HONEY MOON
space
space
space
 
พฤศจิกายน 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
4 พฤศจิกายน 2558
space
space
space

สองหัวใจนี้เพื่อเธอ ตอนที่ 8

มุมหนึ่งในร้านกาแฟ อนิมากำลังต่อว่าแพมเพราะไปมีแฟนนี่เองถึงไม่มีเวลามาดูแลร้านเลย แพมอ้างว่ากายภาพบำบัดต้องทำต่อเนื่อง อนิมาจึงถาม ตอนนี้เธอจะกลับมาดูแลร้านได้แล้วใช่ไหม กรณ์โพล่งขึ้นให้เริ่มวันนี้เลยตนเบื่อเจออนิมาเต็มทน อนิมาค้อนขวับ

แพมอึกอักๆ บอกว่า ที่มาเพื่อจะบอกว่า บูบู้กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ อนิมาดีใจเพื่อนจะได้มีสมาธิทำงาน แต่แพมกลับบอกว่าเธอจะตามบูบู้ไปเรียนต่อด้วย อนิมาโวยว่าที่เปิดร้านนี้เป็นความต้องการของเธอ ทุกอย่างในร้านเธอก็เลือกเองแต่กลับทิ้งไปเพราะผู้ชาย แพมอ้างว่าเพื่ออนาคต อนิมาโวยลั่นแล้วอนาคตตนล่ะ ทุกคนในร้านตกใจหันมอง...

บ่ายวันนั้น ธรรณธรเซ็นงานเสร็จคิดจะโทร.หาเกวลินแต่เปลี่ยนใจ กดอินเตอร์คอมถามพนักงานว่าเกวลินทำอะไรอยู่ ได้รับรายงานว่ากินข้าวอยู่โรงอาหาร... ธรรณธรจึงตามลงไป เห็นเกวลินนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว พนักงานคนอื่นๆต่างตะลึงเพราะไม่เคยเห็นเขาลงมาทานอาหารที่นี่ เกวลินเห็นสายตาคนในโรงอาหารจึงมองตาม ทั้งสองสบตากัน ต่างเห็นภาพอดีตแว่บเข้ามา

ธรรณธรยกถาดอาหารมานั่งโต๊ะเดียวกับเกวลิน เธอหันหนี เขาตาม เธอก็หนีอีกจนเขาเริ่มโมโห “หยุด! ถ้าคุณหนีผมอีกครั้งเดียว ผมจัดการคุณแน่”

เกวลินลอยหน้าท้ากลัวตายล่ะ แล้วยกจานลุกหนีไปโต๊ะอื่น ธรรณธรโกรธจัดตามไปจับแขนเธอ เกวลินติงเขากล้าคว้าแขนตนในที่สาธารณะหรือ เขาไม่สนใจใดๆ ลากเธอออกไปจากโรงอาหารท่ามกลางสายตาพนักงานทุกคนในนั้น

มาถึงห้องทำงาน เกวลินสะบัดมือออกโวย “นิสัยเอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน คิดอยู่แล้วว่าคุณจะทนง้อได้กี่วันกันเชียว สุดท้ายก็เอาแต่ใจใช้กำลังเหมือนเดิม”

“คนเรามันก็มีขีดความอดทนเหมือนกันนะ”

“แต่ขีดของคุณมันอยู่ต่ำไป แค่ไม่กี่วันก็ตบะ แตกแล้ว”

“งั้นคุณก็บอกมาสิว่าจะงอนกี่วัน ผมจะได้รู้”

“ไม่บอก คุณจะได้คลั่งตาย เอาสิ...เอาเลยแผลงฤทธิ์ให้ฟ้าถล่มเลย”

ธรรณธรพยายามสงบอารมณ์เดินเข้าหา เกวลินถอยหนี เขาเอ่ยเสียงนุ่ม...ดีกันนะ เธอปัดเสียงแข็งว่าไม่ เขาโอดโอยจะต้องทำอย่างไร แบบนี้ตนไม่มีสมาธิทำงาน เธอมองเขานิ่งๆ เขาย้ำดีกันนะ เห็นเธอเงียบเขาจึงเดินออกไปจากห้อง เกวลินใจหาย พริบตาเดียวเขากลับเข้ามาพร้อมดอกกุหลาบยื่นให้ บรรยากาศกลายเป็นภาพอดีตทั้งสองอยู่ในชุดหลวงวรงค์และคุณแก้ว

ธรรณธรจับมือเกวลินให้รับดอกไม้ เธอรับไว้แต่เชิดหน้าเดินออกไป เขามองตามยิ้มๆที่อย่างน้อยเธอก็ยอมรับดอกไม้...ธรรณธรกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีแจกเงินบัวลอย ด้านเกวลินหงุดหงิดในอารมณ์ไม่เข้าใจตัวเองว่ารับดอกไม้เขามาทำไม แต่ก็ไม่อยากทิ้งปักแจกันไว้ข้างเตียง

ค่ำนั้น แชมเปญซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กรณ์มาส่งบ้าน พลเทพยืนมองอย่างไม่พอใจ สั่งแชมเปญเข้าบ้านแล้วหันมาสั่งกรณ์ห้ามยุ่งกับลูกสาวตนอีก เพราะตนไม่ชอบขี้หน้า กรณ์แย้ง

“งั้นผมก็แค่เลี่ยงไม่ให้เจอคุณพ่อ เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้วใช่ไหมครับ”

“อย่ามากวนประสาท อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉันอีก ไม่งั้นฉันให้คนตามล่าแกแน่”

กรณ์มีท่าทางเฉยๆ สวมหมวกกันน็อกขี่รถออกไป... พลเทพโกรธจัดเข้าบ้านมาเล่นงานแชมเปญ ห้ามยุ่งกับผู้ชายที่ตนไม่ได้เลือกให้เด็ดขาด เธอเถียงว่าชีวิตเธอทำไมจะเลือกเองไม่ได้ พลเทพตบหน้าฉาด ธัญญาตกใจเข้าขวางไม่ให้ตีลูก เขาโวยทีหลังอย่ามาเถียง แชมเปญโพล่ง

“ไม่! หนูจะเถียง ถ้าคุณพ่อไม่มีเหตุผลหนูก็จะเถียง หนูไม่มีวันยอม”

“แกกล้าเหรอ แกกล้าต่อต้านฉันเหรอ! ฉันเลือกสิ่งที่ดีให้แกมาตลอดชีวิต แต่แกคนเดียวเลยที่ทำมันพังหมด ให้มัดใจผู้ชายดีๆอย่างไอ้ธรรณก็ทำไม่ได้ กลับชอบไปเกลือกกลั้วกับไอ้พวกกุ๊ย พวกแว้นไม่มีหัวนอนปลายตีน”

“ถึงกรณ์จะไม่รวย ไม่มีนามสกุลใหญ่ แต่เขาก็เป็นคนดีนะคะพ่อ”

“เหรอ รสนิยมของแกนี่มันต่ำดีจริงๆนะ เลี้ยงให้ดียังไงก็ยังใฝ่ต่ำ ต่ำเหมือนกำพืดของแก”

ธัญญาปรามสามี แชมเปญย้อนกำพืดตนกับพ่อก็กำพืดเดียวกัน พลเทพหลุดปาก “ไม่ใช่ ฉันกับแกมันคนละกำพืดกัน”

ธัญญาหน้าเสียสะเทือนใจ พลเทพได้สติ ย้ำจำเอาไว้ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอย่าริอ่านทำนอกคำสั่งตน ว่าแล้วก็เดินไป แชมเปญปรี่เข้าหาแม่ถามที่พ่อพูดหมายความว่าอย่างไร พ่อพูดเหมือนตนไม่ใช่ลูก ธัญญาเสียงเข้มว่าเธอเป็นลูกพลเทพ เป็นลูกเขาคนเดียวเท่านั้น แชมเปญยิ่งข้องใจ

ธัญญาตามไปต่อว่าพลเทพในห้องนอน ว่าเราตกลงกันแล้วจะไม่พูดเรื่องนี้ พลเทพยอมรับว่าทนไม่ได้อยากใฝ่ต่ำทำไม แชมเปญตามมาแอบฟัง ธัญญาขอร้องสามีว่าแชมเปญโตแล้ว ตนเชื่อว่าลูกรู้จักคิด รู้จักเลือก พลเทพโวยให้ยอมรับเสียทีว่าเราเลี้ยงลูกได้แต่ตัว เลือดชั่วในตัวล้างไม่ได้ ธัญญาสุดทนสวนว่าเลือดชั่วที่พูดถึงมันคือเลือดน้องชายตน

“ใช่ เลือดไอ้ทะนงน้องชายคุณไง เลือดพ่อมันแรงส่งมาถึงลูกสาวของมันเต็มๆ เลี้ยงให้ดียังไงก็ยังใฝ่ต่ำ ความจริงเราไม่น่ารับแชมเปญมาเลี้ยงเป็นลูกเลย”

“คุณพลเทพ! ยังไงยัยแชมเปญก็เป็นหลานของเรา คุณไม่ควรจะคิดแบบนี้”

“มันเป็นลูกของไอ้ทะนงน้องชายคุณ เพราะฉะนั้นมันเป็นหลานของคุณคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นตอนนี้ผมไม่อยากนับญาติกับมันแล้วทั้งพ่อทั้งลูก”

แชมเปญน้ำตาร่วงอยู่หน้าประตู ธัญญาหันมาเห็นตกใจ แชมเปญวิ่งหนี เธอวิ่งตาม พลเทพไม่แยแส... ธัญญาตามมาเคาะประตูห้อง แต่แชมเปญร้องไห้สุดตัวร้องบอกตนอยากอยู่คนเดียว ธัญญาพร่ำบอกว่ายังไงเธอก็เป็นลูกที่รักของตน แชมเปญแย้งว่ารักหรือเพราะสงสารที่ตนเป็นเด็กถูกทิ้งไม่มีใครเอา ธัญญาร้องไห้โฮบอกลูกว่าที่พ่อพูดไปเพราะโมโห แต่เธอไม่เชื่อ

“แม่ไม่ต้องมาปลอบหรอกค่ะ หนูเข้าใจหมดแล้ว ว่าที่ผ่านมาทำไมพ่อกับแม่ถึงปฏิบัติกับหนูแบบนี้ ที่พ่อคอยบังคับหนูทุกเรื่องเพราะกลัวว่าหนูจะชั่วเหมือนพ่อแท้ๆ แล้วที่แม่ต้องทำเป็นรักหนู จริงๆก็แค่สมเพชชะตาชีวิตของหนูเท่านั้นเอง”

ธัญญาร่ำไห้ปฏิเสธว่าไม่จริง ตนรักเธอมาก ตัดสินใจว่ารอให้อารมณ์ดีค่อยมาคุยกันใหม่ ทั้งสองต่างก็ร้องไห้แทบขาดใจ



กลางดึกเกวลินนอนไม่หลับเดินออกมาที่ระเบียง เห็นกรณ์ยืนคิดอะไรเครียดๆ จึงถามมีเรื่องไม่สบายใจหรือ กรณ์ย้อนว่าเธอก็เหมือนกันใช่ไหม เกวลินยิ้มๆ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน แค่มองตาก็รู้ใจกัน กรณ์คิดว่าไม่แค่นั้น เราจะไม่ทิ้งกันด้วยแล้วเลียบเคียงถามมีอะไรอยากเล่าไหม

เกวลินเกี่ยงให้เขาเล่าก่อน จี้ถามอกหักมาหรือ กรณ์ชะงักหาว่าแก่แดด เกวลินยิ้มล้อต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ กรณ์จะเขกหัว เธอวิ่งหนีเข้าบ้านขำๆ...กรณ์หันมาส่งไลน์หาแชมเปญแต่เธอไม่อ่าน จึงตัดสินใจโทร. เธอก็ตัดสายและปิดเครื่องไปเลย กรณ์แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

รุ่งเช้าสองพี่น้องใส่บาตรร่วมกันหน้าบ้าน เพราะวันนี้เป็นวันเกิดเกวลิน หลวงพ่อให้ศีลให้พรและเตือน มนุษย์เราเมื่อถึงวันเกิด ก็มักจะดีใจ หารู้ไม่ว่ามันคือการนับถอยหลังชีวิตไปอีกปี ให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาททั้งสองคน...กรณ์กับเกวลินก้มกราบ

วันนี้ธรรณธรมาพบลูกค้าที่ร้านอาหารมีเกวลินคอยจดคำสนทนา พอเสร็จงานเกวลินจะกลับ เขาบอกให้นั่งก่อน เธอทำหน้างงๆ ธรรณธรหยิบกล่องเล็กๆออกมาวางบนโต๊ะพร้อมกล่าว “แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะที่รักของผม”

เกวลินโวยใครเป็นที่รักของเขา ธรรณธรให้เปิดกล่องดู เธอเปิดเห็นเป็นสร้อยมีจี้เพชรก็ ไม่ขอรับ อ้างหนี้เก่ายังใช้ไม่หมด พ่อกับแม่กำลังจะขายสวนเอาเงินมาใช้หนี้เขา ธรรณธรอ่อนใจไม่เถียง หยิบสร้อยมาใส่ที่คอเธอเสียเอง แถมเอ็ดให้นั่งเฉยๆเดี๋ยวคนในร้านหาว่าทะเลาะกัน

“คนเยอะแยะ คุณไม่อายรึไง” เกวลินมองสายตาคนในร้าน

“ก็ดีแล้วนี่ จะได้เป็นพยานให้เรา”

เกวลินชะงักภาพในร้านเปลี่ยนเป็นอดีต เสียงหลวงวรงค์พูดประโยคเดียวกับธรรณธร “พี่อยากให้ทุกคนเป็นพยานให้เรา...”

ธรรณธรเห็นสีหน้าเธอก็แซวว่าดีใจหรือตกใจกันแน่ เกวลินยังงงๆกับภาพที่แว่บเข้ามา

ตกเย็น เกวลินเดินลูบคลำสร้อยเข้าบ้าน ได้ยินเสียงคนเรียก...คุณแก้ว ดังมาหลายทาง พอหันมองเห็นเป็นปู่ ใหญ่ ต๋องและแมคนุ่งโจงกระเบนยืนยิ้ม ยุ้ยห่มสไบเข้ามาอวยพร สุขสันต์วันเกิด ทุกคนร้องพร้อมกันว่า “พวกเรา หิว...หิวหมูกระทะ”

สนามหน้าบ้านจัดเป็นโต๊ะหมูกระทะ กรณ์ถือกล่องของขวัญเข้ามามอบให้เกวลิน บอกว่าพ่อกับแม่ส่งมา เกวลินตื่นเต้นดีใจแต่ก็สงสัยว่าจะเป็นของแบบปีก่อน ทุกคนยุให้แกะดู เธอลังเลแต่กรณ์แย่งไปแกะเสียเองแล้วยกโชว์ว่าเป็นยกทรงเสริมฟองน้ำ ทำให้ทุกคนหัวเราะครืน

ไม่รอช้า เกวลินโทร.ไปต่อว่าพ่อกับแม่จะซื้ออย่างอื่นให้บ้างไม่ได้หรืออย่างไร ให้แต่ยกทรงเสริมฟองน้ำทุกปี คุยกันไม่นานก็มีเสียงแตรรถดังขึ้น เกวลินจึงขอพ่อแม่วางสายก่อน

อนิมาเดินเข้ามากับธรรณธร เห็นทุกคนอยู่ในชุดโจงกระเบนก็แปลกใจ เกวลินถามพวกเขามาได้อย่างไร กรณ์บอกว่าตนเป็นคนชวนเอง ธรรณธรติงไม่เห็นเธอชวนบ้างเลย เธออ้างคิดว่างานบ้านๆแบบนี้เขาไม่อยากมา ธรรณธรรีบบอกว่าวันเกิดเธอทั้งทีทำไมจะไม่อยากมา

กรณ์รีบเตือนอนิมา “คุณอย่ากินอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านะ ขี้เกียจหามเข้าโรงพยาบาลอีก”

อนิมาค้อนขวับ หยิบของขวัญออกมาให้เกวลินแล้วถามของธรรณธรอยู่ไหน เขามองไปยังเกวลิน ทุกคนมองตาม เกวลินเผลอลูบสร้อยที่คอ แมคชี้แล้วร้องว่าสร้อยนั่นแน่เลย ปู่มองเห็นมีจี้เพชรเป็นรูปหัวใจก็หน้าเสีย หลบไปร้องไห้เสียใจ ต๋องตามไปปลอบให้ยอมรับความจริงว่าเกวลินเลือกรับหัวใจของธรรณธรแล้ว

ใหญ่เห็นกรณ์พยายามโทรศัพท์หน้าเครียด จึงถามคุยกับสาวหรือ กรณ์ถอนใจถ้าเขายอมคุยด้วยก็ดี ใหญ่

ให้เล่ามาว่ามีอะไร กรณ์ตัดสินใจเล่าเรื่องพ่อของแชมเปญรังเกียจตน ใหญ่สยองบอกมีแววพังเห็นๆ “แปลว่าความรักที่เขามีต่อแก มันน้อยกว่าความกลัวที่เขามีต่อพ่อน่ะสิ”

“เขาอาจจะโดนพ่อยึดโทรศัพท์อยู่ก็ได้” แมค คาดเดา กรณ์คิดว่าอาจเป็นได้

“เฮ้ย ถ้ามันลำบากนักก็หาใหม่เลย หน้าอย่างแกเดินไปปากซอยก็ได้คนใหม่แล้ว หรือจะเอาไอ้ยุ้ยไหม ฉันยกให้” ใหญ่เสนอ

ด้านยุ้ยมัวคีบหมูให้ธรรณธรอย่างเอาอกเอาใจไม่ได้สนใจกรณ์เลย เกวลินกับอนิมามองขำๆ ธรรณธรชิมแล้วชมว่าอร่อย ฝีมือแบบนี้เปิดร้านได้สบาย ยุ้ยดีใจอยากเปิดแต่ไม่มีช่องทางหันไปถามอนิมาอยากเปลี่ยนร้านกาแฟเป็นร้านหมูกระทะบ้างไหม เธอส่ายหน้า ยุ้ยเอาใจให้อนิมาทานเยอะๆ เธอโบ้ยให้เกวลินทานบ้าง ยุ้ยแซวว่าเกวลินอิ่มตั้งแต่ได้สร้อย เกวลินอายหยิกยุ้ย



ธรรณธรยืนล่ำลาเกวลินที่หน้าประตูชวนเธอไปค้างบ้าน เธอตีเขาผัวะ เขาอ้อนว่าอยากเห็นหน้าเธอตลอดเวลา เกวลินติง “ระหว่างโรแมนติกกับเลี่ยน มันก็มีเส้นบางๆคั่นอยู่นะคุณ”

“แต่ระหว่างเราไม่มีอะไรคั่นแล้วใช่ไหม”

“เจ้าของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่เล่นมุกแบบนี้เหรอ”

ธรรณธรเย้าว่าชอบฟังไหม เกวลินเผลอยิ้ม อนิมาตะโกนแซวให้ชวนไปคุยต่อที่บ้านดีไหม ธรรณธรจึงผละเดินไปที่รถ เกวลินมองตามขำๆหันกลับเข้าบ้านตั้งใจจะอ่านบันทึกให้จบ

ปู่กลับบ้านระบายความอัดอั้นสุดเซ็ง ต๋องกับแมคช่วยกันทั้งปลอบและทับถมให้ยอมรับความจริงว่าผู้หญิงเขาไม่ได้สนใจ ปู่ทิ้งตัวลงโซฟาอย่างแรง พลันรู้สึกเหมือนมีใครมองจึงลืมตาขึ้น เขาต้องตาโพลงเมื่อมีเงาคนร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างๆ

เกวลินอ่านบันทึกเห็นเป็นภาพอดีตซ้อนขึ้น เมฆกำลังร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บที่แก้วเอาเข็มบ่งเสี้ยนออกให้ แก้วเอ็ด เข็มเล่มนิดเดียวร้องเสียอย่างกับโดนมีดดาบ เมฆโอดครวญ

“ก็กระผมไม่กลัวมีด ไม่กลัวดาบ แต่กระผมกลัวเข็มนี่ขอรับ”

แก้วจับมือเมฆไว้แน่นดุว่าเป็นชายฉกรรจ์จะต้องไม่กลัวอะไรแม้แต่เข็ม เมฆหลับตาปี๋ จนกระทั่งแก้วบ่งเสี้ยนออกมาได้ บ่าวเข้ามารายงานว่าท่านขุนให้ตามขึ้นไปบนเรือน มีแขกมาเยือน อยากให้ไปต้อนรับ แก้วแปลกใจแต่ก็เดินไปขึ้นเรือน

หลวงวรงค์กับขวัญวงศ์มากราบขุนวิจิตรและคุณหญิงกุล ทั้งสองบอกไม่น่าลำบากมาเลย พวกตนกำลังจัดรถจะไปหาที่เรือนอยู่พอดี หลวงวรงค์กล่าวอย่างนอบน้อมว่าตนเป็นผู้น้อยมาทำงานต่างเมือง ถูกแล้วที่ต้องเป็นฝ่ายมาหาผู้ใหญ่ ขวัญวงศ์สำทับว่าน้องชายตนเป็นคนแบบนี้เสมอ คุณหญิงและขุนวิจิตรพอใจในกิริยามารยาทของหลวงวรงค์อย่างมาก

เมื่อเกศกับแก้วขึ้นเรือนมา หลวงวรงค์ยิ้มอย่างยินดีเพราะเคยเห็นแก้วที่งานวัดและพึงพอใจมาก เกศเข้าใจว่ายิ้มให้ตนก็เขินอาย คุณหญิงให้ลูกๆไหว้ทั้งสองคน ขวัญวงศ์ยิ้มให้เกศเพราะพึงใจเธอตั้งแต่งานวัดเช่นกัน แต่เกศชม้ายตาให้หลวงวรงค์

“เราเคยเจอกันแล้วขอรับที่งานวัด แต่กระผมไม่รู้ว่าคุณเกศ คุณแก้วเป็นบุตรท่านขุน” หลวงวรงค์พูดจาคล่องแคล่วยิ้มแย้ม ชำเลืองมองแก้วด้วยรอยยิ้ม

เมฆแอบมองปฏิกิริยาของทั้งสองก่อนจะก้มหน้าลง ขุนวิจิตรเห็นอากัปกิริยาของหลวงวรงค์แล้วหันไปสบตายิ้มกับคุณหญิง

ค่ำนั้นเกศอดรนทนไม่ไหวผลุนผลันเข้ามา แก้วติง “พี่เกศไม่เคาะประตูอีกแล้วนะคะ”

“ก็พี่รีบนี่ พี่มีเรื่องอยากจะระบายให้เธอฟัง ไม่งั้นพี่ต้องนอนไม่หลับเป็นแน่”

แก้วถามเรื่องอะไร เกศบอกเรื่องหลวงวรงค์ แก้วตกใจที่พี่สาวจะคุยเรื่องผู้ชาย

“ก็เราเป็นผู้หญิงก็ต้องพูดเรื่องผู้ชายสิ จะให้พูดเรื่องผู้หญิงด้วยกันก็แปลก ยิ่งเป็นชายหนุ่มรูปงามนามเพราะ เปี่ยมด้วยเสน่ห์อย่างหลวงวรงค์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องพูดยิ่งต้องเพ้อถึงทีเดียว”

“เบาๆหน่อยสิพี่เกศ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ใครได้ยินเข้ามันจะไม่งามนะคะ”

“ใครกล้าเอาไปพูดให้มากเรื่องดูสิ พี่จะจับโบยซะให้หลาบจำเลยทีเดียว”

แก้วมองพี่สาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร่ำเพ้อถึงหลวงวรงค์แล้วส่ายหน้า...ด้านหลวงวรงค์นั่งสีซอเพลงหวานคิดถึงใบหน้าของแก้ว ขวัญวงศ์เข้ามาแซว เขาย้อนถามพี่ไม่ได้คิดหรือ ขวัญวงศ์หัวเราะที่น้องรู้ทัน หลวงวรงค์เน้นว่า เราสองคนคิดถึงสาวงามคนละคนกันแน่

“แกคิดถึงใครล่ะ คนพี่หรือคนน้อง”

“ในใจพี่ขวัญคิดถึงสาวคนไหน ผมไม่ได้คิดถึงคนนั้นแน่นอน”

“ก็ดี เพราะพี่ก็ไม่ยอมปล่อยให้สิ่งใดที่ต้องใจพี่ ตกไปเป็นของแกแน่นอนเช่นกัน” ขวัญวงศ์พูดจาแฝงแววร้ายกาจ ขณะที่หลวงวรงค์ไม่รู้ตัวได้แต่ขำๆแล้วคิดถึงแก้วต่อไป

เฉกเช่นเดียวกับทะนงที่นั่งเข่นเขี้ยวฝนด้ามแปรงสีฟันให้แหลมคม...จะไม่ยอมให้ธรรณธรได้สิ่งที่ควรเป็นของตนไปได้ สีหน้าและแววตาเขาดูร้ายกาจ



หลังจากนั้น หลวงวรงค์กับขวัญวงศ์ก็แวะเวียนมาฝากท้องที่บ้านขุนวิจิตรแทบทุกวัน ด้วยอ้างว่าฝีมือทำอาหารรสละมุนเป็นอย่างยิ่ง คุณหญิงบุ้ยใบ้ไปทางแก้วที่นั่งทานข้าวเงียบๆข้างเกศ หลวงวรงค์เข้าใจผิด “คุณเกศเหรอขอรับ...”

“ไม่ใช่หรอกคุณหลวง หากแม่เกศลงครัว ไฟคงไหม้เรือนแน่ๆ” ขุนวิจิตรกล่าวขำๆ

เกศหน้างอ ขุนวิจิตรบอกว่าเป็นฝีมือแก้วคนน้อง หลวงวรงค์ยิ่งปลาบปลื้มถึงกับเอ่ยชม “รสมือคุณแก้ว นุ่มลิ้นเหลือเกิน หากได้ชิมทุกวันกระผมคงมีความสุขมาก”

ทุกคนชะงักมองอย่างรู้สึกได้ว่าหลวงวรงค์กำลังเกี้ยวแก้วอยู่ เกศชักสีหน้าไม่พอใจ เวลาผ่านไป หลวงวรงค์กับขวัญวงศ์ลากลับ ได้ยินเสียงฟันดาบมาจากลานฝึกหลังบ้านจึงหันมองเห็นเมฆกำลังฝึกดาบกับพวกทาสอย่างแข็งขัน ขุนวิจิตรบอกว่า ถ้าสนใจก็มาประลองฝีมือที่นี่ได้ เขารับคำว่าคงต้องมาที่นี่บ่อยๆ แล้วหันไปยิ้มกับแก้ว ขวัญวงศ์ยิ้มให้เกศแต่เธอเมินหน้าหนี

แก้วเดินกลับห้อง เกศมาดักหน้าต่อว่าเป็นสาวเป็นนางอย่าชม้ายชายตาให้ผู้ชายมากนัก มันไม่งามแก้วไม่เข้าใจ เกศหาว่าทำตาใสซื่อทั้งที่คอยชายตามองหลวงวรงค์เนืองๆ แก้วปฏิเสธ

“ไม่ทำก็ดีแล้ว อย่าให้พี่เห็นอีกก็แล้วกัน” เกศพูดจบเดินไป ปล่อยแก้วงุนงงไม่สบายใจ

ทางขวัญวงศ์ก็รู้สึกได้ว่าเกศมีท่าทีให้หลวงวรงค์มากกว่าตน หลวงวรงค์ยืนยัน “ฉันชอบคุณแก้ว ยิ่งนานวันก็ยิ่งชอบจนตอนนี้มันกลายเป็นความรักแล้ว และฉันก็ต้องเอาชนะใจคุณแก้วให้จงได้ พี่ขวัญก็เหมือนกัน ต้องเอาชนะใจคุณเกศได้สักวัน”

“พี่จะพยายาม แต่คนต่ำต้อยอย่างพี่ คงจะไม่ต้องใจหญิง เท่ากับคุณหลวงอย่างนายแน่”

“ความรัก...ไม่ได้เกี่ยวกับลาภยศ รักแท้แม้เป็นแค่ไพร่หรือทาส ก็ไม่อาจนำมาเป็นเงื่อนไขที่ขวางกั้นความรักได้ เหมือนดั่งที่ฉันรักคุณแก้ว แม้คุณแก้วจะไม่ใช่ลูกของขุนวิจิตร แต่ฉันก็จะไม่มีวันเลิกรักเธอ...” หลวงวรงค์ยิ้มอย่างมั่นใจ

วันเวลาผ่านไป หลวงวรงค์พาแก้วมาเที่ยวงานวัด เดินชมร้านอย่างเพลิดเพลิน พอเดินออกมาห่างผู้คนสักหน่อย หลวงวรงค์ก็หยุดเดินหันมาบอกแก้วว่ามีอะไรจะให้ แล้วเขาก็ควักกำไลข้อมือออกมาจากผ้าเคียนเอว สวมใส่ให้แก้ว เหมือนเป็นบ่วงที่กำลังคล้องทั้งสองไว้

“กำไลวงนี้เป็นตัวแทนหัวใจของพี่ สวมไว้กับข้อมือของเจ้า เพื่อเป็นสัญญาเตือนว่าความรักของพี่จะอยู่กับเจ้าตลอดไป”

แก้วเขินติง ผู้คนเยอะแยะไม่รู้จักอาย หลวงวรงค์กลับบอกว่าอยากให้ทุกคนเป็นพยานให้เรา ชาวบ้านต่างยิ้มหัวเราะคิกคัก...เจิมแอบมองรีบมารายงานเรื่องนี้ให้เกศฟัง เกศเจ็บใจปาข้าวของใส่เจิมด้วยความเสียใจอย่างมาก



เช้าวันใหม่ แชมเปญแต่งตัวสวมแว่นดำออกจากบ้านมาที่โรงพยาบาล ยืนลังเลสักพักว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ สุดท้ายตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ เขาพาเธอมาห้องทะนง เธอค่อยๆเข้าใกล้เรียก

ทะนงนั่งนิ่งเธอจึงเรียกอีกครั้ง ทันใดนั้นทะนงหันขวับมาคว้าข้อมือเธอไว้แน่น แชมเปญตกใจขวัญผวา ทะนงตาขวางกล่าว “แกต้องช่วยฉัน...แชมเปญ!”

แชมเปญร้องให้ปล่อย สะบัดมือออกอย่างแรงแล้ววิ่งหนีไปทันที ทะนงตาขวางหัวเราะหึๆ...แชมเปญออกมายืนตัวสั่นด้วยความตื่นกลัว ไม่อยากคิดว่านี่หรือคือพ่อของตน เจ้าหน้าที่เข้ามาถามเป็นอะไรหรือเปล่า เธอสะดุ้งพยายามคุมสติ ส่ายหน้าแล้วเดินหนี

กรณ์กำลังเทกแคร์ลูกค้าและส่งที่หน้าร้าน ทันทีที่เปิดประตู เห็นหญิงสาวนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่หน้าร้าน ลูกค้าเดินเลี่ยงหนี กรณ์รีบเข้าไปถามว่าเป็นอะไร แต่พอเห็นหน้าว่าเป็นแชมเปญก็ตกใจ เธอเห็นหน้ากรณ์ก็ปล่อยโฮโผกอดเขา

“คุณเป็นอะไร ทำไมผมโทร.ไปก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ ผมนึกว่าคุณโกรธผมซะแล้ว”

แชมเปญสะอื้นบอกว่าไม่ได้โกรธเขาแต่โกรธตัวเองต่างหาก กรณ์รีบถามว่ามีเรื่องอะไร เธอพูดไม่ออกกอดเขาร่ำไห้ อนิมาออกมาโวย “นี่ฉันจ้างนายให้มาทำงานเป็นบาริสต้านะ ไม่ได้จ้างมาให้ยืนกอดสาวพลอดรักอยู่หน้าร้านฉัน”

กรณ์กับแชมเปญสะดุ้ง ผละออกจากกัน แชมเปญกับอนิมาเห็นหน้ากันต่างตกใจ กรณ์รีบถามว่ารู้จักกันด้วยหรือ แชมเปญไม่ตอบรีบลากลับ เขาจะดึงเธอเข้าไปนั่งในร้านแต่เธอรีบจ้ำอ้าวออกไป อนิมากระแนะกระแหนไม่ตามไปส่งหรือ เขาย้อนถามว่าเธอยอมไหม อนิมาหน้างอที่เขาไม่ได้แคร์ตนเลยและข้องใจว่าแชมเปญมารู้จักกับกรณ์ได้อย่างไร

ในคืนนั้น ทะนงได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่แล้วหนีออกมาจากโรงพยาบาล งัดบ้านแถวนั้นเข้าไปซ่อนตัว กินอาหารในบ้านนั้น เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหลบออกมานั่งที่ป้ายรถเมล์อย่างเนียนๆ



วันต่อมามีข่าวนักโทษโรคจิตแหกคุกใช้แปรงสีฟันแทงเจ้าหน้าที่ดับสยอง ทำให้พลเทพโกรธจัด ธัญญาเครียดเป็นห่วงน้องชาย แชมเปญแอบฟังพ่อแม่คุยกันแล้วยิ่งเครียดไปด้วย

กฤตกับอนิมาเป็นห่วงธรรณธรอย่างมาก ช่วยกันเตือนให้ระวังตัว ไม่ทันไรเกวลินมาที่บ้าน ธรรณธรห้ามน้องกับเพื่อนบอกเรื่องทะนงแหกคุกกับเธอ...ธรรณธรเดินมาหาเกวลินแล้วบอกว่าเขากำลังจะไปหาพอดี แต่หน้าตาเธอตื่นเต้นจนเขาแปลกใจ

เกวลินจ้องหน้าธรรณธรสักพักก่อนจะถาม “คุณเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดรึเปล่า”

ธรรณธรตอบอึกอักว่าไม่อยากเชื่อแต่ก็ไม่แน่ใจ เกวลินบอกว่าตนก็เหมือนกัน แต่พอได้อ่านบันทึกของคุณยายเทียดก็รู้สึกว่าเราสองคนต้องเคยเป็นใครในนั้นมาก่อน เขาหน้าเสีย

“คุณก็เปิดดูหนังสือเหมือนกันใช่ไหม” ธรรณธรแก้ตัวว่าแค่เปิดผ่านๆ “แล้วคุณก็คิดว่าคุณเป็นหลวงวรงค์หรือเมฆ แต่คุณบอกว่าคุณไม่ใช่เมฆ แล้วทำไมเมฆถึงมาอยู่ในตัวคุณ แต่หน้าคุณไปคล้ายหลวงวรงค์นิสัยก็เหมือน ไม่ฟังเหตุผล เอาแต่ใจต้องใช่แน่ๆเลย”

“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณงมงายเหมือนกันนะเนี่ย เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ” ธรรณธรกลบเกลื่อน

เกวลินย้อนถามเขาไม่เชื่อหรือ วันก่อนยังถามตนว่าถ้าอดีตเขาเคยทำผิดอะไรไว้ ขอให้ตนยกโทษ ต้องเป็นเรื่องนี้แน่ๆ เขาคิดว่าเขาคือหลวงวรงค์ใช่ไหม ธรรณธรไม่สบายใจ

“ถึงผมจะเป็นใครก็ช่างมันเถอะ ต่อให้อดีตจะเป็นยังไง ชาตินี้กับชาติที่แล้วมันก็คนละคนกัน และคุณก็จะไม่โกรธ คุณเป็นคนบอกผมเอง”

“คุณอ่านหนังสือจบรึยัง” ธรรณธรตอบว่ายัง “ฉันน่าจะอ่านให้จบนะ ไม่น่ารีบมาถามคุณก่อนเลย”

ระหว่างคุยกัน แชมเปญสวมแว่นดำพรางดวงตาที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาหาธรรณธร อนิมาออกมาส่งกฤตหน้าบ้านจึงบอกว่าธรรณธรคุยอยู่กับเกวลินในสวน แชมเปญไม่สนใจเดินรี่ไปหา ทั้งจันทร์และบัวลอยเสียดายที่เกวลินเพิ่งจะมาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงตามไปแอบดู

เกวลินกำลังบอกธรรณธรว่าจะพยายามทำใจว่าเขากับหลวงวรงค์เป็นคนละคนกัน ธรรณธรย้ำให้จำไว้ว่าหลวงวรงค์รักแก้วมาก เกวลินฉงน พอดีแชมเปญเข้ามากอดธรรณธรแล้วร้องไห้โฮบอกมีเรื่องจะคุยกับเขา เขาทำตัวไม่ถูกจึงหันไปบอกเกวลินให้กลับไปก่อน เกวลิน ไม่พอใจ เดินน้อยใจออกมา เจอกับอนิมา เธอถามทำไมรีบกลับทั้งที่เพิ่งมา

“คุณธรรณเขามีแขกคนใหม่แล้ว ก็เลยไล่เกวกลับ” เกวลินน้อยใจมาก

“ทำไมพี่ธรรณทำแบบนี้นะ ไม่ให้เกียรติกันบ้างเลย เห็นคุณแชมเปญสำคัญกว่าได้ไง”

ด้านธรรณธรฟังเรื่องของแชมเปญแล้วตกใจเมื่อรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกของพลเทพและเธอรับไม่ได้ที่มีพ่อเป็นคนไม่ดีแต่อ้างว่าไม่รู้เป็นใคร รู้แค่ว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงตน ธรรณธรเตือน

“ถ้าแค่นั้นอย่าไปเหมาว่าเขาไม่ดี เขาอาจจะมีความจำเป็นก็ได้”

แชมเปญถามเขารังเกียจตนไหม ธรรณธรตอบว่าเราเป็นเพื่อนกันจะรังเกียจได้อย่างไรและให้กำลังใจให้เธอเข้มแข็ง ดูอย่างตนยังไม่มีทั้งพ่อและแม่ ตนยังอยู่มาได้ แต่แชมเปญยังรู้สึกว่าชีวิตมันน่ากลัว จันทร์กับบัวลอยแอบดูเห็นธรรณธรกอดปลอบใจแชมเปญ...

อนิมาทนไม่ไหวเดินเข้ามาถามว่าคุยธุระเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็กลับไปได้ ไม่ใช่เที่ยวไปกอดผู้ชายคนนั้นที คนนี้ที ธรรณธรเอ็ดน้องสาวทำไมพูดจาไม่น่ารักแบบนี้ แชมเปญมีปัญหาเดือดร้อนมารู้หรือไม่

“นิไม่รู้หรอกค่ะและก็ไม่อยากจะรู้ด้วย”

“เสียมารยาทมากเลยนิ ขอโทษพี่แชมเปญเดี๋ยวนี้เลยนะ”

อนิมามองนิ่งก่อนจะสะบัดหน้าออกไป ธรรณธรไม่พอใจ แชมเปญบอกไม่เป็นไร เธอรู้แก่ใจว่าอนิมาโกรธอะไร...



ป้าจันทร์กำลังเปลี่ยนผ้าปูที่นอนในห้องธรรณธร เขาเดินเข้ามาถามหาอนิมา จันทร์บอกว่าเห็นหงุดหงิดเข้าห้องไปแล้วจะให้ไปตามไหม เขาส่ายหน้า พอดีจันทร์ดึงปลอกหมอนออกเห็นยันต์ตกออกมาก็แปลกใจ ธรรณธรงงมาได้อย่างไรแล้วนึกได้

ตอนที่กลับจากไปหาซินแส อนิมาเอายันต์นี้มาให้เขาพกไว้แต่เขาไม่เอาหาว่างมงาย...ธรรณธรดึงเอายันต์นั้นไปทิ้งเสียเอง...ทันทีที่ทิ้งทะนงสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางไซต์งานก่อสร้างรกร้าง ท่าทางหวาดระแวง ในมือกำมีดคมกริบ ความวุ่นวายกำลังจะมาถึงอีก

เย็นวันนั้นเกวลินยืนรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน ธรรณธรมาในลักษณะของเมฆเรียก...คุณแก้ว เกวลินสะดุ้งคิดว่าธรรณธรมาง้อมุกเดิม จึงตวาดถามมาทำไม

“กระผมคิดถึงน่ะขอรับ ทำไมต้องดุกระผมด้วย”

“เมื่อกลางวันคุณเพิ่งกอดกับคนอื่น แล้วไล่ฉันมาเองไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นเมฆเลยนะ” เกวลินฉีดน้ำไล่ เมฆกระโดดหนี

“อะไรขอรับ กระผมไม่ได้เจอคุณแก้วตั้งหลายเพลาแล้ว”

เกวลินโวยจะมาหาก็ไม่ต้องแกล้ง ตนไม่ชอบ เมฆพยายามบอกว่าเขาคือเมฆ เกวลินใช้บทพิสูจน์ให้เขานั่งยองๆ แลบลิ้นยาวๆ ไหว้ตน เมฆทำทุกอย่างทำให้เธอเชื่อเพราะธรรณธรคงไม่ยอมทำอะไรน่าเกลียดๆ เกวลินเริ่มดีใจถามเมฆหายไปไหนมานาน เขาตอบว่าเขาก็ไม่รู้

เกวลินดึงเมฆนั่งลง “เมฆ นอกจากฉันจะคิดถึงนาย ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายด้วย นายรู้จักหลวงวรงค์รึเปล่า” เขารับว่ารู้จัก “นายเคยถูกเขาเฆี่ยนโทษฐานที่สนิทกับคุณแก้วใช่ไหม” เมฆรับว่าใช่ “นายคือเมฆในหนังสือจริงๆ แล้วนายมาสิงอยู่ในร่างคุณธรรณได้ยังไง”

“คุณแก้วพูดอะไรขอรับ กระผมหาเข้าใจไม่”

“ก็ตอนนี้นายเป็นวิญญาณ รู้ตัวรึเปล่า”

เมฆตกใจกลัว เกวลินบอกให้ตั้งสติแล้วค่อยๆถามว่ามาสิงร่างธรรณธรทำไม เมฆโอดครวญ “กระผมตายแล้วเหรอขอรับ ใครคือคุณธรรณกระผมไม่รู้จัก กระผมคือเมฆขอรับ”

“เมฆ...ใจเย็นๆนะ เมฆเคยเห็นหน้าตัวเองรึยัง”

เมฆเอามือจับหน้าตัวเองตื่นกลัว เกวลินจูงมือเข้าไปในบ้าน เอากระจกมาให้ส่อง ทันทีที่เมฆมองเข้าไปเห็นหน้าธรรณธร เขาลูบไล้ใบหน้าตัวเองแล้วกล่าวว่า “ก็ตัวกระผมนี่ขอรับ...”

เกวลินงงถามไม่ใช่หลวงวรงค์หรือ เมฆติง “กระผมจะกลายเป็นคุณหลวงได้ยังไงขอรับ”

“ไหนบอกมาซิว่าหน้าตานายเมฆเป็นยังไง”

เมฆตอบว่าตัวดำๆเหมือนทาสทั่วไป ไม่มีอะไรแปลก เกวลินยิ่งงงทำไมเมฆถึงมองในกระจกเป็นตัวเอง ทั้งที่ตนเห็นว่าเป็นธรรณธร...เกวลินเดินลงมาหน้าบ้าน เมฆเดินตาม เธอกำลังจะสาธยายรูปร่างลักษณะของเมฆให้ฟังแล้วให้เขาจินตนาการตาม แต่พอหันมาเห็นเมฆเก็บดอกไม้ จึงเปลี่ยนมาถามว่า ตนเป็นคนชอบดอกไม้มากเลยหรือ เมฆรับว่าใช่ คุณแก้วจะเอาดอกไม้หอมไปวางไว้ข้างหมอนทำให้ฝันดี เธอถามแล้วตัวเขาเคยเอาวางไว้บ้างหรือเปล่า

“กระผมแค่ได้เก็บดอกไม้ให้คุณแก้ว กระผมก็ฝันดีแล้วขอรับ”

เกวลินขำในความปากหวานของเมฆ พอดีกรณ์ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมา เมฆสะดุ้งตื่นกลัว เกวลินปลอบแค่เสียงเครื่องยนต์ยังไม่ชินอีกหรือ กรณ์เห็นเมฆก็ทักคิดว่าเป็นธรรณธร เขาบอกว่าเขาคือเมฆ กรณ์เลยไม่คุยด้วยเดินเลี่ยงเข้าบ้าน เมฆหันมาถามเกวลินว่าตนหน้าเหมือนธรรณธรมากหรือ แล้วถามอีกว่าหน้าตาธรรณธรเป็นอย่างไร เกวลินตอบขำๆว่าหน้าเหมือนหลวงวรงค์ เมฆทำหน้าเขินเข้าใจว่าเธอชมว่าตนหล่อเหลาเหมือนคุณหลวง

ตกดึก เกวลินเดินเล่นอยู่กับเมฆ ครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนเขาถามว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เธอจึงตัดสินใจถาม “ก่อนที่นายจะมาหาฉัน นายทำอะไรอยู่”

“ไม่รู้ได้ขอรับ รู้ตัวเองอีกทีก็มายืนอยู่หน้าเรือนคุณแก้วแล้วขอรับ มีเหตุอันใดฤาขอรับ”

เกวลินมีท่าทางหงุดหงิด เมฆถามโกรธอะไรตน “ไม่ใช่นายหรอก คุณธรรณน่ะ เขาทำฉันโกรธ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าตอนฉันกลับบ้านแล้ว คุณธรรณทำอะไรกับ...เออ ช่างมันเถอะ”

เมฆรีบขอโทษถ้าทำอะไรให้โกรธ เกวลินรีบบอกไม่ต้องขอโทษ ตนแค่คิดว่าถ้าพรุ่งนี้เจอธรรณธร ตนควรจะโกรธหรือไม่โกรธดี เมฆทำหน้างงงวย



เช้าวันใหม่เกวลินหน้าตึงมาทำงาน ธรรณธรถามจะทะเลาะกันอีกทำไม เรื่องระหว่างเรามันกำลังจะดีอยู่แล้ว เธอโวยว่าเขานั่นแหละที่คอยทำมันพัง ธรรณธรนึกไม่ออกว่าเรื่องอะไร

เกวลินโวยไม่ต้องมาจับ เขาท้วงเป็นแฟนกันทำไมจะจับไม่ได้ เธอสวนเป็นแฟนแล้วไปกอดผู้หญิงอื่นต่อหน้าต่อตาแถมไล่ตนกลับ หมายความว่าอะไร ธรรณธรจึงนึกออกว่าเรื่องแชมเปญ เขาย้ำอีกครั้งว่าเราเป็นเพื่อนกัน หญิงสาวไม่เชื่องอนเดินหนี เขาจับมือเธอไว้ เธอสะบัดออกอย่างแรงไปโดนหน้าเขาโดยไม่ตั้งใจ อึ้งสักพักก่อนจะเอ่ยปากว่า...สมน้ำหน้าแล้วเดินหนีไป

ธรรณธรโกรธ “เกลียดผมนักใช่ไหม งั้นผมจะไปให้ไกลๆเลย คุณจะได้ไม่ต้องมาเห็นหน้าผมอีก” เขาขับรถออกจากบริษัท

เกวลินร้องบอก “ดี ไปเลย อย่าคิดนะว่าประชดแบบนี้แล้วฉันจะง้อ”

ธรรณธรเจ็บใจขับรถออกไปอย่างเร็ว เปิดวิทยุเสียงดัง พลันพอถึงทางโค้งมีชายคนหนึ่งแต่งตัวปกปิดใบหน้าก้าวลงจากฟุตปาทตัดหน้ารถเขา ทำให้เขาหักหลบ รถพุ่งลงข้างทางชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ชายคนนั้นหันมองยิ้มสะใจก่อนจะเดินจากไป

เกวลินหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่บ้าน ไม่ทันไรเห็นเบอร์ธรรณธรโทร.เข้ามาก็ยิ้มเยาะไม่ทันข้ามวันโทร.มาง้อแล้ว แต่พอรับสายต้องตกใจสุดขีด เพราะทางโรงพยาบาลโทร.มา...เกวลินรีบไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน เห็นธรรณธรยืนอยู่มีแผลที่หน้าผาก เสื้อเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือด เธอโผเข้ากอดเขาร้องไห้ เขาตะลึงกอดตอบและกลายเป็นเขาต้องปลอบเธอว่าเขาไม่เป็นอะไร

เกวลินพาธรรณธรกลับบ้าน เธอต่อว่ารถชนขนาดนี้ น่าจะนอนโรงพยาบาลซักคืน เขาหอมหน้าผากเธอพร้อมกล่าวขอโทษที่ทำให้ตกใจ หญิงสาวกล่าวขอโทษที่งี่เง่าเช่นกัน เขาถามเธอเป็นห่วงมากหรือ เธอสวน “รู้แล้วยังจะถามอีก” เขาบอกอยากได้ยินจากปากเธอ เกวลินยอมรับ “ใช่ เกวตกใจมากเลย แล้วก็เป็นห่วงคุณมากด้วย”

“อย่างนี้สิค่อยน่ารักหน่อย”

“หน่อยเดียวเองเหรอ”

“แค่หน่อยเดียวผมก็รักคุณจะแย่แล้ว” ธรรณธรดึงเกวลินมากอดกระซิบว่าเขารักเธอจริงๆ รักมานานมาก เธอแกล้งถามตั้งแต่ชาติที่แล้วหรือเปล่า “น่าจะเป็นอย่างนั้น ผมรู้สึกได้”

ธรรณธรถามว่าเธอรักตนบ้างไหม เธอเขินอายที่เขาถามตรงๆแต่ก็ยอมรับว่ารักคนเอาแต่ใจอย่างเขา ชายหนุ่มยิ้มแก้มแทบปริขอให้คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนตน

ตนไม่อยากอยู่ห่างเธอ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แค่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากเสียเธอไป หญิงสาวถามทำไมพูดอย่างนั้น เขาบอกว่าเขารู้สึกกลัว กลัวจะเสียเธอไปอีก ตนหาเธอเจอแล้วจะไม่ปล่อยให้ไปไหนอีก

**********  Smiley



Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2558 22:15:30 น. 0 comments
Counter : 437 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 2710224
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 2710224's blog to your web]
space
space
space
space
space