูดมากนี่แหละ ลุกเร็ว”

“สัญญากับกระผม ว่าอย่าถือโทษโกรธหลวงวรงค์นะขอรับ”

เกวลินว่าทำไมตนต้องสัญญาอะไรตอนนี้ เขารบเร้าให้สัญญา เธอจึงเออออไปเพื่อให้เขายอมไปโรงพยาบาลก่อน แล้วประคองเขาไปนอนในรถกู้ภัย...ปู่ทำแผลให้คนเจ็บเสร็จเขาดูกระปรี้กระเปร่าขึ้น ขี่รถออกไปไม่ยอมไปโรงพยาบาล ปู่กลับมาที่รถ เกวลินบอกให้รีบพาคนถูกแทงส่งโรงพยาบาล ปู่เปิดรถเก็บกล่องยา แต่แล้วทั้งสองต้องตกใจเมื่อไม่เห็นมีคนเจ็บในรถเลย เกวลินหน้าเหวอ ตกลงชายคนนั้นเป็นคนหรือเปล่า เธอมึนงงแทบช็อก

พอกลับถึงบ้าน คืนนั้นเกวลินไม่อาจอยู่คนเดียวได้ วิ่งไปกระโดดขึ้นเตียงขอนอนกับกรณ์ บอกว่าเจอผีมาไม่กล้านอนคนเดียว กรณ์ให้เล่า เธอปัดขอเล่าพรุ่งนี้ กรณ์ให้ไปอาบน้ำเธอก็ไม่ยอม เขาจึงบอกให้ไปอาบน้ำและนอนที่ห้อง ตนจะไปนอนเป็นเพื่อน

เหตุการณ์ประจวบกับที่ธรรณธรได้อ่านหนังสือบันทึก ถึงตอนที่แก้วกอดรั้งหลวงวรงค์ไม่ให้ทำร้ายเมฆ แล้วร้องบอกให้เมฆหนีไป หลวงวรงค์สั่งทาสสามคนตามไปฆ่าเมฆ แก้วอ้อนวอนขอร้องให้ปล่อยเมฆไปแต่หลวงวรงค์ไม่ยอม สะบัดแก้วล้มลงไม่ไยดีและตามออกไป

ธรรณธรเครียดหยุดอ่าน เอนตัวพักสายตาด้วยความกลุ้มใจทำไมตัวเองถึงดุร้ายเยี่ยงนั้น ขณะเดียวกัน เกวลินนอนกระสับกระส่าย ฝันว่าเมฆถูกแทงนอนอยู่ที่พื้น เขาพร่ำบอกแก้วว่าเป็นความผิดตัวเอง แก้วสวนว่าเมฆไม่ได้ทำสิ่งใดผิด เขาช่วยชีวิตตน เมฆบอกไม่ต้องห่วงต่อให้ตายตนก็จะขอรักและซื่อสัตย์ต่อคุณแก้วตลอดไป...แก้วร้องไห้โฮเมฆต้องไม่ตาย เมฆต้องอยู่กับตน เมฆเอื้อนเอ่ยว่าจะขอตามไปรับใช้ทุกชาติ แก้วปรามไม่ให้พูดเยี่ยงนี้ เมฆยังย้ำ

“สัญญากับกระผม อย่าถือโทษโกรธหลวงวรงค์”

“แต่เขาจงใจฆ่าเมฆ”

เมฆขอให้สัญญา แก้วส่ายหน้า เมฆมีท่าทางจะขาดใจยังย้ำขอคำสัญญา แก้วจึงต้องรับปากแล้วเขาก็หลับตาลงสิ้นใจ...เกวลินสะดุ้งตื่น น้ำตาอาบแก้ม

ธรรณธรอ่านมาถึงตอนหลวงวรงค์ยืนฟังคำพูดก่อนสิ้นใจของเมฆ ถึงกับทำดาบร่วงจากมือ ยืนอึ้งท่าทางเสียใจ...ธรรณธรเองก็ใจหายที่หลวงวรงค์ทำผิดพลาดอย่างมหันต์


เช้ามืดวันต่อมา ธรรณธรนอนไม่หลับ นั่งหน้าเครียดอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก มีบันทึกของแก้วอยู่ข้างตัว กฤตก้าวเข้ามาในชุดทำงานสีหน้าเหนื่อยหอบ “นี่ไอ้ธรรณ ฉันเป็นหมอนะไม่ใช่พนักงานส่งพิซซ่า จะได้โทร.ตามให้มาได้ดั่งใจทุกครั้ง เกรงใจฉันบ้างไหม”

ธรรณธรตอบว่าตนเครียดต้องการที่ปรึกษา กฤตถามเรื่องอะไร เขาส่งหนังสือให้เล่าว่าหลวงวรงค์ ดุร้ายและฆ่าคน กฤตถอนใจที่เห็นเพื่อนเครียดกับเรื่องคนอื่นในอดีต ธรรณธรเชื่อว่าตนคือหลวงวรงค์ ยิ่งอ่านในบันทึกยิ่งรู้ว่ามันเป็นเรื่องของตน

“แกจะบอกว่าแกอาจจะเป็นหลวงวรงค์กลับชาติมาเกิดงั้นเหรอ แล้วนายเมฆล่ะ”

“เขาก็เป็นวิญญาณที่ตามฉันไง เพราะฉันเคยฆ่าเขา”

กฤตอ่อนใจถ้าเชื่ออย่างนั้นแล้วจะทำอย่างไร ธรรณธรส่ายหน้า กฤตจึงบอกให้อ่านหนังสือให้จบ อาจจะรู้สิ่งที่ต้องการรู้ ธรรณธรยังเครียดว่าถ้าเกวลินได้อ่านหนังสือนี้จะเกลียดตนไหม กฤตเหน็บถ้าเธอจินตนาการไปได้ไกลเท่าเขาก็ไม่แน่ ธรรณธรยิ่งเครียด...

เช้าวันนั้น ธรรณธรขับรถมารอรับเกวลินไปทำงานแถมว่าจะมารับทุกวัน เขาส่งกล่องแซนด์วิชให้เธอทาน เกวลินแปลกใจทำไมเอาใจมากขนาดนี้ เขาบอกว่าไม่อยากให้เธอโกรธ

“โกรธเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่ทะเล ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ อย่าทำแบบนั้นอีกละกัน”

ธรรณธรบอกว่าไม่ใช่เรื่องนั้น เกวลินสงสัยแล้วมันเรื่องอะไร เขาขอให้เธอสัญญาก่อนว่าจะไม่เกลียดเขา หญิงสาวทำหน้าฉงน “ประสาทนะคุณเนี่ย สองวันมานี้มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ โดนผีหลอกทั้งกลางวันกลางคืน”

ธรรณธรแปลกใจ เกวลินแจงก็เขามาเอาใจอยู่นี่ไม่เหมือนผีหลอกหรือ เขาถามแทรกแล้วใครมาหลอกตอนกลางวัน เกวลินทำท่าขนลุกไม่อยากพูดถึงเลย แต่ถูกธรรณธรถามเสียงดุว่าใครทำอะไร เธอจึงเล่าว่าโดนผีหลอก ผีจริงๆ เข้าใจไหม ชายหนุ่มยิ่งงง

ประตูร้านกาแฟถูกเปิดโดยกรณ์ เขามาทำงานแต่เช้า แต่ต้องสะดุ้งเมื่อเจออนิมานอนปวดท้องร้องโอยๆอยู่ จึงตัดสินใจอุ้มไปโรงพยาบาล จู่ๆเธอร้องไห้ลั่นไม่ยอมให้หมอฉีดยาเพราะอาหารเป็นพิษ กรณ์ตกใจปรี่เข้ามาถามอย่างห่วงใย พอรู้ว่าเธอกลัวเข็มฉีดยาก็ขำ ช่วยพยาบาลรวบตัวเธอไว้ให้หมอฉีดยา เธอร้องกรี๊ดจนเขาแสบหู...กลับเข้าร้าน กรณ์ลงมือทำโจ๊กให้อนิมาทาน เห็นเธอท่าทางอิดโรยก็ช่วยป้อนให้อย่างเอาใจใส่

ตลอดทั้งวัน ธรรณธรทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ผิดกับเกวลินที่ท่าทางเหม่อลอยครุ่นคิดถึงแต่ผีที่ประสบมา...พอบ่ายๆเธอขอลาไปหาหนังสือที่บ้านริมน้ำ ธรรณธรชะงักท่าทางมีพิรุธ ทำทีถามหนังสือนั้นสำคัญมากนักหรือ เธอตอบว่าสำคัญมาก เพราะมันเป็นประวัติตระกูลของตน และตนอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง เกวลินสัญญาว่าถ้าหาเจอแล้วพรุ่งนี้ตนจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ธรรณธรพยักหน้าอนุญาต แต่ในใจว้าวุ่นจะทำอย่างไรดี

เกวลินมาถึงบ้านริมน้ำก็ลงมือค้นหาทั่วบ้านจนหมดแรง ธรรณธรตามมายืนลังเลหน้าบ้าน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะคืนให้ก็กลัวเธออ่านเจอว่าเขาเป็นคนใจร้าย จะฉีกทิ้งก็กระไรเลย...ตัดสินใจถือหนังสือเดินเข้ามา เห็นเกวลินนั่งเซ็งอยู่ก็เข้าไปยื่นหนังสือให้ เธอดีใจมากถามเขาหาเจอที่ไหน เขาอึกอักๆ เธอเอะใจ เขาพยักหน้าหงึกๆ

“คุณเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่...นี่คุณเอาไปแล้วโกหกว่าไม่เห็นเหรอ ฉันหามันเกือบตาย ฉันประสาทกับมันมากรู้ไหม ทำไมต้องโกหกว่าไม่เห็น ทำแบบนี้ทำไม” เกวลินโวยลั่น เห็นเขาอึกอักก็โวยต่อ “มิน่า อยู่ๆถึงมาพูดจาประหลาด กลัวฉันจะโกรธ ถ้ากลัวจริงทำไมทำนิสัยแบบนี้ล่ะ ฉันไม่เข้าใจคุณเลยคุณธรรณ เรื่องเล็กๆคุณยังโกหก แล้วฉันจะไว้ใจคุณได้ยังไง”

ธรรณธรหน้าเสียเห็นเกวลินเดินจ้ำออกไปก็รีบวิ่งตาม ขอร้องให้ฟังตนก่อนตนไม่ได้ตั้งใจ เธอผลักอกเขาไม่พอใจที่มาโกหก เขารีบบอกว่าแค่อยากรู้ว่า ในหนังสือนั่นมีอะไรเกี่ยวกับตนบ้าง เธอย้อนถามทำไมไม่บอกกันดีๆ แล้วต่อว่ายกใหญ่ จนเขางงทำไมต้องโกรธมากมาย

“หนังสือเล่มนี้คุณยายเทียดของฉันเป็นคนเขียน แล้วมันก็เหลืออยู่เล่มเดียว มันสำคัญกับครอบครัวของฉัน”

ธรรณธรรู้สึกผิดพูดไม่ออก...เกวลินกลับมาระบายอารมณ์ให้พวกปู่ฟัง ปู่ยิ่งยุให้เลิกคบและเลิกทำงานกับธรรณธรไปเลย ยุ้ยเอ็ดปู่เป็นบ่างช่างยุ ธรรณธรตามมาที่บ้านถามอย่างรู้สึกผิดว่าตนควรทำอย่างไรให้เธอหายโกรธ เกวลินบึ้งตึงใส่เดินหนี ใหญ่ตบไหล่เบาๆบอกว่าเกวลินเกลียดคนขี้ขโมยกับคนโกหกมากที่สุด คงจะลำบากหน่อย ปู่ทำหน้าเยาะเย้ย

ยุ้ยตามมาปลอบเกวลินให้ยกโทษให้ธรรณธร เขาอุตส่าห์มาง้อขนาดนี้ ปู่ตามมาขัดถ้าทำครั้งหนึ่งก็ต้องมีครั้งต่อไป ยุ้ยโวยเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ปู่กับยุ้ยเถียงกันยกใหญ่จนเกวลินไล่ให้ไปทะเลาะกันที่อื่น แมคเข้ามาบอกว่าธรรณธรยังไม่ยอมกลับ ปู่หงุดหงิดที่เขาช่างตื๊อ

จวบจนสามทุ่มธรรณธรยังคงเดินอยู่หน้าบ้าน ยุ้ยเป็นห่วงจะถูกยุงกัดตายเสียก่อน เกวลินบอกให้ยุ้ยไปบอกเขาว่าให้กลับไป ไม่ทันไร ธรรณธรโทร.เข้ามา ยุ้ยรับสาย เขาขอพูดกับเกวลิน เธอไม่ยอมพูดกลับตะโกนไล่ให้กลับไป ธรรณธรหมดความอดทน ขึ้นรถขับออกไป

ธรรณธรกลับบ้านอย่างซึมเศร้า คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร ถึงขนาดเอ่ยปากถามบัวลอยว่าเวลางอนแฟนแล้วแฟนง้อด้วยวิธีใด บัวลอยอายม้วนเล่าว่า แฟนจะจับกบจับเขียดมาย่างให้กิน เขารีบถามแค่นั้นก็หายงอนเลยหรือ เธอตอบว่าใช่ ทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบกิน แต่เพราะ...ความจริงใจ

ธรรณธรส่งสติกเกอร์น่ารักๆไปเว้าวอนเกวลิน แต่เธอกลับส่งสติกเกอร์โกรธดุดันกลับมา ด้านกรณ์รู้สึกเป็นห่วงอนิมาว่าหายจากอาการปวดท้องหรือยัง จึงพิมพ์ไลน์มาถามอาการ เธอส่งสติกเกอร์ป่วยนอนซม กลับมาให้ เขายิ้มขำๆ พอดีแชมเปญส่งสติกเกอร์ทักทายเข้ามา กรณ์ดีใจกดโทร.หาเธอทันที เธอขอโทษเขาที่ไม่ได้แวะไปหาที่ร้าน อ้างว่ายุ่ง เขารีบบอกว่าไม่เป็นไร ตนรอได้ แชมเปญกำลังถามถึงที่ไปเที่ยวทะเลเป็นอย่างไรบ้าง พลเทพเปิดประตูผางเข้ามากระชากแขนเธอโวยถาม “แกกับแม่ไปหาไอ้ทะนงมาใช่ไหม!”

แชมเปญตกใจกดตัดสาย พลเทพเอ็ดตะโรด่าว่าทะนงเป็นคนชั่วอย่าเข้าไปเกี่ยวข้อง แชมเปญโต้ว่าเขาเป็นน้องแม่เป็นน้าของตน พลเทพตวาด “แต่แกก็อย่าลืมว่าแกเป็นลูกฉัน แล้วแม่แกก็เป็นเมียฉัน เชื้อสายของแกจะชั่วยังไงก็อย่าให้แปดเปื้อนมาถึงฉันด้วย เข้าใจไหม...ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้ายังไม่เชื่อฟังกันอีก จะโดนดีทั้งแม่ทั้งลูกแน่”

แชมเปญเครียดออกมาหากรณ์ที่ผับ เขาถามทะเลาะกับพ่อมาหรือ เธอระบายความอัดอั้นว่า พ่อไม่เคยรักตน ชีวิตเขามีแต่ธุรกิจ มีแต่สังคมหน้าตา ทำไมตนต้องเกิดมาเป็นแบบนี้ ตนขอแค่มีความสุขแบบคนปกติ ถ้าชีวิตมีทุกอย่างแต่ต้องมาทนทุกข์แบบนี้ สู้อย่าเกิดมาเลยดีกว่า

กรณ์ปลอบว่าไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูก ชีวิตทุกคนมีค่า แชมเปญขอให้เขาพาไปเที่ยวไม่อยากกลับบ้าน เขาจึงพาเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปตามถนนกรุงเทพฯ ยามราตรี จนกระทั่งออกมาถึงชายทะเล...ทั้งสองนั่งชายหาดรอชมพระอาทิตย์ขึ้น รอบตัวทั้งสองไม่มีผู้ใด ราวกับมีเพียงเขาและเธอ แต่แชมเปญก็อดเศร้าใจไม่ได้ว่าพรุ่งนี้ก็ต้องกลับสู่สภาพเดิม

“แล้วคุณจะคิดถึงพรุ่งนี้ทำไม คุณอยู่กับผมที่นี่ ตอนนี้ คิดแค่นี้ก็พอแล้ว”

แชมเปญมองเขาอย่างซาบซึ้ง เอนหัวซบไหล่เขาหลับตา...


สายวันต่อมา แชมเปญลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองกลับมานอนที่ห้อง เธออมยิ้มนึกถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอได้ซบไหล่กรณ์มองพระอาทิตย์ขึ้น ได้ถ่ายเซลฟี่คู่กันมีความสุข

เกวลินยังคงมาทำงาน แปลกใจที่เห็นบนโต๊ะมีกล่องอาหารวางอยู่ เพื่อนพนักงานชะเง้อมองแล้วต้องหลบเพราะธรรณธรเดินมาบอกว่าตนเอามาฝาก เกวลินปัดว่าไม่หิว เมินหน้าหนี ธรรณธรถอนใจกลับเข้าห้องทำงาน คิดไม่ตกว่าจะง้ออย่างไรดี พลันปิ๊งไอเดีย ขึ้นมา พอเกวลินเอาแฟ้มเอกสารเข้ามาวางให้ เขาก็ทำเป็นเมฆนั่งจ๋องอยู่มุมห้อง หญิงสาวแปลกใจเข้ามา จับเนื้อตัวถามเป็นอะไร แต่พอสบตาเขาก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่เมฆ ชายหนุ่มทำเป็นบอกว่าตนเหงาคิดถึงคุณแก้ว ทันใดมือถือดังขึ้น เขาตกใจล้วงกระเป๋าหยิบออกมากดปิด

“ใช้โทรศัพท์ชำนาญเชียวนะนายเมฆ จะรีบปิดเครื่องทำไมล่ะ” เกวลินเหน็บ

ธรรณธรอ้างว่าคุยไม่สะดวก เกวลินหมั่นไส้คว้าหมอนมาฟาดรัวไม่ยั้ง แล้วเดินหนีออกจากห้อง ธรรณธรวิ่งตามขอโทษอ้างไม่รู้จะทำอย่างไรให้เธอหายโกรธ เธอถอนใจตำหนิว่าเขาคงรู้แต่วิธีทำให้ตนโกรธมากขึ้น เขาจ๋อย เธอบอกวันนี้ไม่มีอารมณ์ทำงานจะกลับไม่ให้เขาตาม พนักงานชะเง้อมอง เขาหันมาเจอทำตาดุใส่ก่อนกลับเข้าห้อง พนักงานซุบซิบกันใหญ่...

กรณ์แปลกใจที่เกวลินกลับบ้านเร็ว เธอบอกว่าอารมณ์ไม่ดี กรณ์ติงเป็นพนักงานหนีงาน ไม่ทำให้งานเสียหรือ เธอสบถไม่สน กรณ์เตือนต้องแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ได้

“พี่ไม่ใช่เกว พี่ไม่รู้หรอกว่ามันหงุดหงิดอารมณ์ขนาดไหน จะให้เกวอารมณ์ดีนั่งทำงานอยู่ได้ยังไง คนโดน หลอกอ่ะเข้าใจป่ะ หลอกแล้วหลอกอีกอ่ะ กลับบ้านมาก็มาเจอพี่ชายขี้บ่นอีก” เกวลินเดินตึงๆเข้าห้องปิดประตูโครม

กรณ์งงไปกินหมาบ้ามาจากไหน...เกวลินครุ่นคิดถึงกิริยาท่าทางที่ธรรณธรทำแล้วยิ่งหงุดหงิดใจอยากรู้ว่าตอนนี้เมฆอยู่ที่ไหน นึกถึงคำพูดในฝันที่เมฆบอกว่า ต่อให้ตายก็จะขอรักและซื่อสัตย์ต่อคุณแก้วตลอดไป...จึงคว้าหนังสือมาตั้งใจอ่าน เกิดภาพในอดีต

พี่เลี้ยงหวีผมให้เด็กหญิงแก้ว แก้วบอกว่าจะไป ชวนเมฆเก็บดอกไม้ เด็กสองคนวิ่งเข้ามาในสวน แก้วชี้ให้เมฆปีนขึ้นไปเก็บดอกจำปี...จนโตเป็นหนุ่มเป็นสาว เมฆก็ยังเก็บดอกจำปีให้แก้ว ท่าทางเขายิ้มมีความสุข

เกวลินเงยหน้าจากหนังสือรำพึงว่าเมฆเป็นทาสหรือ เธอนึกได้ว่าตอนที่ธรรณธรเป็นเมฆและเอาดอกจำปีมาให้และเธอใช้หนังสือทับไว้ เกวลินพยายามเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน

แก้วกับเมฆกำลังจะไปเที่ยวงานวัด แก้วทัดดอกจำปีไปด้วย เกศพี่สาวของแก้วแต่งตัวสวยออกมาพร้อมบ่าวรับใช้ ติงแก้วว่า ไม่เห็นว่าดอกนี้จะมีค่าอะไรนักหนา ทำไมถึงชื่นชอบนัก เอาไปแลกของอะไรก็ไม่ได้ สู้เบี้ยอัฐที่เจ้าคุณพ่อให้ก็ไม่ได้ แก้วโต้ว่าเบี้ยอัฐไม่มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ เกศเซ็งที่จะคุยเรื่องนี้กับน้อง...

เกวลินผล็อยหลับ เกิดลมพัดวูบ หน้าหนังสือเปิดไปที่ภาพหลวงวรงค์...ภาพอดีตชัดเจนขึ้น หลวงวรงค์แต่งตัวออกมาจากห้อง พ่อกับแม่แซว แค่ไปเที่ยวงานวัดแต่งตัวเสียนาน จะไปจีบสาวหรือ ขวัญวงศ์เห็นด้วยกับพ่อ

“เอาเป็นว่าพ่อพูดเล่นนะตารงค์ แต่ถ้าจะหาศรีสะใภ้ให้พ่อกับแม่ได้จริงๆพ่อก็ไม่ขัด อยากยกสมบัติให้หลานใจจะขาดอยู่แล้ว”

ทุกคนหัวเราะเฮฮา ยกเว้นขวัญวงศ์ที่ยิ้มแห้งๆ นัยน์ตาแฝงความไม่พอใจ หลวงวรงค์รับคำพ่อ แม่กำชับให้ขวัญวงศ์ดูแลน้องดีๆ เขารับคำอย่างรู้สึกว่าทั้งพ่อและแม่รักน้องมากกว่า

หลวงวรงค์เดินคุยกับบ่าวไพร่ในงานวัด เหลือบไปเห็นแก้วที่มีดอกจำปีทัดหูกำลังเลือกผ้าแพรอยู่กับสาวใช้ เขารู้สึกสนใจเธออย่างมาก พอดีมีเด็กวิ่งเฉี่ยวแก้วทำให้เธอหมุนมา เขาได้เห็นใบหน้าเธอเต็มๆ แก้วเงยหน้ามาสบตาเขาเข้าก็เขินอายรีบเดินหนี หลวงวรงค์จะตามแต่มีคนมาเดินขวาง ขวัญวงศ์เห็นน้องเดินไปก็เดินตาม แก้วเหลียวมองหลวงวรงค์ตามก็รีบเดินไปหาเกศ...เกศหันมาเห็นหลวงวรงค์ยิ้มอยู่ก็เข้าใจว่ายิ้มให้ตน ขวัญวงศ์เห็นใบหน้าเกศรู้สึกพึงพอใจ

คืนเดียวกัน ทะนงคิดหาทางหนีออกจากโรงพยาบาล เขาแอบเหลาด้ามแปรงสีฟันจนเป็นปลายแหลม แกล้งลงนอนดิ้นร้องทุรนทุราย เจ้าหน้าที่รีบไขกุญแจห้องพาไปให้หมอตรวจ ทะนงยิ้มย่องที่มีโอกาสสอดส่ายทางหนีทีไล่ไว้ได้


เช้าวันใหม่ แชมเปญนั่งดูรูปที่ถ่ายกับกรณ์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ธัญญาเข้ามาทัก ใครทำให้ลูกแม่อารมณ์ดีได้อยากรู้จริง เธอรีบบอกว่าเพื่อน เพื่อนที่แม่ไม่รู้จัก ถ้ามีโอกาสจะพามาแนะนำ ธัญญาดักคอดูเหมือนลูกมีความรัก แชมเปญย้อนถาม ถ้าตนมีความรักแม่จะว่าอย่างไร

“จะว่ายังไงล่ะ แม่ก็ต้องดีใจน่ะสิ”

“ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครเหรอคะ”

“ถามแม่แบบนี้ แอบไปมีแฟนมาใช่ไหม”

แชมเปญยิ้มอายๆบอกว่ายังไม่ใช่แฟน แม่ถามเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เธอยอมบอกแม่ว่าเขาเป็นคนธรรมดาไม่ได้มีฐานะร่ำรวย เป็นนักร้องอยู่ในผับ เราคุยกันถูกคอ

“ตายแล้ว อย่าให้พ่อรู้เชียวนะ พ่อเอาตายแน่ แม่ว่าหนูหยุดซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่านะ”

แชมเปญไม่ยอม ธัญญาเตือนว่าคนเราแค่คุยกันถูกคอไม่ได้หมายความว่าเขาจะเหมาะสมมาเป็นคู่ชีวิตของเรา แต่แชมเปญแย้ง สำหรับตนคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต อันดับแรกคือต้องคุยกันถูกคอ อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาและคอยรับฟังเวลาเรามีปัญหาได้ ธัญญากลุ้ม

“ชีวิตคู่มันไม่ใช่แค่นั้น ฐานะ หน้าตาทางสังคมก็ควรจะให้มันทัดเทียมกันหน่อย”

“นี่แม่เองก็คิดเหมือนพ่อเหรอคะ หนูนึกว่าแม่คือคนที่เข้าใจหนูที่สุด”

“แม่เข้าใจหนูนะแชมเปญ แต่โลกความจริงกับโลกในความฝันมันแตกต่างกัน และที่สำคัญ ลูกต้องยอมรับความจริงที่ว่า คุณพ่อไม่มีวันยอมแน่” ธัญญามองลูกสาวดูมีสีหน้าดื้อดึง

ในขณะที่กรณ์กำลังทำงานในร้านกาแฟ อนิมาเดินเพลียๆเข้ามา เขาติงยังไม่แข็งแรงก็ไม่ควรมา เธออ้างต้องดูแลร้าน เขาดักคอว่าไม่มีเวลาจะดูแล เธอบอกไม่ได้ขอ เขาย้ำให้จำคำพูดไว้ ไม่ทันไร แพมเดินลั้นลาควงตี๋หล่อเข้ามา อนิมาทักจะมาทำไมไม่บอกก่อน แพมโต้ว่าอยากมาเซอร์ไพรส์ แล้วหันไปทักทายกรณ์ ก่อนจะแนะนำทั้งสองให้รู้จักบูบู้แฟนของตน อนิมาตกใจ

“อย่าเสียงดังสิอายเขา...บูบู้เขาเป็นนักกายภาพ

บำบัดที่โรงพยาบาล เขานวดขาให้แพมทุกวันเราก็เลยสนิทกัน”

“แพม...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เรามีอะไรต้องคุยกันอีกเยอะเลยนะ” อนิมาเก็บความโกรธไว้

แพมรับรู้ถึงพลังงานบางอย่าง รีบบอกบูบู้ให้นั่งรอตนขอคุยกับเพื่อนสักครู่...อนิมาดึงแพมมามุมหนึ่ง กรณ์ตามมาด้วยเพราะรู้ว่าคงมีเรื่องมากกว่าที่แพมจะประกาศตัวแฟน

**********  Smiley




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2558 22:10:32 น. 0 comments
Counter : 620 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 2710224
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 2710224's blog to your web]
space
space
space
space
space